'เมื่อเขาใช้เล่ห์กลให้ได้ครอบครองร่างกายของเธอ เธอก็จะทำให้เขารักด้วยมารยาร้อยเล่ห์ของเธอบ้าง' ‘เสน่หาเมียเก็บ’ เป็นนิยายโรมานซ์ หวานๆ ซาบซ่าน สะท้านหัวใจ ‘ไรเฟิล ลี’ ทายาทโรงพยาบาลศัลยกรรมใหญ่ที่สุดในฮ่องกง เขาได้รับฉายา ‘เทพบุตรผีทะเล’ เพราะรูปหล่อและชีกอเป็นที่สุด ไรเฟิลติดใจความสวยของ ‘อินถวา-พุดซ้อน’ แม่บ้านคนใหม่ของคฤหาสน์ลี เพราะเธอสวยงามแบบไม่พึ่งมีดหมอ เขาจึงสั่งให้เธอมาเป็นแม่บ้านส่วนตัว ปัญหาคืออินถวาไม่ยอมน่ะสิ แต่อะไรที่ไรเฟิลอยากได้ก็ต้องได้ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ เขาก็ต้องได้ด้วยกล อินถวาตกกระไดพลอยโจนเพราะเล่ห์เหลี่ยมของไรเฟิล แต่เธอจะไม่ยอมเสียเวอร์จิ้นให้เขาฟรีแน่ มาร่วมลุ้นกันค่ะว่าไรเฟิลจะตกบ่วงเสน่ห์ของอินถวาหรือเปล่า หรือจะเป็นอินถวาเองที่ตกลงไปในหลุมพิศวาสของไรเฟิลจนปีนขึ้นมาไม่ได้
Lihat lebih banyakสัมผัสบางอย่างที่เคลียคลออยู่รอบตัวทำให้อินถวาพยายามจะเปิดเปลือกตาที่ง่วงงุนขึ้นมองดู เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งปกติที่จะเกิดขึ้น เมื่อฝ่ามืออุ่นจัดของใครบางคนกำลังลูบไล้เนื้อตัวของเธออยู่ทั้งๆ ที่เธอ ‘นอนคนเดียว’
แค่คิดถึงสิ่งนั้น ความง่วงงุนก็หายวับพร้อมดวงตาที่หนักอึ่งก็บางเบาราวติดปีกและดีดผึงขึ้นทันที ทว่าสิ่งที่เห็นนั้นมีเพียงความมืดมิด มืดจนไม่มองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง แต่สัมผัสนั้นยังคงอยู่
อินถวาสั่นไปทั้งร่าง ขนกายลุกตั้งไปทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้า ไม่มีจุดใดเลยที่ขนจะไม่ลุก เพราะสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังลูบไล้ไปทั่วทั้งเนื้อตัวเธอ ‘มัน’ หรือ ‘ใคร’ หรือ ‘อะไร’ บางอย่าง ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่น่าจะรู้ว่าเธอตื่นแล้ว
‘กรี๊ดดดดด... ปล่อยฉันนะ! กรี๊ดดดดด...’
เสียงร้องที่ดังอยู่เพียงในลำคอ ยิ่งทำให้อินถวาสะท้านและสั่นจนหยุดไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนหรือจะกรีดร้องดังเพียงใดแต่เสียงนั้นก็เพียงได้ยินอยู่ในลำคอของเธอเท่านั้น
เธอพยายามแล้วที่จะดิ้นรน พยายามที่จะกรีดร้องให้ดังที่สุด แต่เจ้าของฝ่ามือที่แตะต้องเธอนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย มันยังคงแตะ ไต่และลูบไล้ไปทั่ว โดยไม่เว้นสักจุด
เริ่มตั้งแต่ทรวงอกอวบอิ่มเปล่าเปลือยของเธอที่ถูกมันดันจนชิดก่อนที่มันจะซุกไซ้ใบหน้าลงมาโดยไม่สนใจแรงดิ้นรนของเธอ และยิ่งดิ้นก็ยิ่งเสียดสีจนรู้สึกแปลก
‘อื้อ... ปล่อยฉันนะ อื้อ... ไอ้ผีบ้า! ปล่อยฉัน กรี๊ดดดดด... ไอ้ผีชีกอ ปล่อย! อื้อ... ปล่อย...’
ความซาบซ่านจากเคราสากลากไปตามทรวงอกก่อเกิดความรู้สึกใหม่ที่อินถวาไม่เคยได้เรียนรู้ และทันทีที่ยอดอกถูกครอบครอง อินถวาก็ต้องแอ่นอกดันจนชิดติดปากติดลิ้นของมันอย่างไม่รู้ตัว จนหลงลืมว่าต้องกรีดร้องและดิ้นรนให้หลุดพ้น เพราะสิ่งที่ทำกลับเป็นตรงกันข้าม
‘อา... แกทำอะไรฉัน อื้อ... อย่า... ไอ้ผีบ้า อย่านะ... อย่า...’
คราใดที่มีสติอินถวาจะร่ำร้องห้ามเพราะเธอไม่อยากมีประสบการณ์ถูกผีลักหลับ เหมือนเรื่องเล่าที่เคยอ่านมาจากอินเตอร์เน็ต แต่คราใดที่สติพร่าเลือนไปกับสัมผัสปรารถนา เธอก็เพลิดเพลินกับความร้อนฉ่าจนทำได้แต่เปล่งเสียงครวญคราง เพราะร่างกายที่ไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนกำลังถูกปลุกเร้าทุกช่องทาง
เมื่อริมฝีปากนั้นดูดดื่มความหวานจากยอดอกของเธอจนพอใจ สัมผัสอุ่นซ่านนั้นก็ลากไล้ลงต่ำ ต่ำลงๆ จนอินถวาสะท้านเฮือก เพราะเธอกำลังทนไม่ไหว
‘อา... พอแล้ว อย่า... อย่าทำฉัน อย่า... อื้อ... พอแล้ว’
ใบหน้างามส่ายไปมา ร่างกายที่ยังเหลือเรี่ยวแรงเพียงนิดพยายามบิดกายต่อต้าน เพราะเธอจะไม่ยอมให้ริมฝีปากของไอ้ผีร้ายเคลื่อนเข้าไปใกล้สิ่งนั้น เพราะอย่างนี้ใช่ไหม ผู้หญิงที่ถูกเจ้าผีชีกอนี่กระทำถึงได้อ่อนระทวยหมดเรี่ยวแรง แต่เจ้าผีที่ประทับรอยจูบร้อนๆ ไปตามเนื้อกายของเธอนั้นกลับไม่ยอมฟังคำเธอเลย
ริมฝีปากเร่าร้อนของผีชีกอยังคงเคลื่อนลงไปตามสีข้าง ก่อนจะวกเข้าไปหาสะดือวงสวย และสัมผัสจากปลายลิ้นที่ชอนลึกเข้าไปในร่องสะดือ ก็ยิ่งทำให้อินถวาสะท้านจนต้องกรีดร้องออกมาอีกครั้ง เพราะความเสียวที่จู่โจมตามจังหวะปลายลิ้นจ้วงแทงมันเร่าร้อนจนเธออยากจะเป็นฝ่ายร่อนความซาบซ่านกระแทกหาริมฝีปากนั้นซะเอง
แต่สำนึกว่า ‘ไม่’ กับความต้องการที่ตอบว่า ‘ใช่’ ตีรวนกันจนบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าเมื่อรอยจูบประทับไปถึงตรงส่วนนั้น เธอก็กรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง
‘กรี๊ดดดดด... ไม่นะ! ไม่! โอว... อย่าทำอย่างนั้น โอว... ไม่นะ! อื้อ...’
อินถวากรีดร้องส่ายร่อนสะโพกโยกหนีริมฝีปากอุ่นจัด ทว่ายิ่งส่ายร่อนก็ยิ่งกระตุ้นให้ริมฝีปากของผีร้ายทาบทับลงมาอย่างถูกจุด ทั้งฝ่ามือเร่าร้อนของผีร้ายยังช้อนเข้ามาใต้สะโพกผายพร้อมกับยกให้ความอูมเด่นลอยขึ้นสูง จนเธอไม่กล้าให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น
แต่คำห้ามไม่เป็นผลเมื่อริมฝีปากอุ่นจัดประทับจุมพิตลงไปอย่างตรงจุด และความทรมานก็จู่โจมอินถวาจนสั่นไปทั้งกาย เพราะไม่อาจดิ้นหนีไปทางไหนได้เลย
‘โอว... อย่า... อื้อ... อย่า... โอว... อื้อ...’
นั่นคือเสียงที่ส่งผ่านอยู่ในใจ เพราะไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถส่งผ่านน้ำเสียงให้เล็ดลอดออกไปได้ ทั้งจะผลักดันริมฝีปากนั้นให้หนีห่าง ฝ่ามือของเธอก็ถูกตรึงไว้กับหัวเตียงจนดิ้นหนีไปไหนก็ไม่ได้เช่นกัน ต้องยอมให้ลิ้นร้อนที่ค่อยๆ แตะไต่สัมผัสอยู่นี้ เริ่มต้นบรรเลงความอ่อนชื้นเข้าไปชอนชิมความหวานหยาดเยิ้มด้านใน ที่ทำให้เธอสุดแสนจะทรมานต่อไป
‘อา... อื้อ... อื้อ... อา... โอว...’
เสียงร้องฟังไม่ได้ศัพท์ดังอยู่เพียงในใจกับเนื้อกายที่บิดเร้าดิ้นรนไม่หยุดเพราะไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าความทรมานอันหอมหวานที่เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่นี้จะไปสิ้นสุดลงที่ใด ทว่าเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นเหนือใบหน้ากับสัมผัสร้อนผ่าวที่ยุติลง ก็ทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่าสิ่งนั้นสิ้นสุดลงแล้ว และเป็นการหยุดที่ทำให้เธอต้องกรีดร้องสุดเสียง เมื่อความมืดมิดนั้นมีภาพหนึ่งเด่นชัด
‘หึ! ร้องมันส์อย่างนี้ ฉันชอบ’
“กรี๊ดดดดด...”
อินถวากรีดร้องสุดเสียงพร้อมกับทะลึ่งตัวลุกขึ้นพรวด และสิ่งที่มองเห็นอยู่รอบตัวก็ทำให้เธอรู้ว่า ‘ฝัน’ ไป เพราะห้องนอนของเธอยังคงมีไฟสีนวลสว่างพอให้มองเห็นทุกสิ่งอย่างภายใน และเสื้อผ้าของเธอก็ยังอยู่ครบ ไม่ได้เปลือยไปทั้งร่างอย่างเมื่อครู่ ทว่าความฝันเสมือนจริงจนร่างกายเธอยังสั่นและหัวใจก็เต้นระรัวเร็วไม่ถูกจังหวะ อีกทั้งความร้อนวูบวาบที่ยังกรุ่นอยู่ตามเนื้อตัวนี่มันคืออะไรกัน
“ตาสีเขียว... ตัวอะไร”
อินถวาพึมพำกับตัวเอง เพราะภาพเดียวและเป็นภาพสุดท้ายที่เธอมองเห็นเด่นชัดในความมืดนั่นคือ ดวงตาสีเขียวมรกตของ... เธอแน่ใจว่านั่นไม่ใช่ ‘ผี’ ที่เธอกลัวจนขึ้นสมอง แต่นั่นเป็นดวงตาของสัตว์ที่จ้องมองเธอ สัตว์บางอย่างที่คุ้นเคย แต่เธอกลับจำไม่ได้ว่าคืออะไร ทว่าสัมผัสรัดรึงรอบกายกลับทำให้ชื่อของสัตว์นั้นลอยวนเข้ามาในสมอง
“มังกร... ตาสีเขียว...”
“ได้สิครับ ผมสัญญาจะทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นจากส่งเมียจ๋าขึ้นสวรรค์ก่อน” “อ่ะ! ว้าย! ไรเฟิล...” อินถวาหมดหนทางจนต้องอุทานเพราะสิ่งที่เธอควรทำก็คือปิดริมฝีปากของตัวเองที่จะกรีดร้องจากความเสียวซ่านนั้นออกมา เพราะไรเฟิลวาดลวดลายผ่านปลายลิ้น ตั้งแต่ทั่วพื้นที่ของอกอวบจนดูดดุนเบาๆ ที่ยอดอก ก่อนจะลากริมฝีปากและปลายลิ้นมาตามร่องอกมาคลอเคลียอยู่ที่หน้าท้องที่ยื่นนูน จนคนที่อยู่ด้านในประท้วงตอดตุบๆ “ลูกจ๋า... พ่อจะเข้าไปเยี่ยม” “ไรเฟิล... บ้าจริง...” “บ้าที่ไหนกันครับ ผมจะไปเยี่ยมลูก ลูกจ๋า... รอพ่อนะครับ” “อื้อ... บ้า...” ไรเฟิลหัวเราะพาริมฝีปากไปสู่จุดหมายที่อินถวารอคอย ก่อนจะชะงักเพราะดอกไม้งามสีชมพูอ่อนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดูอูมใหญ่กว่าเดิม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า เพราะรูปร่างที่เต็มไม้เต็มมือขึ้นกว่าเดิมบวกกับอวัยวะที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับชีวิตน้อยๆ ก็ยิ่งทำให้เรือนร่างของคุณแม่มือใหม่นี้ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ รวมทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เจืออยู่ก็ทำให้ไรเฟิลอดใจไว้ไม่ไหว จมูกโด่งจึงจดลงดอมดมควา
ไรเฟิลประคองร่างอวบอิ่มของอินถวามานั่งที่โต๊ะยาวด้านข้าง เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอรับรู้ เริ่มตั้งแต่ค่ำคืนแห่งการดินเนอร์นั้น นั่นคือแผนการของพ่อแม่ เพื่อให้ท่านยอมรับในตัวของอินถวา และยอมรับว่าความรักของเขาคือความจริง ไม่ใช่เพียงหลงเสน่หาชั่วครั้งชั่วคราว เริ่มจากอินถวารักเงินหรือว่ารักตัวเขากันแน่ ซึ่งเธอก็พิสูจน์แล้วว่าเงินจำนวน 50 ล้านที่พ่อเขาเขียนเช็คให้เธอนั้น อินถวาไม่แม้แต่จะเปิดดู ด่านแรกเธอผ่านไปได้ แต่ด่านที่ 2 ที่ใช้ระยะเวลาเป็นตัวชี้วัด ใน 3 เดือนที่ต้องจากกันอย่างเข้าใจผิด อินถวาจะยังซื่อสัตย์กับเขาหรือไม่ ทั้งๆ ที่เธอก็เห็นว่าเขานั้นทรยศเธอไปแล้ว และอินถวาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย จากข่าวที่ได้รับจากเหมยอิงและมาร์กอส นั่นคืออินถวาไม่มีใครเลย เธอตั้งหน้าตั้งตาสร้างธุรกิจขนมไทยร่วมสมัยและใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับครอบครัว ส่วนตัวเขาเองก็ต้องอดทนกับการไม่ได้เห็นหน้าเธอ เขาต้องไปทำงานทุกวัน ต้องอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงที่สวยงามมากมาย ทั้งซินเทียก็มาคลอเคลียกับเขาไม่ห่าง ใน 3 เดือน หากเขายังยึดมั่นอยู่กับอินถวา พ่อกับแม่ถึงจะ
ทว่าดวงตาสวยหวานของอินถวากลับหลับพริ้มแต่ก็ยังเห็นว่ามีหยาดน้ำเอ่อคลออยู่ ระยะเวลา 3 เดือนที่จากกัน เขารู้ว่าเธอก็ทุกข์ ส่วนเขานั้นก็ทุกข์อย่างแสนสาหัสเพราะนี่คือ บทพิสูจน์ที่จะทำให้พ่อแม่ยอมรับเธอ “พุดซ้อนครับ ได้โปรดลืมตาขึ้นมองผม ผมอยากเห็นดวงตาของคุณ อยากเห็นผมอยู่ในนั้น อยู่ในสายตาของคุณอีก พุดซ้อนครับ ได้โปรดเถอะ” อินถวากลั้นสะอื้น แค่ได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือปนเว้าวอนอย่างนั้น เธอก็แทบจะซุกซบใบหน้าลงกับอกของเขา เพราะเธอเองก็คิดถึงเขาเหลือเกิน เวลา 3 เดือนที่ผ่านไปทำให้เธอมองเห็นโลกในต่างมุมมากขึ้น อารมณ์ชั่ววูบของเธอในวันนั้นทำให้ผลุนผลันจากมา แต่เมื่อคิดคำนวณทุกเหตุการณ์ก็จะพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นช่างประจวบเหมาะ นั่นเพราะพ่อและแม่ของเขาต้องการให้เกิดอยู่แล้ว และเป็นเธอเองที่ติดกับดักที่ท่านสร้างขึ้น เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าไรเฟิลที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงของซินเทียนั้น คนทั้งคู่เมคเลิฟกันจนเหนื่อยอ่อน หรือว่านั่นคือไรเฟิลถูกทำให้หลับ เพราะกับเธอนั้น เขาก็ไม่เคยเหนื่อยจนสลบถ้ายังไม่ถึงเช้า และหากเรื่องราวเป็นไปอย่างที่เธอคาดเดา
“ค่ะแม่ พุดก็ว่าจะรับอีกแค่สองคนเท่านั้นค่ะ ไม่อย่างนั้นพุดจะดูแลไม่ทั่วถึง ถ้าขนมไม่ได้คุณภาพจะกลายเป็นผลเสียแทน แล้วน้าอิฐล่ะคะ เช้านี้พุดยังไม่เห็นเลย ไปธนาคารเหรอคะแม่” เธอถามหาน้าชาย เพราะปกติจะเห็นอยู่ในออฟฟิศฝั่งตรงกันข้าม แต่เช้านี้เธอยังไม่เห็นเลย “ไปสนามบินน่ะ” “ไปทำไมคะ มีอะไรเหรอ” “ก็เรื่องที่น้าอิฐเขาจะนำเข้าอะไหล่รถนั่นแหละ วันนี้ทางนั้นเขาบินมา น้าอิฐก็เลยไปรับ” น้ำเสียงเศร้าๆ ของแม่ทำให้อินถวาโอบกอดรอบเอวเจ้าเนื้อของแม่เอาไว้ เธอรู้ว่าแม่รักธุรกิจเต็นท์รถมือสองนี้มาก เพราะนี่คือสิ่งที่สร้างรายได้จนแม่สามารถส่งเสียเธอเรียนจนจบ และก็เป็นเหตุผลหลักที่เธอไปทำงานที่ฮ่องกง เพราะไม่อยากให้แม่ต้องสูญเสียสิ่งนี้ไป แต่วันเวลาก็ไม่แน่นอน ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ รถยนต์มือสองขายยากและก็ยังหาซื้อมาใส่เต็นท์ได้ยากเช่นกัน น้าอิฐจึงปรึกษากับแม่ว่าควรลดซื้อรถยนต์แต่เปลี่ยนมานำเข้าอะไหล่แทน และหากมีคู่ค้าอยู่ที่จีนหรือที่ญี่ปุ่นก็จะดีมาก เพราะการสั่งนำเข้าหรือการหาอะไหล่ที่ยากๆ ก็จะทำได้อย่างเร่งด่วน และตอนนี้แม่ก็วางมื
“ถ้าถือว่าผมเป็นเพื่อน ให้เพื่อนคนนี้ไปส่งให้ถึงเมืองไทยนะครับ เพื่อนจะได้สบายใจ ว่าได้ส่งเพื่อนถึงสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว ไม่ลำบากหรอกครับ” อินถวาพยักหน้ารับดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำ ก่อนจะขอตัวไปซื้อพลาสเตอร์แปะแก้เมาเครื่องบินก่อน โดยมีมาร์กอสมองตามร่างงามระหงที่เดินตรงไปยังร้านขายยา ดวงตาสีฟ้ามีแววกังวลใจก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงที่สั่นไม่หยุดขึ้นมา ‘ไรเฟิล’ แม้หน้าจอโทรศัพท์จะระบุชื่อคนโทรเข้าแบบนั้น แต่มาร์กอสกลับเลือกที่จะปิดเครื่อง เพราะในเวลานี้ทุกคนควรได้รับโอกาสในการไตร่ตรอง เกือบ 3 ชั่วโมงจากฮ่องกงมาเมืองไทย อินถวาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงน้ำตาของเธอเท่านั้นที่เคลื่อนไหวไม่หยุด ทว่าเพียงถึงจุดหมายรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดก็ฉายชัดขึ้น ดั่งว่าเธอคนนี้ไม่ได้นำความทุกข์ใจกลับมาจากฮ่องกงด้วย “ส่งฉันเพียงเท่านี้ก็พอแล้วค่ะ ฉันถึงบ้านแล้ว ฝากคุณมาร์กอสขอโทษคุณวิคเตอร์กับคุณนายลีแทนฉันด้วยนะคะ สำหรับทุกเรื่องที่ฉันเสียมารยาทไว้ และฝากขอโทษคุณแม่บ้านใหญ่ ลุงฉี อาซู กับอาหนิงที่ฉันจากมาโดยไม่ได้ลา” “แล้วคุณไรเฟิลล่ะครับ คุ
“ถ้าเราท้องขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง ไรเฟิลจะหาว่าเรามีลูกเพื่อไว้จับเขาหรือเปล่า และพ่อแม่เขาอีกล่ะ เขาจะทำยังไงกับเรา”อินถวาพึมพำก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เธอรีบเดินไปที่โทรศัพท์แต่ยังไม่วายจะชำเลืองมองไปที่ตึกใหญ่ เพราะคนที่โทรมาคือคนในตึกนั้น ดวงตาสวยมีแววเศร้ามองโทรศัพท์อย่างชั่งใจเพราะไรเฟิลไปดินเนอร์กับครอบครัวที่ตึกใหญ่และสัญญาว่าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ทั้งที่เธอเองก็เผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าคงไม่เร็วแน่ เธอก็ไม่อยากได้ยินว่าเขาจะขออยู่ต่ออีกกี่ชั่วโมง จะกลับดึกกว่านี้ หรือว่าค่ำคืนนี้จะไม่กลับ “ฮัลโหล...” เสียงหวานเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช้ ‘ไหว’ ที่เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เพราะคิดว่าคนที่โทรมาในยามดึกนี้คงมีแค่ไรเฟิลคนเดียวเท่านั้น ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากลับทำให้อินถวารีบคว้าเสื้อคลุมและเดินออกจากตึกเล็กมุ่งตรงไปสู่ตึกใหญ่ในทันที เพียงไม่นานเธอก็มาถึงจุดหมายที่ใครคนนั้นบอกเอาไว้ ห้องนอนชั้น 2 ของปีกซ้าย ประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ทำให้อินถวาถือวิสาสะเดินเข้าไปทันที ในนาทีที่หัวใจเธอใกล้จะระเบิดก็ขอให้เธอได้เห็นกับตาตัวเอง และสิ่งที่มองเ
Komen