เสน่หามนตรา
บทที่ 15 - ปฏิเสธ?
...คำเชิญชวนที่คู่ค้าบอกกล่าว ทำเอาเชคฮ บราฮิม ต้องตรองหนัก เมื่อความสำราญในแบบชายชาตรี มันคือการมีนารีเคล้าคลอเคลีย...
"หรือท่านไม่อยากสังสรรค์กับเรา" ฮาฟีสย้อนถามเมื่อเชคฮ บราฮิมนั้นเงียบกริบอย่างคนกังวลใจ จนเขานั้นจับพิรุธได้
"เปล่าครับ" เชคฮ บราฮิมรีบปฏิเสธเพราะไม่อยากให้ครั้งแรกของการพบเจอคู่ค้า ไม่เป็นที่พึงพอใจ
"งั้นช้าอยู่ไย เรารีบไปกันเถอะ" ฮาฟีสเอ่ยชวน
"ผมขอโทรศัพท์สักครู่" ใช่แล้วล่ะเขาจะโทรหาน้องสาวคนเดียวที่จะช่วยเหลือในเรื่องของม่านฟ้า เพราะการไปกับคู่ค้าคนใหม่อาจจะใช้เวลานานหรืออาจจะข้ามคืนด้วยความสำราญแบบชายชาตรีที่ฮาฟิสร้องขอ และเชคฮ บราฮิมก็ยากแท้ที่จะปฏิเสธ
"ตามสบาย เราจะรอที่รถ" ฮาฟีสตอบกลับและชี้บอกที่หมายของการรอ
"ครับ"
"อาฟียา...ม่านฟ้าเป็นยังไงบ้าง" เมื่อปลายรับกดรับ เชคฮ บราฮิมไม่รอให้อาฟียาได้มีโอกาสอ้าปากตอบรับ รีบเอ่ยถามทันที
"น้องยังไปไม่ถึงที่หมาย" อาฟียาบอกกล่าวระหว่างเดินเท้าเข้าไปในตัวอาคารของโรงพยาบาลพร้อมหญิงติดตามสองคนไม่รวมคนคุ้มกัน
"มัวทำอะไรอยู่ ทำไมล่าช้า ถ้าม่านฟ้าหนีไป จะทำยังไงเล่า" เชคฮ บราฮิม ร่ายยาวใส่ปลายสายอย่างคนร้อนรนใจ ทำไมอะไร ๆ ก็ไม่เป็นดั่งใจเอาเสียเลย...เขาใจร้อน!
"ทำไมต้องเสียงดัง...เดี๋ยวไม่ช่วยเสียหรอก" อาฟียาย้อนสวนกลับเฉกเช่นคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ด้วยว่าพี่ชายนั้นยังต้องใช้ประโยชน์จากเธอ
"พี่แค่บอกกล่าวถามไถ่น่ะน้องสาวพี่...อย่าทำแบบนั้นกับพี่เลยนะคนดี" คำหวานของพี่ชายที่เปรยออกไป จนคนปลายสายนั้นอมยิ้ม พี่ชายที่มาดขรึม นิ่งเงียบ วันนี้แปรเปลี่ยไปเพราะหญิงไทยที่ชื่อม่านฟ้า อาฟียาขบคิดในใจ
"ก็เป็นแบบนี้ตลอด" อาฟียายอกย้อนและอมยิ้มกับประโยคของพี่ชายที่พูดผ่านเครื่องมือสื่อสาร แม้นผู้เป็นพี่ชายจะไม่ได้เห็นก็ตาม
"วันนี้พี่ยังกลับไม่ได้" เชคฮ บราฮิมบอกถึงเหตุผล
"ทำไมล่ะคะ ไหนว่างานจะเสร็จวันนี้" อาฟียาสงสัยเมื่อพี่ชายบอกวันนี้ภาระกิจก็เรียบร้อย
"เชคฮ ฮาฟีส ชวนไปต่อ" เชคฮ บราฮิมกล่าวถึงบุคคลที่สามที่ทำให้เขาไม่ได้กลับไปหาหัวใจ ที่เขานั้นเฝ้ารอมาตลอดทั้งวันด้วยน้ำเสียงเศร้าลง "ฝากดูแลม่านฟ้าด้วยนะ"
"ช่วยแล้วได้อะไร" อาฟียาคนแก่นหากช่วยแล้วไม่ได้ผลตอบแทนก็ไม่ใช่อาฟียา
"น้องต้องการอันใด พี่หาให้หมด...ขอแค่บอกมา" เชคฮ บราฮิมย้อนถามอย่างเอาใจ หากทำให้ม่านฟ้าอยู่ต่อได้ เพราะเวลานับจากนี้เขาจะพิชิตหัวใจนางให้อยู่หมัดไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตาม
"จากัวร์คันหนึ่งเป็นไง? " อาฟียาเสนอ
"อาฟียา นั่นไม่มากไปเหรอ" ทำเอาเชคฮ บราฮิมถึงกับตาลุกวาวตกใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องสาวร้องขอ
"งั้นเธอคนนั้นน้องจะทำให้เธอกลับบ้านเกิดของเธอ..." อาฟียาพูดข่มขู่ อย่างเหนือกว่า ด้วยว่าพี่ชายเริ่มต่อรองในของรางวัล อันที่เธอนั้นพึงต้องได้
"อาฟียาน้องพี่...ทำเช่นนี้ไม่ดีเอาเสียเลย" เสียงอ่อนแผ่วเมื่ออาฟียานั้นข่มขู่ เชคฮ บราฮิม ได้แต่กัดฟันกรอดเมื่อน้องสาวตัวแสบจะเล่นงานเขาทางอ้อมเสียแล้ว
"แล้วว่ายังไงเรื่องจากัวร์? " อาฟียาย้อนถามอีกครั้ง
"ก็ได้ ๆ " เชคฮ บราฮิมจำต้องยอมอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากมันได้มาซึ่งหัวใจของม่านฟ้าที่เขาจะได้ครอบครองเธอ
"ขอบคุณนะคะ พี่ชายสุดที่รัก นี่น้องกำลังถึงห้องพักของเธอ"
"ฝากด้วยนะ..."
"เตรียมรางวัลให้น้องเลยค่ะ" เมื่อพูดสั่งถึงของที่ต้องการอาฟียาจึงฉับขาก้าวยาวไปยังห้องพักของม่านฟ้าที่เป็นจุดเป้าหมายทันที
***************
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา