เสน่หามนตรา
บทที่ 8 - ตั้งใจ
เชคฮ บราฮิมรับตัวม่านฟ้าที่ไร้เรี่ยวแรงจะยืน ยกอุ้มตัวสาวขึ้นแนบอกก่อนจะพาเดินไปแล้ววางเธอนั่งนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหรูขลิบทอง ท่ามกลางอาหารมากมายละลานตา เวลานี้เธอควรทานอาหารได้แล้ว
...ท่ามกลางบรรยากาศที่สว่างไสวด้วยแสงเทียนสีนวล บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายเมนู ใบหน้าสวยเสลาเมื่อกระทบกับเสียงเทียนช่างดูตราตรึง น่าค้นหาสายตาคมของเชคฮ บราฮิมจ้องมองอย่างไม่ลดละท่ามกลางความเงียบไร้เสียงสนทนา ม่านฟ้าที่ต้องจำยอมทานมื้อเย็นกับเชคฮบราฮิมผู้สูงศักดิ์ด้วยเม็ดเงินจำนวนมากสำหรับเธอที่เขาเสนอให้นอกจากค่าเสียเวลาต่อนาทีแล้ว เธอยังได้อีกหนึ่งหมื่นดอลล่าตามที่เชคฮ บราฮิมเสนอ...
"อาหารถูกปากไหม" เชคฮบราฮิมเอ่ยถามเมื่อนานแล้วบนโต๊ะอาหารมีแต่ความเงียบสงัด
"ค่ะ" คำตอบแสนสั้นแต่รับรู้ได้ ม่านฟ้าตอบแค่นั้นและหันไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้ามันตอกย้ำว่าศักดิ์ศรีและความสาวของเธอ ถูกพังทลายลงด้วยฝีมือผู้ชายตรงหน้า เธอโกรธ!
"อยากได้อะไรเพิ่มไหม" เชคฮ บราฮิม สรรค์หาคำถามอีกครั้ง เมื่อม่านฟ้าเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาตักข้าวเข้าปากอย่างเดียว โดยไม่สนใจเหลียวมองเขาเลยสักนิด
"ไม่ค่ะ" เสียงนิ่งเย็นชาดั่งคนไร้ความรู้สึกตอบกลับ เธอไม่แม้จะชายตามองเจ้าของเสียงสักนิด ด้วยในใจนั้นนึกเคืองโกรธ ที่เขาล้วงละเมิดเธอแม้นเธอนั้นร้องปรามเพียงใด...เธออยากรีบกินรีบเสร็จ อยากหลุดพ้นจากที่นี่ ที่เป็นสถานที่ย่ำยีกายของเธอ...
ไม่มีแม้คำขอโทษขอโพยหรือคำแก้ต่างใด ๆ สักคำหลุดจากปากเชคฮ บราฮิม เขายังคงเงียบปาก มีเพียงสายตาคมเท่านั้นที่มองมายังม่านฟ้าที่ใบหน้าบูดบึ้ง ใช่! เธอเคืองชายคนนี้ที่เอาแต่ย่ำยีเพียงพบเจอกันแค่วันแรก
"ม่านฟ้า...ผม"
เคร้ง~~~ เสียงช้อนกระทบกับจานกระเบื้องสีทองจนเกิดเสียงดัง ร่างบางลุกพรวดจากเก้าอี้หรูทันทีเมื่อคิดว่าการทานอาหารมื้อนี้นั้นควรสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้
"ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ค่ะ" เสียงนิ่งเอ่ยบอกพร้อมจ้องหน้าเชคฮ บราฮิม ด้วยแววตาเกรี้ยวกราด ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมามันตราติดในใจเธออย่างไม่อาจลบเลือน เธอไม่อาจทานทนอยู่ตรงนี้ต่อไปได้ เรียวขาสวยจึงก้าวออกมาอย่างไม่มีคำร่ำลาอื่นใดนอกเหนือจากนี้
"ม่านฟ้า เดี๋ยว!..." เสียงเข้มแผดดัง ขายาวก้าวไวและฉุดรั้งเขียวเรียวเล็กไว้ แต่กลับถูกม่านฟ้าสะบัดออกจนหลุดพ้น
"อย่ามายุ่งกับฉัน!" ดวงตาคมที่แทบลุกเป็นไฟแหงนมองสบตาคนตัวสูงโดยไม่นึกกลัวแม้แต่น้อย
"ม่านฟ้า...สิ่งที่ผมทำไปผมรู้ว่าผิด แต่ผมจะไม่ขอโทษ"
"สารเลว!" เพี๊ยะ!!...ใบหน้าคมเข้มหันควับไปตามแรงฝ่ามือที่กระแทกใบหน้าจนแสบร้อน ก่อนจะหันมาประจันหน้าสบสายตากับม่านฟ้า เธอคือผู้หญิงคนแรกที่กล้าตบหน้าเขาแต่ก็ไม่ได้เคือโกรธ ผู้หญิงไทยรักในศักดิ์ศรี อันนี้เขารู้ดีแต่ก็ไม่อาจห้ามการกระทำของตัวเองได้ เมื่อในใจนั้นมันต้องการเธอ
"....เพราะผมตั้งใจให้คุณมีผมในความทรงจำ...คุณจะไม่มีวันลืมผม"
"ฉันจำคุณแน่! บราฮิม" เสียงแหลมแผดดั่งกระหึ่มด้วยความโกรธ เธอจ้องหน้าเชคฮ บราฮิมอย่างเอาเรื่อง โดยไร้ความเกรงกลัว "อย่าได้เจอกันอีก!"
...ขาเรียวเดินฉับออกจากห้องใหญ่หรูหราโดยไม่เหลียวหลังมอง เธอโกรธเขา เธอเสียใจที่เขาล่วงเกินเธอ และโกรธตัวเองที่ไม่มีแรงพอที่จะฝืนและขัดขืน
"ผู้ชายสารเลว...อย่าได้เชื่อกันอีกเลย อี๋อี๋" เมื่อเดินออกมาไกลจากห้องนั้น สองขาเรียวก็หยุดชะงักงันทันทีเมื่อภาพเหตุการณ์มันย้อนวนเข้ามาในสมอง มือบางถูไถริมฝีปากอย่างนึกรังเกียจกับสิ่งที่เชคฮ บราฮิมทำไว้กับเธอ
(คุณม่านฟ้า) เสียงหนึ่งเรียกชื่อดังขึ้นจากด้านหลังจนต้องหันกลับไปมองให้รู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียง
"คุณครรชิต...มีอะไรหรือเปล่าคะ" ม่านฟ้าเอ่ยถามทันทีเมื่อครรชิตเดินมาหยุดตรงหน้า
"ไม่มีอะไรครับแค่ผมไม่เห็นคุณม่านฟ้าไปทานมื้อเย็น...ไม่สบายหรือเปล่า" ครรชิตถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
"เปล่าค่ะ พอดีฉันไม่หิวเลยไปเดินเล่น"
((จะหิวได้ยังไง ในเมื่อเธอเพิ่งทานเสร็จ))
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา