อินถวาหลับตาพริ้มเมื่อริมฝีปากอุ่นจัดนั้นทาบทับลงมาอย่างนุ่มนวลบางเบา สัมผัสนั้นคืออุ่นวาบซาบซ่านคล้ายกับมีกระแสไฟฟ้าน้อยๆ ผุดขึ้นอยู่ทั่วริมฝีปาก ก่อนจะกระจายให้ความซาบซ่านพวยพุ่งไปทั่วทั้งร่างกาย รับรู้ได้ถึงความอุ่นวาบจากปลายนิ้วเท้าจนมาถึงหนังศีรษะ และจากหัวใจไปจนถึงปลายนิ้วมือ จนเธอเผลอกอบกระชับผ้าเนื้อดีช่วงอกของเขาแน่น เพราะอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวต่างพากันมาเยี่ยมเยือนเธอสลับไปมา และในทุกจังหวะที่ริมฝีปากอบอุ่นละเลียดไล้ ก็คล้ายกับว่าความมึนงง สับสน และอ่อนแรงจะเข้ามาเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยของเธอเสียให้ได้
ร่างอ่อนระทวยของอินถวาทำให้ไรเฟิลยิ้มในสีหน้า เพราะแค่การสำรวจความสมบูรณ์ของริมฝีปากด้านนอกอินถวายังไร้แรงต้านทานขนาดนี้ หากเขาแทรกปลายลิ้นแตะซับที่ความอ่อนนุ่มก่อนจะสอดเข้าไปแซะซับที่ไรฟันทั้งบนและล่างเล่า อินถวาจะสะท้านและอ่อนแรงได้ถึงขนาดไหน และหากปลายลิ้นร้อนเชี่ยวชาญด้านความงามของเขาจะสำรวจไปถึงปลายลิ้นด้านในอย่างที่หมายใจเอาไว้
นั่นล่ะ ความมั่นใจที่ ‘สัญญา’ ใดๆ ของเหมยอิง หรือ ‘ข้อแม้’ ของอินถวาก็ไม่สามารถต้านทานความเก่งกาจของเขาได้หรอก ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเขามาก่อน และอินถวาก็ไม่ได้รับการยกเว้น แม้ว่าเขาจะได้เธอด้วยเล่ห์กลก็ตามที แต่นั่นคือไม่ได้ใช้กำลังสักนิด ใช้แต่สมอง
ไรเฟิลใช้ท่อนแขนแกร่งของเขากระชับรอบร่างแบบบางของเธอให้แนบแน่นขึ้น เพื่อให้ร่างอ่อนแรงนี้มีที่ยึดหลักไม่พังพับไปเสียก่อน ขณะที่ปลายลิ้นค่อยๆ แลบออกมาทำหน้าที่สำรวจเลียไล้กดย้ำลงน้ำหนักเพื่อตรวจดูว่าใต้ความอ่อนนุ่มนี้มีปุ่มปมจากร่องรอยการฉีดการเสริมหรือไม่ แต่ก็ไม่พบ ไรเฟิลเดินหน้าต่ออย่างไว จากปลายลิ้นไต่สัมผัสแต่เพียงด้านนอกริมฝีปาก ก็ค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปตามความล่องลอยที่อินถวาถูกเขาต้อนจนอยู่ลิ้น เพราะเธอกำลังเต็มใจไปกับเขาทุกเส้นทาง
ทว่าเมื่อปลายลิ้นของเขาสอดแทรกเข้าไปดูดซับกับความอ่อนหวานที่เขาควรจะได้ตั้งแต่แรกพบเธอ เธอที่ทำให้เขาทรมานกับการรอคอย แต่ตอนนี้มันช่างเป็นการรอคอยที่สมควรนัก เพราะรสหวานฉ่ำปลายลิ้นที่ได้รับแทบทำให้เขาครางออกมาอย่างลืมตัว ลิ้นร้อนของเขาจึงทำหน้าที่เคล้าคลอ ดูดดื่ม กวาดต้อน และหยอกเย้าลิ้นน้อยๆ ที่หลีกหนีในทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ แต่ก็ต้องหยุดอย่างเสียไม่ได้เมื่อเจ้าของปลายลิ้นหวานๆ นั้นทำท่าจะสำลักลมหายใจตัวเอง
“อื้อ...”
ไรเฟิลถอนจูบแสนหวานออก เพื่อให้อินถวาได้หายใจและให้เขาได้มองสำรวจใบหน้าที่อยู่ในห้วงแห่งความฝันนี้ให้ชัด เขายิ้มเมื่ออินถวาปรือดวงตาสวยขึ้นมองเขาอย่างงุนงง แต่ก่อนที่ริมฝีปากฉ่ำไปด้วยรสจูบจะร้องประท้วง ไรเฟิลก็ขึ้นลำกล้องและยิงเธอด้วยปลายลิ้นในทันที แต่ครานี้ไม่ใช่จูบแรกแสนหวานทว่าเป็นรสจูบสูบกระชากวิญญาณสาวต่างหาก
จูบดูดดื่มเร่าร้อนตามแรงอารมณ์ที่โหมกระหน่ำราวพายุ บดเบียดแนบชิดริมฝีปากอวบอิ่ม ก่อนจะสอดแทรกลิ้นร้อนเข้าไปคลุกเคล้าชอนชินความหวานจากภายใน จนอินถวาที่ตื่นตระหนกแข็งทื่อไปชั่วครูกลับกลายมาเป็นอ่อนระทวยอีกครั้ง และครั้งนี้ไรเฟิลก็แทบจะร้องครางเมื่อความหอมหวานที่เขาละเลียดลิ้นอยู่นี้กำลังสร้างความตื่นตัวให้เขาอย่างสุดกู่ เพราะลิ้นเล็กๆ นั้นไม่ได้หลีกหนีอย่างเคย แต่กลับแตะๆ ไต่ๆ สัมผัสไล้ลิ้นร้อนของเขาตอบ รสจูบไม่ประสาแต่แนบแน่นไปตามสัญชาตญาณกระตุ้นให้มังกรร้ายของเขาตื่นตัวสุดขีด
ปฏิกิริยาจากร่างกายบ่งบอกว่า ‘พี่เบิ้ม’ หรือเจ้ามังกรร้ายของเขา ผงกหัวหงึกหงักว่าพร้อมแล้วสำหรับการออกมาโลดแล่นบนโลกมนุษย์ เขาจึงยิ่งกวาดต้อนลิ้นร้อนกว้านวนพร้อมกับดูดดื่มความหวานให้อินถวาสั่นสะท้านมากขึ้นไปอีก
สาวไทยคนสวยที่ปฏิเสธและพยศไม่ยอมทำตามใจเขา หลับตาพริ้มพร้อมส่งเสียงงึมงำในลำคอคล้ายคนละเมอด้วยความสุขสม และเสียงนั่นก็ทำให้ไรเฟิลบอกตัวเองว่าปืนตั้งลำกล้องแล้ว พร้อมสำหรับการยิงครั้งแรก
“อืม...”
อินถวาพยายามปรือตาขึ้นมองสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอ เพราะเสียงอื้ออึงในลำคอนั้นเธอหยุดไม่ได้ รู้แต่ว่าอยากระบายออก อยากร่ำร้องให้ความอัดอั้นที่เกิดอยู่ในเนื้อตัวนี้คลายลง เธอไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร รู้แต่ว่าสัมผัสแสนหวานที่เคลียคลออยู่ที่ริมฝีปากทำให้เธอหมดเรี่ยวแรง
ความอุ่นวาบที่ตวัดไล้เลียอยู่ในอุ้งปาก ทำให้เธอไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลืมตามองดูสิ่งที่เกิดขึ้น รู้แต่ว่าเธอกำลังล่องลอยอยู่ แต่ก็ไม่รู้เส้นทางนี้จะไปสิ้นสุดลงที่ตรงไหน ในหัวสมองของเธอขาวโพลนไม่เห็นสิ่งใด รู้แต่ว่าเบาบาง สบาย เหมือนเธอกำลังเข้าใกล้ฝั่งฝัน
“อืม... คุณ... อื้อ...”
แต่เมื่อแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงความหนานุ่ม ดวงตาที่หลับพริ้มก็พยายามจะฝืนให้เปิดออก แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนที่เธอจะล่องลอยไปกับความอุ่นวาบซาบซ่านของลิ้นชื้นนั้นอีกครา
อินถวาสั่นแล้วสั่นอีก ไม่ได้สั่นจากหนาวกายแต่มันคือหนาวหัวใจ เพราะเธอรู้ว่าสถานการณ์ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่เธอฝืนร่างกาย ฝืนความคิดของตัวเองไม่ได้เลย แม้ใจจะคิดว่านี่ไม่ใช่ นี่ไม่ถูก แต่ร่างกายล่ะ ไม่ยอมรับฟังเธอเลย
‘ไม่นะ... อย่าทำ... อื้อ... อื้อ... ไม่...’
“ได้สิครับ ผมสัญญาจะทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นจากส่งเมียจ๋าขึ้นสวรรค์ก่อน” “อ่ะ! ว้าย! ไรเฟิล...” อินถวาหมดหนทางจนต้องอุทานเพราะสิ่งที่เธอควรทำก็คือปิดริมฝีปากของตัวเองที่จะกรีดร้องจากความเสียวซ่านนั้นออกมา เพราะไรเฟิลวาดลวดลายผ่านปลายลิ้น ตั้งแต่ทั่วพื้นที่ของอกอวบจนดูดดุนเบาๆ ที่ยอดอก ก่อนจะลากริมฝีปากและปลายลิ้นมาตามร่องอกมาคลอเคลียอยู่ที่หน้าท้องที่ยื่นนูน จนคนที่อยู่ด้านในประท้วงตอดตุบๆ “ลูกจ๋า... พ่อจะเข้าไปเยี่ยม” “ไรเฟิล... บ้าจริง...” “บ้าที่ไหนกันครับ ผมจะไปเยี่ยมลูก ลูกจ๋า... รอพ่อนะครับ” “อื้อ... บ้า...” ไรเฟิลหัวเราะพาริมฝีปากไปสู่จุดหมายที่อินถวารอคอย ก่อนจะชะงักเพราะดอกไม้งามสีชมพูอ่อนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดูอูมใหญ่กว่าเดิม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า เพราะรูปร่างที่เต็มไม้เต็มมือขึ้นกว่าเดิมบวกกับอวัยวะที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับชีวิตน้อยๆ ก็ยิ่งทำให้เรือนร่างของคุณแม่มือใหม่นี้ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ รวมทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เจืออยู่ก็ทำให้ไรเฟิลอดใจไว้ไม่ไหว จมูกโด่งจึงจดลงดอมดมควา
ไรเฟิลประคองร่างอวบอิ่มของอินถวามานั่งที่โต๊ะยาวด้านข้าง เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอรับรู้ เริ่มตั้งแต่ค่ำคืนแห่งการดินเนอร์นั้น นั่นคือแผนการของพ่อแม่ เพื่อให้ท่านยอมรับในตัวของอินถวา และยอมรับว่าความรักของเขาคือความจริง ไม่ใช่เพียงหลงเสน่หาชั่วครั้งชั่วคราว เริ่มจากอินถวารักเงินหรือว่ารักตัวเขากันแน่ ซึ่งเธอก็พิสูจน์แล้วว่าเงินจำนวน 50 ล้านที่พ่อเขาเขียนเช็คให้เธอนั้น อินถวาไม่แม้แต่จะเปิดดู ด่านแรกเธอผ่านไปได้ แต่ด่านที่ 2 ที่ใช้ระยะเวลาเป็นตัวชี้วัด ใน 3 เดือนที่ต้องจากกันอย่างเข้าใจผิด อินถวาจะยังซื่อสัตย์กับเขาหรือไม่ ทั้งๆ ที่เธอก็เห็นว่าเขานั้นทรยศเธอไปแล้ว และอินถวาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย จากข่าวที่ได้รับจากเหมยอิงและมาร์กอส นั่นคืออินถวาไม่มีใครเลย เธอตั้งหน้าตั้งตาสร้างธุรกิจขนมไทยร่วมสมัยและใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับครอบครัว ส่วนตัวเขาเองก็ต้องอดทนกับการไม่ได้เห็นหน้าเธอ เขาต้องไปทำงานทุกวัน ต้องอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงที่สวยงามมากมาย ทั้งซินเทียก็มาคลอเคลียกับเขาไม่ห่าง ใน 3 เดือน หากเขายังยึดมั่นอยู่กับอินถวา พ่อกับแม่ถึงจะ
ทว่าดวงตาสวยหวานของอินถวากลับหลับพริ้มแต่ก็ยังเห็นว่ามีหยาดน้ำเอ่อคลออยู่ ระยะเวลา 3 เดือนที่จากกัน เขารู้ว่าเธอก็ทุกข์ ส่วนเขานั้นก็ทุกข์อย่างแสนสาหัสเพราะนี่คือ บทพิสูจน์ที่จะทำให้พ่อแม่ยอมรับเธอ “พุดซ้อนครับ ได้โปรดลืมตาขึ้นมองผม ผมอยากเห็นดวงตาของคุณ อยากเห็นผมอยู่ในนั้น อยู่ในสายตาของคุณอีก พุดซ้อนครับ ได้โปรดเถอะ” อินถวากลั้นสะอื้น แค่ได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือปนเว้าวอนอย่างนั้น เธอก็แทบจะซุกซบใบหน้าลงกับอกของเขา เพราะเธอเองก็คิดถึงเขาเหลือเกิน เวลา 3 เดือนที่ผ่านไปทำให้เธอมองเห็นโลกในต่างมุมมากขึ้น อารมณ์ชั่ววูบของเธอในวันนั้นทำให้ผลุนผลันจากมา แต่เมื่อคิดคำนวณทุกเหตุการณ์ก็จะพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นช่างประจวบเหมาะ นั่นเพราะพ่อและแม่ของเขาต้องการให้เกิดอยู่แล้ว และเป็นเธอเองที่ติดกับดักที่ท่านสร้างขึ้น เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าไรเฟิลที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงของซินเทียนั้น คนทั้งคู่เมคเลิฟกันจนเหนื่อยอ่อน หรือว่านั่นคือไรเฟิลถูกทำให้หลับ เพราะกับเธอนั้น เขาก็ไม่เคยเหนื่อยจนสลบถ้ายังไม่ถึงเช้า และหากเรื่องราวเป็นไปอย่างที่เธอคาดเดา
“ค่ะแม่ พุดก็ว่าจะรับอีกแค่สองคนเท่านั้นค่ะ ไม่อย่างนั้นพุดจะดูแลไม่ทั่วถึง ถ้าขนมไม่ได้คุณภาพจะกลายเป็นผลเสียแทน แล้วน้าอิฐล่ะคะ เช้านี้พุดยังไม่เห็นเลย ไปธนาคารเหรอคะแม่” เธอถามหาน้าชาย เพราะปกติจะเห็นอยู่ในออฟฟิศฝั่งตรงกันข้าม แต่เช้านี้เธอยังไม่เห็นเลย “ไปสนามบินน่ะ” “ไปทำไมคะ มีอะไรเหรอ” “ก็เรื่องที่น้าอิฐเขาจะนำเข้าอะไหล่รถนั่นแหละ วันนี้ทางนั้นเขาบินมา น้าอิฐก็เลยไปรับ” น้ำเสียงเศร้าๆ ของแม่ทำให้อินถวาโอบกอดรอบเอวเจ้าเนื้อของแม่เอาไว้ เธอรู้ว่าแม่รักธุรกิจเต็นท์รถมือสองนี้มาก เพราะนี่คือสิ่งที่สร้างรายได้จนแม่สามารถส่งเสียเธอเรียนจนจบ และก็เป็นเหตุผลหลักที่เธอไปทำงานที่ฮ่องกง เพราะไม่อยากให้แม่ต้องสูญเสียสิ่งนี้ไป แต่วันเวลาก็ไม่แน่นอน ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ รถยนต์มือสองขายยากและก็ยังหาซื้อมาใส่เต็นท์ได้ยากเช่นกัน น้าอิฐจึงปรึกษากับแม่ว่าควรลดซื้อรถยนต์แต่เปลี่ยนมานำเข้าอะไหล่แทน และหากมีคู่ค้าอยู่ที่จีนหรือที่ญี่ปุ่นก็จะดีมาก เพราะการสั่งนำเข้าหรือการหาอะไหล่ที่ยากๆ ก็จะทำได้อย่างเร่งด่วน และตอนนี้แม่ก็วางมื
“ถ้าถือว่าผมเป็นเพื่อน ให้เพื่อนคนนี้ไปส่งให้ถึงเมืองไทยนะครับ เพื่อนจะได้สบายใจ ว่าได้ส่งเพื่อนถึงสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว ไม่ลำบากหรอกครับ” อินถวาพยักหน้ารับดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำ ก่อนจะขอตัวไปซื้อพลาสเตอร์แปะแก้เมาเครื่องบินก่อน โดยมีมาร์กอสมองตามร่างงามระหงที่เดินตรงไปยังร้านขายยา ดวงตาสีฟ้ามีแววกังวลใจก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงที่สั่นไม่หยุดขึ้นมา ‘ไรเฟิล’ แม้หน้าจอโทรศัพท์จะระบุชื่อคนโทรเข้าแบบนั้น แต่มาร์กอสกลับเลือกที่จะปิดเครื่อง เพราะในเวลานี้ทุกคนควรได้รับโอกาสในการไตร่ตรอง เกือบ 3 ชั่วโมงจากฮ่องกงมาเมืองไทย อินถวาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงน้ำตาของเธอเท่านั้นที่เคลื่อนไหวไม่หยุด ทว่าเพียงถึงจุดหมายรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดก็ฉายชัดขึ้น ดั่งว่าเธอคนนี้ไม่ได้นำความทุกข์ใจกลับมาจากฮ่องกงด้วย “ส่งฉันเพียงเท่านี้ก็พอแล้วค่ะ ฉันถึงบ้านแล้ว ฝากคุณมาร์กอสขอโทษคุณวิคเตอร์กับคุณนายลีแทนฉันด้วยนะคะ สำหรับทุกเรื่องที่ฉันเสียมารยาทไว้ และฝากขอโทษคุณแม่บ้านใหญ่ ลุงฉี อาซู กับอาหนิงที่ฉันจากมาโดยไม่ได้ลา” “แล้วคุณไรเฟิลล่ะครับ คุ
“ถ้าเราท้องขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง ไรเฟิลจะหาว่าเรามีลูกเพื่อไว้จับเขาหรือเปล่า และพ่อแม่เขาอีกล่ะ เขาจะทำยังไงกับเรา”อินถวาพึมพำก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เธอรีบเดินไปที่โทรศัพท์แต่ยังไม่วายจะชำเลืองมองไปที่ตึกใหญ่ เพราะคนที่โทรมาคือคนในตึกนั้น ดวงตาสวยมีแววเศร้ามองโทรศัพท์อย่างชั่งใจเพราะไรเฟิลไปดินเนอร์กับครอบครัวที่ตึกใหญ่และสัญญาว่าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ทั้งที่เธอเองก็เผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าคงไม่เร็วแน่ เธอก็ไม่อยากได้ยินว่าเขาจะขออยู่ต่ออีกกี่ชั่วโมง จะกลับดึกกว่านี้ หรือว่าค่ำคืนนี้จะไม่กลับ “ฮัลโหล...” เสียงหวานเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช้ ‘ไหว’ ที่เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เพราะคิดว่าคนที่โทรมาในยามดึกนี้คงมีแค่ไรเฟิลคนเดียวเท่านั้น ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากลับทำให้อินถวารีบคว้าเสื้อคลุมและเดินออกจากตึกเล็กมุ่งตรงไปสู่ตึกใหญ่ในทันที เพียงไม่นานเธอก็มาถึงจุดหมายที่ใครคนนั้นบอกเอาไว้ ห้องนอนชั้น 2 ของปีกซ้าย ประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ทำให้อินถวาถือวิสาสะเดินเข้าไปทันที ในนาทีที่หัวใจเธอใกล้จะระเบิดก็ขอให้เธอได้เห็นกับตาตัวเอง และสิ่งที่มองเ