ตอนนี้วรรณาและรวิดาขาดการติดต่อไปเลย นับตั้งแต่พากันออกจากบ้านไปคราวก่อน เธอเองก็ไม่รู้ว่าสองคนนั้นพากันไปอยู่ที่ไหนถึงติดต่อไม่ได้ แต่ก็คงใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบายตามประสาคนหัวสูง อยากได้อยากมีเกินฐานะของตนจนใช้ชีวิตธรรมดาสามัญอย่างคนอื่นเขาไม่เป็น การที่ม่านทิวาต้องคอยหาเงินทำงานหนักเพื่อเอามาจุนเจือครอบครัวไม่ขาด ก็เพราะว่าสองคนแม่ลูกไม่ยอมทำมาหากินช่วยเธอเลย วัน ๆ เอาแต่เข้าบ่อนเล่นการพนัน กู้หนี้ยืมสินเพื่อที่จะเอาเงินมาต่อทุนเดิมพันในการเล่นครั้งต่อไปส่วนรวิดาลูกสาวของนางวรรณานั้นชอบเที่ยวกลางคืนเป็นชีวิตจิตใจและไม่ค่อยกลับบ้านอยู่บ่อยครั้ง และถ้าหากว่าเธอจำไม่ผิดละก็...เจ้าหล่อนเลิกรากับแฟนหนุ่มที่เคยคบหาดูใจกันตอนที่เรียนอยู่ต่างประเทศหลังจากกลับประเทศไทยเพราะต้องห่างกัน แล้วหันมาคบกับคนใหม่ที่คอยสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายซื้อของแบรนด์เนมราคาแพงให้ใช้อยู่เสมอ แต่เธอเองก็ไม่เคยรู้จักหรือแม้แต่จะเคยเห็นหน้าค่าตาผู้ชายทั้งสองคนมาก่อนว่าเป็นใครมาจากไหน เพราะทุกวันของเธอนั้นทำแต่งานตั้งแต่เช้าจรดค่ำไม่มีเวลามาสนใจคนรอบข้าง ทว่าสิ่งที่เธอรู้คร่าว ๆ ก็มาจากปากของแม่เลี้ยงและลูกสาวของนางน
ร่างสูงโปร่งของรณพีร์ออกมายืนยืดเส้นยืดสายให้คลายความเมื่อยขบจากการนั่งทำงานอยู่ในห้องเป็นเวลานาน ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่บริเวณริมระเบียงห้องนอนใกล้ทะเล สายตาคู่คมทอดมองไปยังท้องทะเลสีครามยาวสุดลูกหูลูกตาพร้อมกับฟังเสียงคลื่นลมซัดสาดเข้ากับชายหาดเมื่อฟังเสียงคลื่นลมจากท้องทะเลจนรู้สึกผ่อนคลาย ชายหนุ่มเบนสายตาจากท้องทะเลไปยังลานจัดกิจกรรมยามค่ำคืนที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและสวยงาม เสียงเพลงดังต่อเนื่องมาร่วมชั่วโมงเห็นจะได้ มันไม่ได้ทำให้เขานั้นรู้สึกความรำคาญแม้แต่น้อย กลับกันเขารู้สึกสนุกสนานเมื่อเห็นผู้คนกำลังปาร์ตีกันอย่างคึกคัก ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในงานนับสิบคนหนึ่งในนั้นมีหญิงสาวที่เขาได้ช่วยเหลือเอาไว้เมื่อช่วงเย็นจากการโดนโจรวิ่งราวกระเป๋า รอยยิ้มของเธอนั้นไม่เหมือนคนที่พึ่งผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ มาแม้แต่น้อย กิริยาท่าทางของหญิงสาวที่เขาไม่รู้แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามของเธอตกอยู่ในสายตาคู่คมของรณพีร์ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินกลับเข้าไปภายในห้องและออกมาอีกครั้งพร้อมกับแล็ปท็อป โทรศัพท์มือถือ เตรียมที่จะนั่งทำงานอีกครั้งพร้อมกับดูผู้คนที่กำลังสนุกกับงานปาร์ตีไปด้วยใ
เธอพาผู้ชายคนนั้นเดินผ่านบ้านพักของเขาเพื่อไปยังบ้านพักถัดไปอีกสองหลัง รณพีร์เดินออกมาจากที่พักตรงไปยังทางเดินคอนกรีตเพื่อดูว่าเธอจะเดินกลับไปยังที่พักของตัวเองหรือไม่ เท่าที่เขามองดูเป็นระยะ ๆ เจ้าของร่างเล็กนั้นดื่มไปหลายแก้วซึ่งเป็นปริมาณที่มาก ใบหน้าสวยหวานจึงแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ และถ้าเขาจำไม่ผิด...ห้องของเธออยู่แถวๆ บริเวณที่จัดงานนี่แหละแต่จนแล้วจนลอดเธอก็ไม่ออกมาจากบ้านพักของผู้ชายคนนั้น ทำให้เขาคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากคิดว่าเธอเข้าไปนอนค้างกับผู้ชายคนนั้น“หึ! ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด” ชายหนุ่มถึงกับส่ายหน้า สบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเดินกลับเข้าที่พักด้วยอาการหัวเสียไม่น้อยช่วงเวลาราว ๆ แปดโมงเช้าในวันถัดมา เป็นเวลาที่ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวไปเก็บของเคลียร์สถานที่จัดงานเมื่อคืนให้เรียบร้อยก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพในวันพรุ่งนี้ แต่เพื่อนของเธอนั้นยังไม่มีใครตื่นขึ้นมาสักคน เพราะแต่ละคนดื่มกันหนักเอามาก ๆ ขนาดเธอดื่มน้อยกว่านิดหน่อยยังมึนและปวดหัวเอาเรื่องอยู่เหมือนกันใบหน้าสวยหวานที่ยังตื่นไม่เต็มที่สะบัดไปมาให้คลายจากความมึนงง ก่อนลุกไปจัดการอาบน้ำและลง
"ขอโทษนะคะคุณ"พอเสียงหวานของม่านทิวาเอ่ยขึ้น คนที่ยืนเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลกว้างไกลสุดสายตาก็หลุดออกจากภวังค์ หันมามองเธอด้วยสายตาเรียบเฉยยากที่จะคาดเดาว่าเขารู้สึกเช่นไร"มีอะไร!" โทนเสียงราบเรียบเอ่ยถามทำให้ม่านทิวาทำตัวไม่ถูก เขาทำเหมือนไม่อยากพูดกับเธอ"เอ่อ…คือฉันจะมาขอบคุณคุณอีกครั้งน่ะค่ะ...ที่ช่วยฉันเอาไว้เมื่อวันก่อน" เธอบอกพลางส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ"อือ...แค่นี้ใช่ไหม" น้ำเสียงเย็นชากับใบหน้าเรียบเฉยของเขาทำเอาหญิงสาวหน้าเหวอทำตัวไม่ถูกมากกว่าเดิม"เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ว่าแต่คุณชื่อ..."ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยถามชื่อผู้มีพระคุณเลย ก็ถูกเสียงเล็ก ๆ ของเด็กน้อยดังขึ้นแทรกก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเขา"อาสองขา คุณแม่ให้มาตามไปทานข้าวค่า""ได้ครับ งั้นไปทานข้าวกันเนอะ"ชายหนุ่มย่อตัวลงไปหาร่างน้อยป้อม ๆ แล้วลูบศีรษะเบา ๆ ก่อนเดินจูงมือกันออกไปโดยไม่สนหญิงสาวหน้าหวานนัยน์ตาเศร้าแม้แต่น้อย ราวกับว่าเธอนั้นเป็นอากาศธาตุม่านทิวาเดินกลับมาหาเพื่อนสาวสองคนอย่างงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"เป็นอะไรยะ โดนผู้เทมาเหรอ?" วีรพลแซวเพื่อนที่เดินหน้าเหี่ยวแห้งกลับมาหา"ไม่รู้สิ ว
“เฮ้อ!”เสียงถอนหายใจอย่างหนักอกหนักใจทำให้คุณอนันต์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ หันมาถามภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากด้วยความเป็นห่วง เพราะท่านได้ยินเสียงถอนหายใจเช่นนี้ราว ๆ สามครั้งเห็นจะได้"เป็นอะไรไปคุณดา ผมได้ยินคุณนั่งถอนหายใจแบบนี้มานานแล้วนะ" คนเป็นสามีถามภรรยาด้วยความเป็นห่วง"ก็ตาสองนี่สิ เมื่อไรจะเลิกนิสัยแบบนี้สักที ฉันละปวดหัว" นางว่าพร้อมทั้งเอานิ้วมือคลึงขมับของตนเองเบา ๆ"เรื่องที่ลูกไม่ยอมแต่งงาน แถมเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าใช่ไหม" สามีตอบอย่างรู้ทัน"ก็ใช่น่ะสิคะคุณ อายุก็สามสิบกว่าแล้วยังทำตัวเสเพลไม่เลิก ดูควงผู้หญิงแต่ละคนสิ โอ๊ย! ฉันรับไม่ได้" คุณนายสรวงสุดาส่ายศีรษะเอือมระอาเมื่อนึกถึงคู่ควงของบุตรชายแต่ละคน"อ้าวคุณ! ลูกมันโตแล้วก็แบบนี้แหละ ถ้าคุณไม่อยากให้มันมั่วไม่เลือกก็จับแต่งงานเสียสิ" คนเป็นสามีเสนอทางแก้ไขให้กับภรรยาหน้าตาย"แต่งงาน...กับผู้หญิงพวกนั้นเนี่ยนะ ไม่มีทาง!" นางหันมาเถียงสามีเสียงแข็งก่อนแววตาจะเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์หรี่แคบลง"จริงสิ...ฉันลืมคนนี้ไปได้ยังไง" คุณนายสรวงสุดาพูดขึ้นพร้อมกับแววตาโตเป็นประกายวาววาม เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนี้มาได้อย่างทันท่วงที
คุณนายสรวงสุดา : แกต้องแต่ง นี่คือคำขาดจากแม่ ผู้หญิงคนนี้เขาดีที่สุดสำหรับแกแล้วนะตาสองคุณนายสรวงสุดาตอบกลับข้อความแล้วส่งรูปภาพของผู้หญิงที่ว่าตามไปให้บุตรชายได้ดูอย่างเต็มตา ใบหน้าเธอนั้นเหมือนคนที่เขาเคยเจอตอนไปกระบี่เมื่อสองเดือนก่อนไม่มีผิดนี่มารดาจะเอาผู้หญิงเหลวแหลกพรรค์นั้นมาเป็นสะใภ้เหรอ นางชอบคนเรียบร้อยนิสัยดีทำไมถึงตาถั่วมาเลือกยัยนี่ได้รณพีร์ : คุณแม่อย่าเชื่อเรื่องงมงายพวกนี้ให้มันมากเลยครับ ผมยังไม่เป็นอะไรสักหน่อย ไม่จำเป็นที่จะต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้เพื่อแก้ชงบ้าบออะไรนั่นเลย ตอบกลับไม่นานก็ส่งประโยคต่อมาตามไปทันทีรณพีร์ : ถ้าผมจะแต่งงานจริง ๆ ผมแต่งกับคนอื่นดีกว่าแต่งกับผู้หญิงคนนี้คุณนายสรวงสุดา : อย่ามาโยกโย้ แกต้องแต่งงานกับหนูม่านเท่านั้น นี่คือคำขาดห้ามขัดคำสั่งแม่ จบนะพอสิ้นสุดข้อความเอาแต่ใจของมารดา รณพีร์ก็ถึงกับถอนหายใจหนักขึ้นไปอีก ก่อนจะเรียกให้ลูกน้องคนสนิทอย่างธันวาเข้ามาสั่งงาน"ธันวา เข้ามานี่หน่อย" ครู่หนึ่งลูกน้องหนุ่มคนสนิทที่หล่อสูสีกับเจ้านายก็เข้ามาภายในห้องทำงาน"ครับ มีเรื่องอะไรครับท่านรอง" ลูกน้องคนสนิทเอ่ยถามพร้อมรับคำสั่งการ"ไปส
ผู้เป็นมารดาพยายามหว่านล้อมบุตรชายคนเล็กให้ยินยอมด้วยความจริงจากใจ ทว่าบุตรชายพอนึกถึงสิ่งที่เพิ่งจะรู้เห็นมากับตาก็ถึงกับกระตุกยิ้มเยาะหยัน สงสารมารดาเหลือเกินที่มองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว"คุณแม่อยากได้คำตอบจากผมเลยใช่ไหมครับ" รณพีร์ตีหน้านิ่งถามกลับอย่างยียวน"ใช่! แม่ต้องการคำตอบวันนี้...เดี๋ยวนี้!" นางยืนกรานจะเอาคำตอบกับบุตรชายคนเล็กให้ได้"โอเค…ผมยอมตามใจคุณแม่ก็ได้ครับ แต่มีข้อแม้..."ผู้เป็นมารดาทำหน้าฉงนสงสัยว่าบุตรชายจะเล่นแง่อะไรกับนางอีก"ข้อแม้อะไร" นางเร่งถามจะเอาคำตอบด้วยความร้อนรนใจ"จะไม่มีการจัดงานแต่งเกิดขึ้น จดทะเบียนสมรสและรู้กันภายในครอบครัวเท่านั้น" รณพีร์ยื่นข้อแม้แสนร้ายกาจให้กับมารดาทันที หากจดทะเบียนสมรสแล้วเขาก็จะหย่ากับหญิงสาวตามแต่ใจต้องการด้วย"ทำแบบนั้นได้ยังไง น้องเขาเสียหายนะลูก" นางแย้งขึ้นมาทันควัน ไม่เห็นดีด้วยสักนิดเดียว"เรื่องนั้นผมไม่ขอรับรู้ แต่ถ้าคุณแม่ไม่ตกลง...ผมก็ไม่แต่ง" ชายหนุ่มไหวไหล่ไม่แคร์และไม่สนใจอะไรทั้งนั้น"ตาสอง! แม่ส่งรูปมาให้ดูแล้วไม่ถูกใจน้องหน่อยเหรอ ไม่ชอบน้องบ้างเลยหรือไง น้องออกจะเป็นคนน่ารัก นิสัยดี สุภาพเรียบร้อย แถมยังขย
ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งหน้าที่ทำงานของม่านทิวา"อะไรนะคะคุณป้า! ทำไมมันเร็วแบบนี้ล่ะคะ?" ม่านทิวาถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเองกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของคุณนายทรวงสุดา"หนูได้ยินไม่ผิดหรอกลูก พี่เขาตอบตกลงแล้วว่าจะแต่งงานกับหนู มาเป็นลูกสาวอีกคนของป้านะลูกนะ ไหน ๆ หนูก็ไม่มีใครเหลือแค่ตัวคนเดียวแล้ว"คุณนายสรวงสุดาเกลี้ยกล่อมหญิงสาวรุ่นลูกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดีใจ ผิดกับม่านทิวาที่มีสีหน้ากังวลใจไม่น้อยกับเรื่องที่นางเอ่ยขอ ถึงคราวก่อนนั้นเธอจะเคยตกปากรับคำไปแล้วว่าจะแต่งงานกับบุตรชายของนางตามคำขอร้อง ทั้งที่ไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาชายหนุ่มมาก่อน อย่าว่าแต่พบหน้าเขาเลย แค่ในรูปภาพก็ยังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง แต่ที่หญิงสาวตอบรับง่าย ๆ ในวันนั้นก็เพราะว่าอยากจะตอบแทนคุณนายสรวงสุดาที่เคยช่วยเหลือเอาไว้ด้วยความเมตตาเอ็นดู พอนางกับสามีพากันมาอ้อนวอนบอกว่าบุตรชายคนเล็กกำลังจะมีเคราะห์หนัก ถ้าได้หญิงสาวที่เกิดวันอังคารและมีลักษณะรูปร่างหน้าตาแบบเธอมาแต่งงานหนุนดวงเขาจะอยู่รอดปลอดภัย อีกอย่างเธอเองเคยบอกอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าหากมีเรื่องอะไรให้ช่วยบอกได้ทันทีไม่ต้องเกรงใจ เธอยินดีช่วยเหลือทุกอย่างขอแค่นางบอก
หลังจากที่ร่างสูงของเจ้าของห้องออกไป หนูน้อยพาลิกาเปิดกระเป๋าใบน้อยสีชมพูน่ารักที่รณวีร์ซื้อให้ หยิบสมุดภาพระบายสีพร้อมทั้งกล่องสีขึ้นมาระบายเล่น มิหนำซ้ำหนูน้อยยังเรียกม่านทิวามาช่วยกันระบายสีอีกแรง"อาม่านขา...มาระบายสีกันค่ะ" ว่าจบก็ฉีกยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันซี่น้อยๆ เรียงเป็นระเบียบคนที่ถูกเรียกยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของหลานสาวของสามี ก่อนลุกจากที่นั่งของตนมาหาหนูน้อยที่นั่งกับพื้นพรหมสีเทาฝั่งตรงข้าม"ไหนคะ มาให้อาม่านดูหน่อยสิว่าระบายสีอะไร" หญิงสาวถามหลานตัวน้อยเสียงอ่อนเสียงหวาน"คุณครูบอกว่าการบ้านคะ" ตัวเล็กเงยหน้ามองคุณอาสะใภ้คนสวย"ถ้าการบ้านน้องพายต้องทำเองนะคะ ไม่ให้คนอื่นช่วยนะคะ ต้องทำเองจะได้เก่งขึ้นไง" บอกเสียงอ่อนเสียงหวานพลางลูบศีรษะทุยเบา ๆ ก่อนถามประโยคต่อมา "น้องพายอยากเป็นคนเก่งไหมคะ""น้องพายอยากเป็นคนเก่งค่า""ถ้าอยากเป็นคนเก่งก็ต้องทำเอง ถ้าทำไม่ได้ให้ถามอาม่านนะคะ"หนูน้อยพยักหน้ารับและลงมือทำแบบฝึกหัดที่อยู่ตรงหน้า อันไหนหนูน้อยทำไม่ได้ก็หันไปถามคุณอาสะใภ้คนสวยจนกระทั่งทำเสร็จด้วยตัวเองในเวลาไม่นาน ร่างน
“แต่ท่านรองเคยสั่งเอาไว้ อย่าให้คู่ควงพวกนี้เข้ามาก่อกวนในที่ทำงานนี่คะ”"ผู้หญิงคนนี้คือเมียฉัน"สิ้นเสียงเข้มทรงอำนาจทำเอาหลายคนตกใจ ไม่คิดว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นภรรยาของรองประธานบริษัท แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าก็คือผู้ช่วยเลขานุการปากแดงที่หน้าซีดกับความผิดครั้งใหญ่“นะ...นี่ภรรยาของท่านรองจริง ๆ เหรอคะ” สุ้มเสียงของผู้ช่วยเลขานุการอึกอักคล้ายมีอะไรติดคอ“อือ”คำตอบรับเพียงสั้น ๆ ทำเอาเสียวสันหลังไม่น้อย จึงต้องรีบขอโทษขอโพยผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเจ้านายทันที“เลอเน่กราบขอโทษนะคะที่พูดจาไม่ดีกับคุณ”“ไม่เป็นไรค่ะ ก็คุณไม่รู้นี่คะ”ม่านทิวาไม่ได้ถือสาอะไรกับคนที่ไม่รู้ แต่รณพีร์หันไปแนะนำม่านทิวาให้กับทุกคนรู้จักและสั่งการกับพนักงานทุกคน รวมถึงผู้ช่วยเลขานุการที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานที่ประจำการอยู่หน้าห้องด้วย“ทุกคน...ฉันจะแนะนำให้รู้จัก ผู้หญิงคนนี้ชื่อม่านทิวาเป็นภรรยาของฉัน กับน้องพายลูกสาวของคุณรณวีร์พี่ชายของฉัน ต่อไปนี้ถ้าคุณม่านมาให้เข้าไปรอในห้องได้ไม่ต้องรอให้ฉันอนุญาต”พนักงานต่างสว
"น้องพายดูทีวีนานเกินไปแล้วนะคะ ปิดก่อนเนอะเดี๋ยวค่อยดูใหม่" ม่านทิวาเกลี้ยกล่อมด้วยความเอ็นดูระคนหวังดี"ได้ค่า" หนูน้อยเอ่ยตอบอย่างว่าง่ายก่อนหันไปหาคุณปู่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ"คุณปู่ขา น้องพายอยากไปหาอาสอง น้องพายคิดถึงอาสอง" หลานสาวตัวน้อยหันไปอ้อนคุณปู่เสียงหวานใส"อาสองทำงาน ไปกวนไม่ได้นะลูก"คนเป็นปู่ให้เหตุผล แต่คุณย่านั้นเดินกลับมาพร้อมกล่องอาหารที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้"งั้นก็ให้หนูม่านพาน้องพายไปสิ จะได้เอาข้าวกล่องไปให้ลูกเราด้วย ตอนนี้ลูกทำงานหนักจนลืมกินข้าวอยู่บ่อย ๆ น้องพายไปหาอาสองกับอาม่านนะคะ" นางบอกสามีก่อนหันไปคุยกับหลานสาวเสียงอ่อนละมุน"เย่ ๆ ไปหาอาสอง" หนูน้อยน่ารักกระโดดโลดเต้นออกมาอย่างดีใจ"หนูม่านเอาข้าวไปให้พี่เขาที่บริษัททีนะลูก" คุณนายสรวงสุดาบอกกับลูกสะใภ้คนสวย"แต่ว่าม่านจะไปรบกวน..." หญิงสาวกำลังเอ่ยค้านแต่ก็ถูกพูดดักเอาไว้เสียก่อน"ไม่มีแต่นะลูก เราเป็นภรรยาต้องดูแลสามีให้ดี เอาข้าวกลางวันไปให้แค่นี้ไม่ถือว่ารบกวนหรอกจ้ะ""ค่ะคุณแม่" เมื่อแม่สามีเห็นว่าดีเธอก็ไม่อาจคัดค้าน"งั้น
ร่างสูงของเจ้าของบริษัทนำเข้ารถบิ๊กไบค์รายใหญ่ ยืนมองวิวทิวทัศน์ของคอนโดมิเนียมราคาถูกที่ทัศนวิสัยไม่ได้ดีมากมายเท่าที่ตนอยู่ มือหนาค่อย ๆ ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มพลางมองคนที่เพิ่งตื่นจากนิทรา พยายามพยุงกายลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งกระชับผ้าห่มสีชมพูอ่อนให้ปิดบังกายเปลือยเปล่าเอาไว้"คุณนที!" เสียงหวานเอ่ยเรียกเสียงแผ่วผ่านริมฝีปาก"ตื่นแล้วเหรอ" ชายหนุ่มหันมาถามเสียงเข้ม“ค่ะ”ร่างสูงของนทีเดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์ใบหรูขึ้นมา หยิบธนบัตรสีเทาจำนวนหนึ่งโยนลงบนเตียงของหญิงสาว"อะไรคะ" หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ"เงินของเธอ" นทีพูดเสียงเรียบแล้วเอ่ยประโยคต่อมา "ค่าตัวเธอที่นอนกับฉันเมื่อคืนไงธาริกา""บอกแล้วไงคะว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว" ธาริกาตวาดว่าเสียงสั่นอย่างไม่พอใจ"หึ! เธอก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงพวกนั้นหรอก" พูดอย่างเหยียดหยามผู้หญิงตรงหน้าธาริกาพอได้ฟังคำพูดของเขาซึ่งเป็นเจ้านายของเธอ มือเรียวก็กำเข้ากับผ้าห่มแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวดที่เธอได้รับตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา"อ้อ! อย่าแม้แต่จะคิดลาออกล่
q"ค่ะ แต่ว่าม่านอยู่เฉยไม่ได้หรอกค่ะ ม่านจะไปหางานที่ใหม่ทำ...หรือไม่ก็ไปทำงานกับเพื่อนค่ะ" คนที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการทำงานต้องมาอยู่เฉย ๆ ในบ้านหลังใหญ่ แถมจะหยิบจับทำอะไรหน่อยก็ถูกห้ามไปหมดไม่ได้หรอก"หยุดความคิดไว้แค่นั้นเลย อยู่บ้านเลี้ยงหลานเฉย ๆ หรือไม่ก็รอเลี้ยงลูกของเรา"สิ้นเสียงของรณพีร์ทำเอาม่านทิวาสะดุ้งไม่น้อย เมื่อฝ่ามือใหญ่ยกมาวางทาบกับหน้าท้องแบนราบของตน"ว่าแต่มาหรือยังน้า" ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อนละมุน ทำเอาคนเป็นพี่ชายต้องเอ่ยแซวในความหวานที่ไม่เคยเห็นมาก่อน"โอ๊ย! จะหวานอะไรเกรงใจกันบ้างสิวะ" รณวีร์โวยขึ้น"นั่นสิคะพี่สอง ไม่ได้อยู่กันสองคนนะคะ" มธุรินเอ่ยเสริมหลังสิ้นประโยคของสามี"นั่นสิ ลูกชายแม่เป็นอะไรนะ พักนี้ดูรักหนูม่านแปลก ๆ""แปลกตรงไหนครับ คนเรามันต้องเปลี่ยนแปลงกันได้จริงไหม" รณพีร์เฉไฉตอบมารดาก่อนหันไปถามคนภรรยา ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย"ดีแล้ว เป็นครอบครัวเดียวกันต้องรักกัน อย่าทะเลาะกัน มีอะไรก็ให้คุยกันด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์เข้าใจไหม ตาหนึ่งกับหนูมายด์ด้วยนะ""ครับ”
คำตอบสั้น ๆ ทำให้ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ มือหนาเชยคางมนของม่านทิวาให้เงยหน้าขึ้นมามองกัน"ต่อไปนี้เรียกฉันว่าคุณสอง...หรือพี่สองก็ได้ ไอ้สิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อคืนก็อย่าไปใส่ใจมัน เข้าใจไหม?"น้ำเสียงของรณพีร์อ่อนลง แต่ทว่ายังคงแฝงความนัยลึกซึ้งชวนค้นหากับสายตาคู่คมแสนเย็นชากำลังคิดอะไรอยู่ ทำเอาม่านทิวาส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจอีกครั้ง"ฉันไม่กล้าเรียกหรอกค่ะ ฉันกลัวคุณจะโกรธแล้วพาลโมโหใส่เหมือนเมื่อคืน" เสียงหวานตอบอย่างแผ่วเบา เธอกลัวมาก ๆ เวลาเขาโกรธแล้วใส่อารมณ์กับเธอ"ถ้าเธอไม่เรียกสิฉันจะโมโห" น้ำเสียงของเขาอ่อนลง แอบแฝงความนัยบางอย่างในคำพูดที่ดูเหมือนไม่ค่อยจะจริงจังนัก"แต่ว่า..." หญิงสาวกำลังจะเอ่ยค้านแต่ก็ถูกชายหนุ่มชิงพูดไปเสียก่อน "ไม่มีแต่ ไหนลองเรียกสิ...จะเรียกคุณสองหรือพี่สองก็ได้""เอ่อ...ค่ะคุณสอง" ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเรียกหรือไม่เรียกดี สุดท้ายก็เอ่ยออกไปทำเอาคนที่รอฟังยกยิ้มมุมปากบาง ๆ ด้วยความพอใจ"เก่งมากเด็กดีของฉัน เรามาเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ฉันสามีภรรยาเหมือนคู่อื่น ๆ กันจะได้ไหม ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเ
คนเป็นน้องไหวไหล่กวน ๆ ก่อนตอบกลับ..."ปกติเขาก็ตื่นสายอยู่แล้ว" รณพีร์รีบโยนความผิดให้ม่านทิวาหน้าซื่อ ๆ"กูว่าไม่นะ เมียกูบอกว่าม่านไม่เคยตื่นสาย แถมตื่นก่อนคนอื่นในบ้านมาเตรียมอาหารเช้าอีกต่างหาก แต่พอมึงกลับมาอยู่บ้านม่านตื่นสายประจำ ไปทำงานก็สายด้วย กูว่าต้นเหตุมันมาจากมึงแน่ ๆ" คนเป็นพี่พูดยืนยันพลางจับสังเกตที่สีหน้าของน้องชาย"ถ้าต้นเหตุมันมาจากกู มันก็ไม่แปลกไหมวะ ในเมื่อเขาเป็นเมียกู ผัวเมียกันจะเอากันเมื่อไรก็ได้ หรือว่ามึงไม่เอาเมียเลย""เออ กูรู้ว่าผัวเมียจะเอากันเมื่อไรก็ได้ แต่มึงเอาถี่ไปไหม ปล่อยให้เมียมึงพักบ้างเดี๋ยวก็โทรมกันพอดี ระวังแม่จะไม่ปลื้มที่ไปทำลูกสะใภ้สุดที่รักเขาไม่สบาย" รณวีร์เตือนน้องชายด้วยความหวังดี"แล้วไง ก็เมียกูไหมล่ะ กูจะถนอมหรือไม่…มันขึ้นอยู่กับกูเว้ย"รณพีร์ตอบแบบเอาแต่ใจสุด ๆ ทำเอาคนเป็นพี่ชายยกยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้ามาใกล้น้องชายเพื่อกล่าวล้อ"ใครวะ...ที่บอกว่าจะไม่สนใจคนที่แม่หามาให้ แต่ไหงตอนนี้เรียกเขาว่าเมียเต็มปาก กลืนน้ำลายตัวเองนี่หว่า" เสียงเย้าหยอกของพี่ชายแทงใจดำคนเป็นน้องเข้าอย่างจ
นับว่าเป็นวันแรกที่ต้องกลายเป็นคนตกงานไปโดยปริยายของม่านทิวา อันที่จริงวันนี้เธอต้องเข้าไปที่ทำงานเพื่อเอาของใช้ส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับมา แต่อย่างที่รู้ว่ารณพีร์ได้เอาของทุกอย่างออกมาให้เธอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มิหนำซ้ำอดีตเจ้านายยังให้ฝ่ายบุคคลโทร.มาแจ้งเธออีกครั้งว่า ‘เหลือเวลาอีกหนึ่งวันไม่ต้องกลับเข้ามาทำงาน เพราะเป็นคำขอจากรณพีร์’ นี่เขาจะยุ่งเรื่องของเธอมากเกินไปแล้วนะเขายุ่งเรื่องของเธอได้ แต่เธอห้ามยุ่งหรือก้าวก่ายเรื่องของเขาอย่างนั้นน่ะหรือ?คนตัวเล็กที่เพิ่งตกงานไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีรีบเดินเข้าครัว หมายจะช่วยเหล่าแม่บ้านจัดเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนในบ้านรับประทาน เพราะเวลานี้เธอนั้นพยายามปรับเวลาให้ตื่นเช้าขึ้นถึงแม้ว่าจะนอนดึกมากก็ตาม"คุณมายด์ ป้าเจียม มีอะไรให้ม่านช่วยไหมคะ" เสียงหวานนุ่มละมุนเหมือนทุกครั้งที่เอ่ยทักถาม แต่ทว่าวันนี้มีความอ่อนเพลียแทรกติดปลายเสียงมาด้วย"ไม่มีเลยค่ะคุณม่าน อีกนิดเดียวก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว" แม่บ้านใหญ่เอ่ยบอกทั้ง ๆ ที่มือยังคอยคนหม้อต้มยำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเจ้านายสาวที่ท่าทางอ่อนเพลียไม่
ทันทีที่ถึงบ้านในช่วงบ่ายแก่ ๆ คนในบ้านตกใจไม่น้อยที่สองสามีภรรยาที่ดูท่าจะไม่ลงรอยกันกลับบ้านพร้อมกัน มิหนำซ้ำยังเดินจับมือกันเข้ามาภายในบ้านเสียด้วย"กลับบ้านเร็วจังวะไอ้สอง" รณวีร์ทักทายน้องชายที่เดินเข้าบ้านพร้อมกับม่านทิวา"ประชุมเสร็จก็กลับบ้านสิ...แปลกตรงไหนวะ" คนเป็นน้องย้อนตอบกวน ๆ"ถามมาได้ว่าแปลกตรงไหน มึงแปลกทุกตรงอะ แล้วยิ่งตอนนี้มึงยิ่งแปลกหนักเข้าไปใหญ่" คนเป็นพี่ชายตั้งข้อสงสัยกับคนเป็นน้องพลางเหล่มองร่างเล็กของน้องสะใภ้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ"คุณม่าน วันนี้ไม่ไปทำงานหรือคะ" มธุรินเอ่ยถามม่านทิวาด้วยความสงสัยเพราะวันนี้เป็นวันทำงานของหญิงสาวไม่ใช่หรือ"เอ่อ…ค่ะ พอดีม่านตื่นสายไปหน่อยเลยไม่ได้ไปทำงานน่ะค่ะ" หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหย ๆ ไม่กล้าบอกว่าตัวต้นเหตุคือคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังเธอ"ตื่นสายนั่นคือเหตุผลหนึ่งครับ แต่จริง ๆ มันมีหลายเหตุผลที่ทำให้ตื่นสาย"คำตอบของเขาทำเอาม่านทิวาถลึงตาหน้าบึ้งตึงใส่ทันที คนเป็นพี่ชายเห็นแล้วต้องรีบเดินเข้ามากระซิบข้างหูรณพีร์"เบาได้เบานะเว้ย เมียมึงยิ่งตัวเล็ก ๆ อยู่"คน