ร่างสูงโปร่งของรณพีร์ออกมายืนยืดเส้นยืดสายให้คลายความเมื่อยขบจากการนั่งทำงานอยู่ในห้องเป็นเวลานาน ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่บริเวณริมระเบียงห้องนอนใกล้ทะเล สายตาคู่คมทอดมองไปยังท้องทะเลสีครามยาวสุดลูกหูลูกตาพร้อมกับฟังเสียงคลื่นลมซัดสาดเข้ากับชายหาดเมื่อฟังเสียงคลื่นลมจากท้องทะเลจนรู้สึกผ่อนคลาย ชายหนุ่มเบนสายตาจากท้องทะเลไปยังลานจัดกิจกรรมยามค่ำคืนที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและสวยงาม เสียงเพลงดังต่อเนื่องมาร่วมชั่วโมงเห็นจะได้ มันไม่ได้ทำให้เขานั้นรู้สึกความรำคาญแม้แต่น้อย กลับกันเขารู้สึกสนุกสนานเมื่อเห็นผู้คนกำลังปาร์ตีกันอย่างคึกคัก ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในงานนับสิบคนหนึ่งในนั้นมีหญิงสาวที่เขาได้ช่วยเหลือเอาไว้เมื่อช่วงเย็นจากการโดนโจรวิ่งราวกระเป๋า รอยยิ้มของเธอนั้นไม่เหมือนคนที่พึ่งผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ มาแม้แต่น้อย กิริยาท่าทางของหญิงสาวที่เขาไม่รู้แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามของเธอตกอยู่ในสายตาคู่คมของรณพีร์ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินกลับเข้าไปภายในห้องและออกมาอีกครั้งพร้อมกับแล็ปท็อป โทรศัพท์มือถือ เตรียมที่จะนั่งทำงานอีกครั้งพร้อมกับดูผู้คนที่กำลังสนุกกับงานปาร์ตีไปด้วยใ
เธอพาผู้ชายคนนั้นเดินผ่านบ้านพักของเขาเพื่อไปยังบ้านพักถัดไปอีกสองหลัง รณพีร์เดินออกมาจากที่พักตรงไปยังทางเดินคอนกรีตเพื่อดูว่าเธอจะเดินกลับไปยังที่พักของตัวเองหรือไม่ เท่าที่เขามองดูเป็นระยะ ๆ เจ้าของร่างเล็กนั้นดื่มไปหลายแก้วซึ่งเป็นปริมาณที่มาก ใบหน้าสวยหวานจึงแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ และถ้าเขาจำไม่ผิด...ห้องของเธออยู่แถวๆ บริเวณที่จัดงานนี่แหละแต่จนแล้วจนลอดเธอก็ไม่ออกมาจากบ้านพักของผู้ชายคนนั้น ทำให้เขาคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากคิดว่าเธอเข้าไปนอนค้างกับผู้ชายคนนั้น“หึ! ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด” ชายหนุ่มถึงกับส่ายหน้า สบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเดินกลับเข้าที่พักด้วยอาการหัวเสียไม่น้อยช่วงเวลาราว ๆ แปดโมงเช้าในวันถัดมา เป็นเวลาที่ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวไปเก็บของเคลียร์สถานที่จัดงานเมื่อคืนให้เรียบร้อยก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพในวันพรุ่งนี้ แต่เพื่อนของเธอนั้นยังไม่มีใครตื่นขึ้นมาสักคน เพราะแต่ละคนดื่มกันหนักเอามาก ๆ ขนาดเธอดื่มน้อยกว่านิดหน่อยยังมึนและปวดหัวเอาเรื่องอยู่เหมือนกันใบหน้าสวยหวานที่ยังตื่นไม่เต็มที่สะบัดไปมาให้คลายจากความมึนงง ก่อนลุกไปจัดการอาบน้ำและลง
"ขอโทษนะคะคุณ"พอเสียงหวานของม่านทิวาเอ่ยขึ้น คนที่ยืนเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลกว้างไกลสุดสายตาก็หลุดออกจากภวังค์ หันมามองเธอด้วยสายตาเรียบเฉยยากที่จะคาดเดาว่าเขารู้สึกเช่นไร"มีอะไร!" โทนเสียงราบเรียบเอ่ยถามทำให้ม่านทิวาทำตัวไม่ถูก เขาทำเหมือนไม่อยากพูดกับเธอ"เอ่อ…คือฉันจะมาขอบคุณคุณอีกครั้งน่ะค่ะ...ที่ช่วยฉันเอาไว้เมื่อวันก่อน" เธอบอกพลางส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ"อือ...แค่นี้ใช่ไหม" น้ำเสียงเย็นชากับใบหน้าเรียบเฉยของเขาทำเอาหญิงสาวหน้าเหวอทำตัวไม่ถูกมากกว่าเดิม"เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ว่าแต่คุณชื่อ..."ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยถามชื่อผู้มีพระคุณเลย ก็ถูกเสียงเล็ก ๆ ของเด็กน้อยดังขึ้นแทรกก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเขา"อาสองขา คุณแม่ให้มาตามไปทานข้าวค่า""ได้ครับ งั้นไปทานข้าวกันเนอะ"ชายหนุ่มย่อตัวลงไปหาร่างน้อยป้อม ๆ แล้วลูบศีรษะเบา ๆ ก่อนเดินจูงมือกันออกไปโดยไม่สนหญิงสาวหน้าหวานนัยน์ตาเศร้าแม้แต่น้อย ราวกับว่าเธอนั้นเป็นอากาศธาตุม่านทิวาเดินกลับมาหาเพื่อนสาวสองคนอย่างงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"เป็นอะไรยะ โดนผู้เทมาเหรอ?" วีรพลแซวเพื่อนที่เดินหน้าเหี่ยวแห้งกลับมาหา"ไม่รู้สิ ว
“เฮ้อ!”เสียงถอนหายใจอย่างหนักอกหนักใจทำให้คุณอนันต์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ หันมาถามภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากด้วยความเป็นห่วง เพราะท่านได้ยินเสียงถอนหายใจเช่นนี้ราว ๆ สามครั้งเห็นจะได้"เป็นอะไรไปคุณดา ผมได้ยินคุณนั่งถอนหายใจแบบนี้มานานแล้วนะ" คนเป็นสามีถามภรรยาด้วยความเป็นห่วง"ก็ตาสองนี่สิ เมื่อไรจะเลิกนิสัยแบบนี้สักที ฉันละปวดหัว" นางว่าพร้อมทั้งเอานิ้วมือคลึงขมับของตนเองเบา ๆ"เรื่องที่ลูกไม่ยอมแต่งงาน แถมเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าใช่ไหม" สามีตอบอย่างรู้ทัน"ก็ใช่น่ะสิคะคุณ อายุก็สามสิบกว่าแล้วยังทำตัวเสเพลไม่เลิก ดูควงผู้หญิงแต่ละคนสิ โอ๊ย! ฉันรับไม่ได้" คุณนายสรวงสุดาส่ายศีรษะเอือมระอาเมื่อนึกถึงคู่ควงของบุตรชายแต่ละคน"อ้าวคุณ! ลูกมันโตแล้วก็แบบนี้แหละ ถ้าคุณไม่อยากให้มันมั่วไม่เลือกก็จับแต่งงานเสียสิ" คนเป็นสามีเสนอทางแก้ไขให้กับภรรยาหน้าตาย"แต่งงาน...กับผู้หญิงพวกนั้นเนี่ยนะ ไม่มีทาง!" นางหันมาเถียงสามีเสียงแข็งก่อนแววตาจะเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์หรี่แคบลง"จริงสิ...ฉันลืมคนนี้ไปได้ยังไง" คุณนายสรวงสุดาพูดขึ้นพร้อมกับแววตาโตเป็นประกายวาววาม เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนี้มาได้อย่างทันท่วงที
คุณนายสรวงสุดา : แกต้องแต่ง นี่คือคำขาดจากแม่ ผู้หญิงคนนี้เขาดีที่สุดสำหรับแกแล้วนะตาสองคุณนายสรวงสุดาตอบกลับข้อความแล้วส่งรูปภาพของผู้หญิงที่ว่าตามไปให้บุตรชายได้ดูอย่างเต็มตา ใบหน้าเธอนั้นเหมือนคนที่เขาเคยเจอตอนไปกระบี่เมื่อสองเดือนก่อนไม่มีผิดนี่มารดาจะเอาผู้หญิงเหลวแหลกพรรค์นั้นมาเป็นสะใภ้เหรอ นางชอบคนเรียบร้อยนิสัยดีทำไมถึงตาถั่วมาเลือกยัยนี่ได้รณพีร์ : คุณแม่อย่าเชื่อเรื่องงมงายพวกนี้ให้มันมากเลยครับ ผมยังไม่เป็นอะไรสักหน่อย ไม่จำเป็นที่จะต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้เพื่อแก้ชงบ้าบออะไรนั่นเลย ตอบกลับไม่นานก็ส่งประโยคต่อมาตามไปทันทีรณพีร์ : ถ้าผมจะแต่งงานจริง ๆ ผมแต่งกับคนอื่นดีกว่าแต่งกับผู้หญิงคนนี้คุณนายสรวงสุดา : อย่ามาโยกโย้ แกต้องแต่งงานกับหนูม่านเท่านั้น นี่คือคำขาดห้ามขัดคำสั่งแม่ จบนะพอสิ้นสุดข้อความเอาแต่ใจของมารดา รณพีร์ก็ถึงกับถอนหายใจหนักขึ้นไปอีก ก่อนจะเรียกให้ลูกน้องคนสนิทอย่างธันวาเข้ามาสั่งงาน"ธันวา เข้ามานี่หน่อย" ครู่หนึ่งลูกน้องหนุ่มคนสนิทที่หล่อสูสีกับเจ้านายก็เข้ามาภายในห้องทำงาน"ครับ มีเรื่องอะไรครับท่านรอง" ลูกน้องคนสนิทเอ่ยถามพร้อมรับคำสั่งการ"ไปส
ผู้เป็นมารดาพยายามหว่านล้อมบุตรชายคนเล็กให้ยินยอมด้วยความจริงจากใจ ทว่าบุตรชายพอนึกถึงสิ่งที่เพิ่งจะรู้เห็นมากับตาก็ถึงกับกระตุกยิ้มเยาะหยัน สงสารมารดาเหลือเกินที่มองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว"คุณแม่อยากได้คำตอบจากผมเลยใช่ไหมครับ" รณพีร์ตีหน้านิ่งถามกลับอย่างยียวน"ใช่! แม่ต้องการคำตอบวันนี้...เดี๋ยวนี้!" นางยืนกรานจะเอาคำตอบกับบุตรชายคนเล็กให้ได้"โอเค…ผมยอมตามใจคุณแม่ก็ได้ครับ แต่มีข้อแม้..."ผู้เป็นมารดาทำหน้าฉงนสงสัยว่าบุตรชายจะเล่นแง่อะไรกับนางอีก"ข้อแม้อะไร" นางเร่งถามจะเอาคำตอบด้วยความร้อนรนใจ"จะไม่มีการจัดงานแต่งเกิดขึ้น จดทะเบียนสมรสและรู้กันภายในครอบครัวเท่านั้น" รณพีร์ยื่นข้อแม้แสนร้ายกาจให้กับมารดาทันที หากจดทะเบียนสมรสแล้วเขาก็จะหย่ากับหญิงสาวตามแต่ใจต้องการด้วย"ทำแบบนั้นได้ยังไง น้องเขาเสียหายนะลูก" นางแย้งขึ้นมาทันควัน ไม่เห็นดีด้วยสักนิดเดียว"เรื่องนั้นผมไม่ขอรับรู้ แต่ถ้าคุณแม่ไม่ตกลง...ผมก็ไม่แต่ง" ชายหนุ่มไหวไหล่ไม่แคร์และไม่สนใจอะไรทั้งนั้น"ตาสอง! แม่ส่งรูปมาให้ดูแล้วไม่ถูกใจน้องหน่อยเหรอ ไม่ชอบน้องบ้างเลยหรือไง น้องออกจะเป็นคนน่ารัก นิสัยดี สุภาพเรียบร้อย แถมยังขย
ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งหน้าที่ทำงานของม่านทิวา"อะไรนะคะคุณป้า! ทำไมมันเร็วแบบนี้ล่ะคะ?" ม่านทิวาถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเองกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของคุณนายทรวงสุดา"หนูได้ยินไม่ผิดหรอกลูก พี่เขาตอบตกลงแล้วว่าจะแต่งงานกับหนู มาเป็นลูกสาวอีกคนของป้านะลูกนะ ไหน ๆ หนูก็ไม่มีใครเหลือแค่ตัวคนเดียวแล้ว"คุณนายสรวงสุดาเกลี้ยกล่อมหญิงสาวรุ่นลูกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดีใจ ผิดกับม่านทิวาที่มีสีหน้ากังวลใจไม่น้อยกับเรื่องที่นางเอ่ยขอ ถึงคราวก่อนนั้นเธอจะเคยตกปากรับคำไปแล้วว่าจะแต่งงานกับบุตรชายของนางตามคำขอร้อง ทั้งที่ไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาชายหนุ่มมาก่อน อย่าว่าแต่พบหน้าเขาเลย แค่ในรูปภาพก็ยังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง แต่ที่หญิงสาวตอบรับง่าย ๆ ในวันนั้นก็เพราะว่าอยากจะตอบแทนคุณนายสรวงสุดาที่เคยช่วยเหลือเอาไว้ด้วยความเมตตาเอ็นดู พอนางกับสามีพากันมาอ้อนวอนบอกว่าบุตรชายคนเล็กกำลังจะมีเคราะห์หนัก ถ้าได้หญิงสาวที่เกิดวันอังคารและมีลักษณะรูปร่างหน้าตาแบบเธอมาแต่งงานหนุนดวงเขาจะอยู่รอดปลอดภัย อีกอย่างเธอเองเคยบอกอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าหากมีเรื่องอะไรให้ช่วยบอกได้ทันทีไม่ต้องเกรงใจ เธอยินดีช่วยเหลือทุกอย่างขอแค่นางบอก
"ไม่จริง!" หญิงสาวส่ายหน้าไม่เชื่อว่าสิ่งที่คุณนายปากแดงพูดนั้นจะเป็นเรื่องจริง"ว่าแล้วจะต้องไม่เชื่อ เอาหลักฐานไปดูซะให้เต็มตา"ว่าแล้วเจ๊ปากแดงก็ส่งกระดาษในมือให้หญิงสาวเอาไปอ่านดูเอง ม่านทิวาอ่านสัญญาฉบับนั้นด้วยอาการมือไม้สั่น ทั้งหมดเป็นฝีมือของแม่เลี้ยงเธอนั่นเองก่อเรื่องให้เธออีกแล้ว...แล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่มากเสียด้วย"ต้นพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมดเท่าไรที่พวกเขาติดค้างไว้" หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเกือบจะร้องไห้ออกมาเมื่อชีวิตถูกกดดันจนเข้าสู้เส้นทางตัน"ฉันไม่รู้หรอกว่าทั้งหมดเท่าไร...ไปถามเสี่ยเอาเอง ฉันมีหน้าที่แค่มาไล่เธอออกไปเท่านั้น แต่ถ้าให้เดาก็คงเยอะจนเธอไม่มีปัญญาจะจ่าย" พูดพลางเบ้ปากมองหัวจรดปลายเท้าของม่านทิวาอย่างเหยียดหยาม แล้วหันไปสั่งการคนของนางให้ขนของต่อไปไม่ต้องสนใจคนจนไม่มีปัญญาจ่ายหนี้"ไอ้จำนวนเงินที่ว่าไม่มีปัญญาจ่ายน่ะ…มันสักเท่าไร" เสียงทรงอำนาจดังขึ้นจากทางด้านหลังม่านทิวาหันไปพบคนที่เพิ่งแยกจากกันมาไม่นานและอุทานเรียกนางที่เดินตรงเข้ามาหาอย่างตกใจ“คุณป้า!”"เงินที่ว่ามามันเท่าไร ฉันจ่ายเอง""คุณป้าไม่ต้องค่ะ...เขาอยากยึดก็ให้ยึดไป"ม่านทิ
เสียงเข้มของผู้มาใหม่อย่างรณพีร์ทำเอาสองสาวตกใจลุกลี้ลุกลนไม่น้อย ม่านทิวารีบซ่อนโทรศัพท์มือถือไว้ด้านหลังทันที"ปะ...เปล่าค่ะ" เสียงตะกุกตะกักของม่านทิวาตอบกลับทันทีพร้อมทั้งยัดสิ่งที่อยู่ในมือคืนให้กับธาริกา ส่วนอีกมือหนึ่งยังถือแก้วเหล้าเอาไว้"จะมาเปล่าได้ยังไง ก็เห็น ๆ อยู่" รณพีร์ค้านเสียงเข้ม เดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาหวานหยาดเยิ้มเพราะพิษเหล้าที่ดื่มเข้าไป"ฉันสั่งว่ายังไง ไม่ให้กินเหล้าไม่ใช่หรือไง" ชายหนุ่มถามคาดคั้นต้องการคำตอบจากคนที่แทบจะไม่ได้สติตรงหน้า"ก็คุณสองสั่งไม่ให้ไปกินที่ร้านนี่คะ ม่านก็มาดื่มกับเพื่อนที่ห้อง…ไม่เห็นผิดตรงไหนเลย" ม่านทิวามุ่ยหน้าน้อย ๆ เถียงกลับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม"ไอ้ที…เลขาฯ มึงใช่ไหมวะ มาพากลับบ้านทีสิ" เจ้าของบ้านเรียกเพื่อนสนิทที่ตามมาด้วยความบังเอิญให้เข้ามาเอาตัวหญิงสาวไปเขาจำได้ว่าเพื่อนสนิทของม่านทิวาคนนี้เป็นเลขานุการของนที…"เออ" นทีตอบกลับเพียงแค่นั้นแล้วเดินตรงเข้ามาหาธาริกาที่นั่งหลับคอพับไม่ได้สติบนโซฟาสีเข้มทันทีไม่คิดเลยว่าเธอจะมานั่งเมาอยู่ที่น
ม่านทิวาถามด้วยความสงสัย หากเป็นเจ้าของเดียวกันน่าจะจัดพร้อมกันและเอาคอนเซปต์ทั้งหมดมามิกซ์รวมกันเป็นงานเดียวคงเพอร์เฟกต์ไม่น้อย"เจ้าของคนละคนแหละ งานเดินแบบเครื่องเพชรเป็นของคุณพชร ส่วนคอนโดมิเนียมเป็นของคุณปรานต์""อือ ๆ งานที่จะให้ช่วยมีแค่นี้ใช่ไหม ฉันจะได้กลับเลย""อื้อ...แค่นี้แหละ ขอบใจมาก...ถ้างานผ่านฉันจะนัดเลี้ยงข้าวแก แต่แกต้องไปช่วยงานฉันนะ ฉันจะชวนยัยอัญญ์มาช่วยอีกแรงหนึ่งด้วย""ได้เสมอแหละ เมื่อก่อนเป็นยังไงตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น ฉันไปซื้อของเข้าบ้านก่อนนะ" คนตัวเล็กยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วส่งยิ้มให้เพื่อน ๆ"เดี๋ยว...นี่แกขับรถมาเองเลยเหรอ" วีรพลถามด้วยแปลกประหลาดใจ ไม่เคยเห็นเพื่อนขับรถเองมาก่อนเลย“อื้อ”"รถใครอะ" วีรพลถามหยั่งเชิงคนที่เพิ่งได้รถยนต์คันใหม่มาใช้เอง"รถคุณสองเขาน่ะ ไปแล้วนะ " ว่าแล้วก็เดินออกจากร้านตรงไปที่รถ ขับรถไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าในโซนซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นล่าง เธอเลือกซื้อของตามรายการที่จดเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือ ม่านทิวาเดินซื้อของได้เพียงไม่กี่รายการเท่านั้น มีของใช้ส่วนตัว ของใช้ภ
"เปล่าสักหน่อย โจ๊กใครก็กินกับไข่ลวกทั้งนั้นแหละค่ะ" หญิงสาวรีบตอบกลับเสียงนุ่ม ก่อนเอ่ยเร่งเร้า "รีบกินเร็วเข้า ม่านจะได้ไปหาเพื่อนเสียที""ขับรถไปเองหรือให้ฉันไปส่ง""ไปเองค่ะ ม่านว่าจะนั่งแท็กซี่ไป" ตอบพลางตักอาหารเช้าเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย"ทำไมไม่ขับรถไปเอง นั่งแท็กซี่ไปทำไม" ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาค้านทันควัน “ก็ม่านเกรงใจคุณสองนั่นแหละค่ะ มันรถของคุณนี่คะ" หญิงสาวตอบเสียงแผ่วเบาเพราะเกรงใจสามี"ฉันซื้อให้เธอแล้ว มันเป็นของเธอ เอาไปใช้ซะ...ถ้าไม่เอาไปใช้โดนดีแน่" สั่งเสียงเข้มแก้มบังคับทำให้ม่านทิวายอมจำนน เพราะรู้ดีว่าเขาต้องทำโทษจนเธอไม่ได้นอนเป็นแน่เธอพยักหน้ารับโดยไม่โต้เถียงใด ๆ ทำเอารณพีร์พอใจไม่น้อย ไม่นานทั้งสองก็รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วพากันแยกย้ายไปคนละทาง คนเป็นสามีออกไปทำงานเช่นทุกวัน ส่วนตัวของเธอนั้นออกไปตามนัดของเพื่อนที่ได้ตกลงกันไว้ภายในร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งคือสถานที่นัดหมายของม่านทิวากับปอแก้ว…ที่รบเร้าให้เธอมาหาให้ได้ สายตาหวานสอดส่องเข้าไปข้างในร้านพบว่าเพื่อนเธอนั้นมารออยู่ก่อนแล้ว เธอจึงรีบจอดรถแล้วลงไปหาเพื่อน
เสียงนาฬิกาปลุกที่นานครั้งจะตั้งดังจากโทรศัพท์มือถือ ทำให้ม่านทิวาที่กำลังหลับสบายต้องรีบลืมตาตื่นจากความฝันอันแสนหวานที่ไม่เคยมีมาก่อน ร่างเล็กรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วจัดการปิดเสียงรบกวนทันทีเพราะกลัวว่ารณพีร์ที่กำลังหลับสบายอยู่นั้นจะตื่นก่อนเวลามือเรียวบางพยายามเอาท่อนแขนแกร่งกำยำที่พาดเข้ากับเอวคอดของตนออกอย่างเบามือที่สุดแล้วหันไปคว้าเสื้อคลุมสีขาวขึ้นมาสวมทับ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายของตน หญิงสาวจำได้ว่าวันนี้มีนัดกับปอแก้วเพื่อที่จะคุยธุระเรื่องงาน แต่ถ้าหากไม่ไปเพื่อนสนิทคงต้องงอนเธอเป็นแน่เกือบสามสิบนาทีกับการอาบน้ำสระผมแล้วออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูสีขาวที่พันรอบกายบอบบาง ระหว่างที่หญิงสาวกำลังเดินเช็ดผมอยู่นั้น เธอแอบมองร่างสูงของสามีหลับสบายบนเตียงนุ่มโดยไม่คิดที่จะปลุกและเผลอยิ้มน้อย ๆ ด้วยความเอ็นดู แต่แล้วเสียงข้อความจากแอปพลิเคชันไลน์ก็ดังเตือนทำให้เท้าเรียวหยุดชะงักแล้วเดินไปยังโต๊ะหัวเตียงเธอหย่อนสะโพกมนนั่งลงกับขอบเตียงเบา ๆ ไม่ให้สะเทือนไปถึงร่างสูงที่กำลังนอนอยู่ ร่างเล็กที่พันกายด้วยผ้าขนหนูสีขาวหยุดมือที่
หลังจากที่ร่างสูงของเจ้าของห้องออกไป หนูน้อยพาลิกาเปิดกระเป๋าใบน้อยสีชมพูน่ารักที่รณวีร์ซื้อให้ หยิบสมุดภาพระบายสีพร้อมทั้งกล่องสีขึ้นมาระบายเล่น มิหนำซ้ำหนูน้อยยังเรียกม่านทิวามาช่วยกันระบายสีอีกแรง"อาม่านขา...มาระบายสีกันค่ะ" ว่าจบก็ฉีกยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันซี่น้อยๆ เรียงเป็นระเบียบคนที่ถูกเรียกยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของหลานสาวของสามี ก่อนลุกจากที่นั่งของตนมาหาหนูน้อยที่นั่งกับพื้นพรหมสีเทาฝั่งตรงข้าม"ไหนคะ มาให้อาม่านดูหน่อยสิว่าระบายสีอะไร" หญิงสาวถามหลานตัวน้อยเสียงอ่อนเสียงหวาน"คุณครูบอกว่าการบ้านคะ" ตัวเล็กเงยหน้ามองคุณอาสะใภ้คนสวย"ถ้าการบ้านน้องพายต้องทำเองนะคะ ไม่ให้คนอื่นช่วยนะคะ ต้องทำเองจะได้เก่งขึ้นไง" บอกเสียงอ่อนเสียงหวานพลางลูบศีรษะทุยเบา ๆ ก่อนถามประโยคต่อมา "น้องพายอยากเป็นคนเก่งไหมคะ""น้องพายอยากเป็นคนเก่งค่า""ถ้าอยากเป็นคนเก่งก็ต้องทำเอง ถ้าทำไม่ได้ให้ถามอาม่านนะคะ"หนูน้อยพยักหน้ารับและลงมือทำแบบฝึกหัดที่อยู่ตรงหน้า อันไหนหนูน้อยทำไม่ได้ก็หันไปถามคุณอาสะใภ้คนสวยจนกระทั่งทำเสร็จด้วยตัวเองในเวลาไม่นาน ร่างน
“แต่ท่านรองเคยสั่งเอาไว้ อย่าให้คู่ควงพวกนี้เข้ามาก่อกวนในที่ทำงานนี่คะ”"ผู้หญิงคนนี้คือเมียฉัน"สิ้นเสียงเข้มทรงอำนาจทำเอาหลายคนตกใจ ไม่คิดว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นภรรยาของรองประธานบริษัท แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าก็คือผู้ช่วยเลขานุการปากแดงที่หน้าซีดกับความผิดครั้งใหญ่“นะ...นี่ภรรยาของท่านรองจริง ๆ เหรอคะ” สุ้มเสียงของผู้ช่วยเลขานุการอึกอักคล้ายมีอะไรติดคอ“อือ”คำตอบรับเพียงสั้น ๆ ทำเอาเสียวสันหลังไม่น้อย จึงต้องรีบขอโทษขอโพยผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเจ้านายทันที“เลอเน่กราบขอโทษนะคะที่พูดจาไม่ดีกับคุณ”“ไม่เป็นไรค่ะ ก็คุณไม่รู้นี่คะ”ม่านทิวาไม่ได้ถือสาอะไรกับคนที่ไม่รู้ แต่รณพีร์หันไปแนะนำม่านทิวาให้กับทุกคนรู้จักและสั่งการกับพนักงานทุกคน รวมถึงผู้ช่วยเลขานุการที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานที่ประจำการอยู่หน้าห้องด้วย“ทุกคน...ฉันจะแนะนำให้รู้จัก ผู้หญิงคนนี้ชื่อม่านทิวาเป็นภรรยาของฉัน กับน้องพายลูกสาวของคุณรณวีร์พี่ชายของฉัน ต่อไปนี้ถ้าคุณม่านมาให้เข้าไปรอในห้องได้ไม่ต้องรอให้ฉันอนุญาต”พนักงานต่างสว
"น้องพายดูทีวีนานเกินไปแล้วนะคะ ปิดก่อนเนอะเดี๋ยวค่อยดูใหม่" ม่านทิวาเกลี้ยกล่อมด้วยความเอ็นดูระคนหวังดี"ได้ค่า" หนูน้อยเอ่ยตอบอย่างว่าง่ายก่อนหันไปหาคุณปู่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ"คุณปู่ขา น้องพายอยากไปหาอาสอง น้องพายคิดถึงอาสอง" หลานสาวตัวน้อยหันไปอ้อนคุณปู่เสียงหวานใส"อาสองทำงาน ไปกวนไม่ได้นะลูก"คนเป็นปู่ให้เหตุผล แต่คุณย่านั้นเดินกลับมาพร้อมกล่องอาหารที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้"งั้นก็ให้หนูม่านพาน้องพายไปสิ จะได้เอาข้าวกล่องไปให้ลูกเราด้วย ตอนนี้ลูกทำงานหนักจนลืมกินข้าวอยู่บ่อย ๆ น้องพายไปหาอาสองกับอาม่านนะคะ" นางบอกสามีก่อนหันไปคุยกับหลานสาวเสียงอ่อนละมุน"เย่ ๆ ไปหาอาสอง" หนูน้อยน่ารักกระโดดโลดเต้นออกมาอย่างดีใจ"หนูม่านเอาข้าวไปให้พี่เขาที่บริษัททีนะลูก" คุณนายสรวงสุดาบอกกับลูกสะใภ้คนสวย"แต่ว่าม่านจะไปรบกวน..." หญิงสาวกำลังเอ่ยค้านแต่ก็ถูกพูดดักเอาไว้เสียก่อน"ไม่มีแต่นะลูก เราเป็นภรรยาต้องดูแลสามีให้ดี เอาข้าวกลางวันไปให้แค่นี้ไม่ถือว่ารบกวนหรอกจ้ะ""ค่ะคุณแม่" เมื่อแม่สามีเห็นว่าดีเธอก็ไม่อาจคัดค้าน"งั้น
ร่างสูงของเจ้าของบริษัทนำเข้ารถบิ๊กไบค์รายใหญ่ ยืนมองวิวทิวทัศน์ของคอนโดมิเนียมราคาถูกที่ทัศนวิสัยไม่ได้ดีมากมายเท่าที่ตนอยู่ มือหนาค่อย ๆ ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มพลางมองคนที่เพิ่งตื่นจากนิทรา พยายามพยุงกายลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งกระชับผ้าห่มสีชมพูอ่อนให้ปิดบังกายเปลือยเปล่าเอาไว้"คุณนที!" เสียงหวานเอ่ยเรียกเสียงแผ่วผ่านริมฝีปาก"ตื่นแล้วเหรอ" ชายหนุ่มหันมาถามเสียงเข้ม“ค่ะ”ร่างสูงของนทีเดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์ใบหรูขึ้นมา หยิบธนบัตรสีเทาจำนวนหนึ่งโยนลงบนเตียงของหญิงสาว"อะไรคะ" หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ"เงินของเธอ" นทีพูดเสียงเรียบแล้วเอ่ยประโยคต่อมา "ค่าตัวเธอที่นอนกับฉันเมื่อคืนไงธาริกา""บอกแล้วไงคะว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว" ธาริกาตวาดว่าเสียงสั่นอย่างไม่พอใจ"หึ! เธอก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงพวกนั้นหรอก" พูดอย่างเหยียดหยามผู้หญิงตรงหน้าธาริกาพอได้ฟังคำพูดของเขาซึ่งเป็นเจ้านายของเธอ มือเรียวก็กำเข้ากับผ้าห่มแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวดที่เธอได้รับตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา"อ้อ! อย่าแม้แต่จะคิดลาออกล่
q"ค่ะ แต่ว่าม่านอยู่เฉยไม่ได้หรอกค่ะ ม่านจะไปหางานที่ใหม่ทำ...หรือไม่ก็ไปทำงานกับเพื่อนค่ะ" คนที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการทำงานต้องมาอยู่เฉย ๆ ในบ้านหลังใหญ่ แถมจะหยิบจับทำอะไรหน่อยก็ถูกห้ามไปหมดไม่ได้หรอก"หยุดความคิดไว้แค่นั้นเลย อยู่บ้านเลี้ยงหลานเฉย ๆ หรือไม่ก็รอเลี้ยงลูกของเรา"สิ้นเสียงของรณพีร์ทำเอาม่านทิวาสะดุ้งไม่น้อย เมื่อฝ่ามือใหญ่ยกมาวางทาบกับหน้าท้องแบนราบของตน"ว่าแต่มาหรือยังน้า" ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อนละมุน ทำเอาคนเป็นพี่ชายต้องเอ่ยแซวในความหวานที่ไม่เคยเห็นมาก่อน"โอ๊ย! จะหวานอะไรเกรงใจกันบ้างสิวะ" รณวีร์โวยขึ้น"นั่นสิคะพี่สอง ไม่ได้อยู่กันสองคนนะคะ" มธุรินเอ่ยเสริมหลังสิ้นประโยคของสามี"นั่นสิ ลูกชายแม่เป็นอะไรนะ พักนี้ดูรักหนูม่านแปลก ๆ""แปลกตรงไหนครับ คนเรามันต้องเปลี่ยนแปลงกันได้จริงไหม" รณพีร์เฉไฉตอบมารดาก่อนหันไปถามคนภรรยา ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย"ดีแล้ว เป็นครอบครัวเดียวกันต้องรักกัน อย่าทะเลาะกัน มีอะไรก็ให้คุยกันด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์เข้าใจไหม ตาหนึ่งกับหนูมายด์ด้วยนะ""ครับ”