เสน่หามนตรา
บทที่ 14 - ฮาฟีส
ความคิดที่ราชิตเสนอให้ขอความช่วยเหลือจากอาฟียาและอธิบายจน เชคฮ บราฮิมนั้นเข้าใจและหมดห่วง เพื่อที่นายเหนือหัวจะได้คลายกังวลและยอมไปทำหน้าที่ของตนเอง แต่กว่านายเหนือหัวผู้แสนรั้นดื้อดึงจะยอมโอนอ่อนก็เล่นเอาราชิตนั้นน้ำลายแทบท่วมปากเลยทีเดียว
"แน่ใจนะว่าอาฟียาจะทำได้สำเร็จน่ะราชิต" เชคฮ บราฮิม เอ่ยถามราชิตอย่างนึกไม่มั่นใจว่าอาฟียาจะทำเรื่องนี้สำเร็จได้ เพราะเวลาแค่ไม่กี่วันจะทำให้ม่านฟ้าอยู่ต่ออย่างสมัครใจนั้นจะเป็นไปได้แค่ไหน
"มั่นใจเถอะครับว่าคุณหนูอาฟียาต้องทำได้" ราชิตสร้างความมั่นอกมั่นใจให้ผู้เป็นนาย
"ทำไมเรารู้สึกกังวล ไม่มั่นใจ" เชคฮ บราฮิม มองหน้าราชิตแล้วเอ่ยอย่างกังวล คิ้วเริ่มขมวดเป็นเลขแปด
"ท่านคิดมากไป" ราชิตบอกกล่าวในสิ่งที่ เชคฮ บราฮิม กำลังกลัดกลุ้มกังวลอยู่ภายใน
"ก็เราไม่ไว้ใจ" เชคฮ บราฮิม ตอบกลับและเอนแผ่นหลังพิงกับเบาะรถยนต์หรูหรา
"อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น" ราชิตย้อนถามด้วยอยากรู้ว่านายเหนือหัวคิดยังไง ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความคืบหน้าเป็นเช่นไร อาฟียาอาจจะทำสำเร็จก็ได้
"อาฟียาอายุยังน้อยนักและเด็กกว่าม่านฟ้าหลายปี...คำพูดแบบไหนที่จะทำให้ม่านฟ้าเชื่อถือล่ะ" เชคฮ บราฮิม ร่ายยาวด้วยเหตุผลของแบบความคิดของตัวเองที่สมองสั่งการ
"ที่ผ่านมาไม่ว่าเรื่องไหน คุณหนูอาฟียาก็ช่วยเหลือได้ไม่ใช่หรือครับ...และก็สำเร็จทุกครั้ง ท่านก็น่าจะรู้ว่าคุณหนูอาฟียาเธอพิเศษกว่าใคร" ราชิตบอกกล่าวอย่างมีเหตุผลและสิ่งที่ผ่านมาไม่ว่าจะเรื่องไหน ๆ ที่ใคร ๆ ก็ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ แค่มีอาฟียาอยู่ใกล้ ๆ หรือร่วมในการทำการใดก็ย่อมสำเร็จได้ไม่ยาก
"มันก็จริง" เมื่อได้ฟังสิ่งที่ราชิตกล่าวมาให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น เชคฮ บราฮิม จึงผ่อนปรนความกังวลลงได้
"ให้ท่านตั้งใจทำหน้าที่ในตอนนี้ให้สำเร็จนะครับ" ราชิตบอกถึงงานที่ต้องทำในวันนี้ เพราะนี่คือลูกค้ารายใหญ่ที่ค่อนข้างมีความสำคัญในการร่วมธุรกิจ มันคือเม็ดเงินมหาศาลในอนาคตอันใกล้ที่จะกอบโกยเข้าสู่วงศ์ตระกูล
"อืม"
...การเจรจาคู่ค้าหน้าใหม่ เชคฮ บราฮิม ทำมันได้ดี ทุกอย่างลงตัวโดยไม่มีฝ่ายหนึงฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบ ทุกอย่างเสมอกัน และได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
"กระผมยินดีและดีใจเป็นอย่างมาก ที่ได้ร่วมงานกับท่านฮาฟิสครับ" เชคฮ บราฮิม กล่าวอย่างนอบน้อมต่อคู่ค้าหน้าใหม่ ที่วัยไล่เลี่ยกัน เชคฮ ฮาฟิส ผู้มีอิทธิพล อำนาจ อีกทั้งยังพ่วงตำแหน่งทายาทลำดับต่อไปของรัฐทางเหนือ ชายหนุ่มวันกลางคนที่มั่งคงด้วยพื้นเพที่มีมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าสืบทอดความมั่งคั่งมาสู่รุ่นต่อรุ่น จวบจนถึงปัจจุบัน
"ยินดีเช่นกันท่านเชคฮ บราฮิม" เชคฮ ฮาฟีสบอกกลับพร้อมยื่นมือไปจับมือ เชคฮ บราฮิม
"หวังว่าจะได้รับเกียรติได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมรัฐของท่านในเร็ววัน" เชคฮ บราฮิม เอ่ยอย่างเอาใจด้วยรู้นิสัยคู่ค้าหน้าใหม่คนนี้ ด้วยการสืบประวัติมาก่อนหน้านี้แล้ว เขาชอบคนเอาใจและยกยอปอปั้น
"เราจะรอต้อนรับท่านอย่างสมเกียรติ" เชคฮ ฮาฟีสตอบกลับ
"ขอบคุณครับ" เชคฮ บราฮิม ตอบรับคำเชิญชวนพร้อมจับมืออย่างเป็นมิตร
"เพื่อมิตรภาพอันดี วันนี้เราไปหาความสำราญในแบชายชาตรีกันสักหน่อยไหมท่านเชคฮ บราฮิม"
...เชคฮ บราฮิม เลิกลั่กที่จะตอบเพราะหัวใจนั้นตรงดิ่งไปอยู่ที่ม่านฟ้า แค่รอเวลาของการปฏิบัติหน้าที่สำคัญนี้ให้จบสิ้น ความตั้งใจเมื่อเสร็จกิจจะรีบกลับไปหาม่านฟ้าทันที แต่ไหนเลยเป็นเยี่ยงนี้เล่า คู่ค้าหน้าใหม่ก็สำคัญ แต่กระนั้นหัวใจก็เรียกร้องหาแต่ม่านฟ้าอยู่ร่ำไร...ควรทำยังไงดีนะ!?
**********
นิยายเรื่องนี้สงวนสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ห้ามผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์ ทำซ้ำ ดัดแปลง ห้ามลอกเลียนแบบหรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมายสูงสุด
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา