ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงครูพีท ใจฉันก็เต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมา ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่ทำไมฉันถึงหยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลย ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่เราทำคือการท้าทายกฎระเบียบที่โรงเรียนเคร่งครัดที่สุด แต่ยิ่งฉันคิดถึงมัน ฉันก็ยิ่งรู้สึกถึงความเร่าร้อนที่ซ่อนอยู่ในใจฉัน
เช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาในหอพักเหมือนเช่นเคย แต่ความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในหัวใจทำให้ฉันไม่สามารถทำตัวเหมือนปกติได้ ฉันพยายามจะไม่คิดถึงเขา แต่ทุกครั้งที่ฉันปิดตา ภาพของครูพีทก็จะปรากฏขึ้นมาในหัว ความใกล้ชิดของเรามันผิด ฉันรู้ดี แต่ฉันก็ไม่สามารถหยุดความรู้สึกนี้ได้
“เมื่อวานกลับดึกเหรอ” ซาร่าทักทายฉัน ขณะที่ฉันกำลังเดินไปยังห้องเรียน
“เอ้อ...ก็นิดนึง” ฉันหน้าแดงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน
“ไม่สบายรึเปล่า?” ซาร่าจ้องมองฉัน ก่อนจะเอามือมาอังที่หน้าผาก
“ปะ..เปล่า” ฉันรีบปฏิเสธทันที
“ครูพีทใช้งานหนักเหรอ?” ซาร่าพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
“ก็...ไม่นะ..”
“วันนี้ต้องไปช่วยครูอีกมั้ยอะ?”
“อะ..ไม่แน่ใจอะ” ฉันแบ่งรับแบ่งสู้
“ฉันไปช่วยมั้ย?” ซาร่าเสนอตัวเอง
“ไหวเหรอ มีแต่บทเรียนวรรณคดีทั้งนั้นเลยนะ” ฉันเอียงคอถามเพื่อน เพราะรู้ดีว่าเธอไม่ชอบเรียนวิชานี้เท่าไหร่
“อึก...ไม่เอาดีกว่า ฉันไม่ค่อยถนัด” ซาร่านึกได้รีบปฏิเสธ
“ก็ว่าอยู่” ฉันหัวเราะเบาๆ และรู้สึกโล่งใจในคราวเดียวกัน
วันนี้ในชั่วโมงเรียน ครูพีทสอนบทกวีของเชกสเปียร์ บทกวีที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความหมายที่ลึกซึ้ง ทุกคำพูดของเชกสเปียร์เหมือนกับกำลังสะท้อนความรู้สึกของฉันในตอนนี้อย่างประหลาด ครูพีทยืนอยู่หน้าชั้นเรียน แต่ฉันรู้สึกเหมือนเขากำลังพูดกับฉันเพียงคนเดียว เขาพูดถึงความรักที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ความรักที่ไม่อาจเข้าใจได้ง่ายๆ และความรู้สึกที่ขัดแย้งกันภายในจิตใจ
“ความรักที่แท้จริง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะค้นหา มันเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความรู้สึกที่ขัดแย้งกัน”
ครูพีทกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและลึกซึ้ง สายตาของเขามองผ่านห้องเรียนไปยังนักเรียนทุกคน แต่ฉันรู้สึกเหมือนสายตานั้นกำลังจับจ้องมาที่ฉันเพียงคนเดียว หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น
หลังจากชั่วโมงเรียนจบลง ฉันรู้สึกถึงสายตาของครูพีทที่มองตามฉันไป ตอนที่ฉันเดินออกจากห้องเรียน มันเป็นสายตาที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องอย่างใกล้ชิดและลึกซึ้ง สายตานั้นทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันกำลังถูกดึงดูดกลับไปหาเขา แม้ว่าฉันจะพยายามต้านทาน
วันนี้ ฉันตัดสินใจไปหาครูพีทที่ห้องพักครูหลังเลิกเรียน ใจฉันเต้นแรงเมื่อเดินไปตามทางเดินที่เงียบสงัด ประตูห้องพักครูปิดอยู่ ฉันเคาะเบา ๆ ก่อนจะเปิดเข้าไป
ครูพีท…”
ฉันเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา เขาหันมามองฉันด้วยสายตาคมกริบที่ฉันคุ้นเคย ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเมื่อฉันเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของเขา
“ลิลลี่ เธอมาได้ยังไง?” เขาถามฉัน แต่ฉันรู้ดีว่าเขากำลังรอให้ฉันมา
ฉันเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้าๆ ความรู้สึกที่มีต่อเขาเริ่มท่วมท้น ฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เมื่อฉันเข้าไปใกล้เขา เขาก็ลุกขึ้นยืน สายตาของเราสบกันเพียงชั่วครู่ก่อนที่เขาจะดึงฉันเข้ามาใกล้
“หนู..” ฉันพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอ ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน
ครูพีทยิ้มมุมปาก ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ฉัน เขาเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของฉันเบาๆ การสัมผัสของเขาทำให้ฉันรู้สึกหวั่นไหว
ครูพีทยิ้มเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมาจูบฉัน ริมฝีปากของเราสัมผัสกันอีกครั้ง และมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน การจูบของเขาอ่อนโยนแต่ก็เต็มไปด้วยความร้อนแรงที่ยากจะต้านทาน ฉันตอบสนองต่อเขาอย่างที่ฉันเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“ลิลลี่...”
ครูพีทกระซิบชื่อฉันข้างหู เสียงของเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นให้เข้าไปใกล้เขามากขึ้น ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน ทุกสัมผัสของเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนจะหลอมละลายไปกับความปรารถนาที่เขามีต่อฉัน
มือของเขาเลื่อนลงมาจับที่เอวของฉัน ก่อนจะค่อยๆ ลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง จากนั้นเลื่อนไปที่สะโพก ฉันรู้สึกถึงความร้อนแรงที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งเข้าสู่ความปรารถนาที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้
“มีเรื่องที่ฉันต้องสอนเธอเยอะเลย ลิลลี่” เขาพูดเบาๆ ก่อนจะจูบฉันอีกครั้ง การจูบครั้งนี้เข้มข้นกว่าเดิม
“อ้าปากอีกนิดสิ...”
เขากระซิบ ฉันทำตามอย่างว่าง่าย ปลายลิ้นของเขาแทรกเข้ามาในปากของฉันอย่างช่ำชอง หัวใจของฉันรู้สึกราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดออกมาจากอก เขากำลังทำให้ร่างกายของฉันร้อนด้วยไฟปรารถนา
ฉันตอบสนองต่อเขาอย่างเต็มใจ มือของฉันเลื่อนไปสัมผัสใบหน้าของเขา ความร้อนแรงที่ท่วมท้นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกเผาผลาญด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจห้ามได้
“อ๊ะ..ครู..”
ฉันตกใจเล็กน้อย เมื่อจู่ๆ เขาก็กวาดสิ่งของบนโต๊ะทำงานลงพื้น และยกตัวฉันขึ้นไปบนโต๊ะ ดันให้หลังของฉันพิงกับตู้เอกสาร มือของฉันรีบรวบกระโปรงสั้นเอาไว้ แต่เขากลับดึงมือของฉันออก ดวงตาคมเข้มของเขาจ้องมองฉัน มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
“นี่คือบทเรียนที่เธอต้องเรียนวันนี้” ครูพีทกระซิบเสียงกระเส่า
นิ้วมือเรียวของเขาล้วงเข้าไปใต้กระโปรง ก่อนจะรูดชั้นในตัวจิ๋วของฉันออกจากกระโปรง จากนั้นเขาก็ยกขาขวาพาดที่บ่าของเขา ชั่วขณะที่ฉันเผลอ ลมหายใจอุ่นของเขาก็เป่ารดที่ด้านล่างของฉัน
“อ๊ะ!!” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อลิ้นอันอ่อนนุ่มของเขาแตะเข้าส่วนที่อ่อนไหวมากที่สุดในร่างกาย
“ครูคะ...ไม่..อ๊า..” เสียงร้องห้ามของฉันหายไป กลายเป็นเสียงครางแผ่วเบาออกมา
ครูพีทช่างมีความชำนาญยิ่งนัก แม้ว่าบางครั้งฉันจะพยายามหุบขา แต่เขาก็ไม่ยอม ที่สำคัญเขากลับเร่งเร้าฉันอย่างหนัก ลิ้นพริ้วสะบัด ส่วนนิ้วมือเรียวของเขาก็ลูบคลำที่ยอดอกของฉันเพิ่มความเสียวซ่านขึ้นอีก
เสียงของฉันเริ่มครางถี่ ฉันเริ่มหายใจหอบ ร่างกายของฉันร้อนระอุ ทุกอณูในกายของฉันตอบรับความซาบซ่านที่วูบไหว ลิ้นของเขายังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด และเพิ่มน้ำหนักให้แรงขึ้น เพิ่มความเสียวซ่านให้ฉันมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งฉันรู้สึกราวกับร่างกายจะระเบิด ช่องท้องเสมือนมีมวลคลื่นก่อพายุ ในที่สุดฉันก็ถึงจุดหมายปลายทาง
“ลิลลี่...ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลย” ครูพีทพูดเบาๆ กับฉันที่หมดแรงอ่อนระทวยในอ้อมกอดของเขา
ฉันเงยหน้ามองเข้าไปในดวงตาของเขา ดวงตาคู่นั้นที่มองฉันด้วยความรักและความปรารถนาที่ฉันไม่เคยเห็นในสายตาของใครมาก่อน มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกสะกดให้จมดิ่งลงไปในโลกที่มีเพียงเราเท่านั้น
“หนูก็เหมือนกันค่ะครู” ฉันพูดออกมาเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจที่ฉันไม่สามารถซ่อนเอาไว้ได้
ครูพีทยิ้มให้ฉันก่อนจะก้มลงมาจูบที่หน้าผากของฉัน
“คราวหน้าฉันจะสอนบทเรียนสำคัญที่สุดให้เธอ...แต่ไม่ใช่ที่นี่นะ”
“ค่ะ” ฉันตอบรับ และเงยหน้ามองเขา ดวงตาคมกริบของเขาเป็นประกายพึงพอใจมาก
ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมหรูใจกลางลอนดอนเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการ บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและบทสนทนาอันอบอุ่นของผู้คนที่แต่งกายอย่างสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวเรียบหรูตัดกับแสงไฟระยิบระยับ พ่อเฮนรี่และพ่อของครูพีทยืนอยู่ด้านหน้าเวที ทั้งสองทักทายแขกเหรื่อด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจเสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ จากวงออร์เคสตราที่มุมห้อง เพิ่มความหรูหราให้กับบรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ แขกที่มาร่วมงานล้วนแต่งกายงดงามในชุดทางการ ผู้หญิงในชุดราตรียาวสวยหรู ส่วนผู้ชายในสูทตัดเย็บอย่างประณีตฉันยืนอยู่ด้านหลังม่านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นระคนประหม่า สวมชุดราตรีสีขาวงาช้างที่ออกแบบมาเพื่อฉันโดยเฉพาะ ผ้าซาตินเนื้อดีจับเดรปอย่างประณีต โอบรับช่วงเอวให้ดูคอด ก่อนชายกระโปรงจะบานออกเล็กน้อยอย่างอ่อนช้อย ผมยาวของฉันถูกเกล้าเป็นมวยต่ำ ประดับด้วยไข่มุกเล็กๆ ที่จัดวางอย่างละเมียดละไม ต่างหูเพชรระยิบระยับที่แม่เลือกให้อย่างพิถีพิถัน ยิ่งช่วยขับความงดงามของลุคนี้ให้สมบูรณ์แบบฉันสูดลมหายใจลึก พยายามสงบจิตใจขณะเสียงพูดคุยจากห้องจัดเลี้ยงดังแว่วเข้ามาเสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบาๆ ของแขก
“พี่พีท!!”เสียงอุทานของลิลลี่ดังขึ้น ดวงตาคู่สวยของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นผมยืนอยู่ตรงหน้าผมกลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่ เมื่อเห็นสีหน้าทั้งงุนงงและไม่เชื่อสายตาของเธอ“ว่าไงครับ?คู่หมั้นของผม” ผมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ พลางส่งยิ้มให้เธอ“ทะ...ทำไม?” ลิลลี่ยังคงอึ้งจนแทบพูดไม่ออก คำถามที่เต็มไปด้วยความสงสัยปรากฏชัดในสายตาของเธอ“ยังจะปฏิเสธผมอีกมั้ย?” ผมถามยั่วเย้า รอยยิ้มของผมยิ่งกว้างขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าที่แดงซ่านของเธอผมยื่นมือขึ้น ลูบแก้มเธอเบาๆ ราวกับต้องการย้ำเตือนให้เธอรู้ว่านี่คือความจริง ปลายนิ้วสัมผัสกับผิวอ่อนนุ่มของเธอ ความคิดถึงที่เก็บสะสมมานานพลุ่งพล่านขึ้นมาจนผมแทบระงับไว้ไม่อยู่“คิดถึงจะแย่แล้ว เธอล่ะ คิดถึงฉันมั้ย?”“คือ...หนู...งงไปหมดแล้ว...” ลิลลี่ยังคงมึนงง เธอพึมพำเหมือนยังไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น“หนูไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยคะ?” ดวงตาคู่สวยจ้องมองผมด้วยความไม่แน่ใจ มือเรียวเล็กเอื้อมมาสัมผัสที่ตัวผมเบาๆ ราวกับต้องการพิสูจน์ผมยิ้มอ่อนให้เธอ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้ กดจูบลงบนริมฝีปากบางของเธอด้วยความอ่อนโยน ความคิดถึงทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านจูบนั้นริมฝีปากของเราส
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ความคิดถึงคำพูดของแม่เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ราวกับภาพยนตร์ที่ถูกฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่อยากเชื่อว่าตัวเองกำลังถูกบังคับให้พบกับว่าที่คู่หมั้น และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะปฏิเสธเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ขัดจังหวะความคิดในหัว ก่อนที่แม่บ้านจะเปิดประตูเข้ามา พร้อมสาวใช้ประจำตัวของฉันที่เดินตามหลัง“คุณหนูคะ คุณหญิงสั่งให้เราเตรียมตัวให้คุณดูดีที่สุดค่ะ” แม่บ้านพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่เต็มไปด้วยความนอบน้อม“ดูดีที่สุด?” ฉันทวนคำในใจอย่างขมขื่น ราวกับคำสั่งนี้ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกที่กำลังต่อต้าน“วันนี้คุณหญิงบอกว่ามีแขกคนสำคัญจะมาเยี่ยมค่ะ”สาวใช้พูดเสริม ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และหยิบชุดเดรสผ้าซาตินสีขาวออกมาชุดที่พวกเธอเลือกเป็นเดรสที่ดูเรียบหรู ตัดเย็บอย่างประณีต พร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีเงินที่เข้ากัน ทุกอย่างดูงดงามและเหมาะสมเกินกว่าจะปฏิเสธพวกเธอช่วยฉันแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน เส้นผมยาวสลวยถูกจัดเป็นลอนคลายอย่างอ่อนหวาน และเกล้าครึ่งศีรษะอย่างประณีต ใบหน้าของฉันได้รับการแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง
ชีวิตฉันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเหมือนตกอยู่ในฝันที่ทั้งสวยงามและวุ่นวายไปพร้อมกัน หลังจากได้รับรางวัลนักเขียนบทวรรณคดีดีเด่น งานเขียนและโปรเจกต์ใหม่ๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฉันพยายามจัดการทุกอย่างอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ตัวเองและแสดงให้แม่เห็นว่าฉันสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองเวลาผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คือการติดต่อกับครูพีท เรายังคงแลกเปลี่ยนข้อความและวิดีโอคอลกันเสมอ ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อยล้าหรือรู้สึกท้อแท้ คำพูดที่แสนอบอุ่นของเขาก็เหมือนแรงผลักดันที่ช่วยให้ฉันยืนหยัดต่อไปแต่แล้ววันที่ฉันไม่เคยคาดคิดก็มาถึง...เย็นวันศุกร์ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ฉันเพิ่งกลับมาจากงานสัมมนาวรรณกรรม ใบหน้าฉันยังคงประดับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ จากคำชื่นชมที่ได้รับในวันนี้ แต่เมื่อฉันเปิดประตูห้องพักเข้าไป ฉันต้องชะงัก“แม่?” ฉันเรียกด้วยความประหลาดใจ“แม่มาได้ไงคะ?”“ลิลลี่ ไปกับแม่เดี๋ยวนี้” แม่พูดเสียงนิ่ง แต่หนักแน่น ก่อนจะลุกขึ้นเดินนำออกจากห้องพักไป ทิ้งฉันไว้กับความงุนงง แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามไปไม่นานนัก แม่ก็พาฉันมาถึงบ้านของพ่อเฮนรี่ บ้านหล
ทันทีที่ฉันเปิดประตู ใบหน้าคุ้นเคยก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของฉัน“พี่พีท!!”เสียงของฉันแทบจะหลุดเป็นเสียงกรี๊ดด้วยความตกใจและดีใจสุดขีด ราวกับว่าเวลาในตอนนั้นหยุดนิ่ง มีเพียงสายตาของเราที่สบกัน และหัวใจของฉันที่เต้นแรงจนแทบหลุดออกมาครูพีทโน้มตัวลงมาจูบฉันอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากร้อนทาบลงอย่างแนบแน่น มือใหญ่ประคองใบหน้าฉันไว้มั่น ก่อนจะดันตัวฉันเข้ามาในห้องพร้อมปิดและล็อคประตูเขาดันฉันไปชิดกับผนัง ริมฝีปากกดจูบอย่างเร่าร้อนและเต็มไปด้วยความปรารถนา ลิ้นของเขาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก ไล่ต้อนและดูดดุนลิ้นของฉันอย่างลึกซึ้ง จนหัวใจฉันเต้นรัวแทบไม่เป็นจังหวะมือของเขาสอดเข้ามาใต้เสื้อของฉัน ปลดตะขอบราออกด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกมือเลื่อนขึ้นมาสัมผัสอกอวบอิ่ม คลึงเบา ๆ จนยอดถันชูชันตอบรับต่อสัมผัสอันร้อนแรง“อื้ม..”ฉันครางเบา ๆ ในลำคอ ความเสียวซ่านพุ่งผ่านทุกอณูเมื่อปลายนิ้วของเขาบีบคลึงยอดถันกระตุ้นอารมณ์ให้พลุ่งพล่านฉันดึงเสื้อของเขาออกจากศีรษะอย่างรวดเร็ว มือบางลูบไล้ไปตามลอนกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยงามของเขา เราสบตากันชั่วครู่ก่อนริมฝีปากจะประกบกันอีกครั้ง จูบกันอย่างดูดดื่ม ราวกับไม่มีสิ่งใดในโ
เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วห้องโถงใหญ่ของโรงแรมหรูใจกลางลอนดอน ผู้คนในชุดทางการต่างลุกขึ้นยืนปรบมือแสดงความยินดี ฉันยืนอยู่บนเวทีด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ มือข้างหนึ่งถือรางวัล “นักเขียนบทวรรณคดีดีเด่นแห่งปี” ส่วนอีกข้างยกขึ้นโบกมือให้กับผู้คนที่มาร่วมงานฉันไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตในวัยเพียง 19 ปี จะพาฉันมายืนอยู่ตรงจุดนี้ ในฐานะนักเขียนรุ่นใหม่ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งผู้อ่านและนักวิจารณ์ นิตยสารชื่อดังต่างพูดถึงฉันในฐานะคนรุ่นใหม่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนในเจเนอเรชันเดียวกันหลังจากการมอบรางวัลสิ้นสุดลง ฉันเดินลงจากเวทีด้วยรอยยิ้ม ทีมงานของผู้จัดงานพาฉันไปยังห้องรับรองเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างเดิน ฉันพยายามหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมสติและเสริมความมั่นใจให้ตัวเอง บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความคึกคัก แต่ในใจของฉันกลับรู้สึกสงบนิ่ง พร้อมที่จะเล่าถึงเส้นทางที่พาฉันมาถึงจุดนี้“คุณลิลลี่ อลิสา วัฒนชัย” มิเชล ผู้สัมภาษณ์คนแรกจาก The London Chronicle สำนักข่าววรรณกรรมชื่อดังแห่งลอนดอนกล่าวขึ้น ขณะนั่งลงตรงข้ามฉันในห้องรับรองที่ตกแต่งอย่างหรูหรา“คุณกลายเป็นบุคค