Share

5

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-06 11:42:57

บทที่ 5

บ่วงเสน่หา

บริษัทเศวต กรุ๊ปได้รับคำเชื้อเชิญให้ร่วมพิธีเปิดอาณาจักรโรงงานอาหารแปรรูปข้ามชาติในจังหวัดหนึ่งติดทะเลอ่าวไทย พิธีการถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพราะเป็นอภิมหาโครงการที่มีการลงทุนในระดับข้ามชาติ ดังนั้น เศวต กรุ๊ปและแดนไตร ในฐานะที่ปรึกษาโครงการต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองการพัฒนาอีกขั้นของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปครั้งนี้ด้วย ทีแรกบัวหอมไม่ประสงค์ที่จะร่วมเดินทางมางานเลี้ยงครั้งนี้เพราะถือว่าตนไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับการลงทุนครั้งนี้ แต่ก็มีบัตรเทียบเชิญในนามบริษัทและเธอไม่ยินยอมหากแดนไตรจะได้ไปร่วมงานในนามของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว เพราะเศวต กรุ๊ปคือบริษัทของเธอ

‘ถ้าไม่ได้ชื่อเสียงของเศวต กรุ๊ป ก็ไม่มีใครเขาจ้างเศรษฐีหน้าใหม่อย่างแกมาให้คำปรึกษาหรอก’ คุณหนูคนงามยังคงมองด้านเดียว เธอไม่ได้มองว่าแดนไตรเป็นฝ่ายทำทุกอย่างเพื่อสร้างเครดิตให้กับบริษัทของเธอ และเขาได้ช่วยทำให้บริษัทที่ใกล้จะถึงจุดล่มสลายได้กลับกลายเป็นที่รู้จักในตลาดหลักทรัพย์และในแวดวงศ์ธุรกิจอีกครั้ง ทั้งๆที่เขาจะอ้างถึงเพียงชื่อของเขา นายแดนไตร วิริยะกิจ เจ้าพ่อตลาดหลักทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจและการลงทุนมากที่สุดคนหนึ่งในประเทศเพียงคนเดียวก็ไม่ได้ทำ

งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นโดยการล่องเรือสำราญลำใหญ่ บนเรือมีแต่แขกกิตติมาศักดิ์ที่แดนไตรรู้จักดี แต่บัวหอมที่ถูกพามาด้วยกลับไม่รู้จักใครเลยและพูดคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะประเด็นหลักๆที่พวกเขาคุยกันจะเป็นเรื่องหุ้น เรื่องเศรษฐศาสตร์และเรื่องการเมืองซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ในขณะที่สาวการตลาดอย่างเธอตามไม่ค่อยทันแม้จะเรียนเกี่ยวกับธุรกิจมาบ้างก็จบมาแบบดูแต่ตำราประสบการตรงในชีวิตประจำวันยังไม่มี

“คุณหนูครับ ทำไมไม่นั่งที่โต๊ะ เดี๋ยวปวดขานะ” แดนไตรปลีกตัวออกมาเพื่อดูแลสาวเจ้าที่เอาแต่หันมองคลื่นลมและแสงแดดโพล้เพล้อยู่บริเวณขอบระเบียงเรือ

“นั่งที่โต๊ะก็ถูกชวนคุยเรื่องหุ้น เรื่องการลงทุน บัวคุยไม่รู้เรื่องหรอก” ตอบหน้าบึ้งตึง ไม่เต็มใจมาด้วยแต่กลับถูกอ้างว่ามาเพื่อบริษัทจนต้องถ่อมาถึงทะเลอ่าวไทย ทั้งๆที่ตอนอยู่ออสเตรเลียเธอก็อยู่เมืองติดชายทะเล เบื่อทะเลจนไม่อยากจะมองแล้ว

“ประมาณหัวค่ำหลังจากมื้อเย็นน่าจะได้กลับเข้าฝั่ง ยังไงถ้าน้องบัวเกิดเบื่อให้บอกพี่นะ พี่จะขอให้เปิดห้องพักสำหรับนอนพักให้” แดนไตรอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนหญิงสาวอีกสักพักก่อนจะขอตัวไปคุยกับนักลงทุนจากอเมริกาที่เปรียบดั่งอาจารย์ในการซื้อขายหุ้นแก่เขาเมื่อครั้งเรียนอยู่อเมริกา ที่สามารถสร้างฐานะตัวเองจากการเล่นหุ้นได้อย่างทุกวันนี้ นอกจากโชคเข้าข้างแล้วยังเพราะคำแนะนำในการลงทุนจากเขาด้วยหลายส่วน

บัวหอมนอนไม่ค่อยหลับแม้จะเป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม พลิกไปพลิกมาอยู่สักพักจึงลุกเดินออกจากห้องพักเพื่อมาเดินเตร่เล่นริมชายหาด คืนนี้แสงจันทร์สว่าง ประกอบกับไฟฟ้าสว่างไสวทำให้รู้สึกปลอดภัยจากอาชญากรรม ร่างบางเดินไปตามหาเรื่อยๆ แต่คอยระวังตนเองไม่ให้ไปที่เปลี่ยวอันตราย หรือไกลจากที่พัก

“น้องบัวครับ” เสียงของแดนไตรเอ่ยทัก คืนนี้ชายหนุ่มเองก็นอนไม่หลับเลยออกมาเดินรับลมทะเล เดินได้ไม่เท่าไหร่ก็พบเจอกับร่างเน่งน้อยน่าทะนุถนอมที่เดินเตร่อยู่ริมหาดเลยรีบเข้ามาทักทาย พักนี้คุณหนูมีท่าทีอ่อนลงมาก คล้ายกับจะยอมรับที่เขาเข้ามาบริหารงานในบริษัททีละน้อย

“พี่ตุ่น ไม่ต้องคุยงานกับบริษัทอื่นในนามของเศวต กรุ๊ปแล้วเหรอคะ” ทักกลับด้วยคำพูดกระทบกระเทียบ

“พึ่งส่งสตีเฟ่นที่บังกะโลครับ เราคุยกันเสร็จแล้ว เขาตกลงซื้อน้ำตาลแปรรูปจากเราด้วยนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าธุรกิจน้ำตาลกำลังช่วยสร้างผลกำไรให้กับบริษัท” ชายหนุ่มตอบตามตรง แต่ทำให้แววตาของคนฟังลุกวาว เขาบังอาจคุยข่มเธอทั้งๆที่เขาอาศัยชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ของบริษัทเธอ

“งั้นเหรอคะ ถ้าตอนนี้บริษัทไม่ถูกพี่ตุ่นเทคโอเวอร์ไป บัวก็จะได้เป็นคนพูดคุยกับคุณสตีเฟ่นแทน เผลอๆเขาไม่รับซื้อแค่น้ำตาลแต่รับซื้อทุกอย่างเท่าที่บริษัทส่งออก” พูดเรื่องบริษัททีไรก็เกิดความรู้สึกโกรธแค้นทุกที

แดนไตรนิ่งชะงักไปกับสิ่งที่ได้ยิน ถึงอย่างไรบัวหอมก็ยังยืนยันว่าไม่มีเขานั้นดีกว่า “บริษัทคงเป็นทุกอย่างของน้องบัว” ยิ่งสูงยิ่งหนาว คำพูดนี้เขาเข้าใจถ่องแท้ดีภายหลังที่มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวยและภายหลังรับปากให้คำมั่นสัญญากับนางอุบล มันทั้งกดดัน อึดอัดและสับสน โดยเฉพาะความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อบัวหอม มันเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องทนเห็นเธอเครียดแค้นต่อว่าที่ถูกแย่งชิงทุกอย่าง แม้แต่ทำเพื่อเธอด้วยความหวังดี

“ใช่!” หันมาขึ้นเสียง “มันเป็นทุกอย่างของบัวและพี่ก็แย่งชิงมันไป!”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องตั้งใจทำงานและเรียนรู้งานบริหารให้มากขึ้น วันนี้น้องบัวพิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถจัดการในเรื่องของการลงทุนต่างๆที่จะสร้างผลกำไรให้บริษัทได้ แสดงว่ายังไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะดูแลบริษัทเศวต กรุ๊ป” บอกอย่างเข้มงวด ในใจของพี่ชายหวังดีเสมอเพราะทุกอย่างที่ทำเพื่อบริษัทเศวต กรุ๊ปและที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อน้องน้อยสุดที่รัก แต่ทว่าคนฟังมองว่าเจ้ากี้เจ้าการและไม่เจียมตัว

“แต่มันเป็นของบัว บัวควรมีสิทธิบริหารจัดการมันไม่ใช่พี่!” เถียงทันควันแต่คนละเรื่อง คนละประเด็นแต่ก็ยังดันทุรัง ในหัวของหญิงสาวนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะพูดต่อไปในสิ่งที่พออีกฝ่ายได้ยินหัวใจก็พลันหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม “ตอนนี้บัวก็เป็นคนที่กำลังสิ้นเนื้อประดาตัว หมดสิ้นทุกๆอย่าง กลายเป็นทาสในบริษัทของตัวเอง มันน่าสมเพชจนบัวอยากจะตายให้พ้นๆ”

“อย่าพูดแบบนั้นนะครับ มันไม่ดีนะน้องบัว” จิตใจคนฟังว้าวุ่นวิตก 

เห็นท่าทีและสายตาเป็นกังวลของเขาหญิงสาวก็ยิ่งมั่นใจว่าตัวเองกำลังมาถูกทางที่ใช้วิธีเรียกร้องความสนใจแบบนี้ ยิ่งเกิดย่ามใจเข้าไปอีก “ในเมื่ออยู่ก็ไม่ต่างจากตาย บัวจะตายให้ดู!” ยืนหยัดท้าทายก่อนจะวิ่งพรวดลงไปหาทะเลเย็นเฉียบและคลื่นลมแรงเพราะเป็นเวลากลางคืน

“น้องบัว! กลับมา” ร่างสูงรีบวิ่งตามติดก่อนจะกระโจนลงทะเลตามไปไม่เสียเวลาคิดสักนิดเดียว ไม่นานนักก็กรวดถึงร่างบางที่ถูกคลื่นซัดจนอ่อนระโหยโรยแรงแต่ยังพยายามจะทวนกระแสคลื่นไปหาจุดลึกๆของทะเล แม้น้ำทะเลจะเย็นจัดจนเหมือนเข็มทิ่มแทงทั้งร่างก็ยังพยายามจะไปต่อ ในเมื่อเลือกแล้วว่าจะไปในทางนี้

“อย่าทำแบบนี้เลยน้องบัว” เธอไม่ฟังในสิ่งที่เสียงเข้มตะโกนแข่งกันเสียงคลื่น เพราะในครั้งนี้มีชีวิตเธอเป็นเดิมพัน และถ้ารอด จะมีความชัดเจนบางอย่างจากแดนไตรเป็นของรางวัลที่เธอจะได้

“ไม่ บัวไม่เหลืออะไรแล้ว ปล่อยบัวตายเถอะ”

“ไม่ปล่อย พี่รักน้องบัว พี่จะไม่ยอมให้น้องบัวไปไหนหรือเป็นอะไรไปเชื่อพี่เถอะนะว่าพี่รักและหวังดีกับน้องจริงๆ” ตะโกนบอกก้องกังวานถึงความรักที่อยู่ในใจมาเนิ่นนาน พอได้ยินคำพูดชัดเจนแบบนี้ร่างที่เคยดิ้นรนจึงค่อยสงบลง ในใจปราบปลื้มที่เขามีสีหน้า แววตาและท่าทีเป็นห่วงและรักใคร่จับใจ ภายในหัวใจดวงน้อยกำลังลิงโลดที่เข้าใจว่าตนนั้นกำลังมาถูกทาง

มือหนารีบจับรั้งให้อีกฝ่ายหันมาเผชิญหน้า ยิ่งเห็นดวงตาบวมช้ำเพราะร้องไห้และใบหน้าซีดเสียทั้งกลัวทั้งกล้ายิ่งเกิดความรู้สึกใจอ่อนสงสาร ฝ่ามืออบอุ่นยกขึ้นทาบทับพวงแก้มงาม โน้มกายเข้าไปอีกนิดจนจมูกสัมผัสกับแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ

“พี่ตุ่น”

“ครับ ไม่ต้องกังวลนะพี่จะพากลับที่พักเอง”

รอยยิ้มของชายหนุ่มอ่อนโยนเสมอ มันได้ละลายจิตใจหยาบกระด้างที่ห่อหุ้มเป็นกำแพงหนาอยู่ภายในตัวตนของบัวหอมออกช้าๆ ทีละชั้นๆ เสียงทุ้มที่ปลุกปลอบขวัญพาให้คนฟังถึงกับใจอ่อนยวบ ยินยอมก้าวเดินตามขึ้นฝั่งอย่างไม่เกี่ยงงอนใดๆอีกเลย

“อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ ไม่ต้องร้องนะคนดี อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้อีกรู้ไหม คุณนายรู้เข้าจะไม่สบายใจ” ต้องยกแม่มาอ้างเธอถึงยอมสงบ

หญิงสาวค่อยๆเบาเสียงสะอื้น เริ่มคิดหาวิธีการอื่นๆเพราะเขาไม่ได้เอ่ยถึงบริษัทเลย “น้องบัวและคุณแม่รู้จักกับพี่ตุ่นมาตั้งแต่เรายังเด็กๆ ทำไมมาวันนี้พี่ตุ่นคือคนที่ได้ครอบครองทุกอย่างที่เป็นของบัวล่ะคะ พี่ตุ่นแย่งทุกอย่างไปจากบัวทำไม” ร่างบางค่อยๆค้อมตัวลงนั่งกอดอก เนื้อตัวสั่นเพราะเริ่มหนาวเหน็บ ไม่รู้ว่าลงทุนเสี่ยงตายครั้งนี้จะคุ้มไหม รู้แค่ว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

ใจชายไหวสั่นกับคำตัดพ้อทั้งน้ำตา แววตาเธอยามมองมาช่างร้าวรานเสียใจ แต่เหตุผลนี้เขาบอกเธอไม่ได้จริงๆเพราะเขาเองก็ไม่ได้ต้องการแย่งทุกอย่างไปจากเธอ แต่มันคือธุรกิจที่อยู่บนเส้นด้ายบางๆของความกตัญญูและศีลธรรม แดนไตรเข้าไปกอดเธอไว้ ลูบเนื้อตัวให้ความอบอุ่นพร้อมทั้งเอ่ยขอโทษเบาๆไม่ขาดปาก แต่เสียงตอบกลับมานั้นท่วมท้นไปด้วยน้ำตาและการตัดพ้อ

“พี่ตุ่นเคยบอกว่ารักน้องบัว รักและหวังดีแต่ทำไมถึงแย่งทุกอย่างไป”

แดนไตรไม่กล้าเอ่ยปากอะไรอีกเกี่ยวกับทุกอย่างที่เป็นของเธอ เพราะไม่ต้องการที่จะได้ยินคำพูดตัดพ้อจากหญิงสาวทั้งตัดพ้อเขาและตัดพ้อตนเอง ยืนอยู่ข้างๆกอดเธอไว้ในอ้อมอกอันอบอุ่น เรียนรู้จากเหตุปะทะคราวก่อนว่าบัวหอมจะสงบลงถ้าถูกกอดไว้กับอกแบบนี้ คล้ายว่าเธอจะใจอ่อนกับทุกๆอย่างที่เขากระทำไว้เมื่อเจออ้อมกอดจากความจริงใจและรักเธอที่สุดอย่างที่เขามีให้ แล้วยังมีนิ้วโป้งของชายหนุ่มช่วยไล้ลูบเช็ดน้ำตาออกจากแก้มนวลและใต้จมูกอย่างไม่นึกรังเกียจ

จวบจนหญิงสาวเงียบเสียงลงและหยุดสะอึกสะอื้นเป็นสัญญาณว่าเธอสบายใจขึ้นแล้วจึงค่อยๆประครองคลายกอดจากร่างบาง เท่าที่เห็นสติของบัวหอมคงจะกลับคืนแล้ว ในเมื่อเขาไม่พูดถึงบริษัทแต่ใช้คำว่ารักและหวังดีมาอ้างถึง เธอคงต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการอีกเล็กน้อยเพื่อให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น

“ดีขึ้นหรือยัง” ถามเสียงอาทร

“ขอบคุณมากนะคะพี่ตุ่น” แดนไตรเป็นงงอยู่บ้างที่อยู่ๆเธอพูดแบบนี้ แต่พอเห็นสายตากลมโตหวานเชื่อมดูใสซื่อเหมือนบัวหอมคนเก่า ข้อกังขาต่างๆก็เป็นอันถูกพับเก็บในลิ้นชัก

“พี่ตุ่นคะ” เสียงหวานเรียกหาอีกฝ่ายก่อนจะยื่นมือบางออกมาเพื่อให้เขาประกบฝ่ามือหนาเข้ามาประสานกันบีบสลับไปมาเพื่อทำให้เขาเชื่อในความหนักแน่นที่เธอมี “พี่ตุ่นอย่าทิ้งน้องบัวไปไหนนะคะ น้องบัวขอแก้ตัวสำหรับกิริยาแย่ๆที่น้องบัวเคยทำกับพี่นะคะ”

ใจชายอ่อนยวบ คนอย่างแดนไตร เมตตาและอภัยมาตลอดชีวิต แต่กับน้องน้อยที่เขารักและหวังดีเสมอมาคนนี้เขาจะให้อภัยไม่ได้ บัวหอมในวัยเด็ก น่ารักอ่อนหวานมันเทียบไม่ได้เลยกับบัวหอมที่เขาพบเจอเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาและที่สำคัญ เขาแพ้น้ำตาของน้องน้อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“พี่ไม่เคยโกรธน้องบัวเลยนะและจะไม่มีวันทอดทิ้งไปไหนด้วย” พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทุกอย่างมันจุกอยู่ในใจ ผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาอยากจะให้อภัยและยอมแพ้ตั้งแต่เด็กและความรู้สึกนั้นมันหมายถึงตลอดชีวิต ฝ่ามือหนาบีบกระชับมือบางที่ประกบเข้ามา เหมือนเมื่อครั้งยังเด็กที่ทั้งคู่ชอบทำแบบนี้

บัวหอมก้มหน้ามองฝ่ามือที่คล้องเกี่ยวกันอยู่นิ่ง ยกยิ้มในแววตาลึกๆ สมใจที่พี่ตุ่นให้อภัยเธอ เพียงแค่บอกว่ารักและขาดเขาไม่ได้ ทุกอย่างจากที่ยุ่งยากก็พลันง่ายขึ้นก่อนจะเก็บกลืนความรู้สึกลึกลับนั้นเพื่อเงยหน้าสบตากันหวานล้ำกินใจ

“ขอบคุณมากนะคะ” มือบางอีกข้างที่ว่างอยู่ยกขึ้นลูบแก้มสากด้วยไรเครา แดนไตรฉงนกับกิริยาที่น้องแสดงออกแต่ไม่กี่วินาทีก็ได้รับความกระจ่างใจเมื่อร่างอ้อนแอ้นกอดซบเข้ามาที่อกของเขา เนื้อตัวเปียกปอนเหนียวเหนอะจากน้ำทะเลไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มนึกรังเกียจ แต่กลับสวมกอดเธอไว้ในร่างหนาของตนให้ความอบอุ่น ความรัก หวังดี อบอุ่นและรู้สึกดีไหลบ่าเต็มหัวใจของเด็กวัดคนนี้จบพองโต

“กลับที่พักเถอะค่ะ เปียกน้ำทะเลแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบาย เลอะเทอะดินทรายด้วย” สาวเจ้าให้ความเห็นแต่ไม่ยอมปล่อยแขนจากการโอบรอบลำคอของชายหนุ่ม ซ้ำยังอมยิ้มอายๆอ้อนๆ “พี่ตุ่นอุ้มน้องบัวหน่อยนะคะ น้องบัวปวดขา” แล้วยังมีความเอียงหน้าซบอก

“ครับ” แดนไตรยิ้มหวาน สุขใจเมื่อน้องน้อยพูดและทำตัวต่อเขาดีๆ

ชายหนุ่มอุ้มร่างบางมาถึงที่พักด้วยความเต็มใจ แต่พอจะแยกตัวกลับที่พักของตนบัวหอมกลับเรียกร้องให้เขาอุ้มไปส่งในห้องน้ำ

“เตรียมน้ำอุ่นให้น้องบัวแช่หน่อยนะคะ น้องบัวปวดไปหมดทั้งตัวแล้ว” เสียงอ้อนๆยังเรียกร้องมากขึ้นๆ แต่แดนไตรกลับส่งยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนและทำทุกอย่างตามความต้องการของเจ้าหญิงน้อย

จนกระทั่งอ่างอาบน้ำกว้างเต็มไปด้วยน้ำและฟองโฟมนุ่มสำหรับทำความสะอาดผิวเนียนละเอียด ชายหนุ่มถึงตั้งท่าจะกลับ แต่พอหันมาที่ประตูทางออกกลับพบว่าตอนนี้บัวหอมได้ยืนขวางไว้พร้อมทั้งกดล็อกลง หญิงสาวยิ้มหวานกับความรู้สึกสับสนในใจ มันหลากหลายจนบรรยายไม่ถูกว่าที่ทำอยู่มันแค่ต้องการเอาชนะเขาหรือเป็นเพราะใจของเธอได้ศิโรราบให้กับแดนไตรมาตั้งแต่ต้น

สองหนุ่มสาวจ้องตากันด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ชัดเจน สำหรับบัวหอม ถ้ากลับจากออสเตรเลียแล้วพบว่าแดนไตรไม่ได้แย่งทุกอย่างไปจากเธอแบบนี้ ป่านนี้เธอคงตามหาเขา บอกรักเขา คิดถึงเขาและทวงสัญญาที่เคยขอให้เขารอคอยเธอกลับมาและขอทวงสัญญาที่ว่าเราแต่งงานด้วยกัน หลายปีที่เธอหายไปเรียนต่อ หลายปีที่เราต้องอยู่ห่างไกลกัน ทั้งๆที่เธอและแม่ให้โอกาสและไม่เคยนึกรังเกียจที่เขาเป็นเพียงเด็กวัด แต่เขากลับใช้ช่วงเวลานั้น หลอกลวงฉ้อโกงแม่ของเธอจนยึดครองบริษัทไป เขาเป็นคนร้ายกาจ

มือบางสั่นเล็กน้อยยามเมื่อตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะลงทุนเดิมพันครั้งนี้อย่างไร มือบางค่อยๆปลดเปลื้องชุดเปียกชื้นออกจากร่าง เหลือเพียงชั้นในและบราเชียร์ อวดหุ่นสะท้านใจที่แม้แต่คนเย็นอย่างแดนไตรที่หันมาเห็นเข้ายังกลืนน้ำลาย น้องน้อยโตเป็นสาวแล้วแต่ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็นความสวยสะพรั่งในเวลานี้และใกล้ชิดขนาดนี้

“นะ...น้องบัว...พี่ว่าให้พี่ออกไปก่อน...” แม้จะผ่านโลกมามาก ผ่านผู้หญิงสวยมาเยอะ แต่บัวหอมทั้งสวยหวานและเป็นคนที่อยู่ในใจของเขา ความอดทนที่จะเมินเฉยต่อเธอมันต่ำนัก

“ตัวพี่ตุ่นก็เปียกน้ำเหมือนกัน อาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวที่นี่กับน้องบัวก่อนนะคะ ค่อยกลับห้องพัก” พยายามทำเสียงเป็นปรกติข่มความกระดากอายที่มีมากจนไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร อยากจะรู้ว่าเขาคิดกับเธอเกินเลยขนาดไหนจะได้วางแผนต่อไปถูก แต่แดนไตรยังคงอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนเดิมเสมอมา

“พี่ว่ามันไม่ค่อยจะเหมาะ” สุภาพบุรุษสะกดอารมณ์สุดชีวิตแม้สัญชาตญาณสันดานดิบของผู้ชายมันจะไม่ยอมเชื่อฟังและให้ความร่วมมือ

“ทำไมจะไม่เหมาะล่ะคะ พี่ตุ่นไม่รักน้องบัวเหรอคะ ทำไมถึงไม่ได้ล่ะค่ะ” เงยหน้าถามไร้เดียงสา ยิ่งทำให้แดนไตรสมาธิเตลิด เงาของสิรินนภาเริ่มพร่าเลือนในความรู้สึก

“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ” เขากลัวว่าจะอดกลั้นไม่ไหวแล้วคว้าเธอมาจูบให้หนำใจและสมกับที่เฝ้ารอเสมอมา

“ถ้างั้นก็...”

“เอ่อ...” แดนไตรรีบหันหลังกลับไปยังอ่างอาบน้ำเมื่ออยู่ๆมือบางเกี่ยวรั้งบราเชียร์ออกเปิดเผยความงามที่สวรรค์ปั้นแต่งต่อสายตาของเขา “คือ...” ติดอ่างกะทันหันแบบนี้ยิ่งทำให้สาวสวยย่ามใจ อย่างน้อยก็เชื่อว่าเขามีใจให้อยู่บ้างถึงได้ให้เกียรติเธอ ไม่จับเธอตะบี้ตะบันเหมือนผู้ชายอื่นๆที่พยายามหาโอกาสเข้าใกล้

“รังเกียจน้องบัวเหรอ” เสียงหงอยเหงาถามเมื่อเสียความมั่นใจ เพราะดูเขาพยายามจะไม่มองมา

“เปล่านะครับน้องบัว แต่ว่า...” คนมีเหตุผลเสมอในยามนี้กลับใบ้กิน ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอยามเมื่อหญิงสาวพาร่างเปลือยเปล่าลงไปนั่งในอ่างอาบน้ำ ต่อหน้าต่อตาของเขา เพียงลงน้ำ กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำและกลิ่นสาบสาวฟุ้งกระจายเข้าจมูกจนอารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มลุกกระพือ แววตาอบอุ่นแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงเมื่อสายตาคู่สวยเงยขึ้นมามองสบกันหยาดเยิ้มละคนท้าทาย แดนไตรคนดี คนเย็นใจซื่อกำลังจะพ่ายแพ้ต่อเสือร้ายในใจที่ต้องการล่าเหยื่อ

“หรือว่าพี่ตุ่นเกรงใจคุณสิรินนภา เพื่อนสนิทของพี่” จงใจแบบนั้นเพื่อให้เขาชัดเจนว่าเธอไม่ได้เป็นมือที่สามของใครจริงๆสำหรับการ ‘ตัดสินใจลงทุน’ ของเธอครั้งนี้

“รีนเขาไม่เกี่ยวหรอกครับ”

ได้ยินแบบนั้นบัวหอมจึงส่งยิ้มหวานเป็นการต้อนรับให้แดนไตรเดินเข้ามา แต่รอยยิ้มหวานมีอันเจื่อนลง เพราะการก้าวเข้ามาของเขา พร้อมกับผ้าขนหนูและรอยยิ้มที่เบาความร้อนแรงหวนกลับมาอบอุ่นเหมือนเดิม “พะ...พี่ตุ่น” คนไม่เคยถูกปฏิเสธถึงกับชะงัก

“พี่จะกลับไปอาบน้ำที่ห้องพัก ไว้น้องบัวอาบน้ำเสร็จเราจะเดินไปดูตลาดนัดริมหาดฝั่งนู้นกันนะครับ” ก่อนจะกลับหลังหันด้วยความซื่อสัตย์ในตัวเองที่จะไม่ล่วงเกินหญิงสาว สำหรับคุณหนูคนงามเวลาที่เหมาะสมคือเมื่อเข้าหอร่วมเรียงเคียงคู่ถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณี ทว่า จนแล้วจนรอดฝ่ามือหนาก็ชะงักค้างอยู่ที่กลอนประตู ลำบากใจที่จะหักห้ามความรู้สึกตัวเองที่มีต่อหญิงสาวที่อยู่ในอ่างอาบน้ำ

บัวหอมยกยิ้มมุมปากมองแผ่นหลังสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งอยู่ประตูด้วยแววตากรุ้มกริ่มยวนยั่ว หมากเกมนี้เธอชนะอย่างแน่นอน เศวต กรุ๊ปจะต้องกลับมาเป็นของเธอคืนในที่สุดและแดนไตรต้องโซเซออกไปจากที่นี่มือเปล่า

สุดท้ายเขาก็อดกลั้นไว้ไม่อยู่ ไม่อาจฝืนสัญชาตญาณของตัวเองได้โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ชื่อบัวหอม ร่างสูงกลับหลังหันมายังร่างขาวผ่องนวลเนียนที่แช่อยู่ในอ่างอาบน้ำฟองฟอด แผนการเดินตลาดเป็นอันต้องพับเก็บเพราะเขามีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้น แววตาที่เคยมีความอาทรแปรเปลี่ยนเป็นแววตาลึกซึ้งลึกลับของชายหนุ่มที่มองหญิงงามตาต้องใจ ขยับปากกลืนน้ำลายก่อนจะเดินเข้ามาที่อ่างอาบน้ำ ก้าวตามลงมาแช่ทั้งๆที่ตนเองยังไม่ได้ถอดเสื้อถอดผ้าเลยสักชิ้น

“พี่อาบด้วยดีกว่า ตัวพี่ก็เปียกน้ำทะเลไปหมดแล้ว” เปล่งเสียงแหบพร่าบอกวัตถุประสงค์ที่ต้องการอย่างชัดเจน แววตาอบอุ่นเพิ่มระดับเป็นเข้มข้นร้อนแรง ต่อแต่นี้บัวหอมจะไม่ใช่น้องสาวหรือหญิงสาวของเขาอีกต่อไป แต่เธอคือเหยื่ออันโอชะและหวานล้ำของเขา

จมูกโด่งโน้มเข้ามาสูดกลิ่มหอมของแก้มบางใส แก้มนวลเนียนราวกับขนมหวานรสเลิศจนแดนไตรอดไม่ไหวต้องยื่นเรียวลิ้นออกมาเลียไล้ ชิมรสที่อยากชิมสมใจ

อ่างจากุดชี่น้ำวนช่วยนวดคลึงให้ร่างกายของทั้งคู่ผ่อนคลาย บรรยากาศในบังกะโลเย็นนิดๆเป็นใจให้พวกเขา ใบหน้านวลแดงก่ำเขินอายเมื่อมีเวลาว่างทบทวนตัวเองว่าเป็นฝ่ายเชิญชวนยั่วยวนให้ร่างสูงก้าวเข้ามานั่งในพื้นที่เดียวกัน

แดนไตรนั่งเงียบๆ แต่ลุ้นรอให้สาวเจ้าเคลื่อนไหวเพื่อทำอะไรสักอย่างในฐานะคนที่เป็นฝ่ายเปิดฉาก จนมือสั่นเทาเย็นเฉียบค่อยๆวางลงบนอกข้างซ้ายของตนจึงยกฝ่ามือวางทับลงไปอย่างสนิทสนมราวกับเกิดมาเพื่ออยู่ตรงนี้ ตรงกลางใจของผู้ชายคนที่ชื่อแดนไตร

ทั้งสองร่างขยับเข้าหากันช้าๆตามกฎของแรงดึงดูด จุมพิตลึกซึ้งหวานล้ำที่เป็นจูบแรกของหญิงสาว สร้างความรู้สึกมหัศจรรย์เหนือจะบรรยาย ความตกใจจากสัมผัสแปลกปลอมนุ่มลื่นทำให้ต้องขยับออกห่างอยู่บ่อยครั้ง แต่ในทุกครั้งฝ่ามือหนาจะเข้ามาช่วยจับดันที่ท้ายทอยให้เงยหน้ารับความหวานนั้นอย่างไม่อาจหลบเลี่ยง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากนี้คือความสุกงอมหอมหวานของความรักที่เขามีต่อเธออย่างล้นปรี่

มือไม่อยู่สุขเริ่มปัดป่ายดอกไม้ตูมนุ่มหยุ่นแล้วผลักเธอไปข้างหลังเพื่อจะใช้สายตาร้อนแรงสำรวจจนถ้วนทั่วโดยเฉพาะอัญมณีสีหวานที่เปล่งประกายบนผิวเนื้อ ปลายลิ้นตวัดรอบเบาๆด้วยความถนอมหวงแหน จับร่างบางพิงขอบอ่างไว้แล้วรุกรานตามอำเภอใจจนเสียงหวานครวญครางแผ่วเบาอย่างรัญจวน ความสุขที่ไหลบ่ามากมายล้นปรี่ในใจของแดนไตร

มือบางช่วยปลดเลื่อนเสื้อผ้าเปียกปอนออกจากกายกำยำจนเปล่าเปลือยเหมือนๆกัน นิ้วเล็กสั่นระริกแต่พยายามลากผ่านลอนกล้ามเนื้ออุดมสมบูรณ์เพื่อสื่อให้ได้รู้ว่าหลงใหลและต้องการเขา รูปร่างของแดนไตรเป็นที่เฝ้าฝันของสาวๆค่อยประเทศในฐานะนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงสุดหล่อ เขาอาจจะเป็นผู้ชายในฝันของใครก็ได้ แต่ชายหนุ่มเองก็ปรารถนาที่จะเป็นผู้ชายในชีวิตจริงของคนแค่คนเดียว คนๆนั้นคือคุณหนูบัวหอมที่อยู่ตรงหน้าเขาในยามนี้

“หัวใจของพี่ เป็นของน้องบัวนะ” จับมือถือมาวางไว้ที่ตรงหัวใจ เอื้อนเอ่ยเชิญชวนให้หญิงสาวถือสิทธิ์เป็นเจ้าของ อ้อนวอนทางสายตา ท่าทางให้เธอไว้วางใจ

“ค่ะ...”กระซิบตอบแผ่วเบาก่อนจะก้มหน้าหลุบตาลง เขินอายต่อความรู้สึกพิศวาสและสัมผัสแนบเนื้อที่กำลังเกิดขึ้นตามครรลองธรรมชาติ ยินยอมที่จะเป็นของเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ จิตวิญญาณและความรู้สึก

มือหนารวบเข้าที่เอวบางก่อนจับยกให้โน้มเข้ามานั่งบนหน้าตัก ขยับตัวขึ้นให้ได้องศาในการตอบสนองความต้องการภายในใจของเธอและของตนเอง การสัมผัสที่วาบหวามช่วยกระตุ้นให้ก้นบึ้งของใจบอกได้ว่าร่างกายของเขานั้นหิวโหยความปรารถนาต่อเธอมากขนาดไหน ลมหายใจร้อนฉ่าแผดเผาไปตามนวลแก้ม ซอกคอและเนินอกอวบอิ่มทำเอาเนื้อตัวหญิงสาวสั่นระริกที่ไม่ใช่เพราะกลัวหรือสับสน แต่มันเพราะระทดระทวยจากภายในใจที่มันไหวเอน

ยามอยู่ในอารมณ์รักใคร่ หญิงสาวงดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น บัวหอมค่อยๆยกเอวขึ้นตอบสนองการเคลื่อนไหวของเขาที่ต้องการรุกล้ำเข้ามาร่างกายทั้งสองค่อยๆแนบสนิทกัน บัวหอมสะดุ้งครั้งแล้วครั้งเล่ากับสิ่งที่ขยับเคลื่อนเข้ามาภายใต้สายน้ำวนเพราะเป็นครั้งแรกเลยยังเจ็บอยู่บ้างแต่ก็มีความสุขจนแทบคลั่งจนต้องผวาเข้ากอดร่างหนาไว้แน่น นิ้วทั้งสิบจิกลงบนไหล่แข็งแกร่งจนจมเป็นหลักฐานฟ้องว่าเธอสุขสมปั่นป่วนขนาดไหน

“อื้อ....อื้อ” แต่กลับต้องส่งเสียงอู้อี้เพราะคิดว่าสิ่งที่จะทำให้เจ็บปวดจบสิ้นแล้ว แต่กิริยาฉกจูบแนบแน่นร้อนแรงกลับกลายเป็นเพียงความสุขแฝงเร้น เจตนาของเขาคือสกัดกลั้นเสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดของเธอ บัวหอมน้ำตาไหลลงพลางทุบอกเขามือระวิง สายน้ำพยุงตัวไว้ไม่ได้ช่วยให้อาการรวดร้าวปริแตกนั้นเจ็บปวดน้อยลง แต่ฝ่ามือหนาหนักที่คอยวนเวียนลูบไล้เคล้นคลึงดอกบัวตูมสวยและผิวกายบอบบางต่างหาก ที่เป็นเหมือนยาวิเศษ ไม่นานนัก คิ้วเรียวที่ขมวดมุ่นด้วยความเจ็บเริ่มคลายกังวลออกจากกัน ขยับตัวตั้งรับเรี่ยวแรงที่ถาโถมเข้ามาตามสัญชาตญาณ

ฝ่ามือบางกำเข้าหาผ้าปูที่นอนแน่น ช้อนตามองร่างกำยำที่ขยับกายเป็นจังหวะอยู่บนตัวของเธอด้วยความรู้สึกสับสนหลากหลาย น้ำตาเม็ดโตหยดร่วงลงมาที่หางตา โดยคนที่อยู่ในห้วงปรารถนาไม่ทันสังเกตเห็น น้ำตาเธอไหลแต่เธอไม่ได้ร้องไห้ มันไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องร้องไห้เพราะทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เธอเลือกทำเอง เป็นจุดหมายที่เลือกแล้วว่าจะก้าวเดินในทางนี้

จวบจนสุ่มเสียงอันเปรียบสุขดังกังวาน ร่างเน่งน้อยค่อยอ่อนระทวยทิ้งตัวลงกอดซบกำแพงมนุษย์ที่เธอเกาะเกี่ยวติดมือ เหงื่อเม็ดโตผุดพรายจนหยดลงสู่อ่างอาบน้ำ แดนไตรยกยิ้มชื่นชมละคนเอ็นดูคนในอ้อมแขน เห็นตัวเล็กผอมเพรียวแต่กลับตั้งรับเรี่ยวแรงของเขาได้หลายชั่วโมง ตอนแรกประสานมีอาการงอแงร้องไห้เล็กน้อย แต่เพียงปลุกปลอบเบาๆก็เงียบเสียงอย่างว่าง่ายเชื่อฟัง

ให้รางวัลเด็กดีเป็นจุมพิตอ่อนหวานหนึ่งครั้งก่อนจะชะงักที่เมื่อผละออกเห็นอาการผวาและขมวดคิ้วด้วยความไม่สบายเนื้อตัวของสาวเจ้ากลับมาปรากฏอาการ สีหน้าลำพองใจสุขสมเมื่อครู่สลดลงเล็กน้อย น้องน้อยที่เขาเฝ้าทะนุถนอมควรจะอยู่บนที่นอนนุ่มไม่ใช่จับเธอสนองความต้องการในอ่างอาบน้ำแบบนี้ ร่างบางถูกจับอาบน้ำใหม่จนสะอาดหอมสดชื่นโดยทาสเทวีหนุ่มหล่อ เขาเช็ดเนื้อตัวให้เธอจนแห้งดี เอาผ้าคลุมห่อกายไว้เพื่อป้องกันความหนาวเหน็บ จากนั้นอุ้มเธอมาวางไว้บนที่นอนนุ่ม

“อยากให้พี่ตุ่นกอด” บอกความต้องการพร้อมกับแขนเรียวยกวาดขึ้นทั้งสองข้าง ส่งแววตาหวานเชื่อมออดอ้อนจนเขายิ้มขำขันแต่ก็ล้มตัวลงซุกกายใต้ผ้านวมผืนหนาก่อนจะกอดร่างนุ่มไว้แน่น

“เด็กดีของพี่ หิวข้าวบ้างไหมเดี๋ยวพี่จะออกไปซื้อที่มินิมาร์ทมาให้” มองนาฬิกาที่บอกเวลาตีสี่ครึ่ง ตอนนี้ร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอดทั้งวันทั้งคืนเป็นทางเลือกที่หนึ่ง

“ไม่ค่ะ” ส่ายหัวตอบ เวลานี้เธอเพลียและเจ็บอยากจะนอนพัก ก่อนจะซุกตัวเข้าหาไออุ่นจากร่างกำยำ แผงอกล่ำบึกนั้นอบอุ่น ก้อนเนื้อที่เต้นอยู่ในนั้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอช่วยขับกล่อมให้บัวหอมวางใจและหลับใหลลงได้ง่ายดาย ละทิ้งทุกอย่างที่ทำให้เป็นทุกข์ วางสิ่งที่ถือมั่นลง ทำให้ค้นพบว่าอ้อมกอดของพี่ชายที่แสนดีคนนี้อบอุ่น ปลอดภัยและไว้ใจได้มากที่สุด คนที่อยู่ในใจมานานแสนนาน

“พี่ตุ่นอย่าไปไหนนะ กอดบัวไว้อย่าไปไหนนะ” เธอพูดอู้อี้ในลำคอเพราะกำลังเข้าสู่ภาวะสะลึมสะลือกึ่งหลับกึ่งตื่นแต่คำพูดเหล่านั้นสั่นสะเทือนจิตใจคนฟัง แดนไตรกอดรัดร่างนิ่มแน่นขึ้น จูบเบาๆที่ขมับหลายต่อหลายที

“ครับผม” ตอบรับอย่างลิงโลด ในที่สุดก็มีวันนี้ วันที่น้องน้อยให้อภัยเขาทุกอย่างแล้ว

“สัญญานะคะ ว่าพี่ตุ่นจะรักน้องบัวคนเดียว” คำท้วงของน้องน้อยที่ได้ยินเป็นประจำตั้งแต่เด็กๆยังดังก้องหู และคำตอบของเขายังคงชัดเจนตั้งแต่ต้น

“ครับ พี่ตุ่นจะรักน้องบัวคนเดียว”

“พี่ตุ่นจะรักน้องบัวคนเดียว” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู สวมกอดร่างบางไว้แน่นส่งเธอเข้าสู่ห้วงแห่งกาลเวลา บัวหอมงึมงำตอบรับ ยกยิ้มมุมปากก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอันอ่อนหวานสุขสม เขาไม่ได้นึกสักนิดว่าบัวหอมจะลงทุนถึงขนาดเอาตัวเข้าแลก แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างนี้มันคือความรู้สึกเบื้องลึกที่อยู่ในใจของกันและกัน บัวหอมแค่ใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น ใช้ประโยชน์จากความรักของเขา ความดีของเขาไม่เคยลงไปอยู่ในใจของเธอเลย เพราะเธอไม่เคยรักเขา ไม่มีวันรัก จนตายก็จะไม่รัก!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เสน่หาวิชามาร   67

    “ผมไม่ยอมนะลูกจัน” น้ำเสียงเข้มข้นและสายตาตื่นตระหนกของเขาทำให้ทั่วทั้งบ้านหัวเราะครื้นเครง ถึงคราวมารร้ายโดนหลอกหลอนคืนบ้างยาม“เป็นไงล่ะคุณอาร์ต ของแบบนี้ถ้าไม่มีลูกสาวไม่เข้าใจหรอก เริ่มกลัวหรือยังว่าตอนลูกจันผมเจ็บใจคุณขนาดไหน”“กลัวแล้วครับ นี่ให้ผมมีความสบายใจหน่อยเถอะ ต้องหวงทั้งเมียต้องห่วงทั้งลูกแบบนี้” มืออีกข้างคว้าเอวคอดกิ่วของสกาวเดือนเข้ามากอดไว้แน่นทั้งยังหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ไม่มีเขินอายสาตาอีกหลายคู่มองมา“ปะป๊าคิสมะม๊า” ยัยหนูเพียงดาวพูดอ้อแอ้ตามที่เห็น ตาแป๋วใสซื่อก่อนจะหัวเราะชอบใจแม้ว่าไม่เข้าใจความหมายอะไรนอกจากปะป๊ารักมะม๊า ก่อนจะโน้มตัวเอียงคอซบไหล่พ่ออาร์ตออดอ้อนให้เขาแสดงความรักต่อเธอด้วย เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในบ้าน“เดี๋ยวคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวจะไปซื้ออาหารวันนี้เดี๋ยวกินข้าวเย็นด้วยกัน บัวไปกับพี่นะ” อยู่ๆก็เกิดอาการอยากจูบภรรยาจึงต้องหาข้ออ้างชวนเธอมาอยู่ตามลำพัง กลัวว่าจะน้อยหน้าคนอื่นๆ รีบอุ้มหนูน้อยอัยยามาวางใส่แขนของนพพลผู้เป็นพ่อทูนหัว “อยู่กับลุงเบลห้ามดื้อนะอัยยา เดี๋ยวปะป๊าไปซื้ออาหารอร่อยๆมาให้กินนะ” เด็กหญิงว่านอนสอนง่ายพูดอะไรไปก็เข้าใจเป็นอย่างดี

  • เสน่หาวิชามาร   66

    วันหยุดยาวสิ้นปี บ้านวิริยะกิจวันนี้คึกคักไปด้วยคุณพ่อคุณแม่ที่ต่างก็พาครอบครัวมารอต้อนรับสกาวเดือนกลับจากอังกฤษ หนูน้อยอัยยาลูกสาวคนเดียวของแดนไตรและบัวหอมมีการแสดงโชว์เล็กๆเป็นการร้องเพลงแบบเด็กๆสร้างสีสันให้บรรยากาศอบอุ่นสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ตอนนี้แดนไตรมีสถานะเป็นคุณตาทันทีที่ลูกสาวบุญธรรมให้กำเนิดทารกเพศหญิง เด็กหญิงเพียงดาว เด็กไทยที่ถือกำเนิดที่ประเทศอังกฤษในระหว่างที่พ่อและแม่ของเด็กไปเรียนต่อ เด็กหญิงเป็นขวัญใจของคุณตาและคุณปู่คุณย่าที่เฝ้ารอหลานมาถึงสามปีและอีกปีกว่าที่อติชนจะยอมพาลูกสาวมาเมืองไทย เพราะรอให้สกาวเดือนเรียนจบปริญญาโทก่อน “อัยยา รักน้องให้มากๆนะหนูเป็นพี่คนแล้วรู้ไหม” แดนไตรสอนลูกสาวด้วยเสียงที่สอง อ่อนโยน ออดอ้อนแก้วตาดวงใจของพ่อ เด็กหญิงอัยยาวัยห้าขวบพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะโน้มตัวไปจุมพิตน้องน้อยวัยขวบเศษที่กำลังนั่งทำหน้างงว่าคนพวกนี้เป็นใครและยังเจ็ตแหลกจากการบินข้ามทวีปมาถึงเมื่อเช้า จากนั้นหนูน้อยหันมาจุ๊บปากปะป๊าตุ่นสลับกับหม่ามี๊บัวเพื่อให้เสมอกันทุกคนความน่ารักของหนูน้อยอัยยาทำให้นพพลและสิรินนภาที่ไม่มีลูกสาวตื่นเต้นระคนอิจฉา “วันนี้ทำลูกสาวกันนะ” จนชา

  • เสน่หาวิชามาร   65

    จดจ้องชายหนุ่มด้วยความโกรธเคือง “คุณเบล...รีนท้อง” เค้นเสียงเจ็บใจที่สุดท้ายเป็นเธอเองที่คว้างงูไม่พ้นคอ ตั้งใจจะตัดขาดกับเขาอีกสักหนึ่งปีเพื่อให้ต่างคนต่างไปทบทวนตัวเอง ก็พังไม่เป็นท่าเพราะผลพวงจากค่ำคืนนั้นเขายัดลูกเข้ามาในท้องเธอด้วย!“อะไรนะ?” เหมือนฝันไปที่ได้ยินเรื่องท้อง “รีนท้องเหรอ”อึ้งสักพักก่อนจะลำพองใจยิ้มกว้างขนาดตอนนั้นป่วยอยู่แท้ๆยังน้ำยาแรงขนาดนี้ ครั้งเดียววันนั้นส่งผลต่อวันนี้ พอได้สติว่าไม่หูฝาดก็ถึงกับกระโดดโลดเต้นดีใจอึกทึก ยกร่างบางขึ้นอุ้มก่อนจะหมุนไปรอบๆ “ไชโย” ดีใจจนเก็บอาการไม่ได้ “ผมดีใจที่สุดเลยรีน ขอบคุณรีนมากเลยนะที่เอาข่าวดีแบบนี้มาบอกผม” ก่อนจะระดมจูบทั่วใบหน้านวลที่กำลังชื้นไปด้วยน้ำตา ในความทรงจำลางๆเขายังนึกได้ถึงความรู้สึกตอนนั้นว่ามันตื่นเต้นดีใจขนาดไหนที่รู้ว่าชุดทดสอบได้ปรากฏผลว่าตั้งครรภ์ แต่ตอนนั้นเขาก็ดีใจได้อยู่ไม่ทันข้ามคืนเพราะเข้าใจว่าเธอเข้าโรงแรมกับชายชู้เสียก่อน“คุณไม่ว่าเป็นลูกคนอื่นแล้วเหรอ” ถามด้วยความแค้นไม่หาย “คราวนี้จะว่าลูกในท้องฉันเป็นลูกของตุ่นไหม” ทำท่ายกกำปั้นขู่ชายหนุ่มรีบยกมือเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายพร้อมทั้งรวบมือบางที่ต้อง

  • เสน่หาวิชามาร   64

    หนึ่งปีที่ตั้งมั่นให้นพพลพิสูจน์ตัวเอง เอาเข้าจริงคนที่ตั้งกฎขึ้นมาเองกลับทำได้เพียงแค่สองเดือน เพราะอยู่ๆเช้าวันนี้เธอตื่นขึ้นมาด้วยอาการหนักหัวและอาเจียนมากกว่าทุกวัน เลยตัดสินใจลางานเพื่อไปพบแพทย์ พอไปโรงพยาบาลกลับต้องตกใจกับคำวินิจฉัยจากหมอหลังตรวจอาการและขอปัสสาวะ มือบางกำผลตรวจไว้แน่นด้วยความโมโหอยากจะฆ่าคน ก่อนจะรีบเดินทางไปหานพพลถึงบริษัท หญิงสาวเดินอาดๆมาหาเขาถึงห้องทำงาน ทันทีที่มาถึงก็อาละวาดโวยวายขว้างปาข้าวของใส่คนที่กำลังตกใจและทำอะไรไม่ถูก“คนใจร้าย! คนเห็นแก่ตัว คุณเบลร้ายกาจที่สุด คนใจร้าย ไม่คิดถึงใจคนอื่น” รัวเสียงดุด่าเป็นชุดพร้อมทั้งร้องไห้โฮๆไม่อายเลขาสาวที่วิ่งตามเข้ามานพพลหน้าเหวอที่ถูกบุกมาโวยวายถึงห้องทำงาน ก่อนจะหันไปโบกมือเป็นสัญญาณให้เลขาสาวคนนั้นออกไปก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาหานางร้องไห้ที่คุ้มดีคุ้มร้ายด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ“ใจเย็นก่อนครับ มีอะไรค่อยๆพูดกันนะคนดี” บอกเสียงอ่อนยอมแพ้คนเจ้าน้ำตา ชายหนุ่มเปลี่ยนไปมากในช่วงเวลาไม่กี่เดือนนี้จากหมาป่าล่าเนื้อกลายมาเป็นลูกหมากลัวเมีย การที่เธอมาเจอเขาแบบนี้จะถือว่าผิดกฎการลงโทษหนึ่งปีที่เธอวางไว้หรือเปล่า แล้วถ้าผ

  • เสน่หาวิชามาร   63

    “คุณเบลคะ เรื่องของเรามันจบแล้วนะคะ” เสียงหวานหยดใจเย็นแต่หนักแน่นเด็ดเดี่ยวจนหัวของคนฟังชาหนึบ“จบ จบอะไร เมื่อกี้เรายัง...” เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่รู้สึกเหมือนใจจะขาด แทนที่จะเป็นฝ่ายหญิง จะจบได้ยังไงในเมื่อชั่วโมงก่อนเธอยังโอนอ่อนตามใจเขาอยู่เลยสิรินนภาถอนใจยาว “รีนไม่ห้าม ถ้าคุณเบลเขาจะมาพบลูก เพราะลูกเป็นของพ่อแม่อยู่แล้ว แต่เราเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ของกันและกันอีกแล้ว ตั้งแต่วันที่คุณขับไล่รีนออกจากบ้าน”“ทำไมต้องทำแบบนี้ละรีน ผมนึกว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” ครางเสียโหยกับคมมีดที่ย้อนกลับมาสร้างแผลให้ตนเอง“คุณคิดว่าแค่การนอนด้วยกันคืนเดียว ทุกอย่างที่คุณทำกับรีนมันจะจบเหรอคะ รีนทำแบบนี้กับคุณเพราะอยากจะให้คุณเข้าใจอะไรใหม่ว่ามันไม่ใช่เฉพาะผู้ชายนะคะที่จะต่อรองหรือจัดการอะไรกับผู้หญิงก็ได้ บางเรื่องผู้หญิงก็ไม่ได้อยู่เฉยรอคอยเป็นฝ่ายถูกเรียกหาเสมอไป”“อย่าพูดแบบนั้นเลยนะรีน คุณมีค่าสำหรับผม วันนี้ผมเลยไมอยากเสียคุณไป”“สำหรับคุณ ถ้ารักของรีนมีค่ามากพอ คุณคงไม่ทำเรื่องวันนั้นตั้งแต่แรก และอีกอย่าง รีนไม่อยากให้คุณเสียเวลากับคนที่คุณไม่ได้รักแต่แต่งงานกันเพราะหน้าที่และเพื่ออำนาจที

  • เสน่หาวิชามาร   62

    สิรินนภาห่อกายหลบความหนาวร้อนสลับกันยามเมื่อฝ่ามือร้อนๆลูบไล้ผิวกายนวลนุ่มของเธอ ความเย็นของเครื่องปรับอาการทำให้รู้สึกตัวว่าตอนนี้กายของเธอเปล่าเปลือย เสื้อผ้าที่สวมมาถูกเขาปลดเปลื้องออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เวลาที่แน่ชัด หรืออาจจะเป็นเธอเองที่ปลดเสื้อผ้าออก“หนาว...” ส่งเสียงผะแผ่วทักท้วงออกมา พร้อมทั้งพยายามคว้าผ้านวมหนามาห่มคลุมร่างกายและซุกหน้าลงกับกองผ้าห่มรกๆ ไม่ได้หนาวอะไรมากมายนักแต่ร่างกายมันสั่นสะท้านเพราะเขินอายสายตาลึกล้ำจากเขาต่างหาก“ก็กอดผมแน่นๆสิ” รั้งมือบางขึ้นมากอดคล้องบ่าของตน สายตาของเขาเจ้าชู้เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าหมาป่าแต่ก็เสน่ห์ล้นเหลือจะทัดทาน เพียงสบตามากเสน่ห์กล้ามเนื้อทุกส่วนของหญิงสาวก็เหมือนกับไร้เรี่ยวแรง ยินยอมให้เขาเข้ามาจัดระเบียบร่างกายตามอำเภอใจ ชายหนุ่มฮึกเหิมย่ามใจเมื่ออีกฝ่ายไร้เรี่ยวงแรงขันขืนและไร้เสียงทักท้วง ไฟพิศวาสถูกจุดติดอย่างง่ายดายเพราะความโหยหาห่างหาย เรียวขาบางถูกชันตั้งขึ้นให้ได้มุมเหมาะสมสำหรับการสัมผัสแนบชิดสิรินนภาสะดุ้งเฮือกเจ็บแปลบกับกิจกรรมลึกซึ้งที่ห่างหายไปนานปี สัมผัสของเขามันทำให้อบอุ่นละคนเหน็บหนาวที่ใจ คนๆนี้ที่เห็นเธอ

  • เสน่หาวิชามาร   61

    “ไม่ได้ค่ะ คณบดีโทรตามโครงการวิจัยที่ฉันกำลังรับผิดชอบอยู่” ตอบอย่างไร้เยื่อใยก่อนจะเดินออกจากห้องไป“รีนครับ” พยายามร้องเรียกแต่เสียงก็แผ่วลงเหลือเกินร่างบางเดินกลับมายืนหน้าประตู มองเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย กับเขาดีๆ “อาหารอยู่ในตู้เย็น คุณเอามาอุ่นไมโครเวฟแล้วกินนะคะ อย่าลืมกินยาให้ครบตามที่หมอสั่งนะคะ”แต่ไหนแต่ไรนพพลไม่เคยที่จะทำตามคำบอกของใครง่ายๆ แม้จะเกรงใจหญิงสาวแต่ก็ไม่อยากจะรีบหายจากอาการบาดเจ็บนักเพราะยังต้องการพยาบาลสาวเนื้อหวานอยู่ วันนี้ทั้งวันนพพลเลยเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ไม่ลุกไปไหน ไม่กินข้าวและไม่กินยา รอคอยให้เธอกลับมาป้อนและดูแลนพพลพึ่งรู้ว่าตนมีความอดทนค่อนข้างสูงก็วันนี้ เขาสามารถรอจนตกเย็นและมีเสียงรถเลี้ยวเข้ามาจอดในโรงรถข้างบ้าน จากนั้นตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงของสตรีที่เข้ามาในตัวบ้าน“คุณเบล คุณเบลคะ” สิรินนภาเรียกเขาไปตามทาง แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา วันนี้ตลอดทั้งวันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ทำงานไม่มีสมาธิ สอนหนังสือก็ยังพะวงแต่คนป่วยว่าเขาจะเจ็บแผลไหม กินข้าวหรือยังได้กินยาบ้างหรือเปล่า อาการเหมือนเมื่อครั้งตอนคลอดน้องโรมช่วงแรกๆที่ยังปรับตัวไม่ได้ไม่มีผิด“

  • เสน่หาวิชามาร   60

    นพพลปรือตามองไปรอบๆเพื่อหาอดีตภรรยา ปวดหัวระบมราวกับถูกทุบด้วยของแข็ง แน่ล่ะเขาโดนของแข็งมา จนเย็บหลายเข็มด้วย “เอาไว้ก่อนเถอะครับ ผมกินไม่ไหว” ตอบเหนื่อยๆ ปวดตึงสลับกับรวดร้าวไปตั้งแต่กลางหัวจรดสันกราม ไม่อยากขยับอ้าปากด้วยซ้ำ“เดี๋ยวรีนป้อนค่ะ กินสักหน่อยเถอะนะคะ” เป่าข้าวต้มเพื่อคลายความร้อนก่อนจะค่อยๆป้อนช้าๆ“มันร้อน เอาไว้ก่อนนะครับ” หลับตาตอบหลังกินไปหนึ่งคำสิรินนภาอ่อนใจ รู้สึกผิดมากขึ้นที่ทำเขาเลือดตกยางออก นพพลเป็นผู้ชายเจ้าสำอาง บอบบางเพราะถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงมประสาลูกชายคนเดียวตระกูลเชื้อสายขุนนางในรั้วในวัง เขาไม่เคยถูกทำร้ายให้เจ็บปวดเพราะมีแต่ทำให้คนอื่นเจ็บ แต่เรื่องในอดีตก็ส่วนอดีตแม้มันจะมีผลต่อปัจจุบันแต่ก็ไม่ต้องทำร้ายกันจนถึงขั้นนี้ก็ได้ เป็นอีกครั้งที่เธอเอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลนั่งเฝ้าไข้ไปสักพักคนเจ็บเริ่มเพ้อเพราะยาชาหมดฤทธิ์ แผลอักเสบขึ้นจนมันเริ่มปวดตุบๆ หญิงสาวจัดยาแก้อักเสบให้กินแล้ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่เพียงพอ “หนาว...หนาวรีนครับ ผมหนาว รีนอยู่ไหน รีน” ห่อกายกอดตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ พิษไข้เล่นงานจนตัวสั่นน่าสงสาร“คุณเบล รีนอยู่นี่นะคะ” รี

  • เสน่หาวิชามาร   59

    “ริ...รีนครับ” มือสั่นเทาจับปากแผลที่ถูกสันแฟ้มอลูมิเนียมหนาๆฟาดลงมาจนเนื้อปริ เจ็บปวดกายแต่ไม่โกรธและไม่ถือโทษเพราะที่เขาทำมันหนักหนากว่าที่เธอประทุษร้ายมากนัก“รีน...” เสียงทุ้มพึมพำเรียกชื่อหญิงสาวไม่หยุดปากจนอีกฝ่ายหันมาดู เห็นเลือดออกมากกว่าที่คิดไว้มาก มันไหลย้อยตามซอกนิ้วที่กำลังอุดบาดแผลจนเปรอะนพพลรีบคว้ามือเรียวมาบีบไว้ เขาเจ็บไม่เป็นไร แต่ขอให้เธอไม่ไปไหน “อย่าทิ้งผมนะ อย่าทิ้งผมไป” สติพร่าเลือนกับเลือดเป็นสายที่พรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ แฟ้มสมัยเก่ามีขอบแฟ้มทำมาจากอลูมิเนียม สร้างแผลและเรียกเลือดจากคนเคยเลวมากมายสิรินนภาไม่สนใจ ออกแรงสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมและผลของการหลีกหนีจากเขาสุดแรงนั้นทำให้ร่างเพรียวสอบของนพพลก้าวถอยไปเหยียบพรมเช็ดเท้า เสียหลักลื่นล้มหงายลงจนหัวไปกระแทกเข้าที่ขอบของชั้นหนังสือเหล็กโครมใหญ่และเลือดตกออกจากบาดแผลเป็นกอง“คุณเบล...” ยืนมองผลของการกระทำนั้นด้วยใจระทึกตื่นเต้น ยิ่งเห็นอดีตสามีหน้าซีดเจ็บปวดยิ่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้เจตนาจะให้เขาบาดเจ็บแบบนี้ มันเป็นอุบัติเหตุ“รีนครับ...” พยายามกัดฟันข่มความเจ็บปวดเรียกหาฝ่ายหญิง เอื้อมมือไขว่คว้าแต่อีกฝ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status