เสน่หามนตรา
บทที่ 11 - ห่วง
"อย่า~~~ขอร้อง~~~อย่าทำ ปล่อยฉัน" เสียบแหบพร่า คำพูดที่แสนเบาหวิว คนในอ้อมกอดคนตัวใหญ่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง มีเพียงแรงสั่นเล็ก ๆ จนทำให้ เชคฮ บราฮิม ต้องลืมตาตื่นในยามรุ่ง...อีกทั้งอุณหภูมิในกายของม่านฟ้ายังสูงผิดปกติ
"ม่านฟ้า" เชคฮ บราฮิม ขยับกายออกห่างแต่ยังกอดม่านฟ้าไว้หลวม ๆ
"หนาว~~~" เสียงละเมอสั่นสะท้านอีกครั้ง ร่างกายสั่นเทาในอ้อมกอดอุ่น ยังไม่บรรเทาความหนาวเหน็บให้ม่านฟ้าได้
"ม่านฟ้า...คุณเป็นอะไร" เสียงเรียกหวังจะปลุกให้เธอนั้นรู้สึกตัว "ตัวร้อนนี่! " ทันทีที่สัมผัสผิวกายสาวก็รับรู้ได้ว่าเธอนั้นมีไข้ เชคฮ บราฮิม ตกใจเป็นอย่างมากรีบดิ่งลงจากเตียงนอนทันที เพื่อหาเสื้อผ้ามาห่อหุ้มคนป่วยที่นอนหนาวสั่นด้วยเสื้อเชิ๊ตตัวใหญ่ของเขาเอง
ก่อนที่ เชคฮ บราฮิม คว้าโทรศัพท์ต่อสายหาคนสนิทเพื่อหวังขอความช่วยเหลือ
"ราชิต...เตรียมรถเราจะไปโรงพยาบาล" เสียงเข้มเรียกคนสนิทดังลั่นผ่านเครื่องมือสื่อสาร เขาร้อนใจ!
"ครับนายท่าน" ราชิตตอบรับคำสั่งทันทีอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ด้วยความจงรักภักดีที่มีต่อนายเหนือหัว ราชิตพร้อมสนองให้ตามต้องการแม้เรื่องเล็กน้อย
คนตัวเล็กถูกอุ้มไปยังประตูด้วยความร้อนรนใจของ เชคฮ บราฮิม พร้อมการ์ดที่ยืนเฝ้าหน้าห้องก่อนที่ครรชิตจะมาสมทบตามหลัง....เขาห่วงเธอแทบขาดใจ
"หนาว~~~" หญิงร่างบางในอ้อมกอดอุ่นละเมอเสียงเบา อีกทั้งร่างกายสั่นเทา ใบหน้าซีดเซียว ยิ่งทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
"เดี๋ยวคุณ! ...เดี๋ยว คุณม่านฟ้า" ครรชิตที่เรียกเสียงดังเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยในอ้อมกอดของ เชคฮ บราฮิม "คุณจะพาคุณม่านฟ้าไปไหน" ชายหนุ่มสัดส่วนสมชายชาตรีแบบไทยวิ่งหน้าตั้งมาดักหน้า เชคฮ บราฮิม ไว้อย่างลุกลี้ลุกลนตกใจ จนเชคฮ บราฮิม ต้องชะงักขาทันใด พร้อมส่งสายตาเกรี้ยวกราด...ให้ตายเถอะ! มารเสียจริง ไม่รู้หรือไงผู้หญิงของเขากำลังป่วย เสียงสบถของ เชคฮ บราฮิม พร่ำในใจอย่างหงุดหงิด
"หลบไป" เสียงเข้มบอกกล่าว
"ไม่หลบ! จนกว่าจะบอกผมว่า คุณจะพาคุณม่านฟ้าไปไหน"
"มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ"
"ทำไมจะไม่เกี่ยว เธอเป็นลูกทัวร์ที่มากับผม" ครรชิตแย้งเสียงแข็ง อย่างนึกห่วงใยหญิงสาวที่เอาแต่หลับตาสนิทในอ้อมกอดชายตรงหน้า
"แต่เธอเป็นภรรยาของผม! ...หลบ! " เชคฮ บราฮิม บอกกล่าวเสียงแข็งอย่างเดือดดาล เมื่อครรชิตเอาแต่แย้งทำให้เขานั้นเสียเวลา กลัวม่านฟ้าเกิดอันตราย
"ภรรยา? " ครรชิตถึงกับขมวดคิ้วเป็นเลขแปดเมื่อคำว่าม่านฟ้าคือภรรยาของเชคฮ บราฮิม จนต้องนิ่งและมีความสงสัยเป็นไปได้แค่ไหนหรือ "ผมไม่เชื่อ! "
"เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่คุณ...หลบไป" เชคฮ บราฮิม พูดโดยไม่สนใจเบี่ยงตัวออกซ้ายหวังเดินหนี ตอนนี้ม่านฟ้าต้องการหมอและต้องปลอดภัย...เขารู้แค่นั้น
"ไม่หลบ...ส่งม่านฟ้ามาผมจะพาเธอไปหาหมอเอง" ครรชิตขยับประชิดตัวเชคฮ บราฮิม หวังจะอุ้มม่านฟ้าแต่กลับถูกการ์ดขวางไว้
"วุ่นวายเสียจริง...จัดการซะ! " เชคฮ บราฮิมสบถเสียงอย่างคนหงุดหงิด ก่อนจะปล่อยเสียงทรงพลังบอกการ์ดทันที แค่การ์ดได้ยินพลังเสียงอันทรงอำนาจนี้ของนายเหนือหัวก็ย่อมรู้หน้าที่ทันที เขาจะเสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้...ม่านฟ้ากำลังเป็นอันตราย
("คุณ! ...ปล่อยผม ปล่อยสิวะ! ...ม่านฟ้า! ") คำไทยหลุดจากปากอย่างลืมตัวด้วยนึกห่วงใยม่านฟ้า แต่การ์ดของ เชคฮ บราฮิม จับล็อกรั้งครรชิตไว้ตามคำสั่งนายเหนือหัว ร่างกายใหญ่ดั่งชายไทยดิ้นขลุกขลักอย่างหลีกหนี แม้พยายามให้หลุดพ้นแค่ไหนแต่ก็ไม่สำเร็จ ("อ๊าก! ...อึก! ")
ติดตามได้ในรูปแบบอีบุ๊ก
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา