เสน่หามนตรา
บทที่ 13 - พยายาม
เข้าสู่วันที่สองกับการที่ม่านฟ้านอนอยู่โรงพยาบาล เธอมีอาการดีขึ้นและฟื้นจากพิษไข้แล้ว...แต่สิ่งที่แปลกและเปลี่ยนไป คือ ความนิ่งเงียบ ม่านฟ้าเงียบปากสนิท ดวงตาคมฉายแววนิ่งเรียบ ไม่ปริปากพูดอะไรกับใครนอกจากหมอที่ถามอาการป่วย
"คุณเป็นยังไงบ้าง" คำถามเดิม ๆ ที่เชคฮ บราฮิม ถามไถ่เรื่อยมา
".........." แต่สิ่งที่ได้ย้อนคืนคือแววตาเฉยชาของม่านฟ้าเท่านั้น
"หิวไหม? " แม้ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ เชคฮ บราฮิม ก็ยังมีความพยายามที่จะพูดคุยกับม่านฟ้าต่อไป
...หน้าที่อันพึงกระทำของเชคฮ บราฮิม ถูกสั่งให้เลื่อนออกไป ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญแต่คนตรงหน้าก็สำคัญต่อจิตใจของ เชคฮ บราฮิม เช่นกัน
"ท่านครับ" เสียงราชิตเอ่ยเรียกเมื่อเปิดประตูเข้ามา จนม่านฟ้าและเชคฮ บราฮิมหันไปมองยังผู้มาใหม่
"มีอะไร" ราชิตส่งสายตาหานายเหนือหัว สื่อถึงเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้นั้นสำคัญและไม่ต้องการให้ใครรับรู้
"เดี๋ยวเราตามไป" เสียงบอกกล่าวเป็นอันรับรู้ระหว่างเจ้านายและเลขาคนสนิท ราชิตโค้งคำนับก่อนจะเดินจากไป
"ม่านฟ้า...เดี๋ยวผมมานะ" คำพูดที่แสนนุ่มนวลอย่างที่ไม่เคยพูดกับใครมาก่อนเปรยบอกออกไป แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบกลับจากม่านฟ้าอยู่ดี
...สิ่งที่ได้รับรู้หลังจากที่ราชิตรายงาน การเจรจาธุรกิจที่ท่านผู้นำรัฐได้มอบหมายสั่งการลงมา แต่ดูเวลานี้สิ ม่านฟ้ากำลังป่วยเขาจะทิ้งเธอไปตอนนี้ได้อย่างไร เธอจะไม่หนีเขากลับเมืองไทยอย่างนั้นหรือ ด้วยท่าทีนิ่งเฉย แววตาเฉยเมย ไร้คำพูดตั้งแต่ลืมตาตื่นจากอาการป่วยที่เขานั้นเป็นคนกระทำ
"ราชิตแล้วม่านฟ้าล่ะ เรากลัวเธอหนี" เชคฮ บราฮิมเริ่มกังวล
"แต่งานนี้เราจะปฏิเสธไม่ได้ มันก็สำคัญกับท่านเช่นกัน" ราชิตบอกกล่าว
"อีกไม่กี่วันก็ถึงกำหนดที่ม่านฟ้าหมดเวลาพักผ่อน" ความกังวลยังมีต่อ เมื่อนึกถึงอนาคตอีกไม่ไกลว่าม่านฟ้าจะอยู่ที่นี่อีกไม่นาน แล้วเขาต้องทำอย่างไรดี งานก็ต้องทำ หัวใจก็ต้องรักษา "ราชิตเราไม่อยากให้ม่านฟ้ากลับเมืองไทย"
"แต่คุณม่านฟ้าเธอก็มีหน้าที่ของเธอนะครับ" ราชิตพูดถึงเหตุผลของม่านฟ้าอันพึงจะมี และด้วยหน้าที่ของเธอที่ต้องทำเฉกเช่นนายเหนือหัว
"เราขังม่านฟ้าดีไหมราชิต" เหมือนสิ่งที่ราชิตพูดเตือนสตินายเหนือหัวคนนี้ไม่ได้สนใจเอาเสียเลย
"ท่านลองตรองให้ดีเสียก่อน...มันจะคุ้มกับความรู้สึกของท่านไหม หากคุณม่านฟ้าเธอดูเกลียดชังท่านมากกว่านี้ล่ะครับ" ความพยายามของราชิตยังคงตั้งมั่นหวังให้นายเหนือหัวนั้นใช้สมองมากกว่าอารมณ์ เพราะผลที่ตามมาอาจจะไม่คุ้ม ราชิตย่อมรู้ดีว่านายคนนี้เป็นเช่นไรในอดีตที่ผ่านมาในเรื่องความรัก
"เรากลุ้มใจ...ราชิต เราก็ไม่รู้ทำไมเราถึงถูกใจม่านฟ้าขนาดนี้...ทุ่มเงินให้เธอดีไหมนะ"
"ท่านอย่าลืมว่า คุณม่านฟ้าเธอไม่ใช่คนใจง่ายและไม่ได้เห็นแก่เงินทอง" ราชิตสำทับด้วยเหตุผลอีกครั้ง
"มีแต่คนอยากจะได้ทั้งนั้น"
"แต่คงไม่ใช่กับคุณม่านฟ้าครับท่าน" ราชิตสวนกลับทันท่วงที
"ทำไม!? ...เงิน ทอง เครื่องเพชร เราให้นางได้หมด ถ้านางลั่นวาจาออกมาว่าต้องการ...เรายินดีแค่ม่านฟ้ายอมอยู่ที่นี่กับเรา"
"ท่านไม่ใช่แค่ถูกใจคุณม่านฟ้าใช่ไหมครับ...แต่ท่านรักนาง" ราชิตถามย้ำเรื่องหัวใจเมื่อนายเหนือหัวนั้นเริ่มมีปฏิกิริยาเชิงชู้สาวที่เริ่มแสดงออกมากขึ้น จนผิดแปลกไปซึ่งราชิตยินดีเพราะนายคนนี้ไม่ได้รักใครมานานแล้ว
"......................"
"ถ้าไม่ใช่...ท่านคงไม่เกี้ยวกราดอยากได้นางขนาดนี้ กระผมพูดถูกไหมครับ" ราชิตผู้ที่เปี่ยมด้วยไหวพริบมีหรือแค่เรื่องน้อยนิดแค่นี้เขาจะดูไม่ออก คำพูดที่ดันให้นายเหนือหัวนั้นจนมุมได้ไม่ยาก เพราะรู้ใจเชคฮบราฮิมด้วยวัยเยาว์ที่โตมาพร้อมกันจนรู้ไส้รู้พุง
"รู้มากไปแล้วราชิต" รอยยิ้มที่แสดงออกทางแววตา มันคือความเขินอายเมื่อนายเหนือหัวถูกจับพิรุธได้...
"เป็นเช่นดังที่ผมพูด? " ราชิตคนสนิทยังคงตะล่อมเจ้านาย อย่างอยากกลั่นแกล้งเมื่อนายเหนือหัวนั้นเริ่มมีใบหน้าแดงระเรื่อ
"เราไม่แน่ใจ" เชคฮ บราฮิม เบือนหน้าหนีหลบสายตาเลขาคนสนิทอย่างนึกเอียงอาย
"แต่แววตาท่านบ่งบอก"
"เราแสดงออกขนาดนั้นเชียวหรือ" ใบหน้าคมเปื้อนยิ้มหันมาย้อนถาม...ดั่งลืมไปแล้วว่ามีเรื่องกลัดกลุ้มในใจ
"ท่านปิดผมไม่มิด...ท่านน่าจะรู้ดี" ราชิตแสดงท่าทางและวาจาอย่างเหนือกว่า
"สมแล้วที่โตมาด้วยกัน"
"ผมอยากให้ท่านสมหวังนะครับ" ราชิตเริ่มพูดอย่างเห็นใจนายเหนือหัว เมื่อหัวใจของเจ้านายเริ่มเบ่งบาน
"ช่วยเราสิ"
"ผมจะช่วยท่านครับ" ราชิตตอบตกลง
"ขอบใจ"
"แล้วเรื่องงานที่ท่านต้องทำ? " และราชิตต้องวกวนมาเรื่องที่ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นถึงกับสีหน้าสลดลงทันใด เรื่องงานไม่ว่าการใดราชิตจะต้องคอยเตือนนายคนนี้ด้วยรู้หน้าที่อันพึงกระทำในฐานะทายาทของท่านผู้นำรัฐในลำดับต่อไป
"เฮ้อ...เราไม่อยากพูดถึงเรื่องงานตอนนี้เลย"
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา