ร่างสูงของรณพีร์นั่งลงบนเตียงนุ่มกว้างพลางคิดถึงเรื่องที่เขาได้รับรู้มาก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าเขาและหล่อนจะคบหาดูใจกันมาเพียงไม่นาน แต่ลึก ๆ ในจิตใจของเขากลับหลงใหลอยากแต่งงานสร้างครอบครัวกับหล่อนมากที่สุด เขาตัดสินใจที่จะกลับมาขอหล่อนแต่งงานแต่จำเป็นต้องยกเลิกกะทันหัน เพราะหล่อนโพสต์รูปคู่ลงในโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่ากำลังคบหาดูใจกับผู้ชายคนอื่น
มันเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกับที่เพื่อนสนิทของเขาได้ส่งภาพนั้นมาให้ดูพอดี เขาไม่เชื่อจึงกลับมาดูเพื่อให้เห็นกับตาตัวเองจนรู้ว่าหล่อนนั้นคบหาอยู่กับผู้ชายคนนั้นจริง ๆ เขาจึงตัดสินใจอยู่ดูแลงานที่ต่างประเทศต่ออีกหนึ่งปีเพื่อไม่ให้คิดฟุ้งซ่านและลืมผู้หญิงทรยศคนนั้นให้หมดใจ
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สลัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกจากหัวเพื่อไม่ให้นึกถึงเรื่องราวของผู้หญิงทรยศคนนั้นอีก ถ้าหากวันใดเขาได้เจอเธออีกครั้ง แน่นอนว่าเขาจะเอาคืนให้เจ็บปวดมากกว่าที่เขาเจ็บเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ไม่นานชายหนุ่มก็ตรงเข้าห้องน้ำชำระร่างกายแล้วออกมานอนพักผ่อน เพื่อให้หายเหนื่อยล้าจากการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาหลายชั่วโมง
วันนี้เขาต้องการพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อไม่ให้เสียงานในวันต่อไป หรือปล่อยเวลาทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้เรื่องงานเสียหายเป็นอันขาดเพราะมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น...แต่จะกลับกลายเป็นแย่ลงเสียมากกว่า
รณพีร์ตื่นขึ้นมากลางดึกหลังจากที่นอนหลับไปเกือบเจ็ดชั่วโมง ณ เวลานี้เพิ่งจะสามทุ่มกว่า ๆ ครั้นจะข่มตาให้หลับลงอีกครั้งก็ทำไม่ได้จึงเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ ล้างหน้าจนรู้สึกสดชื่น เขาได้ยินเสียงข้อความดังขึ้นจึงกลับมาเปิดดู พบว่าไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก กลุ่มเพื่อนของเขานั่นเองที่ส่งข้อความมาชวนให้ไปเที่ยวสังสรรค์กันตามประสา พวกมันคิดว่าเขาอยู่ต่างประเทศยังไม่กลับมา เพราะมัวแต่ทำงาน และพักใจจากเรื่องที่ทำให้เจ็บปวดก็เลยส่งข้อความมาก่อกวน
หลังจากที่ได้อ่านข้อความเสร็จแล้วเขาต่อสายหาเพื่อนทันที
“ฮัลโหล มึงอยู่ร้านไหนวะ” รณพีร์ถามเมื่อปลายสายกดรับ
“ร้านไอ้จิณณ์ มึงจะมาไหมวะไอ้สอง”
“เดี๋ยวกูไป ครึ่งชั่วโมงน่าจะถึง” ชายหนุ่มตอบกลับก่อนที่จะกดตัดสาย และออกจากบ้านเพื่อไปยังสถานบันเทิงของเพื่อนสนิททันที
ไม่นานรณพีร์ก็เข้ามาที่สถานบันเทิงเต็มไปด้วยนักท่องราตรีมากมายที่ออกมาหาความสุขชั่วครั้งชั่วคราว ทันทีที่ย่างกรายเข้ามาภายในร้าน พนักงานก็ตรงเข้ามาต้อนรับพร้อมกับถามไถ่ว่าต้องการอะไรหรือไม่
แต่ดูเหมือนว่าพนักงานคนนี้จะเป็นพนักงานใหม่ ก็เลยไม่รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกับจอมพลเจ้าของที่นี่
“มีเรื่องอะไรให้ช่วยไหมครับ” พนักงานประจำผับถามด้วยน้ำเสียงและท่าทีสุภาพ
“ฉันมาหาเพื่อน” ชายหนุ่มตอบตามตรงเพราะคิดว่าพนักงานที่นี่รู้จักเขาทุกคน
ระหว่างที่กำลังมองหาอยู่นั้น ผู้จัดการร้านเดินเข้ามาพอดีจึงเอ่ยถามขึ้น “มีเรื่องอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ”
เอ่ยถามอย่างนอบน้อมก่อนจะเงยหน้าขึ้น พบว่าเป็นรณพีร์ที่หายหน้าไปนานจึงทักทายด้วยความดีใจ ก่อนจะบอกให้พนักงานออกไปทำงานของตนและเป็นฝ่ายให้บริการรณพีร์เอง
“สวัสดีครับคุณสอง”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะตอบกลับไป “ฉันมาหาไอ้จิณณ์”
“งั้นเชิญทางนี้เลยครับคุณสอง” ว่าแล้วก็เดินนำหน้าคนตัวสูงและพาไปยังโต๊ะที่เหล่าเพื่อนสนิทของรณพีร์นั่งรออยู่
“มึงกลับไทยตั้งแต่เมื่อไรวะ” นทีถามด้วยความประหลาดใจเมื่อเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันเป็นเวลาสามปีเดินเข้ามา
“วันนี้บ่าย ๆ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาสีแดงตัดดำตัวนุ่ม
จากนั้นหันไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานและดื่มพร้อมกันกับเพื่อน ๆ แน่นอนว่าเพื่อนสนิทที่ไม่ได้มานั่งกินเหล้าด้วยกันนานปีย่อมมีเรื่องมากมายที่ต้องพูดคุยสัพเพเหระกันไปเรื่อยเปื่อย
“มึงเห็นผู้หญิงที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนขายาวสีเข้มไหมวะ” พชรมองหญิงสาวคนนั้นพลางเอ่ยถามรณพีร์
“เห็น ทำไมวะ” ไม่ใช่แค่รณพีร์ที่ตอบ แต่เพื่อนทั้งสามคนพูดขึ้นพร้อมกันและหันมองไปในทางเดียวกัน
“เมียมึงหรือไงวะ” จอมพล หรือ จิณณ์พูดแซวก่อนจะพากันหัวเราะร่วน
“ไม่ใช่เว้ย” พชรปฏิเสธแล้วรีบแก้ตัว “พอดีมีคนรู้จักมาบอกกูว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นน่ะ...เด็ดสุด!”
“จริง พนักงานกูก็บอกว่าพาผู้ชายกลับไปด้วยไม่เคยซ้ำหน้า”
จอมพลช่วยยืนยันด้วยน้ำเสียงจริงจัง เป็นจังหวะเดียวกับที่รณพีร์มองไปเห็นสาวสวยตัวเล็กที่แต่งตัวละม้ายคล้ายกับคนที่พชรบอกหันมาพอดี
“เดี๋ยวมึงบอกกูทีสิ ว่าผู้หญิงที่มึงว่าเนี่ยมันคนไหน แล้วดันแต่งตัวคล้ายกันสองคน”
“คนที่เป็นนางแบบน่ะ ส่วนอีกคนไม่รู้จักว่ะว่าเป็นใคร”
สายตาของรณพีร์มองไปยังผู้หญิงชุดสีขาวที่เดินเข้าไปหาใครบางคน เขาได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเธอแว่ว ๆ ว่า ‘ม่าน…’ อะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ได้สนใจต่อเพราะมันไม่ใช่นิสัยของเขาที่จะมายุ่งเรื่องของชาวบ้าน แล้วตั้งหน้าตั้งตาดื่มเหล้าจนหมดแก้ว
นทีมองหน้าเพื่อนสนิทก็พอจะเดาออกว่าเครียดเรื่องอะไรถึงดื่มเอาเป็นเอาตายขนาดนี้
“ไอ้สอง นี่มึงยังเสียใจอยู่ใช่ไหมวะ”
“กลับมาเจอเพื่อนทั้งที มึงจะให้กูนั่งดมกลิ่นเหล้าหรือไง”
“ไอ้เวรเอ๊ย! กูอุตส่าห์เป็นห่วง”
รณพีร์อมยิ้มบาง ๆ ไม่อยากทำให้เพื่อนเสียบรรยากาศ แล้วพากันดื่มหนักไปเรื่อย ๆ โดยไม่พูดถึงเรื่องของเขากับผู้หญิงทรยศคนนั้นอีก
รณพีร์ตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวันก็พบว่าภายในบ้านนั้นเงียบเชียบเหลือเกินทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุด เขาสอดส่ายสายตามองหาสมาชิกในครอบครัวอีกครั้งก็ไม่พบใครจึงเอ่ยถามแม่บ้านที่เพิ่งจะกลับเข้ามา
“ป้าเจียมครับ เช้าจนป่านนี้แล้วทุกคนเขาหายไปไหนกันหมดครับ”
“คุณสองคะ ไม่เช้าแล้วนะคะ...จะบ่ายโมงแล้วค่ะ” นางรีบค้านให้คนหลงเวลารู้ตัวก่อนจะตอบคำถามที่ชายหนุ่มต้องการอยากรู้ “คุณนายกับคุณท่านออกไปทานอาหารร้านประจำค่ะ ส่วนคุณหนึ่งกับคุณมายด์ไปเที่ยวภูเก็ตสองสามวันค่ะ”
ชายหนุ่มนิ่งฟังคำตอบที่ได้รับก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ไอ้หนึ่งไปภูเก็ตกับคุณมายด์แล้วยัยตัวเล็กได้ไปด้วยกันหรือเปล่าครับ”
“น้องพายนอนกลางวันค่ะ อีกสักพักน่าจะตื่น ว่าแต่คุณสองจะรับอาหารกลางวันเลยไหมคะ” นางถามเพราะชายหนุ่มนั้นยังไม่ได้รับประทานอะไรตั้งแต่เช้า
“ครับป้าเจียม ทำอะไรก็ได้ครับง่าย ๆ อาหารจานเดียวก็ได้”
“งั้นป้าทำกะเพราทะเลกับไข่ดาวให้ทานนะคะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับพลางเดินไปนั่งรอที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ทว่าได้ยินเสียงร้องเล็ก ๆ ของหลานสาวตัวน้อยดังขึ้นจึงเดินออกมาดู
“ย่าเจียมขา”
“เป็นอะไรคะน้องพาย” รณพีร์ถามหลานสาวที่ยืนถือตุ๊กตาอยู่ตรงบันไดบ้านขั้นสุดท้าย
“น้องพายหิวข้าวค่ะอาสอง” เสียงน้อย ๆ เอ่ยบอกความต้องการแบบไม่งอแง คนเป็นอาพยักหน้ารับแล้วย่อตัวลงมาอุ้มหลานสาวตัวน้อยเข้าไปในครัวด้วยกัน
“ป้าเจียมครับ ทำกับข้าวให้ตัวแสบอีกอย่างนะครับ”
“น้องพายอยากกินอะไรคะ” นางหันมาถามคุณหนูน้อยด้วยความเอ็นดู
“น้องพายอยากกินไข่เจียวค่า” เด็กน้อยตอบด้วยน้ำเสียงสดใสน่าเอ็นดู รณพีร์ลูบศีรษะหลานสาวเบาๆ
“งั้นไปรอกินไข่เจียวอร่อย ๆ ข้างนอกดีไหมคะ” คุณอาหนุ่มพูดกล่อมหลานสาวเสียงนุ่มก่อนจะพากันออกไปนั่งรอที่เดิม
ไม่นานอาหารที่ส่งกลิ่นหอมหวนก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมรับประทาน...
“อร่อยจังเลยค่ะย่าเจียม”
“อร่อยก็ทานเยอะ ๆ นะคะ อย่ามัวแต่ดูทีวี”
สองอาหลานนั่งรับประทานข้าวด้วยกันสองคนที่ห้องนั่งเล่นแทนที่จะเป็นห้องอาหาร เพราะว่าหลานสาวตัวน้อยอยากจะดูการ์ตูนไปด้วย ซึ่งเขาก็ไม่ว่าอะไรแม้รู้ดีแก่ใจว่ามันไม่ดีต่อเด็ก เขาแค่ห้ามปรามเวลาที่หลานสาวตั้งใจดูมากเกินไปจนลืมกินข้าวเท่านั้น
ม่านทิวานั่งอยู่กับโต๊ะที่จองเอาไว้ร่วมกับเพื่อนอีกมุมหนึ่งของร้าน ร้านนี้ร้านใหม่ที่พวกเธอไม่เคยเข้ามา อันที่จริงพวกเธอนั้นไม่ค่อยได้เที่ยวบ่อยนักหรอก นาน ๆ จะหาเวลาว่างมาสักครั้ง แก้วเครื่องดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะยังคงมีไอน้ำเกาะพราวเพราะมันถูกยกขึ้นจิบเพียงไม่กี่ครั้ง ความสนุกและการเมาท์มอยมันทำให้ม่านทิวาลืมความทุกข์ไปชั่วขณะและนั้นมันทำให้เธอไม่ทันสังเกตว่ากำลังมีสายตาคมเข้มคู่หนึ่งกำลังจับจ้องเฝ้ามองเธออยู่ในเงามืด ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งนั่งอยู่ในอีกมุมหนึ่งในชุดสูทลำลองท่ามกลางบรรยากาศของทุกคนที่แต่งตัวสบาย ๆ ในโทนสีดำ แต่ทุกอย่างมันทำให่ดูโดดเด่นและมีแฝงความอันตรายขึ้นมาไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตาหรือแม้กระทั้งออร่าที่เปล่งประกาย เขาจดจ้องใบหน้าหวาน ริมฝีปากระเรื่อสวยได้รูปเวลาพูดคุยหัวเราะอยู่กับเพื่อมันช่างน่าหลงใหลเสียจริง ๆการกระทำของเขามันช่างเหมือนคนโรคจิต แต่ทำไงได้คนมันหลงความสวยของหญิงสาว อยากได้เธอมาครอบครอง เขามองเธอจนกระทั่งเธอลุกออกจากโต๊ะไป ทำให้เขาต้องบอกคนที่นั่งร่วมโต๊ะและลุกตามออกไป ม่านทิวาลุกออกมาทำธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำอีกทั้งแวะตอบกลับข้อความงานด้วยครู่หนึ่งแล้
เสน่หาสามัลวงใจ ตอนพิเศษเมื่อเราได้พบกัน 2วันนี้มีตอนพิเศษของพี่สองกับน้องม่านมาฝากก่อนที่จะไปอ่านพี่หนึ่ง...พี่ชายสุดหล่อของพี่สองค่ะ ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ ช่วงนี้ไรท์มีเวลาน้อยแต่จะรีบปั่นมาลงให้อ่านค่ะ มาอ่านกันเถอะ มันพิเศษไหมนะ✨❤ คุณเคยเชื่อเรื่องความบังเอิญ โชคชะตา หรือ พรหมลิขิตหรือไม่ ❤✨"ยัยม่าน แกน่ะจะประหยัดอะไรนักหนา ทำงานหาเงินมาก็เหนื่อยให้รางวัลตัวเองบ้างเถอะ" ธาริกาเอ่ยเมื่อเห็นเพื่อนยืนเหม่อมองอยู่หน้าร้านนานสองนาน ไม่ยอมเข้าไปเลือกซื้อสักที่ แต่ก็ตามสไตล์เพื่อนของตนนั่นแหละสองสาวที่เดินตามหลังมาสมทบมองดูสถานการณ์ก่อนถามเจ้าตัวเช่นกัน "นั่นสิ ฉันก็เห็นด้วยนะ แกน่ะไม่ได้ใช้เงินตัวเองเลย หามาก็ถูกสองแม่ลูกจอมสูบนั้นเอาไปหมด เก็บไว้บ้าง ตอนนี้อยู่หอก็เอาไว้นั้น สองคนนั้นคงไม่มาวุ่นวายหรอก" อัญญ์หนึ่งในเพื่อนสนิทของม่านทิวาบอกอย่างเข้าใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าบ้านของเพื่อนเป็นอย่างไร อย่างน้อย ๆ ก็ให้ซื้อของใช้บ้าง“ปล่อยพวกเขาไปเถอะ แล้วพวกแกน่ะ ซื้อของกันเสร็จแล้วเหรอ” “ยังเหรอเดินมาดูคนประหยัดอย่างแกก่อนเนี่ยว่าได้อะไรติดไม้ติดมือหรือยัง”“กำลังจะเข้าไปดูร้านนี้น่ะ พอดี
ไม่ได้ออกนิยายเรื่องยาว มาทักทายนักอ่านหลายปีเลย ตั้งแต่ออกเรื่อง เสน่หาสามีลวงใจ มาก็หายเลย เนื่องจากปัญหาหลาย ๆ อย่าง แต่มีเรื่องสั้นออกมาบ้างประปราย แต่หลังจากนี้จะออกงานเรื่อย ๆ ค่ะ ทั้งเรื่องสั้น และเรื่องยาว อย่างเรื่องที่รอกัน ยังจำได้ไหมน้า “เสน่หาสามีลวงรัก” พี่หนึ่ง ยังไงก็มาให้อ่านแน่นอน ระหว่างรอ ฝากเรื่อง “ทิวาเปื้อนราคี” , “ จะมีเรื่องยาวมาบ่อย ๆ กำลังใจจากนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ วันนีีไรท์ มีตอนพิเศษของพี่สองกับน้องม่านมาฝากก่อนที่จะไปอ่านพี่หนึ่ง...พี่ชายสุดหล่อของพี่สองค่ะ ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ ช่วงนี้ไรท์มีเวลาน้อยแต่จะรีบปั่นมาลงให้อ่านค่ะ มาอ่านกันเถอะ มันพิเศษไหมนะ ด้วยรัก...ญาดาพัชร์ 🌸เมื่อเราเพิ่งเคยพบกัน🌸 ✨❤ คุณเคยเชื่อเรื่องความบังเอิญ โชคชะตา หรือ พรหมลิขิตหรือไม่ ❤✨ แต่สำหรับม่านทิวาแล้ว ทั้งสามสิ่งนี้มันแทบจะไม่ได้อยู่ในความคิดของเธอเลยแม้แต่เสี้ยวหนึ่ง... เพราะทุกสิ่งมันเกิดขึ้นด้วยการกระทำ แต่แล้วทุกอย่างก็ทำให้เธอคิดว่า บางทีการที่เธอได้พบกับครอบครัวของสามีอย่างรณพีร์ มันอาจจะเป็นทั้งสามสิ่งที่ว่ามาจัดสรรค์ก็เป็นได้ คนตัวเล็กนั่งเลี้ยงลูกน้อยอยู่ภายใ
รณพีร์กำลังขะมักเขม้นกับการทำอาหารด้วยเตาถ่านที่หลังบ้านของม่านทิวาอย่างใจสู้ เพราะว่าเขาไม่เคยใช้มันมาก่อน ตอนที่อยู่ต่างประเทศเขาทำอาหารรับประทานเองก็จริงแต่เครื่องครัวมันทันสมัยกว่านี้ พอมาลองทำอะไรแบบนี้บอกตรง ๆ ว่าเริ่มต้นไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรดี จนเขาต้องเปิดคลิปวิดีโอจากยูทูปทำตามขั้นตอนทุกอย่างที่สอนในคลิปวิดีโอชายหนุ่มอยากทำอาหารให้ลูกกับเมียได้ลองชิมฝีมือเขาครั้งแรกระหว่างที่ม่านทิวานอนกลางวัน เธอเพิ่งกลับจากการไปทำงานที่บ้านของย่าเขา ครั้นจะห้ามทำก็กลัวเมียจะโกรธจึงต้องปล่อยเลยตามเลย ให้ทำงานเบา ๆ ไม่หนักจนเกินไปไม่อยากขัดใจเมีย ถ้าเธอโกรธมันจะพลอยกระทบกระเทือนถึงลูกในท้อง“ไฟแรงเกินไป มันต้องทำยังไงวะ” บ่นกับตัวเองอย่างหัวเสียเพราะหลังจากเทไข่เจียวหมูสับลงในกระทะที่มีน้ำร้อนจัด ไฟในเตาก็ยิ่งโหมลุกรุนแรงมากยิ่งขึ้นทำเอาไข่เจียวของเขามีกลิ่นไหม้ขึ้นมาทันที“ฉิบหายแล้ว…ไหม้หมดแล้ว!”“พี่สองทำอะไรคะ กลิ่นไหม้ฟุ้งกระจายเต็มบ้านเลย”เป็นจังหวะเดียวกันกับม่านทิวาที่ตื่นจากการนอนกลางวันพอดี เธอออกจากห้องมาดูเพราะได้กลิ่นเหม็นไหม้มาจากทางหลังบ้าน
“เอาน้ำหอมปรับอากาศในรถออกหรือยังคะ” เธอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้เธอนั่งรถคันไหน ๆ ก็ต้องเวียนหัวทุกครั้งไปเพราะกลิ่นน้ำยาปรับอากาศในรถ ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก็เลยไปตรวจดูพบว่าอาการคลื่นเหียนอาเจียนบ่อย ๆ ของเธอนั้นมาจากอาการตั้งครรภ์“เอาออกแล้วน่า รถคันนี้พี่พึ่งจะซื้อมาใหม่ เราไม่มีทางเวียนหัวแน่นอน รู้ว่าท้องอยู่…หลานไม่ชอบ”หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนก้าวขึ้นรถไป ผิดกับนทีที่พอจะได้ยินว่าธาริกาอาเจียนเวียนหัวเพราะเหตุใด เขาจะไม่มีทางปล่อยเธอกับลูกออกจากอกแน่นอนชายหนุ่มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มองรถที่ขับออกไปอย่างนิ่งนอนใจและตัดสินใจขับตามไปห่าง ๆ แน่นอนว่าต้องไปสนามบินสุวรรณภูมิ นทีหยิบพาสปอร์ตที่เขาแอบเก็บเอาไว้ในลิ้นชักหน้ารถของตนขึ้นมาดูอยากจะรู้นักถ้าไม่มีพาสปอร์ตนี่…เธอจะหนีเขาไปไหนได้!ธาริกามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปโหลดกระเป๋าให้เรียบร้อยเพราะยังไม่ถึงเวลาขึ้นเครื่อง เธอจึงนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือรอไปพลาง ๆ ตลอดการจับโทรศัพท์มือถือของเธอนั้นนทีพยายามโทร.หาและส่งข้อความมาตลอด แต่หญิงสาวกลับไม่
ตอนพิเศษ 1นที VS ธาริกาทุกคนต่างพากันร่วมแสดงความยินดีกับคู่สามีภรรยาที่ปรับความเข้าใจกันได้เสียที หลังจากที่ไม่เข้าใจกันมานานนับหลายเดือน ธาริกามองภาพของม่านทิวาที่ยิ้มอย่างมีความสุขกับรณพีร์อยู่คู่หนึ่งก็หาจังหวะปลีกตัวออกจากงานที่มากมายไปด้วยผู้คนทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน รวมทั้งเพื่อนสาวทั้งสองของเธอที่กำลังคบหาดูใจกับสองหนุ่มหล่ออย่างพชรและจอมพล หญิงสาวรอจังหวะที่ไม่มีสายตาคู่คมคอยจับจ้องรีบถอยห่างออกมาจากตรงนั้นทันทีธาริกาเดินลัดเลาะตามแนวทางเดินของสวนคุณย่ามาลัยไปยังบ้านเช่าที่ตนกับม่านทิวาเช่าอยู่ด้วยกัน นับตั้งแต่ที่พาว่าที่คุณแม่หนีออกมาจากโรงพยาบาล หญิงสาวคอยลอบมองซ้ายมองขวาว่าจะมีใครแอบตามเธอมาหรือไม่ หลังจากที่ดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาจึงรีบเดินไปยังประตูหน้าบ้านทันที เพื่อที่จะเอากระเป๋าเดินทางใบเล็กของเธอที่ลืมหยิบออกมาตั้งแต่แรก เมียงมองหากระเป๋าใบใหญ่ของตนแต่ก็ไม่พบ แต่พอลองนึกย้อนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้นทีเป็นคนที่คว้าเอาของของเธอไปถือไว้หน้าตาเฉยตอนนี้กร