“นังม่าน แกจะรีบไปไหน”
เสียงขุ่นมัวดังขึ้น ใบหน้าสวยหวานจึงเงยขึ้นมามองคนตรงหน้า ไม่ใช่ใครที่ไหน วรรณา สมุทรธารา แม่เลี้ยงของเธอนั่นเอง
“ไปทำงานค่ะน้าวรรณ” ม่านทิวาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหวานละมุนก่อนจะเดินผละออกไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อวรรณาตวาดเรียกเธอเอาไว้อีกครั้ง
“เดี๋ยว!”
คนตัวเล็กชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะพูดตอบคนตรงหน้า “มีอะไรอีกคะน้าวรรณ”
“ก่อนที่แกจะออกไปเอาเงินมาให้ฉันก่อน ฉันจะเอาไปจ่ายค่าเช่าบ้านกับใช้หนี้ให้พ่อแก” นางว่าพร้อมกับแบมือขอต่อหน้าหญิงสาว
“ม่านเพิ่งให้น้าวรรณกับวิไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่คะ” ม่านทิวาสงสัยไม่น้อยกับการใช้จ่ายที่ดูจะฟุ่มเฟือยของแม่เลี้ยงที่ให้เท่าไรก็ไม่เคยพอ
“มันก็ต้องกินต้องใช้ทุกวันไหมยะ” วรรณาตวาดว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
หญิงสาวเปิดกระเป๋าสตางค์ใบเล็กหยิบเงินจำนวนหนึ่งยื่นให้นาง “ตอนนี้ม่านมีให้แค่นี้ค่ะ น้าวรรณช่วย…”
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยจบประโยค เสียงเล็กแหลมก็ดังขึ้นขัดมาแต่ไกล ม่านทิวาหันกลับไปมองทางด้านหลังของตนก็พบกับ รวิดา สมุทรธารา ลูกสาวของวรรณาที่รีบลงบันไดตรงมาหาเธอด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“แล้วของฉันล่ะ”
“วิเพิ่งขอไปเมื่อวาน หมดแล้วเหรอ”
“แค่จ่ายค่ากินค่าเที่ยวเมื่อคืนก็หมดแล้ว เอามาเร็ว ๆ อย่าพูดมาก”
ม่านทิวาส่งเงินให้ลูกสาวแม่เลี้ยงง่าย ๆ เพราะไม่อยากทะเลาะหรือมีปัญหากับคนทั้งสองแล้วเดินออกไปจากบ้านทันที เธอมันคนหัวเดียวกระเทียมลีบสู้ความร้ายกาจของสองแม่ลูกนั้นไม่ไหวหรอก กระนั้นก็ยังมีเสียงกระแนะกระแหนของรวิดาดังตามมาไม่ขาดปาก
“อันที่จริงฉันไม่อยากจะขอเงินเธอหรอกนะ ผัวฉันเขาก็รวยมีเงินมากมาย แต่ที่ไม่อยากจะขอน่ะ เดี๋ยวเขาจะว่าฉันไปปอกลอกเอาเงินจากเขา”
ม่านทิวาพยายามสงบสติอารมณ์กับคำพูดน่ารำคาญของคนข้างหลัง แล้วเดินออกจากบ้านสองชั้นกึ่งไม้กึ่งปูนที่ถูกแสงแดดกลืนความสดใสจนซีดหมอง เหลือไว้เพียงความทรุดโทรมไร้การดูแลจากผู้พักอาศัยและสภาพแวดล้อมไม่ได้ดูดีมากนัก
ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่ายไร้เฟอร์นิเจอร์ราคาแพง เธออาศัยอยู่กับบิดามารดามาตั้งแต่เด็ก แล้ววันหนึ่งมารดาของเธอก็จากไปพร้อมกับโรคร้าย สี่ปีผ่านไปบิดาก็พาวรรณาและรวิดาลูกสาวของหล่อนเข้ามาในบ้าน ต่อหน้าวรรณาแสร้งทำเป็นแสนดีกับเธอ แต่ว่าลับหลังท่านนั้นราวกับแม่เลี้ยงใจร้ายในการ์ตูนซินเดอเรลลาที่เธอนั้นเคยดู เธออยากหลุดพ้นไปจากสองแม่ลูกเต็มที
หญิงสาวมองนาฬิกาข้อมือเรือนเล็กพบว่าสายมากแล้ว วันนี้เธอต้องไปทำงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารกึ่งคาเฟแห่งหนึ่งในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ส่วนวันจันทร์ถึงวันศุกร์ทำบัญชีให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง และหลังจากเลิกงานเธอก็ไปทำงานพิเศษที่ร้านอาหารร้านเดิมโดยขอเจ้าของร้านไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางเจ้าของร้านเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ดีเสียอีกเพราะทางนั้นชอบคนที่ขยันทำงาน หนักก็เอาเบาก็สู้
ร้านอาหารกึ่งคาเฟใจกลางเมืองเป็นสถานที่ทำงานในวันหยุดของเธอ การตกแต่งของร้านอาหารแห่งนี้ผสมผสานสีขาว สีเขียว และโทนสีไม้ให้ดูเข้ากันได้อย่างลงตัว ร้านล้อมรอบไปด้วยกระจกหน้าต่างบานใหญ่ ภายในร้านมีความเขียวชอุ่มของบรรดาพรรณไม้นานาชนิดที่ตกแต่งให้ดูร่มรื่น ในช่วงวันหยุดมักมีคนมาใช้บริการจนแน่นร้าน อาจเป็นเพราะมีมุมต่าง ๆ ให้ถ่ายรูปอัปเดตลงในโซเชียลมีเดียมากมาย เอาใจวัยรุ่นและวัยทำงานที่มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจยามว่าง
“มาแล้วเหรอม่าน” พนักงานสาวรุ่นน้องเอ่ยทักทายทันทีที่เพื่อนร่วมงานสาวสวยเดินเข้ามาภายในร้าน
“สวัสดีจ้ะ สวัสดีค่ะพี่ณี” กล่าวทักทายเพื่อนร่วมงานก่อนจะหันไปสวัสดีพี่ณีเจ้าของร้าน
“ปกติมาช่วงเย็นไม่ใช่เหรอจ๊ะ ทำไมวันนี้มาแต่เช้าเชียว”
“พี่ณีลืมใช่ไหมคะเนี่ย ม่านขอพี่ณีมาทำช่วงเช้าแล้วก็ช่วงเย็นด้วย” หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ
“จริงด้วย! พี่ลืมเสียสนิทเลย”
“พี่ม่านขยันขนาดนี้ หนูจะตกงานไหมเนี่ย” พนักงานสาวรุ่นน้องที่ทักม่านทิวาเอ่ยแซว
เจ้าของร้านเลยแกล้งแซวกลับ “ก็ขยันให้เหมือนพี่ม่านสิจ๊ะจะได้ไม่ตกงาน” แล้วเดินออกไปดูงานในส่วนอื่นทันที
“งั้นพี่ขอตัวเอาของไปเก็บแล้วจะออกมาช่วยจัดร้านนะ”
“ได้ค่ะ” ว่าแล้วเดินผละออกไปยังหลังร้านที่เจ้าของร้านได้เตรียมล็อกเกอร์ไว้ให้เก็บของ เนื่องจากพนักงานของทางร้านมีราว ๆ สิบกว่าชีวิตจึงต้องจัดระเบียบให้รัดกุม ข้าวของมีค่าจะได้ไม่สูญหายให้เป็นปัญหา
ร่างเล็กบอบบางของม่านทิวาสวมชุดพนักงานประจำร้านทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลอ่อน ดูเข้าชุดกันดีกับเสื้อสีขาวและกางเกงยีนของเธอ กอปรกับรอยยิ้มสวย ๆ แล้วทำให้เธอดูเป็นคนมีเสน่ห์น่าหลงใหลไปโดยปริยาย
ไม่นานหญิงสาวก็เริ่มทำงานในส่วนหน้าที่ของตนไปจนถึงช่วงค่ำ บรรยากาศภายในร้านจะแตกต่างกันกับช่วงกลางวันโดยสิ้นเชิง ภายในร้านช่วงค่ำจะตกแต่งด้วยไฟดวงเล็กระยิบระยับทั่วอาณาบริเวณ เหมาะแก่การมานั่งดินเนอร์กับครอบครัวหรือไม่ก็นั่งสังสรรค์เอามาก ๆ
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามากันกี่คนคะ” เสียงพนักงานสาวประจำร้านเอ่ยทักทายลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่
“สองคนจ้ะ” ลูกค้าผู้หญิงวัยกลางคนเอ่ยตอบพนักงาน จากนั้นเดินตามไปยังโต๊ะที่ได้รับการแนะนำ
“เมนูค่ะ” ลูกค้ารับเมนูไปถือก่อนเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“วันนี้หนูม่านมาทำงานไหมจ๊ะ” นางถามหลังจากสอดส่ายสายตามองหาอยู่ครู่หนึ่งแล้วไม่เห็นว่าม่านทิวาทำงานอยู่ภายในร้าน
“มาค่ะ แต่ตอนนี้พี่ม่านพักเบรกอยู่น่ะค่ะ”
“ฉันนึกว่ากลับไปแล้วเสียอีก ยังไงฝากบอกหนูม่านด้วยว่าฉันอยากเจอ” นางฝากฝังด้วยใบหน้าแย้มยิ้มเป็นกันเอง
“ได้ค่ะคุณนาย” พนักงานสาวรับคำแล้วผละมาจดเมนูอาหารของลูกค้าประจำที่ชอบมารับประทานอาหารที่นี่อยู่บ่อย ๆ ดูเหมือนคุณนายท่านจะชอบม่านทิวาเอามากๆ เพราะถ้ามาแล้วไม่เจอหญิงสาวก็มักจะถามหาแบบนี้ตลอดเลย
หลังจากที่เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องเข้ามาบอกว่ามีลูกค้าคนเดิมกำลังรออยู่ ม่านทิวาก็รีบกุลีกุจอออกมาหาทันทีเพราะไม่อยากให้ผู้ใหญ่รอนานมันเสียมารยาท
“สวัสดีค่ะคุณนาย สวัสดีค่ะคุณท่าน” หญิงสาวเข้ามาเสิร์ฟอาหารและทักทายลูกค้าประจำพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ท่านทั้งสอง
“อีกแล้วนะหนูม่าน บอกให้เรียกลุงกับป้า ไม่ต้องเรียกคุณท่านกับคุณนาย” คุณนายสรวงสุดาลูกค้าประจำบอกกับหญิงสาวรุ่นลูกด้วยความเมตตาเอ็นดู
“ก็หนูไม่ชินนี่คะ”
“คราวหลังถ้าเรียกคุณนายอีก ป้าจะโกรธหนูจริง ๆ แล้วนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนพูดตอบอย่างเอ็นดูมากกว่าจริงจัง
“แต่ว่า…” หญิงสาวกำลังจะแย้ง แต่ถูกคุณอนันต์สามีของคุณนายสรวงสุดาดักคอไว้เสียก่อน
“ไม่มีแต่หรอกลูก เอาตามที่ป้าเขาว่าน่ะดีแล้ว”
“งั้นก็ได้ค่ะ คุณลุง...คุณป้า”
ม่านทิวารู้สึกกังวลที่ต้องเรียกลูกค้าประจำที่มีฐานะสูงศักดิ์กว่าอย่างสนิทสนม ถึงแม้ว่าเธอจะรู้จักท่านทั้งสองมาเกือบสามปีแล้วก็ตาม ร่างเล็กกำลังจะเอ่ยถาม แต่ก็ต้องชะงักเพราะลูกค้าที่เข้ามาใหม่อีกโต๊ะหนึ่งต้องการสั่งอาหารเพิ่ม เธอจึงขอตัวไปทำงานตามหน้าที่จวบจนถึงเวลาเลิกงานประมาณห้าทุ่ม
รณพีร์กำลังขะมักเขม้นกับการทำอาหารด้วยเตาถ่านที่หลังบ้านของม่านทิวาอย่างใจสู้ เพราะว่าเขาไม่เคยใช้มันมาก่อน ตอนที่อยู่ต่างประเทศเขาทำอาหารรับประทานเองก็จริงแต่เครื่องครัวมันทันสมัยกว่านี้ พอมาลองทำอะไรแบบนี้บอกตรง ๆ ว่าเริ่มต้นไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรดี จนเขาต้องเปิดคลิปวิดีโอจากยูทูปทำตามขั้นตอนทุกอย่างที่สอนในคลิปวิดีโอชายหนุ่มอยากทำอาหารให้ลูกกับเมียได้ลองชิมฝีมือเขาครั้งแรกระหว่างที่ม่านทิวานอนกลางวัน เธอเพิ่งกลับจากการไปทำงานที่บ้านของย่าเขา ครั้นจะห้ามทำก็กลัวเมียจะโกรธจึงต้องปล่อยเลยตามเลย ให้ทำงานเบา ๆ ไม่หนักจนเกินไปไม่อยากขัดใจเมีย ถ้าเธอโกรธมันจะพลอยกระทบกระเทือนถึงลูกในท้อง“ไฟแรงเกินไป มันต้องทำยังไงวะ” บ่นกับตัวเองอย่างหัวเสียเพราะหลังจากเทไข่เจียวหมูสับลงในกระทะที่มีน้ำร้อนจัด ไฟในเตาก็ยิ่งโหมลุกรุนแรงมากยิ่งขึ้นทำเอาไข่เจียวของเขามีกลิ่นไหม้ขึ้นมาทันที“ฉิบหายแล้ว…ไหม้หมดแล้ว!”“พี่สองทำอะไรคะ กลิ่นไหม้ฟุ้งกระจายเต็มบ้านเลย”เป็นจังหวะเดียวกันกับม่านทิวาที่ตื่นจากการนอนกลางวันพอดี เธอออกจากห้องมาดูเพราะได้กลิ่นเหม็นไหม้มาจากทางหลังบ้าน
“เอาน้ำหอมปรับอากาศในรถออกหรือยังคะ” เธอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้เธอนั่งรถคันไหน ๆ ก็ต้องเวียนหัวทุกครั้งไปเพราะกลิ่นน้ำยาปรับอากาศในรถ ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก็เลยไปตรวจดูพบว่าอาการคลื่นเหียนอาเจียนบ่อย ๆ ของเธอนั้นมาจากอาการตั้งครรภ์“เอาออกแล้วน่า รถคันนี้พี่พึ่งจะซื้อมาใหม่ เราไม่มีทางเวียนหัวแน่นอน รู้ว่าท้องอยู่…หลานไม่ชอบ”หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนก้าวขึ้นรถไป ผิดกับนทีที่พอจะได้ยินว่าธาริกาอาเจียนเวียนหัวเพราะเหตุใด เขาจะไม่มีทางปล่อยเธอกับลูกออกจากอกแน่นอนชายหนุ่มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มองรถที่ขับออกไปอย่างนิ่งนอนใจและตัดสินใจขับตามไปห่าง ๆ แน่นอนว่าต้องไปสนามบินสุวรรณภูมิ นทีหยิบพาสปอร์ตที่เขาแอบเก็บเอาไว้ในลิ้นชักหน้ารถของตนขึ้นมาดูอยากจะรู้นักถ้าไม่มีพาสปอร์ตนี่…เธอจะหนีเขาไปไหนได้!ธาริกามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปโหลดกระเป๋าให้เรียบร้อยเพราะยังไม่ถึงเวลาขึ้นเครื่อง เธอจึงนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือรอไปพลาง ๆ ตลอดการจับโทรศัพท์มือถือของเธอนั้นนทีพยายามโทร.หาและส่งข้อความมาตลอด แต่หญิงสาวกลับไม่
ตอนพิเศษ 1นที VS ธาริกาทุกคนต่างพากันร่วมแสดงความยินดีกับคู่สามีภรรยาที่ปรับความเข้าใจกันได้เสียที หลังจากที่ไม่เข้าใจกันมานานนับหลายเดือน ธาริกามองภาพของม่านทิวาที่ยิ้มอย่างมีความสุขกับรณพีร์อยู่คู่หนึ่งก็หาจังหวะปลีกตัวออกจากงานที่มากมายไปด้วยผู้คนทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน รวมทั้งเพื่อนสาวทั้งสองของเธอที่กำลังคบหาดูใจกับสองหนุ่มหล่ออย่างพชรและจอมพล หญิงสาวรอจังหวะที่ไม่มีสายตาคู่คมคอยจับจ้องรีบถอยห่างออกมาจากตรงนั้นทันทีธาริกาเดินลัดเลาะตามแนวทางเดินของสวนคุณย่ามาลัยไปยังบ้านเช่าที่ตนกับม่านทิวาเช่าอยู่ด้วยกัน นับตั้งแต่ที่พาว่าที่คุณแม่หนีออกมาจากโรงพยาบาล หญิงสาวคอยลอบมองซ้ายมองขวาว่าจะมีใครแอบตามเธอมาหรือไม่ หลังจากที่ดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาจึงรีบเดินไปยังประตูหน้าบ้านทันที เพื่อที่จะเอากระเป๋าเดินทางใบเล็กของเธอที่ลืมหยิบออกมาตั้งแต่แรก เมียงมองหากระเป๋าใบใหญ่ของตนแต่ก็ไม่พบ แต่พอลองนึกย้อนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้นทีเป็นคนที่คว้าเอาของของเธอไปถือไว้หน้าตาเฉยตอนนี้กร
อีกด้านหนึ่งเมื่อรณพีร์พาม่านทิวาออกมาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติและความร่มรื่นภายในสวนของย่ามาลัย หญิงสาวสังเกตบรรยากาศโดยรอบดูแปลกตากว่าปกติ คนงานที่เคยมีกลับไร้ผู้คน มีแต่เพียงการจัดเตรียมสถานที่ไว้เพื่องานบางอย่างซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่างานอะไร“พามาที่นี่ทำไมคะ” สายตาหวานกวาดมองไปรอบ ๆ รู้สึกถึงความผิดปกติของสวนแห่งนี้ที่แปลกตากว่าทุกวัน"ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่เห็นว่าตรงนี้มันเงียบดี พี่อยากคุยกับม่านอีกสักครั้ง เกี่ยวกับเรื่องของเรา"น้ำเสียงของเขาจริงจังกว่าปกติ ว่าที่คนเป็นแม่ยังคงมองเขานิ่งจนรู้สึกใจแป้วก่อนเอ่ยประโยคต่อมา"พี่อยากขอโอกาสอีกสักครั้ง ให้พี่ได้ทำหน้าที่พ่อและหน้าที่สามีอีกสักครั้งนะม่าน พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ม่านเสียใจอีก ถ้าพี่ผิดคำสัญญาพี่ขอ..." ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค นิ้วเรียวของหญิงสาวแตะห้ามที่ริมฝีปากของเขาที่กำลังจะเอ่ยคำมั่นสัญญาต่อหน้าเธอทันที"อย่าพูดนะ" ว่าที่คุณแม่ห้ามเอาไว้เพราะกลัวว่าเขาจะสัญญาอะไรไม่ดีจนถึงแก่ชีวิต ช่วงนี้เธอยิ่งฝันไม่ค่อยดีอยู่ด้วย"ทำไมล่ะ ม่านจะไม่ให้โอกาสพี่สักครั้งเลยเหรอ" รณพีร์
“ง้อแบบนี้เมื่อไรจะได้เมียคืนกันเล่า ลองปรับเปลี่ยนวิธีเอาใจเยอะ ๆ อ้อนเมียบ่อย ๆ คำไหนที่เมียอยากได้ยินและยังไม่ได้พูด…ก็บอกให้เมียรู้ซะ” ย่ามาลัยแนะนำหลานชาย อยากให้หลานกลับมามีครอบครัวที่อบอุ่นอีกครั้ง"ครับคุณย่า ผมจะง้อเอาเมียคืนมาให้ได้""สู้ ๆ นะหลานย่า"นางชูสองนิ้วขึ้นมาเป็นกำลังใจให้หลานชาย ส่วนคนเป็นหลานยิ้มรับเมื่อได้กำลังใจเต็มเปี่ยม…แล้ววิ่งตามม่านทิวาไปยังบ้านหลังน้อยให้เร็วที่สุดแต่เมื่อไปถึงกับต้องตกใจกับรถยนต์ป้ายทะเบียนคุ้นตาที่จอดอยู่หน้าบ้านของเมียทั้งหมดสามคัน หนึ่งในนั้นเป็นรถของธาริกาคันหนึ่ง พอเดินเข้าใกล้ตัวบ้านก็ได้ยินเสียงหัวเราะขบขันประสานเสียงกันยกใหญ่"ไอ้จิณณ์ ไอ้เพชร มาที่นี่ได้ไงวะ" รณพีร์ประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นเพื่อนสนิทมานั่งอยู่ในบ้านเมีย และยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีกเมื่อคนที่นั่งข้าง ๆ เพื่อนเขา คือเพื่อนของม่านทิวาอย่างอัญญ์และปอแก้ว"ทำไมจะมาไม่ได้ ก็แฟนกูมาหาเพื่อนมันผิดตรงไหน" จอมพลบอกพลางโอบไหล่บางของปอแก้วเอาไว้บอกให้รู้ว่าเป็นแฟนกันอยู่ ก่อนถามกลับคนที่ตามง้อเมียเป็นเดือน ๆ แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะคืน
เวรกรรมได้สนองสองแม่ลูกอย่างสาสมแล้วที่ไปทำร้ายคนดี ๆ อย่างม่านทิวา รวมถึงตัวเขาด้วยที่ไปทำร้ายคนดีอย่างเธอ ทำให้เขาต้องมานั่งทุกข์ทรมานใจเพราะรักเธอในวันที่สายไป...“ฉันขอถามคุณเป็นคำถามสุดท้ายได้ไหมคะ…” ธารริกานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกมา “…คุณรักเพื่อนฉันไหม”“ผมระ…” คนโดนถามกำลังจะตอบกลับด้วยแววตาเป็นประกายมีความรัก แต่ถูกหญิงสาวห้ามเอาไว้เสียก่อน“คำนั้นเอาไว้พูดกับเพื่อนฉันเองจะดีกว่าค่ะ”“ขอบคุณครับ”“ถ้างั้นฉันขอกลับก่อน…ไว้จะมาใหม่ ง้อให้ได้นะคะถ้าคุณรักเพื่อนฉันอย่างจริงใจ” หญิงสาวเอี้ยวตัวน้อย ๆ เพื่อบอกกับชายหนุ่มที่ตั้งใจมาง้อเมียให้กลับไปอยู่ด้วยกันอีกครั้ง“คุณไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอ”“ถ้ายัยม่านถามบอกว่าฉันมีธุระด่วน ฝากดูแลเพื่อนกับหลานฉันด้วยนะคะ”จากนั้นธาริกาก็เดินตรงไปยังรถยนต์ส่วนตัวและขับออกไปในที่สุด ชายหนุ่มจึงเดินกลับเข้าบ้านไปหาแม่ของลูก…ที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะทำอาหารเสร็จหรือยังจังหวะนั้นเองที่ชายหนุ่มกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในตัวบ้าน อยู่ ๆ ม่านทิวาก็ปิดประตูใส่หน้าเขาอย่