로그인แกร๊ก
เธอเปิดประตูบ้านเข้ามาในช่วงหกทุ่มท่ามกลางความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานและความเงียบเหงาภายในบ้าน หากเป็นบ้านหลังอื่น ทุกคนคงเข้านอนกันหมดแล้ว หากแต่บ้านเธอไม่ใช่ แม่ของเธอไม่ได้นอนที่นี่มาเกือบเดือนหนึ่งแล้วแต่กลับไปนอนที่บ้านของตาและยายเธอ เพราะไม่อยากเห็นหน้าพ่อ แต่ใช่ว่าจะไม่กลับมา พอพระอาทิตย์ของวันใหม่ขึ้น แม่เธอก็กลับมาที่นี่ ส่วนพ่อเธอก็กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้างเพราะติดการพนันและเหล้าหนัก พ่อเธออยู่บ่อนคาสิโนบ่อยกว่าอยู่บ้านเสียอีก เท่ากับว่่าในแต่ละวัน บ้านหลังนี้มีเพียงเธอและน้องชายสองคนเท่านั้น “กลับมาแล้วเหรอพี่เบย์” ไบร์ท น้องชายของเบลินดาเอ่ยถาม “อืม แล้วทำไมยังไม่นอน” “หิวน้ำ” “พรุ่งนี้สอบเหรอ?” “ใช่ เพิ่งอ่านหนังสือเสร็จ” “ตั้งใจสอบนะ” เธอพูดพลางเดินไปยังตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำออกมาดื่ม บ้านหลังนี้มีเพียงเธอและน้องชายอยู่ด้วยสองคน “พี่รู้เรื่องรึยัง” “อะไรเหรอ?” “ตอนหนึ่งทุ่มแม่เอาข้าวมาให้ แล้วเห็นพ่อกำลังออกไปข้างนอกพอดี พ่อแม่ทะเลาะกัน แล้วแม่ก็ขอหย่ากับพ่อ” “….” เธอชะงักแก้วน้ำในมือที่กำลังถูกกระดกดื่ม สายตาพลันไปมองไบร์ทที่พูดเรื่องนี้ขึ้น หัวใจพลอยกระตุกตาม “ผมเห็นแม่ร้องไห้ด้วย” เธอควรชินกับเรื่องราวแบบนี้ แต่ยิ่งเกิดขึ้นบ่อย เธอยิ่งรู้สึกไม่คุ้นชิน “แล้วแม่พูดอะไรไหม?” “ไม่ หลังจากนั้นแม่ก็กลับไป ผมไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ตื่นเช้า” “อืม” เธอตอบสั้นๆ ก่อนจะพาตัวเองมานั่งลงเก้าอี้พร้อมความคิดหลายอย่างที่เริ่มตีตื้นขึ้นจนแทบอยากปลดปล่อยน้ำตาออกมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่ของเธอขอหย่ากับพ่อ แต่ทุกครั้งที่รับรู้อะไรแบบนี้ เธอก็อดคิดไม่ตกไม่ได้ว่าสักวันมันจะต้องเกิดขึ้น หากเป็นไปได้…ก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น หลายวันต่อมา “มึงพนันคันไหนไว้อลัน” มาร์คิน หันไปถามอลันที่นั่งอยู่ข้างกาย เบื้องหน้าคือกระจกใสที่สามารถมองเห็นสนามแข่งรถได้อย่างกว้างขวาง “ไม่ชอบพนัน” เขาตอบกลับมาร์คินเสียงเรียบ ก่อนจะยกน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นมาดื่ม สายตาจ้องมองสนามแข่งรถที่ตัวเองเป็นเจ้าของ ซึ่งตอนนี้มีรถที่เข้าการแข่งขันกำลังประจำที่ “ไม่มีรถคันไหนเข้าตาเจ้าของแชมป์ที่ไม่มีใครโค่นลงได้อย่างอลันหน่อยเหรอ?” ลีคัส หันไปถาม พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าการที่อลันไม่อยากพนัน เป็นเพราะเวลาที่พนันเรื่องรถ อลันมักแพ้ทุกครั้ง เก่งเรื่องแข่ง แต่ไม่เคยชนะเรื่องพนัน “กลัวแพ้เหมือนคราวก่อนอีกเหรอ?“ มาร์ลิกซ์ เอ่ยขึ้นหลังจากกระดกน้ำสีเหลืองอำพันเสร็จ ไม่วายจะเบือนใบหน้ามามองอลัน “ไม่ได้กลัวแพ้ แค่ไม่อยากพนัน” “เขาก็เรียกว่ากลัวแพ้นั่นแหละ” “พนันหน่อยเถอะ พวกกูทุกคนพนันกันหมด ถ้าจะแพ้ อย่างน้อยก็ไม่ได้แพ้คนเดียว” ลีคัสพูด “แล้วคราวนี้คนแพ้ต้องทำอะไร” เขาเอ่ยถาม ถ้ารถที่พนันไว้แพ้ มีเพียงคนชนะเท่านั้นที่จะได้เป็นฝ่ายคิดว่า จะให้คนแพ้ทำอะไร “ง่ายๆ ถ้าใครแพ้ ก็ต้องหาคู่นอนในons.” ons.หรือone night stand เป็นเว็บไซต์สำหรับคนรวยที่เอาไว้ใช้หาคู่นอน ซึ่งเว็บไซต์นี้คนทั่วไปจะเข้าไปใช้บริการไม่ได้ ต้องโพรไฟล์ดี และระดับวีไอพีเท่านั้น เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากในการเข้าไปเป็นแขกวีไอพี “สรุปมึงจะพนันคันไหน” มาร์ลิกถามอลันอีกรอบ “รถคันสีดำ” เขาตัดสินใจพนันไปกับสมาชิกในแก๊ง หากไม่ยอมพนันด้วย ก็คงคะยั้นคะยอให้เขายอมพนันด้วยอยู่ดี เวลาเริ่มนับถอยหลังให้รถในสนามออกตัว พอถึงเวลา รถก็ถูกปล่อยตัวออกจากจุดสตาร์ทไปด้วยความเร็ว ต่างคนต่างไม่มีใครยอมใคร สี่หนุ่มนั่งมองรถในสนามนิ่งๆ ไม่ได้มีความตื่นเต้นหรือลุ้นตามแต่อย่างใด อลันนั่งมองรถคันที่ตัวเองพนันเอาไว้ด้วยความระอา เพราะไม่มีวี่แววว่าจะแซงขึ้นมาในอันดับแรก เขายกเครื่องดื่มน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นมากระดกดื่ม “มึงแพ้อีกแล้วว่ะอลัน” มาร์คินพูด “มึงนี่ไม่มีดวงเรื่องการพนันจริงๆ” “แต่ว่าเรื่องการแข่งขันต้องยกให้มันนะ” มาร์คินพูด พลางหยิบบุหรี่มาคาบไว้ในปากแล้วใช้ไฟแช็คลนปลายกระบอกจนควันสีเทาลอยคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ “คนแพ้อย่าลืมล่ะ รับผิดชอบกติกาที่ตกลงกันไว้ด้วย” มาร์คินพูดแล้วยิ้มมุมปาก อีกอย่างงานนี้มาร์คินเป็นฝ่ายชนะ “รอบหน้ากูไม่พนันอะไรอีกแล้วนะ” เขาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อสมัครเว็บไซต์สำหรับหาคู่นอน ถึงแม้เขาจะเย็นชาและไม่เคยมีความรักมาก่อน แต่ใช่ว่าเรื่องบนเตียงจะไม่เคยมีประสบการณ์ เขาเป็นผู้ชาย ก็ต้องมีความรู้สึกต้องการเหมือนคนทั่วไป เพียงแต่ไม่ผูกมัดใครไว้ด้วยคำว่า ‘รัก’ หรือให้ความหวังกับใคร @ไนต์คลับ “ที่มานั่งรอพี่สามชั่วโมง เพราะเบย์ต้องการคุยเรื่องนี้เหรอ?” มิลเอ่ยถามเบลินดาที่นั่งอยู่ตรงหน้า สิ่งที่ถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจากปากเบลินดา แอบทำให้เธอตกใจไม่น้อย “ค่ะ เบย์ต้องการใช้เงินด่วน” “เท่าไร ยืมพี่ก่อนแล้วค่อยทยอยจ่าย พี่ไม่อยากให้เบย์ทำอะไรแบบนั้น” “ขอบคุณนะคะพี่มิล แต่เบย์ไม่อยากรบกวน เบย์อยากหาด้วยตัวเองมากกว่า” “พี่รู้ว่าเบย์ต้องพูดคำนี้ออกมา แต่งานที่เบย์ขอ มันไม่ได้ทำกันง่ายๆ อีกอย่าง เบย์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านิสัยใจคอลูกค้าเป็นแบบไหน” “….” “ถ้าเกิดพวกเขารุนแรงด้วยแล้วเบย์ทนไม่ได้ เบย์จะไม่มีทางหยุดพวกเขาได้เลยนะรู้ใช่ไหม” “รู้ค่ะ…” “พี่เห็นเบย์เป็นเหมือนน้องสาวคนนึง พี่ไม่แนะนำให้เบย์หาเงินด้วยวิธีนี้” “ช่วยเบย์เถอะนะคะพี่มิล เบย์ต้องการใช้เงินด่วนจริงๆ” “ทำไม?” “อีกสามวันถ้าเบย์หาเงินไปจ่ายเจ้าหนี้ของพ่อไม่ได้ พวกเขาจะมายึดบ้านไป ตอนนี้พ่อของเบย์ถูกคนพวกนั้นจับกุมเอาไว้ ถ้าเบย์หาเงินไปจ่ายไม่ได้ พวกเขาจะไม่ใช่แค่ยึดบ้านอย่างเดียว…” “เป็นพ่อประสาอะไร หาแต่เรื่องแต่ราวมาให้ลูกตัวเอง” มิลออกมาด้วยความเหลืออด “ช่วยเบย์เถอะนะคะพี่มิล” มิลมองเบลินดาแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความเห็นใจปนสงสาร ครั้นจะยื่นเงินให้อีกฝ่ายก็ไม่รับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสนอตัวเข้าไปช่วย แต่ทุกครั้งที่เสนอ เบลินดาก็มักปฏิเสธอยู่เสมอ “ถ้าเบย์ต้องการ พี่ก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่พี่ไม่แนะนำแขกที่นี่หรอกนะ เพราะถ้าเบย์ต้องการใช้เงินจำนวนมาก พี่แนะนำเว็บไซต์นี้” มิลหยิบโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะตรงหน้ามา ก่อนจะยื่นให้เบลินดาดู “เว็บไซต์อะไรเหรอคะ?” “มันชื่อons ซึ่งเบย์สามารถเรียกจำนวนเงินกับแขกได้ตามที่ต้องการ” “….” เธอเลื่อนดูรายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์นี้แล้วอ่านเงียบๆ แอบทึ้งกับเว็บไซต์นี้อยู่ไม่น้อย เพราะการที่จะเข้ามาเป็นแขกวีไอพีของที่นี่ได้ จะต้องจ่ายเงินจำนวนมากเลยทีเดียว “เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ” “เบย์ไม่เปลี่ยนใจค่ะ เบย์เลือกแล้ว” เธอยังคงยืนยันคำเดิมไม่เปลี่ยนแปลงหลายวันต่อมา“อ้วก~” เบลินดายืนลูบแผ่นหลังของคนรักหนุ่มที่กำลังนั่งเกาะขอบชักโครกโก่งคออาเจียนอย่างหนักในห้องน้ำด้วยความเป็นห่วงหลายวันก่อนไปฝากครรภ์มา หมอบอกว่าอลันแพ้ท้องแทนเธอ ใจหนึ่งก็แอบดีใจที่ตัวเองไม่ได้แพ้ท้อง แต่อีกใจก็อดสงสารอลันไม่ได้ที่ต้องแพ้ท้องแทนเธอแบบนี้ เธอรู้ว่าการแพ้ท้องมันทรมานมาก เท่าที่สังเกตอลันมา อาการเขาหนักเอาเรื่องอยู่ระดับหนึ่งงานการแทบไม่ได้ทำเพราะหมดแรงจากการแพ้ท้องแทนเธออย่างหนัก วันหนึ่งนับจำนวนครั้งเขาวิ่งไปอาเจียนแทบไม่ได้ เวลาทานอะไรแต่ละวันก็ยากพอสมควร เพราะบางอย่างที่เคยทานได้ปกติกลับต้องเอาออกห่าง เพราะช่วงนี้จมูกอลันไวต่อกลิ่นมาก จากคนไม่เคยชอบทานผลไม้เปรี้ยว ก็หันมาทานอย่างหนักหน่วงตอนเล่าให้แม่ฟังว่าอลันแพ้ท้องแทน แม่เธอบอกว่า การที่ผู้ชายยอมเสียสละแพ้ท้องแทนผู้หญิง นั่นหมายความว่าผู้ชายรักผู้หญิงมาก“นอนพักสักหน่อยไหมคะ เผื่อมันจะดีขึ้น” เธอพูดระหว่างประคองอลันออกมาจากห้องน้ำตรงไปยังเตียงนอน“พี่ยังมีงานต้องเคลียร์” อลันตอบกลับคนรักสาวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งไร้เรี่ยวแรงแรงจะพูดยังไม่มี ยังอวดเก่งไปทำงานอีก เธออดบ่นให้อลันในใจไม่ได้“เอาร่างกา
เบลินดายืนลุ้นผลตรวจในอ้อมกอดอลัน หญิงสาวซุกใบหน้าลงอกอุ่นแล้วให้คนรักหนุ่มมองผลตรวจ หัวใจทั้งคู่เต้นแรงอย่างบ้าคลั่งตนแทบหลุดออกมาจากขั้วไม่แพ้กันเมื่อคืนเธอและอลันต่างคนต่างนอนไม่หลับ เรียกว่ายังไม่นอนตั้งแต่เมื่อคืนคงง่ายกว่า เพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ ยอมรับว่าตอนที่ประจำเดือนไม่มาแอบเครียดไม่น้อย คิดอยู่นานว่าจะบอกอลันดีไหม เพราะแอบกลัวกับอะไรหลายๆ อย่าง สุดท้ายก็รวบรวมความกล้ามาบอกเขาเรื่อง“ผลตรวจขึ้นแล้ว”“ขะ…ขึ้นว่ายังไงเหรอคะ?” เธอถามเสียงสั่น ใบหน้ายังคงซุกอยู่ในอกอุ่นของอลันด้วยความตื่นเต้น“มาดูเองไหม”“ไม่เอา พี่อลันบอกเบย์ สรุปกี่ขีดคะ?”อลันนิ่งเงียบ สายตามองขีดสีแดงผ่านเครื่องตรวจครรภ์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ“…สองขีด”หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อรู้คำตอบ เบลินดาค่อยๆ เบือนใบหน้าไปมองเครื่องตรวจครรภ์ที่วางเอาไว้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ขีดสีแดงสองขีดสะท้อนเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลวินาทีที่ได้สัมผัสผลตรวจด้วยสายตาตัวเอง บอกเลยว่าเธอแอบทำตัวไม่ถูกและพูดไม่ออกเลยทีเดียว เธอเงยหน้าขึ้นมองอลันอย่างอึ้งๆ“พี่อลัน…
หลายอาทิตย์ต่อมาเบลินดาเปิดประตูห้องทำงานอลันเข้ามาในช่วงเวลาบ่ายสอง หญิงสาวกวาดสายตามองหาคนรักหนุ่มที่ไม่ได้อยู่ในห้องทำงาน เธอตวัดสองเท้าตรงไปยังโซฟาแล้ววางของในมือลงโต๊ะลายหินอ่อนหลังจากเสร็จธุระเรื่องที่บ้านก็ตรงดิ่งมาหาอลันทันที ตอนนี้แม่และพ่อหย่ากันแล้วเรียบร้อย แม่เธอกำลังทำเรื่องเตรียมบินกลับไปสานต่อธุรกิจร้านอาหารของทางบ้านที่เซินเจิ้นประเทศจีนแม่ตัดสินใจไม่ฟ้องหย่าพ่อ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องยอมเซ็นใบหย่าพร้อมกับให้สัญญาว่าจะเลิกยุ่งกับแม่และเธอกับน้องชายอีก ซึ่งพ่อก็รับปากไปอย่างง่ายดาย ส่วนเรื่องหนี้สิน อลันได้ยกหนี้ทั้งหมดให้พ่อแล้ว เท่ากับว่าตอนนี้พ่อไม่มีหนี้สินอะไรแล้ว แต่ไม่รู้ว่าในอนาคตจะสร้างขึ้นมาอีกหรือเปล่าแกร๊กเสียงเปิดประตูทำให้เธอพลันสายตาไปมอง อลันไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่เขาไปเข้าห้องน้ำมาเท่านั้น เธอมองใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีของเขาด้วยความประหลาดใจ“พี่อลันไม่สบายเหรอคะ?”“รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย” เขาตอบเสียงพร่า เพราะไม่มีแรงจะตอบ เมื่อเดินมาถึงโซฟาก็ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง“ไหวไหมคะ?”“อืม”เบลินดาใช้หลังมืออังหน้าผากอลันเพื่อวัดอุณหภูมิคนรักเพื่อดูว่ามีไข้
(รู้ข่าวของลีอาห์รึยัง ลีอาห์พยายามจะฆ่าตัวตาย และตอนนี้ก็ถูกหามส่งโรงพยาบาล)อลันยืนฟังสายของคนเป็นพ่อที่พูดถึงลีอาห์เงียบๆ ไม่ได้รู้สึกตกใจหรือช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น เพราะสิ่งที่คนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเรียกว่า ‘เพื่อนสนิท’ กระทำกับคนที่เขารักมันหนักหนาและเกินให้อภัย(พ่อรู้นะว่าอลันโกรธลีอาห์มากจนอยากทำให้หายไปจากโลกนี้ สิ่งที่ลีอาห์ทำมันเกินให้อภัยก็จริง แต่พ่อก็อยากบอกอลันไว้อย่างนึงเหมือนกันนะ”“….”(พ่อไม่ได้พูดเข้าข้างลีอาห์นะ แต่พ่อแค่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิง ถ้าลีอาห์ไม่รักอลัน เธอก็คงไม่ตัดสินใจทำเรื่องบ้าระห่ำแบบนั้น)“….”(ไม่ได้พูดเพื่อบอกให้อลันให้อภัยลีอาห์ แต่อย่างน้อย อลันกับลีอาห์ก็เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน การที่อลันจะเปิดรับใครคนนึงเข้ามาในชีวิตพ่อรู้ว่ามันไม่ง่าย)“….”(ลีอาห์เป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลคุณวิชิระ พวกเขาคงรู้สึกเสียใจมาก ถ้าหากลูกสาวคนเดียวคิดจะฆ่าตัวตายอีกรอบ พ่อแค่อยากให้อลันช่วยพูดให้ลีอาห์ไม่คิดสั้นแบบนั้นอีก พ่อเข้าใจความรู้สึกหัวอกคนเป็นพ่อแม่ก็ตั้งแต่มีอลันกับเอลิน เพราะฉะนั้น…ถือว่าพ่อขอได้ไหม)เขานิ่งเงียบ สิ่งที่พ่อพูดออกม
หลายวันต่อมาณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เบลินดาเปิดประตูเข้ามาเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อสั่งกาแฟ หลังจากนั้นเดินไปนั่งรอคิวรับเครื่องดื่มที่โต๊ะ ระหว่างนั้นพลางหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเพื่อฆ่าเวลาเธอเลื่อนมาเจอข่าวของลีอาห์ อดใจไม่ได้ที่จะหยุดอ่าน เนื้อหาในข่าวมันเกี่ยวกับคืนนั้นในงานเลี้ยง ตอนนี้นักข่าวหลายสำนักเล่นข่าวลีอาห์อย่างหนัก คอมเมนต์ที่คนใจโลกโซเชียลวิจารณ์รุนแรงพอสมควร ขนาดเธอไม่ใช่ลีอาห์ พออ่านคอมเมนต์แล้วยังรู้สึกเจ็บปวดแทนตั้งแต่งานเลี้ยงจบลงไป ลีอาห์ก็หายเข้ากลีบเมฆ จากเคยติดต่ออลันมา ตอนนี้กลับเงียบหายแม้กระทั่งเงา ใจหนึ่งก็เห็นสงสาร แต่อีกใจก็แอบโกรธเคืองในสิ่งที่ลีอาห์ทำไว้กับตัวเอง ถ้าหากวันนั้นอลันมาช่วยเธอไม่ทัน ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอยังมีโอกาสรอดมาจนถึงวันนี้หรือเปล่า ตอนแรกเธอมองลีอาห์เป็นมิตร พอรู้ความจริงว่าลีอาห์เป็นคนจ้างคนมาฉุดเธอในคืนนั้น ก็ทำให้เธอไม่สามารถมองผู้หญิงคนนั้นเป็นมิตรได้อีกต่อไปอย่างที่โบราณท่านว่า คนบางคน รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ…“นั่งด้วยคนได้ไหม” เสียงผู้ชายคนหนึ่งที่ดังขึ้นทำให้เบลินดาละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มองไปยังเจ้าของเสียง“พี่ไคริว…” เธอเรียกชื
“ฉันขอโทษแทนพ่อกับแม่ด้วยนะ ที่ท่านพูดแบบนั้นออกมาคงเป็นเพราะกำลังโกรธ” ลีอาห์พูดขึ้น หลังจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายปลีกตัวออกไป ปล่อยให้ทั้งสองคนได้เคลียร์ปัญหาด้วยกันตามลำพัง โดยมีเบลินดายืนอยู่ด้วย“เธอเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องของเราใช่ไหม?” เขาไม่สนใจคำขอโทษของลีอาห์ พุ่งเป้าไปยังประเด็นหลักที่สงสัย“นายสงสัยว่าฉันปล่อยข่าวเหรอ?”“ฉันก็แค่ถามให้แน่ใจ ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป”“รู้ตัวไหมว่าตั้งแต่นายมีแฟน นายเปลี่ยนไปมากเลยนะ ไม่เหมือนอลันคนเดิมที่ฉันเคยรู้จัก”ลีอาห์ตีหน้าเศร้าพูด ก่อนจะเคลื่อนสายตามามองเบลินดาที่ยืนอยู่ข้างกายอลันแล้วพูดต่อ“ฉันไม่รู้นะว่าเธอเป่าหูอะไรอลัน ถึงทำให้เขามองฉันในแง่ลบแบบนี้ เธอรู้ตัวไหมกำลังทำลายความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขาให้พังลง”“ทุกอย่างไม่ใช่คนอื่นที่ทำพัง แต่ที่มันพังก็เพราะตัวเธอเอง อย่าเอาแต่พูดดีใส่ตัวแล้วพูดให้คนอื่นดูไม่ดี” เขาสวนขึ้นหลังจากลีอาห์พูดจบ “บอกแล้วไงว่าเธอทำอะไร ตัวเธอเองนั่นแหละรู้ดีกว่าใคร”“ใช่สิ ก็นายมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ต่อให้ฉันจะพูดยังไง นายก็ไม่มีมองฉันเป็นเหมือนเดิม” ลีอาห์แกล้งทำเสียงสั่นและบีบน้ำตาต่อหน้าอลันทว่ามาเฟียหนุ่มกลับถอ







