Share

4

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-06 11:43:13

บทที่ 4

โจรปล้นจูบ

เพียงต้องการจะป่วนประสาท เธอถึงกับยอมล้มลงเพื่อให้ดูเหมือนพลัดตกบันได เพื่อให้แดนไตรปฏิเสธนัดที่มีต่อสิรินนภาและมาเฝ้าไข้เธอที่มีอาการบาดเจ็บ ทั้งๆที่เขาสัญญาจะพาอีกฝ่ายกลับบ้าน

ผลการรักษาพบว่าคนเจ็บไม่เป็นอะไรมากแต่เนื่องจากบัวหอมซึมลงอย่างเห็นได้ชัดจนแดนไตรร้อนใจและอยากให้เฝ้าดูอาการอีกคืนหนึ่งจึงขอหมอให้เธอแอดมิด

“น้องบัวเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหมครับพี่จะไปตามหมอมาให้” เกือบค่อนคืนเขานั่งเฝ้าไม่ไปไหน แม้แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังยังไม่ยอมลุกขึ้นไปรับ

“เจ็บค่ะ”

“เจ็บตรงไหน เจ็บมากไหมพี่จะไปตามหมอนะ” รีบลุกกระวีกระวาดแต่มือบางจับคว้าแขนเขาไว้พร้อมทั้งออกแรงบีบแน่น ยิ่งเขาถามด้วยท่าทีอ่อนโยนเป็นห่วง ก็ยิ่งมีความสับสนมากขึ้น

“ทำไมต้องทำเหมือนเป็นห่วงกันทั้งๆที่ถ้าไม่มีฉันสักคนคุณก็เป็นเจ้าของบริษัทได้โดยไม่มีใครตั้งคำถามหรือข้อครหาอยู่แล้ว คุณควรจะดีใจนะที่เห็นฉันเจ็บยิ่งฉันตายยิ่งต้องดีใจเพราะทุกๆอย่างมันจะเป็นของคุณโดยสมบูรณ์ไม่ต้องมาคอยทำท่าทางไม่ต้องการบริษัทฉันอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน” เค้นเสียงอย่างอัดอั้น ยิ่งมองหน้ายิ่งสับสนละคนผิดหวัง ชายหนุ่มไม่ตอบเพราะในใจรู้ดีว่าคุณหนูบัวหอมมีสิทธิที่จะต่อว่าอะไรกับเขาก็ได้เพราะอย่างไรก็ถือเป็นเจ้าชีวิต

“ใจเย็นๆก่อนนะครับ” หลังจากเงียบมานานถึงยอมเอ่ยอะไรออกมา

“ฮึ! ไม่ต้องทำเป็นหวังดีกับฉันได้ไหม คุณไม่ได้หวังดีต่อฉันเท่าไหร่หรอกเพียงแต่ไม่อยากให้ใครว่า ยิ่งออกงานด้วยกันแล้วฉันเจ็บตัวแบบนี้ยิ่งต้องรักษาหน้า” ตัดพ้อโวยวายใส่ไม่หยุดหย่อน “แย่งทุกอย่างไปจากฉัน ตอนนี้ชีวิตฉันล้มเหลวมันเลวบัดซบไปหมด กลายเป็นพนักงานกระจอกๆในบริษัทของตัวเอง คนขี้โกง” ว่าเขาแย่งทุกอย่างไป แดนไตรพยายามอดทนไม่ถือสา

“เดี๋ยวผมปอกผลไม้ให้กินดีกว่านะ” เขาใจเย็น เปลี่ยนเรื่องเพื่อให้เธอหลุดพ้นจากความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหลายโดยการเดินไปที่ตู้เย็นค้นหาผลไม้เตรียมจะทำมาปอกให้หญิงสาว

บัวหอมจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ยิ่งเขาทำราวไม่ทุกข์ร้อน เธอยิ่งทุกข์ร้อน ร่างบางปีนลงจากเตียงผู้ป่วย พุ่งตรงไปที่โต๊ะวางของซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล ก่อนจะหยิบคว้ามีดปลอกผลไม้ที่วางไว้ รอจังหวะที่เขาหันมา โชคดี เดชะบุญ สตินำพาที่ชายหนุ่มเป็นคนก้าวเดินโดยมีสตินำเลยหันกลับมาถูกคมมีดเฉี่ยวหน้าอกไปเล็กน้อย ไม่ได้ฝังลึกในอกอย่างที่หญิงสาวจงใจ

“คุณหนูจะทำอะไร” เขาถามหวังจะเรียกสติ แต่เธอไม่ฟังและไม่ตอบอะไรมุ่งที่จะประทุษร้ายเขาให้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของเธอบ้าง “อย่าทำแบบนี้นะครับไม่อย่างนั้นคุณหนูจะถูกมองไม่ดีที่ผมทำทุกอย่างผมมีเหตุผลนะครับ”

“เหตุผลบ้าบออะไรมาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน อาศัยตอนแม่ฉันป่วยยึดทุกอย่างไปงั้นเหรอ ไอ้คนขี้โกง ไอ้เด็กกำพร้า ไอ้คนไม่เจียมตัว”  บัวหอมยิ่งสติแตกที่เขาบังอาจหลอกลวงโกหกซึ่งๆหน้า

“ผมทำทุกอย่างเพื่อคุณหนูจริงๆ ผมยังบอกรายละเอียดตอนนี้ไม่ได้แต่เชื่อผมเถอะนะครับ ที่ทำแบบนี้เพราะผมรักและหวังดีกับคุณนายและคุณหนูจริงๆ” แดนไตรยังคงเชื่อว่าความรักที่เขามีมันจะช่วยให้คุณหนูคนงามใจอ่อนลงได้ แต่เขาคิดผิด

“เห็นฉันโง่นักหรือไง คนไม่เจียมตัวอย่างนายน่ะมันเลวที่สุด อย่าอยู่เลย!”

สิรินนภายังคงรอให้แดนไตรกลับมารับที่งานประมูล แม้จะรอเนิ่นนานกว่าสามชั่วโมงแล้ว แต่ยิ่งเข็มนาฬิกาหมุนเดินมากเท่าไหร่น้ำตาก็ยิ่งเอ่อคลอเพราะเขาไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาและตอนนี้ก็ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว ร่างบางเริ่มออกเดินเท้าเพื่อจะไปจับแท็กซี่กลับบ้าน พยายามทำใจและเข้าใจเพราะมันเป็นอีกครั้งที่เขาทิ้งให้เธอต้องรอเก้อ เหมือนไม่สนใจกันเลย เดินเงียบๆไม่ปริปากบ่นเพราะเป็นทางเลือกที่ตนเองเลือกเองแต่ต้น

เดินห่างออกมาถึงหน้าโรงแรม รถสปอร์ตคันหรูสีแดงเพลิงเลี้ยวปาดหน้าเข้ามาจอดจนแท็กซี่ที่ขับตามหลังมารีบเบรก กระจกฝั่งข้างคนขับถูกเลื่อนลงทำให้เห็นว่าคนขับคือนพพล

“รอใครหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มร้องถามจากในรถ

“ฉันรอแท็กซี่น่ะค่ะ” เธอกระทบกระเทียบไปถึงโอกาสขึ้นแท๊กซี่ที่หลุดลอยไปเพราะถูกเขาขับรถจอดตัดหน้าเมื่อครู่

“ขึ้นรถมาด้วยกันดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเอง”

“ขอบคุณมากนะคะคุณเบล ถ้าไม่ได้คุณเบลน่ะรีนได้เกินกลับแน่ๆค่ะ” พยายามชวนคุยให้ตนเองรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ให้คิดถึงแดนไตรที่ผิดนัดมากนัก

“แล้วแดนไตรเขาไปไหนล่ะครับ เห็นคุยกันว่าจะให้เขาไปส่งทำไมกลายเป็นให้คุณเดินแบบนี้ล่ะครับ” ต่อให้เจ้าตัวไม่คิดแต่นพพลก็พร้อมจะซ้ำเติมราวกับรู้อยู่แล้วว่าคนที่พูดถึงไม่มีทางกลับมา รู้ดีเพราะเห็นกับตาของตัวเองว่าบัวหอมทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างเจตนาเรียกร้องความสนใจ แต่เขาฉลาดพอที่จะเงียบเสียงและคอยปรากฏตัวในฐานะผู้พิทักษ์คนตกทุกข์ได้ยาก และได้เข้าใจความสัมพันธ์ของบุคคลทั้งสาม ได้เห็นว่าแดนไตรห่วงหวงหญิงสาวอีกคนพร้อมกับทั้งปฏิเสธสิรินนภาไม่ได้ งานนี้ชักจะสนุกเข้าไปใหญ่แล้ว

“คุณบัวหอมตกบันไดค่ะสงสัยต้องไปดูแล” ตอบส่งๆไป

“คุณกับแดนไตรเป็นแฟนกันเหรอ” คำถามตรงๆเสียมารยาทแบบนี้

“เปล่าคะ เราเป็นเพื่อนกัน”

“งั้นเหรอครับ ดีแล้วล่ะที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะคนที่ไม่ได้มีใจให้คุณแบบนั้นมีแต่จะทำให้คุณเสียเวลา รักมันกินไม่ได้หรอกนะคุณ” ผู้ชายปากเสีย! แต่โกรธแค่ไหนก็ยังคงต้องยิ้มไว้เพราะถึงยังไงก็อาศัยรถของเขากลับบ้าน สิรินนภาได้แต่โมโหอยู่ในใจ

“ตุ่นเขาเป็นคนดีและน่ารักค่ะ เขาสุภาพอ่อนโยนกับรีนและกับทุกคน ใครๆก็อยากจะฝากอนาคตไว้ด้วย เพราะเขาทำเพื่อสังคมตลอดเวลา คุณก็ต่างจากตุ่นนะคะ ทั้งๆที่เป็นนักธุรกิจเหมือนกัน แต่เหตุผลในการทำธุรกิจต่างกัน ดูอย่างตุ่นที่ทุกๆการลงทุนของเขาจะวางแผนในการช่วยเหลือสังคม มี CHR ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำธุรกิจอย่างรู้จักให้รู้จักเอื้อเฟื้อแบ่งปันให้คนอื่นๆที่ด้อยโอกาสและเป็นสุภาพบุรุษ แล้วคุณล่ะคะทำธุรกิจหรือลงทุนอะไรสักอย่าง ได้มองไปถึงการตอบแทนสังคมหรือสิ่งแวดล้อมบ้างไหม” เขามาพูดจากระทบกระเทียบแดนไตรของเธอก่อน จึงตอกกลับไปแบบนั้น นพพลเริ่มหน้าตูมแต่ก็ยังอยากจะเอาชนะ

“ความรักมันเป็นเรื่องไร้สาระ มันกินไม่ได้หรอกครับเราจะไปทำเพื่อคนอื่นทำไมมากมาย คนเราลงทุนอะไรไปก็ต้องหวังผลกำไรทั้งนั้น”

“ทุนนิยมจริงๆนะคุณ” ว่าเบาๆ “ความคิดคุณต่างกับตุ่นนะคะ สำหรับตุ่นแล้วความรักและหวังดีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เป็นความคิดแบบสุภาพอ่อนโยน เขาคิดถึงและเห็นอกเห็นใจคนอื่นและมอบผลกำไรให้กับมูลนิธิเด็กกำพร้า เด็กด้อยโอกาส เป็นทุนการศึกษา แค่นี้ก็รู้แล้วค่ะว่าทัศนคติแบบไหนที่ผู้หญิงเราควรจะฝากอนาคตไว้ ความรักมันกินไม่ได้ก็จริงค่ะเพราะยังไงผู้หญิงก็ต้องรู้จักหาเลี้ยงตัวเอง แต่ความรักมันหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณได้ความภาคภูมิใจมันต่างกันค่ะ”

คนเสียหน้ายิ่งอยากจะเอาชนะมากขึ้น “รักของคุณคงจะหมายถึงแต่ไอ้ตุ่นสินะ ผมจะบอกอะไรคุณนะรีน รักมันเรื่องไร้สาระ มันกินไม่ได้ คุณเองก็เหมือนกันอย่าจมปลักกับผู้ชายที่มันไม่ได้มีสายตาไว้มองคุณหน่อยเลย เห็นชัดเจนจะตายว่ามันเสน่หาคุณบัวหอมขนาดไหน!” เขามองว่าผู้หญิงคนนี้น่ารำคาญเสียยิ่งกว่าอะไรพูดอะไรไปก็เถียงเหมือนกับไม่ยอมรับความจริงก่อนจะหักรถจอดริมทาง หันหน้ามาเตรียมจะสู้รบกับอาการสรรเสริญเยินยออีกฝ่ายจนหักหน้ากันขนาดนี้

“ตุ่นเขาเป็นคนดี” ยังเถียงกระปอดกระแปดแต่ตนเองน้ำตารื้น เจ็บไม่ชินกับความจริงที่ยอมรับอย่างยากลำบาก เธอโง่อย่างที่เขาสื่อนั่นแหละ ไม่ยอมรับความจริง

“ดูเหมือนอะไรก็จะมีแต่นายตุ่นนะครับ ในเมื่อคุณเฝ้ารักนายตุ่นแบบถวายชีวิตขนาดนี้แล้วแม่ของคุณทำไมถึงต้องการให้เราแต่งงานกันนัก รักมันเป็นเรื่องไร้สาระนะคุณรีน เอาเวลาไปทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กว่านี้ดีกว่าไหม” หันมาถามตรงๆด้วยท่าทีฉุนโกรธ

สิรินนภาขยับตัวหนีด้วยความระแวดระวัง เมื่อครู่ด้วยความฉุนที่เขาบังอาจมาดูถูกความรักของเธอ ความรักใคร่สนิทสนมยาวนานนับสิบปี ความรักที่เฝ้ารอให้เขาหันมาอีกหกปีกว่า มันไม่ใช่สิ่งที่จะดูถูกกันได้ “ฉันจะรู้สึกยังไงมันก็เรื่องของฉัน คุณอย่ามาเอาทัศนคติติดลบของตัวเองมายัดเยียดให้คนอื่นนะ” ว่าเข้าให้ ยิ่งคุยกันก็เหมือนว่าคุยไม่รู้เรื่อง แล้วอะไรคือความเหมาะสมที่จะให้เธอตกล่องปล่องชิ้นแต่งงานกับคนทัศนคติเลวร้ายแบบนี้

“ปล่อยนะคุณเบล” รีบร้องห้ามเสียงหลงเมื่ออยู่ๆข้อมือบางถูกจับมาบีบไว้แน่น เนื่องจากสภาพรถที่เรียวเล็กตามแบบรถสปอร์ตมันเลยไม่เอื้ออำนวยให้ขยับตัวหนี เพียงคนขี้โมโหเอื้อมมือเข้ามาก็รั้งให้ร่างบางมาดิ้นขลุกขลักอยู่ตรงหน้าเขาได้แล้ว

“เท่าที่พูดมาทั้งหมด ผมมันไม่มีอะไรดีสู้ไอ้ตุ่นมันเลย” ต่างฝ่ายต่างจดจ้องกันด้วยสายตาร้อนแรงและไม่มีการยอมแพ้ สำหรับสิรินนภาไม่ยอมให้เขามาดูถูกความรักและคนดีๆอย่างแดนไตร ในขณะที่นพพลนั้นอิจฉาริษาอยากจะแย่งชิงทุกอย่างที่ไอ้เด็กกำพร้านั้นมี ทั้งๆที่เขาเหนือกว่าอีกฝ่ายทุกอย่าง ฐานะ ชาติตระกูลแต่เขากลับเป็นที่สองต่อจากแดนไตรนับตั้งแต่ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในอเมริกา ถึงจะต่างคนต่างอยู่แต่มันก็ข่มข้ามหน้าข้ามตากันอยู่ ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน เกรด จนเรียนจบก็ยังมีการแข่งขันด้านการลงทุน แต่ก็ยังลำพองใจอยู่ได้บ้างที่เรื่องความเจ้าชู้นั้น แดนไตรไม่มีวันชนะเขาได้จนบางครั้งยังถูกครหาว่ามีรสนิยมแบบไม่ชอบผู้หญิง ที่ไหนได้ กลับมากิ๊กกั๊กกันอยู่กับอาจารย์สาวสวยอย่างสิรินนภาและคุณหนูแห่งเศวต กรุ๊ปที่เหลือแต่เปลือกนี้เอง

“ใช่!” แต่ยิ่งตอบยิ่งถูกรั้งให้เข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้นไปอีก แดนไตรต่างหากที่ไม่มีทางสู้เขาได้ เด็กกำพร้าที่ได้ใจสิรินนภาไปครอง แต่ก็ไม่รู้จักเห็นคุณค่า เอาเถอะยิ่งอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาว่าไม่ต้องการเขา มันก็ยิ่งสนุกที่จะรีบจัดงานแต่งงานและทรมานใจผู้หญิงโง่เง่าจมปลักคนนี้ ที่คิดว่าตัวเองสวยเลือกได้เสียเต็มประดาถึงได้กล้าเอ่ยปากปฏิเสธเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งๆที่บรรดานางเอกและนางแบบไฮโซมากมายเข้าแถวรอขึ้นเตียงกับเขา

“แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขากับผมมีเหมือนๆกันและเผลอๆผมมีมากกว่า ความเป็นผู้ชายไงล่ะ” มือเรียวตะปกไปที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายก่อนจะออกแรงรั้งเธอเข้ามาใกล้ชิดจนคนที่ไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายที่ไม่สนิทขนาดนี้รู้สึกสะพรึง เริ่มฝืนตัวเองจะหนีแต่ก็เหมือนจะไม่ทันการเสียแล้ว

“ยะ...อย่า” ร้องห้ามยังไม่เต็มเสียงดีศีรษะสวยก็ถูกตรึงไว้ พร้อมๆกับริมฝีปากหยักได้ประกบเข้ามาปกปิดเสียงไม่ให้เล็ดลอดออก มืออีกข้างบีบรวมข้อมือบางไว้แน่นยามที่ความนุ่มลื่นพยายามแทรกแซงเข้ามาปัดป่ายชิมรสชาติละมุนออกขมอ่อนๆด้วยรถของเบียร์สดที่สิรินนภาดื่มไปเมื่อต้นชั่วโมงก่อน

ยิ่งดิ้นรนเขาก็ยิ่งงัดกลยุทธ์ของเทคนิคใหม่ๆมาใช้ในการปราบให้สาวพยศอยู่กับที่ แต่นพพลเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าสำหรับอาจารย์สาวสุดสวยคนนี้ต้องใช้แรงให้มากขึ้นจนปลายลิ้นได้กลิ่นคาวเลือด จวบตนพอใจถึงจะถอนจูบออกริมฝีปากอิ่มถูกกระแทกบดเบียดจนมีเลือดสีแดงสดซึมออกมาให้เห็น คนถอนจูบไปยังมีการเย้ยเยาะด้วยการเค้นยิ้มพร้อมทั้งยกนิ้วโป้งลูบคลึงริมฝีปากบางที่กำลังบวมเจ่อเพราะถูกบดเบียดจุมพิตแรงๆ

พอได้หายใจเข้าลึกๆ เริ่มเจ็บที่ริมฝีปากจึงรู้ว่าตนเองสมควรโกรธและตะบันหน้าเขาสักสามที แต่สติก็ช่วยยั้งชั่งใจไว้ หญิงสาวโกรธจนสัมผัสได้ว่าปลายประสาทมันมีไฟฟ้าสถิต ความเครียดแล่นในสมองเป็นริ้วๆจนหายใจกระชั้น มือบางกำเข้าหากันแน่นด้วยความโกรธและตกใจ ริมฝีปากที่ถนอมไว้ให้ชายผู้ที่อยู่ในใจ กลับถูกฉวยโอกาส

ผู้ชายฉวยโอกาสแบบนี้ ต้องถูกสั่งสอน นพพลคิดว่าจะถูกตบตามตำราหญิงตบชายจูบ แต่เปล่าเลยสิรินนภานั่งเงียบเสมองไปด้านนอกตลอดเวลาจนกระทั่งส่งเธอถึงบ้าน เธอยกมือไหว้เป็นการขอบคุณที่มาส่งและลงจากรถไป ก้าวเข้าบ้านอย่างรวดเร็วโดยไม่หันมาส่งสายตาตัดพ้อหรือมองกลับมาเลยสักนิด หมาป่าเจ้าเล่ห์เกิดย่ามใจที่เอารัดเอาเปรียบได้และหญิงสาวไม่โวยวาย ข่มเหงได้ครั้งแรกมันก็จะมีครั้งต่อไป เอาเปรียบได้ตั้งแต่ต้นก็จะเอาเปรียบได้ตลอด เขาเชื่ออย่างนั้น

ยิ่งเขาเอาคำว่ารักและเป็นห่วงมาอ้าง ยิ่งทำให้คุณหนูบัวหอมโกรธแค้น จนมือที่จับมีดเกร็งสั่น

“อย่าเอาคำว่ารักและคำว่าห่วงมาอ้างกับฉัน คุณมันคนเห็นแก่ได้ คนขี้โกง” ความผิดหวัง สิ้นหวังและเจ็บปวดจากความรู้สึกที่ถูกแย่งชิงทรยศทำให้เค้นเสียงใส่เขาอย่างยากลำบาก ยิ่งด่า ยิ่งย้ำยิ่งเจ็บปวด เขาทำให้เธอผิดหวังมาก ไม่คาดคิดมาก่อนว่าพี่ตุ่นที่แสนดีจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนฉ้อโกงแย่งชิงทุกอย่างไปจากเธอแบบนี้

“คุณหนูใจเย็นๆก่อนนะครับ” ตัดสินใจเข้าชาร์จเพื่อจะแย่งมีด แต่คนโกรธรู้ตัวก่อนรีบกลับหลังหันเพื่อไม่ให้เขาเข้าแย่งชิงได้

“อะไรที่อยู่ในมือฉันคุณไม่มีทางแย่งไปได้ทุกอย่างหรอกนะ” ตวาดข่มขวัญ ร่างบางเงียบเสียงลงเมื่อมือแข็งขยับเข้ามาสวมกอดบริเวณเอวคอดกิ่วของตนแทนการยื้อยุด

“ผมรักคุณหนูจริงๆ ผมหวังดีกับคุณหนูจริงๆ เชื่อผมเถอะนะ” ใจชายเจ็บปวดร้าวราน อึดอัดกับสิ่งที่กำลังเป็นอยู่

“รักเหรอ ฮึ! โกหกหน้าไม่อายปล่อยฉันนะอย่ามาแตะตัวฉัน” ยิ่งดิ้นรนอ้อมแขนที่กอดไว้อยู่ก็ยิ่งรัดแนบแน่นขึ้น และความรู้สึก รัก สับสน ผิดหวัง โกรธแค้นมันยิ่งชัดเจน

“พี่ตุ่นรักน้องบัวที่สุด พี่ตุ่นรักน้องบัวเสมอ” ร่างบางหยุดหอบหายใจ คำว่ารักทำให้หัวใจไหวเอน เสียงทุ้มกังวานอยู่ในใจคนฟังมันอบอุ่นจนไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือความจริง แต่เรี่ยวแรงพยศก็เริ่มหมดไปตามใจที่มันอ่อนยวบลง

“แล้วทำไมถึงทำกับบัวแบบนี้ ทำไมถึงทำให้บัวไม่เหลืออะไรเลยแบบนี้” ไม่มีคำตอบแต่ร่างสูงกอดซบไหล่บางแน่นขึ้น ฝังจมูกลงบริเวณนวลเนื้อหอมหวานของซอกคอขาว แอ่งชีพจรนั้นกำลังเต้นอยู่ด้วยความทรมาน บัวหอมได้แต่น้ำตาร่วงเงียบๆ คนๆนี้ คนที่ทั้งรัก ทั้งแค้นและผิดหวัง เธอสู้อดทนเก็บกักความคิดถึงไม่เรียกร้องที่จะพบเจอเขาตลอดเวลาสิบกว่าปีเพื่อให้ต่างคนต่างถึงเวลาเหมาะสมที่จะกลับมาพบกัน แต่พอพบกันอีกครั้งทุกอย่างที่เป็นของเธอกลับถูกชายที่ไว้ใจที่สุดนั้นพรากไป

“พี่ขอโทษ” คำตอบเดียว คำตอบเดิมของเขายังคงเป็นคำว่าขอโทษ และคำนี้มันทำให้อารมณ์โกรธที่เบาลงกลับปะทุขึ้นมาใหม่และพุ่งสูงขึ้นกว่าเดิม ร่างบางสะบัดตัวจนหลุดก่อนจะหันมาพยายามประทุษร้ายชายหนุ่มอีกครั้ง และคราวนี้มันไม่พลาด

เกิดการยื้อยุดอีกหน ในจังหวะที่แดนไตรอ่อนแอนั่นยิ่งทำให้คนอาละวาดได้เปรียบ ร่างบางโถมแรงเข้าหาเขามากขึ้นจนมีดปลายแหลมมันฝังเข้าไปในเนื้อหนังของกายกำยำ เลือดซึมออกมาจากปากแผลบริเวณหน้าท้องที่มีดบาดทะลุเข้าไป ร่างสูงก้าวถอยหลังก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น หน้าซีดหน้าเสียที่ได้รับบาดเจ็บและเข้าใจแล้วว่าคุณหนูบัวหอมเกลียดชังเขาขนาดไหน

“พะ...พี่ตุ่น” พอเห็นเลือดอีกฝ่ายถึงเริ่มได้สติ

ทิ้งมีดในมือลงพร้อมๆกับทิฐิและความแค้นก่อนจะรีบถลาเข้ามาดูอาการคนเจ็บ “พี่ตุ่นคะ” เสียงสั่นด้วยความตกใจกลัว ยิ่งเห็นเลือดทะลักออกมายิ่งกลัว

“พี่ตุ่นคะ น้องบัวขอโทษพี่ตุ่นเจ็บไหม” ใบหน้าคมคายซีดเผือดเพราะตกใจและเสียเลือด หญิงสาวไม่ใช่แค่ขู่แต่เธอเชือดเขาจริงๆ

“ถ้ามันทำให้คุณหนูสบายใจขึ้น ผมขอชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด คุณหนูจะฆ่าจะแกงผมก็ได้แต่ขอร้องให้เชื่อผมว่าทุกอย่างที่ทำไปผมมีเหตุผล” ปลงตกกับชีวิตแบบนี้ ชีวิตที่ถูกตราหน้าคาดโทษว่าเป็นไอ้ขี้โกง

“ไม่ต้องพูดแล้วนะคะ” คนฟังสายหน้าพรืด สติแตกไปหมดกับคำพูดเหมือนการสั่งเสียสั่งลาแบบนี้ “น้องบัวขอโทษที่ทำให้พี่เจ็บนะคะ บัวจะรีบไปตามหมอมาให้ค่ะ” ร่างบางรีบวิ่งออกไปตามพยาบาลเวรที่อยู่นอกห้อง ทำให้แดนไตร บรรดาพยาบาลเวร แม้แต่เจ้าตัวได้รู้ว่า แท้จริงแล้วการตกบันไดเมื่อตอนหัวค่ำไม่ได้ทำให้บัวหอมบาดเจ็บอะไรมากมาย หรือไม่ก็ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนเลย

ผลปรากฏว่าคืนนี้คนที่นอนเฝ้าไข้กลับกลายเป็นบัวหอม เธอนอนผวาอยู่บนเตียงคนป่วย ตกใจกับการเห็นเลือดของอีกฝ่าย รู้แก่ใจดีว่าไม่ได้อยากจะเห็นเขาเลือดทะลักขนาดนี้แต่ความแค้นมันยังคงบังตา กุมมือเขาไว้ตลอดเวลาไม่ยอมห่าง รู้สึกผิดและเฝ้าขอโทษตลอดเวลา ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาเสียขวัญที่เห็นเลือดของเขาทะลัก

“ไม่ร้องนะครับน้องบัวพี่ไม่เป็นอะไรแล้ว” คอยยกมือเช็ดน้ำตาออกให้ บัวหอมไม่ตอบอะไรอีกเลย เอาแต่ร้องไห้ จนแดนไตรใจคอไม่ค่อยดี แต่เขาไม่มีทางรู้ภายในใจของอีกฝ่ายว่าม่านน้ำตา นั้น ซุกซ่อนแผนการที่จะทวงคืนทุกๆอย่างและรอคอยจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการทวงคืนทุกสิ่งไว้อย่างเป็นระบบแบบแผน

“พักผ่อนเถอะนะ ไม่ต้องร้องแล้ว” ปลุกปลอบอย่างอ่อนโยนจนในที่สุดก็เงียบเสียงร้องไห้ ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆด้วยความเอ็นดูเมื่อสาวเจ้ายกแขนทั้งสองข้างขึ้นมา เป็นสัญลักษณ์ที่ทั้งคู่ใช้กันตั้งแต่ยังเป็นเด็กว่าให้เขาอุ้มแต่พอเติบโตขึ้นมาหน่อยจะกลายเป็นสัญลักษณ์ให้อีกฝ่ายเข้ามากอดแทน คุณหนูคนดีของเขากลับมาแล้ว น้องบัวที่รักพี่ตุ่นที่สุดกลับคืนมาแล้ว ร่างสูงขยับขึ้นมานอนด้วยกันที่เตียงคนป่วย สอดแขนกำยำให้อีกฝ่ายซุกซบต่างหมอน ลูบไหล่บอบบางเบาๆปลอบใจ ความรักใคร่เสน่หาหวนกลับคืนสู่กลางใจของชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ดีเสมอ

“น้องบัวขอโทษนะคะพี่ตุ่น” อ้อมกอดที่คิดถึงยังอบอุ่นเสมอ แต่มันเจ็บปวดใจเพราะความแค้นมันกดดันเข้ามา แต่หญิงสาวพยายามเก็บอารมณ์โกรธแค้นให้ลึกสุดใจไว้ก่อน ให้อีกฝ่ายตายใจ

“ไม่เป็นไรครับ” เป็นฝ่ายชายเองที่ขัดเขิน แต่ก็แอบสูดกลิ่นหอมสะอาดสะอ้านของหญิงสาวในดวงใจเข้าเต็มปอด กลิ่นของเธอค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับคนที่ไม่ได้เจอกันตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ มันกลายเป็นกลิ่นเฉพาะของหญิงสาวที่เติบโตขึ้นและไม่ได้พบเจอกันนานนับสิบกว่าอีก วูบหนึ่งพลันเปลี่ยนแปลงจากความรักและเอ็นดูแบบพี่ชายและน้องสาว ซึ่งเป็นครอบครัวที่มีพระคุณต่อเขาล้นเหลือ กลายเป็นหญิงงามพราวเสน่ห์ที่ชวนให้ตื่นเต้นกระชุ่มกระชวยจิตใจที่ไม่เคยมีหญิงใดแทรกซึมเข้ามาก่อน บัวหอมอยู่ในใจของเขามาเนิ่นนาน เขารักเธอมากยิ่งเธอเติบโตก็ยิ่งรัก

คืนนั้นทั้งคืนแดนไตรนอนเข้าสู่ห้วงแห่งกาลเวลาอย่างสบายใจ ลืมหมดความเจ็บปวดจากบาดแผล แต่กว่าจะหลับลงได้คนที่เป็นสุภาพบุรุษเสมอมากลับต้องใช้สมาธิอย่างมากในการข่มใจไม่ให้จมูก ปากและมือไปทำอะไรลุ่มล่ามกับร่างบางที่กอดซบอยู่ ในเมื่อเธอไว้ใจให้เขากอดขนาดนี้ ใกล้ชิดเท่านี้ก็ดีมากที่สุดแล้วสำหรับนางฟ้าในดวงใจของหมาวัดตัวนี้

รอจนลมหายใจของเขาสม่ำเสมอแววตาหวานเชื่อมคู่งามที่จดจ้องเขาทั้งคืนจึงโชนแสงแรงกล้าความเครียดแค้นที่รอคอยวันสะสาง ‘อะไรที่เป็นของฉัน ฉันจะทวงกลับคืนมาให้หมด!’ บัวหอมมีปณิธานในใจต่อคนที่เธอกำลังกอดซบ รู้และเข้าใจว่าแดนไตรรักเธอ ไม่ใช่รักเพียงเพราะแค่เธอเป็นลูกสาวผู้มีพระคุณ แต่เขารักเธอมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้น เธอจะใช้ความรักของเขาเป็นหมากในการเดินหน้าชิงทุกอย่างที่เป็นคนของเธอกลับคืน คนไม่เจียมอย่างเขาจะต้องผิดหวังและกลับออกไปตัวเปล่า!

วันนี้แทบจะทำงานไม่รู้เรื่อง นพพลเอาแต่เฝ้าคิดถึงความนุ่มลื่นเปียกชื้นที่เขานั้นได้มีโอกาสสัมผัสมันเมื่อคืน ไม่น่าเชื่อว่าปากที่คอยพูดแต่หลักการและวิชาการกลับมีรสชาติหวานล้ำชวนให้หวนคิดถึงทั้งคืนทั้งวันจนแทบจะไม่เป็นอันทำงาน

ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังสามครั้งติดก่อนที่ร่างเพรียวสวยของเลขาหน้าห้องจะเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

“คุณเบลคะ ตำรวจมาขอพบค่ะ” เลขาสาวอ้อมๆแอ้มๆบอก เกรงว่าเจ้านายตนจะเสียหน้าเพราะมีตำรวจบุกมาหาถึงบริษัท หากเรื่องนี้รู้เข้าถึงหูท่านประธานใหญ่และคุณนาย เธอคงไม่วายถูกตำหนิหรืออาจถึงขั้นไล่ออก ข้อหาปล่อยให้ตำรวจพร้อมหมายจับเข้ามาหาท่านรองประธานรูปหล่อหรือลูกชายของท่านประธานใหญ่ถึงในห้องทำงาน

นพพลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ใบหน้านิ่งสงบเมื่อเห็นตำรวจสองนายเดินเข้ามาพร้อมเลขาสาว “มาพบผมโดยที่ไม่นัดก่อนแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” ถามด้วยเสียงเย็นๆ ไม่ได้กังวลอะไรเพราะเชื่อว่าไม่ได้ทำอะไรผิดหรือก่อเหตุร้ายแรง การซื้อขายหุ้นของเขาถูกกฎหมายและเสียภาษีถูกต้อง แม้เขาจะมีมุมมองที่เห็นแก่ได้แต่สาบานได้ว่าธุรกิจของเขาใสสะอาดแน่นอน ก่อนจะขรึมลงเมื่อเข้าใจสถานการณ์ในทันทีที่ร่างสูงโปร่งก้าวตามเข้ามาเป็นคนสุดท้าย

“ฉันพาตำรวจมาจับผู้ก่อเหตุอนาจารค่ะ” หญิงสาวอีกคนเดินเข้ามาในห้องทำงานเป็นคนสุดท้ายเป็นฝ่ายพูดขึ้น ท่าทางของเธอยังทระนงไม่ยินยอมให้ผู้กระทำผิดข่มเหงได้ง่ายๆและจะขอเรียกร้องในฐานะเหยื่อของผู้ชายมักมากให้เขาได้รับโทษอย่างสาสม ก่อนจะหันไปทางนายตำรวจยศจ่าทั้งสองเพื่อชี้ตัวผู้ก่อเหตุ “คนนี้แหละค่ะคุณตำรวจ คือนายนพพลผู้ที่ก่อเหตุลวนลามกระทำอนาจารกับดิฉัน” น้ำเสียงของสิรินนภาฉะฉานฟาดฟันคนผิด ในช่วงเช้าที่ผ่านมา เธอเดินเข้าสน.ใกล้บ้านเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนพพลข้อหาล่อลวงและพาบุคคลอื่นไปทำอนาจารในทันทีที่ถึงเวลาราชการ ความโกรธที่ถูกเขาชิงจูบแรกไปทำให้ไม่มีความอายที่จะเล่าเหตุการณ์ให้ร้อยเวรบนโรงพักฟังเลยสักนิด อาจารย์สาวเป็นผู้หญิงยุคใหม่ ที่พบเจอเรื่องกดขี่ทางเพศแล้วจะไม่เหนียมอายในการเรียกร้องสิทธิสตรีให้ตนเอง

แววตาคมกล้าของนพพลยังคงเรียบเฉยแต่ภายในนั้นโชนแสงแห่งความโกรธและเสียหน้าอยู่ลึกๆที่เขาจูบเธอเมื่อคืน เช้าวันนี้เธอไปแจ้งความจะจับเขาให้ได้ ผู้หญิงคนนี้ช่างพยศได้อย่างน่าปราบปรามให้สิ้นลายแม่เสือสาว

“ผมคงต้องขอเชิญตัวคุณนพพลไปให้ปากคำที่โรงพักตามที่มีการแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้” นายตำรวจหมายถึงเหตุลวนลามอนาจาร

“ครับ เอาตามนั้นเลยครับ” นักธุรกิจหนุ่มจ้องตาหญิงสาว ก่อนจะยอมเดินตามนายตำรวจทั้งสองงและสิรินนภาเพื่อไปโรงพักโดยง่าย แต่ในเมื่อเธอเล่นงานเขาขนาดนี้มันต้องมีการถอนทุนคืนแน่นอน

เป็นที่กล่าวถึงทั่วทั้งบริษัทเมื่อมีตำรวจบุกเชิญตัวท่านรองประธานของพวกเขาถึงห้องทำงาน ร้อนรนถึงประธานบริษัทและคุณนายผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่เห็นลูกถูกตำรวจพาไป สน. แล้วคนที่แจ้งความจับก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นสิรินนภาลูกสาวคนโตของเพื่อนรักที่ไปพูดคุยทาบทามสู่ขอกันใหญ่โตเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เอง เห็นแบบนี้นางวิมลรีบต่อสายโทรศัพท์หาอลิสาเพื่อนรัก

“ยัยรีนลูกสาวของหล่อนแจ้งความจับลูกชายฉันข้อหาไปลวนลามกระทำอนาจาร!” น้ำเสียงร้อนรนบอกกับปลายสาย

สุดท้ายแล้วคดีก็สิ้นสุดอยู่ที่การลงบันทึกประจำวันด้วยอำนาจของประธานใหญ่แห่งรัตนาสกุลและการถูกบีบบังคับจากคนเป็นแม่ของสิรินนภา จากกระทำอนาจารกลับกลายเป็นการเข้าใจผิดกัน

“หนูรีนจ๊ะ ป้าว่ามีอะไรเราค่อยๆตกลงกันก่อนเถอะนะ” ถึงแม้จะทำให้อีกฝ่ายถอนแจ้งความได้แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรวมทั้งชายหญิงยังต้องมานั่งคุยกันในห้องรับแขกของบ้านอาจารย์สาว

“นั่นสิยัยรีน ถึงยังก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันอยู่แล้วงอนอะไรพี่เขาก็พูดกันดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องเรียกร้องความสนใจขนาดนี้เลย” คนหลงลูกเขยถึงขนาดดุด่าลูกตัวเองยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับการยัดเยียดงานแต่งคลุมถุงชน ก็นางถูกใจลูกเขยคนนี้ถึงจะเจ้าชู้ไปหน่อยแต่ก็เหมือนสิรินนภาได้เข้าไปเป็นหนูในถังข้าวสาร มีกินมีใช้ไม่หมดแน่นอนและอีกอย่าง เป็นคนเจ้าชู้อย่างนพพลยังอยู่ในสายตาและมีค่าเพราะได้แต่งงานกว่าอยู่อย่างไม่มีสถานะกับนายแดนไตรนั่น

“แม่คะ” อาจารย์สาวเรียกแม่ด้วยความตกใจ เพียงเพราะเธอกำลังจะขึ้นคาน เพียงเพราะเธอชัดเจนว่ารอคอยแดนไตรแม่ถึงกับประเคนเธอใส่พานให้คนอื่น ทั้งๆที่แม่ควรจะให้กำลังใจและส่งเสริมให้เธออยู่คนเดียวให้ได้อย่างเข้มแข็งหากไม่มีชายที่พึงเชยจริงๆ หนำซ้ำยังทำราวกับว่าเธอเป็นเด็กชอบเรียกร้องความสนใจที่ไปแจ้งความจับนพพลเพราะถูกเขาจูบอีกด้วย “เขาล่วงเกินลูกสาวแม่นะคะ แม่ต้องโกรธเขาสิไม่ใช่โกรธรีน”

นพพลที่ฟังอยู่ถึงกับยกมุมปากกระหยิ่มยิ้ม งานนี้มีแต่คนเข้าข้างเขาและตำหนิติเตียนสิรินนภา “ผมยอมรับครับว่าผมล่วงเกินคุณรีน ผมชอบคุณรีนมากและเธอก็สวยงามน่ารักเลยอดใจไม่ไหวต้องจูบเธอ ความจริงแล้วมันก็เป็นเรื่องปรกติของผู้ชายผู้หญิงที่กำลังจะแต่งงานร่วมชีวิตกันนิครับ” คำพูดของนพพลทำให้ทุกคนทั้งสองบ้านส่งเสียงเห็นด้วย ไม่มีอะไรเสียหายเพราะอย่างไรก็ต้องตกล่องปล่องชิ้นกันอยู่แล้ว

“นี่คุณ!” ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเจอแบบนี้ แล้วไหนจะท่าทีเห็นด้วยสุดฤทธิ์ของบรรดาผู้ใหญ่ที่มีเวลาว่างเหลือเฟือ คอยจับคู่ให้ลูกหลานอย่างไม่สนใจยุคสมัย และเธอจะไม่มีวันยอมให้ร่างกาย ชีวิต จิตใจของเธออยู่ใต้บงการใครเด็ดขาด!

“รีนไม่ได้อยากแต่งงาน มันไม่ใช่ทางออกนะคะ รีนต้องการให้คนฉวยโอกาสนั้นเข้าไปนอนในคุก ตุ่นรู้จักกับรีนมาเป็นสิบปี เขายังไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับรีนเลยแล้วเขาเป็นใครอยู่ๆมาลวนลามกันแบบนั้น”

“อะไรก็ตุ่น อะไรก็ผู้ชายคนนั้น แม่ถามจริงๆเถอะนะรีนถ้าตาเบลเขาเจตนาจะล่วงเกินแบบมักง่ายจริงๆเขาจะถือพานขอขมาและขอรับผิดชอบโดยการแต่งงานทำไม อย่าเรื่องมากได้ไหมยายรีน แต่งๆไปเถอะเสียหายขนาดนี้” คนเป็นแม่ยังคิดว่าตนเองหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกอยู่และตรรกะเริ่มผิดเพี้ยนเพราะลูกสาวต่อต้านสุดแรงฤทธิ์

“รีนเป็นเหยื่อนะแม่ ทำไมทุกคนทำเหมือนเป็นคนผิดล่ะคะ” ยังคงเรียกร้องให้เห็นหัวกันบ้าง แต่เปล่าเลยพวกผู้ใหญ่ยุคหลังสงครามยังคงมองมาอย่างเอือมระอาเหมือนเธอเป็นเด็กเรียกร้องความสนใจที่เฝ้าแต่เรียกร้องมากขึ้นๆ

“คุณรีน ใจเย็นๆก่อนเถอะเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมขอแสดงความรับผิดชอบโดยการดูแลคุณไปตลอดชีวิตนะ” นพพลเหมือนรู้จังหวะว่าช่วงเวลานี้อาจารย์สาวโกรธขั้นสุด เขายอมถูกเธอต่อว่าถึงได้พูดแบบนี้ และมันก็ได้ผล สิรินนภาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สีหน้าบึ้งตึงโมโหจนพูดไม่ออกได้แค่ตวัดสายตาดุดันไปที่ว่าที่คู่หมั้น ยังโกรธจัดที่เขาลานลามเธอเมื่อคืน และโมโหตัวเองที่ไม่น่าหละหลวมไว้ใจคนที่มีสายตาหมาป่าเจ้าเล่ห์อย่างเขาจนเปลืองเนื้อเปลืองตัว

“ฉันไม่แต่ง!” ตวาดก้องก่อนจะวิ่งหนีขึ้นห้องพักส่วนตัว

“ยัยรีน! เสียมารยาท!”

นางอลิสาต่อว่าตามหลังก่อนจะมองมาที่นพพลเป็นเชิงอนุญาตให้เขาตามสาวเจ้าขึ้นไป หวังจะให้ชายหญิงได้ปรับความเข้าใจในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจกัน คนเป็นแม่รู้นิสัยลูกสาวดีที่สุด สิรินนภาเป็นคนรักใครรักจริงและยึดมั่นในคำพูดของตัวเอง ลองยื่นมือเข้าไปช่วยมีหวังได้จมปลักอยู่กับรักไม่สมหวังกับนายแดนไตรนั่นทั้งชาติ ทั้งๆที่อีกฝ่ายยังคงวางให้เธอเป็นเพื่อนสนิท ชาตินี้ลูกสาวคนโตคงจะขายไม่ออกเพราะมีแนวคิดที่น่ากังวลว่าจะอยู่เป็นโสดจนตาย

“ขออนุญาตนะครับ” ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นค้อมหัวอย่างสุภาพ ก่อนจะก้าวเดินตามหญิงสาวไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่แม่ของฝ่ายหญิงเอ่ยปากอนุญาต

“วิ่งหนีกันแบบนี้จะดีเหรอ” เสียงยียวนดังมาตามหลังในจังหวะที่หญิงสาวกำลังจะเข้าห้อง ร่างบางชะงักก่อนจะหันกลับมาเอาเรื่องผู้บุกรุก

“นี่คุณขึ้นมาได้ยังไง...นี่เข้ามาทำไมออกไปนะ” ออกปากไล่แต่ผู้บุกรุกยังย่างสามขุมเข้ามาพร้อมทั้งเบียดเข้ามาในห้องนอนส่วนตัวของเธอ

“คุณหนีผมไม่พ้นอยู่แล้ว!” ลอยหน้าลอยตาตอบก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนุ่มเป็นการยียวน

“อย่ามานอนเตียงนี้คนสกปรก”

“ทีนายตุ่นยังนอนได้แล้วทำไมผมจะนอนไม่ได้” เคลมตัวเองว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมายและเจ้าข้าวเจ้าของทุกอย่างที่เป็นของเธอ เขาเป็นเจ้าของเธอจริงๆเพราะทาบทามสู่ขอเรียบร้อยโรงเรียนผู้ดีไปแล้ว

“มันไม่เคยมีใครขึ้นมาทั้งนั้น ออกไป” ไล่ยังไม่พอ มือบางยังเข้ามาดึงรั้งให้ร่างสูงลุกออกจากเตียงของตน รำคาญลูกตาจนอยากจะกรี๊ดใส่

นพพลจัดการเรี่ยวแรงอันน้อยนิดที่พยายามดึงรั้งให้เขาลุกขึ้น โดยการดึงเธอลงมาหาแทน “ปล่อยนะ!” ยิ่งได้ยินคำสั่ง แขนเรียวยิ่งกอดรัดร่างนิ่มไว้แน่นขึ้น “อยากโดนอีกกระทงเหรอไงคนฉวยโอกาส”

“ถ้ามีอีกข้อหาหนึ่ง มะรืนก็ได้จัดงานแต่งงาน คุณแม่ของคุณปลื้มลูกเขยคนนี้จะตาย อย่าลืมสิครับ” เขาเอาความเห็นชอบของผู้ใหญ่มาต่อรอง “ยังไงคุณก็ต้องแต่งงานกับผม จะช้าจะเร็วก็ต้องแต่ง” กล่าวทิ้งท้ายแล้วผลักร่างบางออกห่างก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไปด้วยความอารมณ์ที่ดีขึ้นผิดหูผิดตา ยิ่งเธอทำราวกับไม่ต้องการแต่งเขาก็ยิ่งต้องการที่จะทำให้เกิดงานแต่งงานมากขึ้นเท่านั้น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เสน่หาวิชามาร   67

    “ผมไม่ยอมนะลูกจัน” น้ำเสียงเข้มข้นและสายตาตื่นตระหนกของเขาทำให้ทั่วทั้งบ้านหัวเราะครื้นเครง ถึงคราวมารร้ายโดนหลอกหลอนคืนบ้างยาม“เป็นไงล่ะคุณอาร์ต ของแบบนี้ถ้าไม่มีลูกสาวไม่เข้าใจหรอก เริ่มกลัวหรือยังว่าตอนลูกจันผมเจ็บใจคุณขนาดไหน”“กลัวแล้วครับ นี่ให้ผมมีความสบายใจหน่อยเถอะ ต้องหวงทั้งเมียต้องห่วงทั้งลูกแบบนี้” มืออีกข้างคว้าเอวคอดกิ่วของสกาวเดือนเข้ามากอดไว้แน่นทั้งยังหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ไม่มีเขินอายสาตาอีกหลายคู่มองมา“ปะป๊าคิสมะม๊า” ยัยหนูเพียงดาวพูดอ้อแอ้ตามที่เห็น ตาแป๋วใสซื่อก่อนจะหัวเราะชอบใจแม้ว่าไม่เข้าใจความหมายอะไรนอกจากปะป๊ารักมะม๊า ก่อนจะโน้มตัวเอียงคอซบไหล่พ่ออาร์ตออดอ้อนให้เขาแสดงความรักต่อเธอด้วย เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในบ้าน“เดี๋ยวคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวจะไปซื้ออาหารวันนี้เดี๋ยวกินข้าวเย็นด้วยกัน บัวไปกับพี่นะ” อยู่ๆก็เกิดอาการอยากจูบภรรยาจึงต้องหาข้ออ้างชวนเธอมาอยู่ตามลำพัง กลัวว่าจะน้อยหน้าคนอื่นๆ รีบอุ้มหนูน้อยอัยยามาวางใส่แขนของนพพลผู้เป็นพ่อทูนหัว “อยู่กับลุงเบลห้ามดื้อนะอัยยา เดี๋ยวปะป๊าไปซื้ออาหารอร่อยๆมาให้กินนะ” เด็กหญิงว่านอนสอนง่ายพูดอะไรไปก็เข้าใจเป็นอย่างดี

  • เสน่หาวิชามาร   66

    วันหยุดยาวสิ้นปี บ้านวิริยะกิจวันนี้คึกคักไปด้วยคุณพ่อคุณแม่ที่ต่างก็พาครอบครัวมารอต้อนรับสกาวเดือนกลับจากอังกฤษ หนูน้อยอัยยาลูกสาวคนเดียวของแดนไตรและบัวหอมมีการแสดงโชว์เล็กๆเป็นการร้องเพลงแบบเด็กๆสร้างสีสันให้บรรยากาศอบอุ่นสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ตอนนี้แดนไตรมีสถานะเป็นคุณตาทันทีที่ลูกสาวบุญธรรมให้กำเนิดทารกเพศหญิง เด็กหญิงเพียงดาว เด็กไทยที่ถือกำเนิดที่ประเทศอังกฤษในระหว่างที่พ่อและแม่ของเด็กไปเรียนต่อ เด็กหญิงเป็นขวัญใจของคุณตาและคุณปู่คุณย่าที่เฝ้ารอหลานมาถึงสามปีและอีกปีกว่าที่อติชนจะยอมพาลูกสาวมาเมืองไทย เพราะรอให้สกาวเดือนเรียนจบปริญญาโทก่อน “อัยยา รักน้องให้มากๆนะหนูเป็นพี่คนแล้วรู้ไหม” แดนไตรสอนลูกสาวด้วยเสียงที่สอง อ่อนโยน ออดอ้อนแก้วตาดวงใจของพ่อ เด็กหญิงอัยยาวัยห้าขวบพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะโน้มตัวไปจุมพิตน้องน้อยวัยขวบเศษที่กำลังนั่งทำหน้างงว่าคนพวกนี้เป็นใครและยังเจ็ตแหลกจากการบินข้ามทวีปมาถึงเมื่อเช้า จากนั้นหนูน้อยหันมาจุ๊บปากปะป๊าตุ่นสลับกับหม่ามี๊บัวเพื่อให้เสมอกันทุกคนความน่ารักของหนูน้อยอัยยาทำให้นพพลและสิรินนภาที่ไม่มีลูกสาวตื่นเต้นระคนอิจฉา “วันนี้ทำลูกสาวกันนะ” จนชา

  • เสน่หาวิชามาร   65

    จดจ้องชายหนุ่มด้วยความโกรธเคือง “คุณเบล...รีนท้อง” เค้นเสียงเจ็บใจที่สุดท้ายเป็นเธอเองที่คว้างงูไม่พ้นคอ ตั้งใจจะตัดขาดกับเขาอีกสักหนึ่งปีเพื่อให้ต่างคนต่างไปทบทวนตัวเอง ก็พังไม่เป็นท่าเพราะผลพวงจากค่ำคืนนั้นเขายัดลูกเข้ามาในท้องเธอด้วย!“อะไรนะ?” เหมือนฝันไปที่ได้ยินเรื่องท้อง “รีนท้องเหรอ”อึ้งสักพักก่อนจะลำพองใจยิ้มกว้างขนาดตอนนั้นป่วยอยู่แท้ๆยังน้ำยาแรงขนาดนี้ ครั้งเดียววันนั้นส่งผลต่อวันนี้ พอได้สติว่าไม่หูฝาดก็ถึงกับกระโดดโลดเต้นดีใจอึกทึก ยกร่างบางขึ้นอุ้มก่อนจะหมุนไปรอบๆ “ไชโย” ดีใจจนเก็บอาการไม่ได้ “ผมดีใจที่สุดเลยรีน ขอบคุณรีนมากเลยนะที่เอาข่าวดีแบบนี้มาบอกผม” ก่อนจะระดมจูบทั่วใบหน้านวลที่กำลังชื้นไปด้วยน้ำตา ในความทรงจำลางๆเขายังนึกได้ถึงความรู้สึกตอนนั้นว่ามันตื่นเต้นดีใจขนาดไหนที่รู้ว่าชุดทดสอบได้ปรากฏผลว่าตั้งครรภ์ แต่ตอนนั้นเขาก็ดีใจได้อยู่ไม่ทันข้ามคืนเพราะเข้าใจว่าเธอเข้าโรงแรมกับชายชู้เสียก่อน“คุณไม่ว่าเป็นลูกคนอื่นแล้วเหรอ” ถามด้วยความแค้นไม่หาย “คราวนี้จะว่าลูกในท้องฉันเป็นลูกของตุ่นไหม” ทำท่ายกกำปั้นขู่ชายหนุ่มรีบยกมือเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายพร้อมทั้งรวบมือบางที่ต้อง

  • เสน่หาวิชามาร   64

    หนึ่งปีที่ตั้งมั่นให้นพพลพิสูจน์ตัวเอง เอาเข้าจริงคนที่ตั้งกฎขึ้นมาเองกลับทำได้เพียงแค่สองเดือน เพราะอยู่ๆเช้าวันนี้เธอตื่นขึ้นมาด้วยอาการหนักหัวและอาเจียนมากกว่าทุกวัน เลยตัดสินใจลางานเพื่อไปพบแพทย์ พอไปโรงพยาบาลกลับต้องตกใจกับคำวินิจฉัยจากหมอหลังตรวจอาการและขอปัสสาวะ มือบางกำผลตรวจไว้แน่นด้วยความโมโหอยากจะฆ่าคน ก่อนจะรีบเดินทางไปหานพพลถึงบริษัท หญิงสาวเดินอาดๆมาหาเขาถึงห้องทำงาน ทันทีที่มาถึงก็อาละวาดโวยวายขว้างปาข้าวของใส่คนที่กำลังตกใจและทำอะไรไม่ถูก“คนใจร้าย! คนเห็นแก่ตัว คุณเบลร้ายกาจที่สุด คนใจร้าย ไม่คิดถึงใจคนอื่น” รัวเสียงดุด่าเป็นชุดพร้อมทั้งร้องไห้โฮๆไม่อายเลขาสาวที่วิ่งตามเข้ามานพพลหน้าเหวอที่ถูกบุกมาโวยวายถึงห้องทำงาน ก่อนจะหันไปโบกมือเป็นสัญญาณให้เลขาสาวคนนั้นออกไปก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาหานางร้องไห้ที่คุ้มดีคุ้มร้ายด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ“ใจเย็นก่อนครับ มีอะไรค่อยๆพูดกันนะคนดี” บอกเสียงอ่อนยอมแพ้คนเจ้าน้ำตา ชายหนุ่มเปลี่ยนไปมากในช่วงเวลาไม่กี่เดือนนี้จากหมาป่าล่าเนื้อกลายมาเป็นลูกหมากลัวเมีย การที่เธอมาเจอเขาแบบนี้จะถือว่าผิดกฎการลงโทษหนึ่งปีที่เธอวางไว้หรือเปล่า แล้วถ้าผ

  • เสน่หาวิชามาร   63

    “คุณเบลคะ เรื่องของเรามันจบแล้วนะคะ” เสียงหวานหยดใจเย็นแต่หนักแน่นเด็ดเดี่ยวจนหัวของคนฟังชาหนึบ“จบ จบอะไร เมื่อกี้เรายัง...” เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่รู้สึกเหมือนใจจะขาด แทนที่จะเป็นฝ่ายหญิง จะจบได้ยังไงในเมื่อชั่วโมงก่อนเธอยังโอนอ่อนตามใจเขาอยู่เลยสิรินนภาถอนใจยาว “รีนไม่ห้าม ถ้าคุณเบลเขาจะมาพบลูก เพราะลูกเป็นของพ่อแม่อยู่แล้ว แต่เราเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ของกันและกันอีกแล้ว ตั้งแต่วันที่คุณขับไล่รีนออกจากบ้าน”“ทำไมต้องทำแบบนี้ละรีน ผมนึกว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” ครางเสียโหยกับคมมีดที่ย้อนกลับมาสร้างแผลให้ตนเอง“คุณคิดว่าแค่การนอนด้วยกันคืนเดียว ทุกอย่างที่คุณทำกับรีนมันจะจบเหรอคะ รีนทำแบบนี้กับคุณเพราะอยากจะให้คุณเข้าใจอะไรใหม่ว่ามันไม่ใช่เฉพาะผู้ชายนะคะที่จะต่อรองหรือจัดการอะไรกับผู้หญิงก็ได้ บางเรื่องผู้หญิงก็ไม่ได้อยู่เฉยรอคอยเป็นฝ่ายถูกเรียกหาเสมอไป”“อย่าพูดแบบนั้นเลยนะรีน คุณมีค่าสำหรับผม วันนี้ผมเลยไมอยากเสียคุณไป”“สำหรับคุณ ถ้ารักของรีนมีค่ามากพอ คุณคงไม่ทำเรื่องวันนั้นตั้งแต่แรก และอีกอย่าง รีนไม่อยากให้คุณเสียเวลากับคนที่คุณไม่ได้รักแต่แต่งงานกันเพราะหน้าที่และเพื่ออำนาจที

  • เสน่หาวิชามาร   62

    สิรินนภาห่อกายหลบความหนาวร้อนสลับกันยามเมื่อฝ่ามือร้อนๆลูบไล้ผิวกายนวลนุ่มของเธอ ความเย็นของเครื่องปรับอาการทำให้รู้สึกตัวว่าตอนนี้กายของเธอเปล่าเปลือย เสื้อผ้าที่สวมมาถูกเขาปลดเปลื้องออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เวลาที่แน่ชัด หรืออาจจะเป็นเธอเองที่ปลดเสื้อผ้าออก“หนาว...” ส่งเสียงผะแผ่วทักท้วงออกมา พร้อมทั้งพยายามคว้าผ้านวมหนามาห่มคลุมร่างกายและซุกหน้าลงกับกองผ้าห่มรกๆ ไม่ได้หนาวอะไรมากมายนักแต่ร่างกายมันสั่นสะท้านเพราะเขินอายสายตาลึกล้ำจากเขาต่างหาก“ก็กอดผมแน่นๆสิ” รั้งมือบางขึ้นมากอดคล้องบ่าของตน สายตาของเขาเจ้าชู้เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าหมาป่าแต่ก็เสน่ห์ล้นเหลือจะทัดทาน เพียงสบตามากเสน่ห์กล้ามเนื้อทุกส่วนของหญิงสาวก็เหมือนกับไร้เรี่ยวแรง ยินยอมให้เขาเข้ามาจัดระเบียบร่างกายตามอำเภอใจ ชายหนุ่มฮึกเหิมย่ามใจเมื่ออีกฝ่ายไร้เรี่ยวงแรงขันขืนและไร้เสียงทักท้วง ไฟพิศวาสถูกจุดติดอย่างง่ายดายเพราะความโหยหาห่างหาย เรียวขาบางถูกชันตั้งขึ้นให้ได้มุมเหมาะสมสำหรับการสัมผัสแนบชิดสิรินนภาสะดุ้งเฮือกเจ็บแปลบกับกิจกรรมลึกซึ้งที่ห่างหายไปนานปี สัมผัสของเขามันทำให้อบอุ่นละคนเหน็บหนาวที่ใจ คนๆนี้ที่เห็นเธอ

  • เสน่หาวิชามาร   61

    “ไม่ได้ค่ะ คณบดีโทรตามโครงการวิจัยที่ฉันกำลังรับผิดชอบอยู่” ตอบอย่างไร้เยื่อใยก่อนจะเดินออกจากห้องไป“รีนครับ” พยายามร้องเรียกแต่เสียงก็แผ่วลงเหลือเกินร่างบางเดินกลับมายืนหน้าประตู มองเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย กับเขาดีๆ “อาหารอยู่ในตู้เย็น คุณเอามาอุ่นไมโครเวฟแล้วกินนะคะ อย่าลืมกินยาให้ครบตามที่หมอสั่งนะคะ”แต่ไหนแต่ไรนพพลไม่เคยที่จะทำตามคำบอกของใครง่ายๆ แม้จะเกรงใจหญิงสาวแต่ก็ไม่อยากจะรีบหายจากอาการบาดเจ็บนักเพราะยังต้องการพยาบาลสาวเนื้อหวานอยู่ วันนี้ทั้งวันนพพลเลยเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ไม่ลุกไปไหน ไม่กินข้าวและไม่กินยา รอคอยให้เธอกลับมาป้อนและดูแลนพพลพึ่งรู้ว่าตนมีความอดทนค่อนข้างสูงก็วันนี้ เขาสามารถรอจนตกเย็นและมีเสียงรถเลี้ยวเข้ามาจอดในโรงรถข้างบ้าน จากนั้นตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงของสตรีที่เข้ามาในตัวบ้าน“คุณเบล คุณเบลคะ” สิรินนภาเรียกเขาไปตามทาง แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา วันนี้ตลอดทั้งวันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ทำงานไม่มีสมาธิ สอนหนังสือก็ยังพะวงแต่คนป่วยว่าเขาจะเจ็บแผลไหม กินข้าวหรือยังได้กินยาบ้างหรือเปล่า อาการเหมือนเมื่อครั้งตอนคลอดน้องโรมช่วงแรกๆที่ยังปรับตัวไม่ได้ไม่มีผิด“

  • เสน่หาวิชามาร   60

    นพพลปรือตามองไปรอบๆเพื่อหาอดีตภรรยา ปวดหัวระบมราวกับถูกทุบด้วยของแข็ง แน่ล่ะเขาโดนของแข็งมา จนเย็บหลายเข็มด้วย “เอาไว้ก่อนเถอะครับ ผมกินไม่ไหว” ตอบเหนื่อยๆ ปวดตึงสลับกับรวดร้าวไปตั้งแต่กลางหัวจรดสันกราม ไม่อยากขยับอ้าปากด้วยซ้ำ“เดี๋ยวรีนป้อนค่ะ กินสักหน่อยเถอะนะคะ” เป่าข้าวต้มเพื่อคลายความร้อนก่อนจะค่อยๆป้อนช้าๆ“มันร้อน เอาไว้ก่อนนะครับ” หลับตาตอบหลังกินไปหนึ่งคำสิรินนภาอ่อนใจ รู้สึกผิดมากขึ้นที่ทำเขาเลือดตกยางออก นพพลเป็นผู้ชายเจ้าสำอาง บอบบางเพราะถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงมประสาลูกชายคนเดียวตระกูลเชื้อสายขุนนางในรั้วในวัง เขาไม่เคยถูกทำร้ายให้เจ็บปวดเพราะมีแต่ทำให้คนอื่นเจ็บ แต่เรื่องในอดีตก็ส่วนอดีตแม้มันจะมีผลต่อปัจจุบันแต่ก็ไม่ต้องทำร้ายกันจนถึงขั้นนี้ก็ได้ เป็นอีกครั้งที่เธอเอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลนั่งเฝ้าไข้ไปสักพักคนเจ็บเริ่มเพ้อเพราะยาชาหมดฤทธิ์ แผลอักเสบขึ้นจนมันเริ่มปวดตุบๆ หญิงสาวจัดยาแก้อักเสบให้กินแล้ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่เพียงพอ “หนาว...หนาวรีนครับ ผมหนาว รีนอยู่ไหน รีน” ห่อกายกอดตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ พิษไข้เล่นงานจนตัวสั่นน่าสงสาร“คุณเบล รีนอยู่นี่นะคะ” รี

  • เสน่หาวิชามาร   59

    “ริ...รีนครับ” มือสั่นเทาจับปากแผลที่ถูกสันแฟ้มอลูมิเนียมหนาๆฟาดลงมาจนเนื้อปริ เจ็บปวดกายแต่ไม่โกรธและไม่ถือโทษเพราะที่เขาทำมันหนักหนากว่าที่เธอประทุษร้ายมากนัก“รีน...” เสียงทุ้มพึมพำเรียกชื่อหญิงสาวไม่หยุดปากจนอีกฝ่ายหันมาดู เห็นเลือดออกมากกว่าที่คิดไว้มาก มันไหลย้อยตามซอกนิ้วที่กำลังอุดบาดแผลจนเปรอะนพพลรีบคว้ามือเรียวมาบีบไว้ เขาเจ็บไม่เป็นไร แต่ขอให้เธอไม่ไปไหน “อย่าทิ้งผมนะ อย่าทิ้งผมไป” สติพร่าเลือนกับเลือดเป็นสายที่พรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ แฟ้มสมัยเก่ามีขอบแฟ้มทำมาจากอลูมิเนียม สร้างแผลและเรียกเลือดจากคนเคยเลวมากมายสิรินนภาไม่สนใจ ออกแรงสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมและผลของการหลีกหนีจากเขาสุดแรงนั้นทำให้ร่างเพรียวสอบของนพพลก้าวถอยไปเหยียบพรมเช็ดเท้า เสียหลักลื่นล้มหงายลงจนหัวไปกระแทกเข้าที่ขอบของชั้นหนังสือเหล็กโครมใหญ่และเลือดตกออกจากบาดแผลเป็นกอง“คุณเบล...” ยืนมองผลของการกระทำนั้นด้วยใจระทึกตื่นเต้น ยิ่งเห็นอดีตสามีหน้าซีดเจ็บปวดยิ่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้เจตนาจะให้เขาบาดเจ็บแบบนี้ มันเป็นอุบัติเหตุ“รีนครับ...” พยายามกัดฟันข่มความเจ็บปวดเรียกหาฝ่ายหญิง เอื้อมมือไขว่คว้าแต่อีกฝ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status