เสน่หามนตรา
บทที่ 7 - รุก! ( NC 10%)
เมื่อสิ้นคำพูดที่ เชคฮ บราฮิม กล่าวลั่น ม่านฟ้าก็แย้งขึ้นทันที "แล้วคุณจะทนทำไม...รู้จักกันไหม ? ก็เปล่าเลย" ม่านฟ้าแย้งขึ้นทันควัน
"หนึ่ง..." เสียงเข้มนับเลขเป็นภาษาอังกฤษ สายตาคมจ้องมองม่านฟ้าอย่างไม่ละสายตา ขาแกร่งค่อย ๆ ขยับเข้ามาทีละก้าว จนสาวเจ้าต้องก้าวถอยหลังให้ออกห่าง
"........" ความรู้สึกหวาดระแวงเมื่อสายตาชายหนุ่มเอาแต่จ้องมอง "จา จะทำอะไร"
"สอง..." ขาแกร่งขยับเข้าหาช้า ๆ ไม่ได้สนใจคำถามม่านฟ้าสักนิด
"นี่คุณ! ขยับออกไปนะ...อ๊ะ!" แผ่นหลังบางกระทบกับผนังห้อง วงแขนแกร่งกักกั้นเธอไว้ทันทีอย่างไม่รีรอ
"หึ" รอยยิ้มร้ายมุมปากผุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม เมื่อเห็นแล้วว่าม่านฟ้าไร้หนทางหลีกหนี
"อะ ออกไปนะ" เสียงพูดติดขัดอย่างหวาดระแวง รอยยิ้มร้ายที่เหมือนแอบแฝงอะไรบางอย่าง จนม่านฟ้านั้นเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย
"ไม่อยากจะใช้กำลังบังคับ"
"งั้นก็หลบและปล่อยฉันสิ"
"..............." ใบหน้าคมสันเลื่อนเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆ อีกทั้งสายตายังจ้องมองหน้าหญิงสาวไม่วางตา ทำเอาม่านฟ้านั้นใจเต้นโครมครามอย่างไม่อาจหักห้ามได้เมื่อมองใบหน้าคมนี้ในระยะประชิด เขาดูมีเสน่ห์ แววตาคมเฉี่ยวดุจพญาเหยี่ยว สายตาที่มองมามันทำให้ม่านฟ้าใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ...ฉันเป็นโรคหัวใจอย่างนั้นหรือ... เธอได้แต่กร่นสงสัยในใจเท่านั้น
"แต่กับคุณผมคงต้องทำ" เสียงเข้มดังเข้ามาในระยะประชิดข้างหู ลมหายใจอุ่นกระทบผิวคอจนรู้สึกขนลุกวาบหวิว
"คะ คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่"
"ผมต้องการคุณ"
"อย่ามาตลกค่ะ" ม่านฟ้าเบิกตากว้าง ทำใจดีสู้เสือ เมื่อเสียงเข้มสิ้นสุดลง ...ผมต้องการคุณ...คำนี้ที่ดังเข้ามาในส่วนการรับฟังทำเอาม่านฟ้านั้นอกแทบแตก ผู้ชายอะไรถึงหยาบคายได้ถึงเพียงนี้
"ผมไม่เคยเล่นตลกกับใคร" ชายหนุ่มตอบกลับทันใดพร้อมสบสายตาจ้องมองม่านฟ้าอย่างไม่กระพริบตา
"ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า" ม่านฟ้าตอบกลับเร็วพลัน
"อันนั้นผมรู้"
"แต่ก็ยังขมขู่บังคับฉันเนี้ยนะ" เสียงแหลมแผดดังพร้อมใช้มือบางดันร่างกำยำให้ออกห่าง แต่ช่างเหมือนผลักดันภูเขาทั้งลูกก็ไม่ปาน
"ก็แค่อยากจะทานข้าวด้วย..." เชคฮบราฮิม พูดเสียงอ่อนลง
"แน่ใจ" ม่านฟ้าย้อนถาม เพราะตอนนี้ในใจเธอนึกกลัวชายผู้นี้จนตัวสั่น แค่พยายามเก็บกั้นความหวาดกลัวไว้เท่านั้น
"อะไรที่คิดว่าผมลังเล"
"เราไม่เคยพบเจอ หรือรู้จักกันมาก่อน"
"แล้วไง"
"เอ้า!...คุณนี่"
"อย่าเซ้าซี้ให้มาก ผมเสียเวลามากพอแล้วที่โต้เถียงกับคุณ"
"ฉันไม่ได้ร้องขออยากกินข้าวกับคุณเสียหน่อย"
"ผมปล่อยเวลาผ่านโดยไร้ประโยชน์นานแล้ว...เอ๊ะ! หรือคุณคิดถ่วงเวลาเรียกค่าชดเชย"
"เหอะ~~ตลก ฉันไม่ใช่เด็กที่คิดแค่นั้น อย่าลืมว่านี่มันคือเวลาพักผ่อนของฉัน ป่านนี้เพื่อนฉันตามหาทั่ววุ่นวายแล้ว" ม่านฟ้าร่ายยาวถึงเหตุที่ควรจะเป็น เพราะเธอมากับบริษัททัวร์ที่ทุกอย่างต้องทำพร้อมกันตามที่บริษัททัวร์กำหนด การทานข้าว การตื่นนอน และนัดพบ ทุกอย่างล้วนถูกบริษัททัวร์กำหนดไว้แล้ว
"อยากพักผ่อน...อยู่กับผมตลอดไปซะสิ คุณอยากพักผ่อนที่ไหนก็ได้ตามที่คุณต้องการ" เชคฮ บราฮิมเสนอ
"บ้าเหรอ! คุณ...อ๊ะ อื้ม" เชคฮ บราฮิมไม่รอให้ม่านฟ้าได้พูดต่อ ความเสน่หาตรงหน้าที่ทำให้ชายหนุ่มเลือดร้อนอดไม่ได้ กลีบปากบางกระจับมันดึงดูดให้ เชคฮ บราฮิมเข้าหาและประทับริมฝีปากบดจูบอย่างไม่อาจห้ามใจได้
"อื้อ อ่อย..." ม่านฟ้าตาลุกวาวเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงเพื่อปิดกั้นลิ้นร้ายที่พยายามรุกล้ำเธอ เสียงปรามที่ม่านฟ้าพยายามเค้นพูด ใบหน้าเสลาพยายามเบือนหลบหนีแต่มีหรือจะรอดพ้น
...มือหนาแข็งแรงข้างหนึ่งกดตรึงรั้งท้ายทอยสาวให้แน่นิ่ง มือเล็กที่ไหวติงด้วยแรงบางเบาพยายามทุบตีไหล่กว้างเท่าที่แรงจะมี แต่ชายชาตรีตรงหน้าจับกดสองข้อมือเล็กตรึงกับผนัง หนทางหลีกหนีจึงแทบไม่มี
"อ๊ะ!" เชคฮ บราฮิม ขบกัดกลีบปากล่างเมื่อเธอนั้นปิดกั้น จนม่านฟ้าเผลอเปิดกลีบปากให้เรียวลิ้นสากเข้าไปชิมความหอมหวานในทันใด
...รสจูบอันเร่าร้อนที่ เชคฮ บราฮิม กำลังรุกล้ำความหวานในโพรงปากสาวจนแทบไม่อยากจะปล่อย เรียวลิ้นสากกวัดไกว่ดูดชิมรสหวานเป็นพัลวันอย่างเสน่หาต้องการ ร่างกายหญิงสาวแรกแย้มที่เหมือนกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน อารมณ์และการสัมผัสที่แปลกใหม่ที่ไม่คุ้นชินมันทำให้ม่านฟ้าอ่อนระทวยแทบยืนไม่อยู่ เหมือนร่างกายนั้นอ่อนแรงไร้การต้านทาน มือหนาซุกซนลูบไล้ลงผิวแขน ไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่ก่อเกิด
"หวานดีจัง" ชายหนุ่มละริมฝีปากออกในระยะประชิด สายตาคมมองหน้าหญิงสาวที่แน่นิ่งตัวสั่น
"อ๊ะ!...อย่า" เสียงต่ำแหบพร่าเอ่ยห้าม เล็ดรอดออกมาอย่างห้ามปราม เมื่อมือหนาสัมผัสเว้าวนตรงความสาวผ่านเนื้อผ้า ทำเอาม่านฟ้านั้นสะดุ้งตัวโหยง สัมผัสแรกใหม่ที่เธอไม่คุ้นชินและเชคฮ บราฮิมคือคนแรกที่ได้แตะต้องมัน ซึ่งนั่นจะต้องไม่ใช่แบบนี้ สิ่งมีค่าที่ม่านฟ้าหวงแหนเธอจะต้องมอบมันให้คนที่รักไม่ใช่คนที่เพิ่งพบเจอกัน
"ร่างกายคุณไม่ได้บอกแบบนั้น" ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เชคฮ บราฮิมไม่ได้สนใจเสียงม่านฟ้าที่ห้ามปรามสักนิด ร่างบางพยายามดิ้นให้หลุดพ้น แต่เชคฮ บราฮิมกลับบดเบียดแนบชิดกายแกร่ง อีกทั้งออกแรงเค้นคลึงความสาวหนักหน่วงขึ้น จนม่านฟ้าแทบเข่าทรุด แต่ชายหนุ่มก็ฉุดรั้งเอวไว้ด้วยลำแขนแกร่ง...เสียงด่าทอตัวเองในใจ ทำไมถึงต้องอ่อนไหวแบบนี้นะ เรี่ยวแรงที่มีหายไปไหนหมด...ม่านฟ้าได้แต่พร่ำในใจ
"อย่าค่ะ...อ๊ะ อื้ม ขอร้อง" มีหรือที่คนเอาแต่ใจจะฟัง อีกทั้งยังล้วงมือเข้าไปในร่มผ้า แม้นม่านฟ้าจะบิดเอวหลีกหนีก็ตาม เมื่อมือหนาสัมผัสเนินนูนที่ปกคลุมด้วยแพรไหมหยาบ ความเป็นชายก็ยิ่งกระสันตัณหามากขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ทำได้เพียงอดกลั้นอารมณ์ไว้
"ม่านฟ้า" ร่องความสาวที่ถูกคนเอาแต่ใจถูไถขึ้นลง จนอาบชื้นด้วยน้ำกามสาวที่หลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย สัมผัสนี้แม้สมองสั่งการให้ขัดขืนหลีกหนี แต่ร่างกายที่ตอนนี้กลับสวนทาง
"อ๊ะ! อืม ปะ ปล่อย อื้อ...เจ็บ" เสียบหวานแหบร้องปราม เมื่อนิ้วร้ายกลับสอดใส่เข้าไปในโพรงความสาวนุ่มนิ่ม ม่านฟ้าสะดุ้งตัวตกใจ เธออ่อนระทวยต่อเขาง่ายเพียงนี้เชียวหรือ
"ม่านฟ้า คุณ..." เชคฮ บราฮิมเอ่ยเรียกอีกทั้งยังตกใจเมื่อความสาวนุ่มนิ่มที่สัมผัสตอดรัดนิ้วมือเป็นห้วงๆ และยังคับแน่นดั่งสาวแรกแย้มเมื่อเขาสัมผัสสวนนิ้วเข้าออก "ผมโชคดี" จากสัมผัสที่ได้ชายหนุ่มก็รับรู้แล้วว่าเธอนั้นยังบริสุทธิ์
"อ๊ะ อื้อ อื้ม" กายสาวกระตุกเกร็งและความสาวขมิบตอดเร็วถี่ นั่นคือเธอนั้นได้ปลดปล่อยตัวตนออกมาจนหมด ร่างกายเบาหวิวล่องลอยเหมือนความหนักอึ้งหดหายไปในบัดดล...เรี่ยวแรงในการทรงตัวถดถอยเชคฮ บราฮิมผู้เอาแต่ใจเผยยิ้มอย่างภูมิในการเป็นคนแรกของเธอแม้นไม่ใช่ความเป็นตัวตนที่สอดใส่ แต่นั่นมันก็ทำให้เขาดีใจได้เมื่อนึกถึงอนาคตที่เขานั้นจะได้ครอบครองเธอ
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา