เสน่หามนตรา
บทที่ 9 - มารหัวใจ
เมื่อเสียงปริศนาภาษาอังกฤษดังขึ้นทั้งม่านฟ้าและครรชิต จึงเบนสายตาไปยังเจ้าของเสียง ชายหนุ่มรูปร่างสูง กำยำล่ำสัน ในชุดสูทสีเข้มกำลังเดินมุ่งตรงมาประชิดในการสนทนาของคนทั้งสอง พร้อมกับคนสนิทอย่างราชิตที่ติดสอยห้อยตามตูดมาไม่ห่างกาย "คุณม่านฟ้ารู้จักเขาเหรอครับ"
("ไม่ค่ะ/รู้") ม่านฟ้าและบราฮิมพูดขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดแนะ
"ฉันไม่รู้จักเขาค่ะ" ม่านฟ้าตอบปฏิเสธโดยไม่มองหน้าเชคฮ บราฮิมสักนิด
"ทำไมจะไม่รู้...เมื่อกี้เรายังทานข้าวด้วยกัน" เชคฮ บราฮิมสวนขึ้นทันที และเขาก็รู้ว่าตอนนี้ม่านฟ้านั้นโกรธและไม่พอใจเขาอยู่ และที่ตามมาก็หวังจะมาดูให้แน่ใจว่าเธอถึงห้องพักอย่างปลอดภัย แต่ไหนเลยถึงมาเจอม่านฟ้ากับชายที่คนนี้ จึงทำให้เขานั้นต้องแสดงตัว
"นี่คุณ!" ม่านฟ้าแผดเสียงดังใส่อย่างเหลืออดใส่เชคฮ บราฮิม ที่ยืนหน้านิ่งมองไปที่ครรชิตอย่างไม่วางตา
"ก็จริง ผมพูดผิดตรงไหน" เชคฮ บราฮิมยังคงพูดต่อโดยเจตนานั้นไม่ได้อยากทำให้ม่านฟ้าโกรธ เขาแค่ต้องการเเสดงตัวให้ครรชิตรู้เท่านั้น...คนฉลาดอย่างเขามีหรือจะมองครรชิตไม่ออกว่าคิดยังไงกับม่านฟ้า ผีเห็นผีเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
...ครรชิตที่ได้แต่ยืนมองคนทั้งสองเสวนากัน มองหน้าสลับกันไปมาอย่างสงสัย ชายผู้นี้เป็นใครเพราะมองยังไงเขาก็ไม่ใช่คนไทยแน่ๆ ครรชิตก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจเท่านั้น
"คุณม่านฟ้าพักผ่อนเถอะครับ...พรุ่งนี้เรามีไปหลายที่เดี๋ยวจะเหนื่อยเอา"
"ค่ะ" ม่านฟ้าตอบครรชิตพร้อมรอยยิ้มอ่อน
...เชคฮ บราฮิม ผู้ที่มองการสนทนาของทั้งสองคน รอยยิ้มนั้นที่เธอแสดงออกส่งไปให้ครรชิต รอยยิ้มที่มันควรจะมีแค่เขาคนเดียวที่ต้องได้เห็นมัน แต่ชายคนนั้นกลับเป็นผู้ได้รับ ซึ่งเธอไม่เคยแม้แต่จะยิ้มบางเบาให้เขาเลย นอกจากเสียงแหลมที่ดังแผดลั่น
"รีบไปซะสิ ม่านฟ้าจะได้พักผ่อน" เชคฮ บราฮิม พูดแทรกอย่างไม่พอใจ เมื่อรอยยิ้มใสๆ ของม่านฟ้าเขาไม่ได้รับ พาลหงุดหงิดไปเสียหมด เป็นไปได้อยากจะฆ่าหมอนี่ทิ้งซะให้รู้แล้วรู้รอด เพราะหมอนี่นั้นต้องเป็นมารหัวใจของเขาเป็นแน่
"แล้วคุณยุ่งอะไรด้วย!" นั่นไงสิ่งที่เชคฮ บราฮิมได้กลับมาคือแววตาขึงขัง น้ำเสียงเรียบเย็นดุจสายน้ำที่ไหลลงมาจากแม่น้ำบนเทือกเขาสูงก็ไม่ปาน
"ผมก็ห่วงคุณ กลัวพักผ่อนไม่เพียงพอ...นายก็ไปสิยืนรออะไรล่ะ" เชคฮ บราฮิมหันไปแยกเขี้ยวใส่ครรชิต แต่ครรชิตกลับหาได้สนใจเขาไม่
"สะเหล่อ...ฉันไม่ได้ขอ" ม่านฟ้าแหวเสียงใส่ เชคฮ บราฮิม ที่ยืนมองหน้าเธอนิ่ง
"เดี๋ยวฉันจะเข้าห้องพักแล้ว คุณครรชิตก็ไปพักเถอะค่ะ" ประโยคที่แตกต่าง น้ำเสียงที่หวานใสบอกกล่าวครรชิตอย่างนุ่มนวล
"ครับ...ฝันดีนะครับคุณม่านฟ้า" คำหวานที่ครรชิตเอ่ยกับม่านฟ้า สีหน้าและแววตาของเชคฮ บราฮิมนั้นเปลี่ยนไปทันที กล้าดียังไงมาบอกฝันดีกับผู้หญิงที่เขาหมายตา แต่ก็ไม่แสดงท่าทีออกไปมากนอกจากส่งสายตาดุดันมองไปเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้สะทกสะท้านต่อครรชิตเสียเลย
"เช่นกันค่ะ" ม่านฟ้าตอบกลับครรชิตพร้อมรอยยิ้มอ่อนส่งท้าย ก่อนครรชิตจะเดินจากไปทั้งที่ในใจนั้นนึกห่วงใยม่านฟ้าไม่น้อย แต่ก็ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของม่านฟ้ามากเกินไป บางทีเขาอาจจะรู้จักกัน
"ทำไมคุณต้องยิ้มให้มัน!" เชคฮ บราฮิมถามม่านฟ้าด้วยน้ำเสียงดุดันอย่างไม่พอใจ
"เรื่องของฉัน!...อ๊ะ!" พูดจบหวังจะเดินเข้าห้องพัก แต่ต้องเสียหลักเมื่อมือหนาของเชคฮ บราฮิมกระชากกลับจนม่านฟ้านั้นแทบปลิว
"ผมไม่ชอบ!"
"นั่นมันเรื่องของคุณ ไม่ใช่ฉัน"
"อย่าทำให้ผมโมโห"
"อย่ามาทำใหญ่โตกับฉัน"
"อยากลองดีใช่ไหม"
"คุณเป็นบ้าอะไร...รู้จักกันเหรอ? ก็ไม่!...ทำไมต้องมาวุ่นวายกับฉัน"
"ได้ม่านฟ้า"
"อ๊าย!!...ปล่อยฉันนะไอ้บ้า" ม่านฟ้าตัวลอยลิ่วเมื่อถูกเชคฮ บราฮิม อุ้มขึ้นพาดบ่าอย่างไม่ทันตั้งตัว มือเล็กทุบตีลงแผ่นหลังหนานั้นอย่างไม่ยั้ง เขารุกล้ำเธอเกินไปแล้ว
"อยู่นิ่ง ๆ ม่านฟ้า" เชคฮ บราฮิม ขบฟันแน่นอย่างอดทนต่อแรงทุบตีที่ม่านฟ้าประดังสาดใส่ด้วยกำปั้นเล็ก ราชิตที่ได้แต่เดินตามหลังแต่ไม่กล้าแม้จะห้ามปรามนายเหนือหัวทั้งที่อยากห้ามเหลือแสน แต่มีหรือหากสิ่งใดที่นายเหนือหัวต้องการ เขาจะขัดได้นอกจากทำตามคำสั่งที่นายเหนือหัวต้องการเท่านั้น
เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!
"อ๊าย...ฉันเจ็บนะ ไอ้คนป่าเถื่อน ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้" เมื่อสุดจะทนฝ่ามือหนาจึงฟาดลงแก้มก้นงามงอนที่แนบชิดกับแก้มของเชคฮ บราฮิม เสียงแหลมดังลั่นอย่างไม่อายสายใครที่มองมาตอนนี้เธอต้องการหลุดพ้นจากพันธนาการของชายคนนี้เป็นที่สุด
"ราชิตเปิดประตู" เสียงเข้มสั่งการอย่างดุดันเมื่อใกล้เข้ามาถึงห้องพักใหญ่สุดหรูหรา ราชิตวิ่งหน้าตั้งไปยังประตูเพื่อทำตามที่นายเหนือหัวสั่ง
ตุบ!!! แรงประทะของร่างกายหญิงกระทบลงพื้นที่นอนนุ่มจนเด้งตัวกลับเมื่อเชคฮ บราฮิม ปล่อยม่านฟ้าลง สายตาคมสีนิลของม่านฟ้าจ้องมองหน้า เชคฮ บราฮิม ด้วยแววตาเกรี้ยวกราด แทบอยากจะฆ่าชายตรงหน้าให้สิ้นใจให้รู้แล้วรู้รอดไป
"ไอ้บ้า! ไอ้คนโรคจิต! ไอ้..." ม่านฟ้าต้องสูบคืนคำด่าทอกลับลงลำคอในบัดดล เมื่อเชคฮ บราฮิม ชี้หน้าอีกทั้งส่งสายตาดุดันอย่างห้ามปรามเธอ จนเธอต้องสงบลงทั้งที่ข้างในนั้นโกรธแทบเป็นฟืนเป็นไฟ แววตาคมเข้มที่ม่านฟ้าจ้องมองอย่างกับต้องมนตร์สะกด ทำไมเธอต้องเงียบและนิ่งเมื่อได้มองดวงตาคู่นั้น...ไม่เข้าใจ
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา