Masukเบลินดานั่งมองหน้าโพรไฟล์ตัวเองบนเว็บไซต์เพื่อรอให้แขกวีไอพีมาขอแมตต์ใช้บริการ จำนวนเงินที่เสนอไปค่อนข้างมาก ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีใครมากดสนใจหรือเปล่า
เธอนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองสลับกับเวลาที่โชว์หลาบนมุมขวาของหน้าจอ ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกับอีกสามสิบนาที ก่อนหน้านี้เธอคิดหนักเรื่องเงินมากเพราะไม่รู้ว่าจะหามาจากไหนให้ทันระยะเวลาที่เจ้าหนี้กำหนด จำนวนเงินที่พ่อเธอติดหนี้ก็ไม่ใช่น้อยๆ โชคดีที่ทางนั้นเรียกจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายในสามวันข้างหน้าไม่มากมายนักเพราะยังพอมีปัญญาหาได้ ติ้ง… เสียงแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์ช่วยฉุดดึงเธอออกจากภวังค์ความคิด เธอเหลือบสายตามามองหน้าจอโทรศัพท์ พบว่าตอนนี้มีคนมากดถูกใจเธอแล้ว เธอกดเข้าไปอ่านประวัติเขาคนนั้น แต่กลับไม่มีอะไรให้อ่านเพราะลูกค้าวีไอพีรายนี้ไม่ใส่ข้อมูลส่วนตัว แถมรูปโพรไฟล์ยังไม่มีอีกต่างหาก เบลินดา : สวัสดีค่ะ เธอตัดสินใจทักไปหาเขาคนนั้น รอไม่นานนักอีกฝ่ายก็ส่งข้อความตอบกลับมา แขกวีไอพี : โรงแรม A ชั้น30 ห้อง 510 เบลินดา : จะเป็นอะไรไหมคะ ถ้าจะขอดูหน้า แขกวีไอพี : 21:30 น. ห้ามเลท แขกวีไอพีคนนั้นไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่กลับส่งเวลานัดหมายกลับมาแทน เมื่อเห็นแบบนั้นจึงเลือกไม่พิมพ์อะไรตอบกลับ เพราะบางทีเขาอาจไม่อยากเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว @โรงแรมA เบลินดาเดินเข้ามาในโรงแรมหรูระดับห้าดาวพร้อมกับอาการประหม่าปนตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้เปิดประสบการณ์ในเรื่องบนเตียงกับผู้ชาย แถมยังเป็นผู้ชายแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน มือเล็กเอื้อมไปกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นสามสิบตามที่แขกวีไอพีบอก ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงชั้นเป้าหมาย ติ้ง… เธอก้าวออกมาจากลิฟต์มุ่งหน้าไปยังห้องที่แขกวีไอพีกำลังรออยู่ เธอยืนมองประตูห้องห้าหนึ่งศูนย์พร้อมหัวใจที่เต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากขั้ว เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งข้อความไปหาเจ้าของห้อง เบลินดา : มาถึงแล้วค่ะ แขกวีไอพี : xxxxxx รหัสประตู เธอเลื่อนนิ้วไปกดรหัสผ่านของประตูตามที่แขกวีไอพีบอกก่อนจะเปิดเข้ามา สายตากวาดมองไปรอบห้องสี่เหลี่ยมที่มีไฟสีแดงสลัวปกคลุม บรรยากาศชวนตื่นเต้นพลอยทำให้ใจเธอสั่นไหว “มะ…มาแล้วค่ะ” เธอขยับเรียวปากส่งเสียงบอกแขกวีไอพีที่นัดมา ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย ความเงียบของเขาทำให้เธอเริ่มกลัวและระแวง “ฉันมาถึงแล้วค่ะ” เบลินดาพยายามส่งเสียงบอกให้แขกวีไอพีรับรู้ ตอนนี้หญิงสาวเริ่มหวาดกลัวและระแวงไปหมด เท้าเล็กค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ไม่ทราบว่าคุณ…” เธอหยุดชะงักประโยคนั้นเอาไว้ เมื่อดวงตาทั้งสองถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยผ้า เลยทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อีกต่อไป ฝีมือแขกวีไอพีคนนั้นแน่ๆ เธอนึกประโยคดังกล่าวในใจ ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มเข้าหากันอัตโนมัติด้วยความตื่นเต้นปนกลัว ร่างของเธอค่อยๆ ถูกหมุนตัวไปประจันหน้ากับเจ้าของการกระทำนี้ เพราะถูกปิดตาเอาไว้ เลยทำให้เธอมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา “อื้อ…” เธอร้องเสียงในลำคอเบาๆ เมื่อถูกไออุ่นจากอีกฝ่ายเป่ารดลงมาบริเวณต้นคอ หัวใจเธอเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ขณะที่สองมือกำเข้าหากันไว้แน่น ครั้งแรกที่ได้รับสัมผัสแบบนี้… “อ๊ะ…” เธอร้องอุทาน ทันทีที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายขบเม้มเบาๆ ลงต้นคอ สัมผัสนั้นจากอีกฝ่ายพลอยทำให้เธอเริ่มหายใจติดขัด หญิงสาวถูกชายหนุ่มดันร่างกายให้ถอยหลัง กระทั่งสองขาของเบลินดาชนแนบชิดลงขอบเตียง ก่อนจะถูกแขกวีไอพีคนนี้ผลักให้นอนราบลงกับเตียงนอน ผลัก สายตาคมเข้มจ้องมองเรียวขาขาวเนียนสวยงามของหญิงสาวแล้วหยุดลงที่ชั้นในลายลูกไม้ที่โผล่พ้นกระโปรงออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากหยักได้รูปเหยียดยิ้มไปด้านข้างเล็กน้อย “เงินแค่นั้นพอเหรอ?” “!!!!” เสียงคุ้นหูที่ถูกเปล่งออกมาโดยแขกวีไอพีทำให้หัวใจเธอกระตุกวูบ ถ้าหากจำไม่ผิด นี่คือเสียงของพี่อลัน ชายหนุ่มที่เธอได้มอบหัวใจให้ ถึงเสียงนั้นจะคุ้นหู ทว่าก็ไม่กล้าคิดไปเองว่าใช่เขา เพราะตอนนี้เธอถูกปิดตาเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ “ถ้าลีลาเธอดี ฉันให้เพิ่มอีกสองเท่า” “คะ?” ท่าทางใสซื่อและไร้เดียงสาของเบลินดา ทำให้ชายหนุ่มเริ่มนึกสงสัยในบางอย่าง เพราะเหมือนเธอจะไม่เข้าใจความหมายในประโยคนั้นของเขา หากเป็นผู้หญิงที่คุ้นชินกับเรื่องบนเตียงจะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร “ไม่เคย?” “เอ่อ…” ท่าทางอึกอักของเบลินดาทำให้เขามั่นใจแล้วว่านี่คือครั้งแรกในการขึ้นเตียงกับผู้ชาข “หึ ครั้งแรกสินะ” “คะ…คุณชื่ออะไรเหรอคะ?” “เสียงของฉันไม่คุ้นหูเธอบ้างเลยเหรอสาวน้อย” “….” เธอนิ่งเงียบ หัวใจเต้นแรงขึ้นจากเดิมมาก หรือแขกวีไอพีคนนี้จะเป็นคนที่กำลังคิดอยู่จริงๆ แม้อยากเอ่ยถาม แต่ติดตรง…ไม่กล้าพอ “ถ้าคืนนี้ลีลาเธอเด็ด ฉันจะเพิ่มให้สองเท่า” อลันแสยะยิ้ม สายตาคมเข้มจ้องมองเบลินดาที่นอนหงายอยู่ตรงหน้าพลางเลื่อนมือขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำออกทีละเม็ดก่อนจะถอดออกแล้วกองลงพื้น ทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องบนเตียงมาก่อน แต่ก็ยังกล้าทำอะไรแบบนี้…กล้าดี มาเฟียหนุ่มสอดมือเข้าไปใต้กระโปรงชุดเดรสของเบลินดาแล้วดึงขอบแพนตี้ลายลูกไม้รูดลงมาตามเรียวขาขาวเนียนสวยงาม การกระทำของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกเขินอายไม่น้อย “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น…ห้ามแกะผ้าออกเข้าใจไหม?” น้ำเสียงเข้มเอื้อนเอ่ยออกมา “ขะ…เข้าใจค่ะ” อลันดึงสายตากลับมามองกุหลาบงามตรงหน้าที่มีขนอ่อนๆ ปกคลุมอยู่ ความสวยงามของสิ่งนี้ทำให้มาเฟียหนุ่มลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบากและรู้สึกปวดหนึบบริเวณกลางกาย ปกติเขาเป็นคนเกิดอารมณ์กับผู้หญิงยากหากอารมณ์เหล่านั้นไม่เกิดขึ้นเอง เขาจะไม่มีวันพาผู้หญิงขึ้นเตียง แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ แค่เพียงได้สัมผัสด้วยสายตา ก็ทำให้เขาเกิดอารมณ์ขึ้นมาแล้ว… “อื้อ!” เบลินดาสะดุ้งขึ้นทันทีที่ริมฝีปากของอลันสัมผัสลงจุดอ่อนไหว ความรู้สึกแปลกใหม่ประเดประดังเข้ามาเล่นงานจนรู้สึกทรมานไปทั่วร่างกาย เธอไม่รู้เลยว่าความรู้สึกพวกนี้เรียกว่าอะไรเพราะไม่เคยสัมผัสมาก่อน พยายามหุบขาเข้าหากันหลายต่อหลายครั้งก็ถูกอีกฝ่ายจับแยกออกเหมือนเดิม ลิ้นสากในยามตวัดไปมาบริเวณเนื้อสีแดงสดหอมหวาน พานทำให้หญิงสาวรู้สึกทรมานไปทั่วทั้งร่างกาย หน้าท้องแบนราบหดเกร็งไปตามการกระทำชวนวาบหวามจากชายหนุ่ม “อ๊ะ…” เธอรู้สึกเสียววูบวาบตรงท้องน้อยในยามที่เขากำลังละเลงลิ้นลงตรงจุดอ่อนไหว ครั้งแรกที่ถูกผู้ชายมอบความรู้สึกเหล่านี้ให้ เธออยากถอดผ้าที่ปิดตาตัวเองออก แต่เพราะได้รับปากกับเขาไว้แล้วจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำตาม อลันช้อนสายตาขึ้นมองสีหน้าทรมานซึ่งทะลุออกมาจากผ้าสีดำที่ปิดดวงตาคู่สวยเอาไว้ ริมฝีปากสีระเรื่อในยามเผยอเปล่งเสียงครางเบาๆ ช่างดูเซ็กซี่และเย้ายวนใจดีไม่น้อย “อึก…ระ..รู้สึกแปลกๆ พะ…พอแล้วอ๊ะ…อร้าย!” ความทรมานพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด ก่อนที่ร่างกายจะเกร็งกระตุกแล้วปลดปล่อยอารมณ์สุขสมออกมา ครั้งแรกที่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้… “พร้อมเจอของจริงรึยัง” เขาเอ่ยถามพร้อมกับถอดกางเกงสีดำออก แก่นกายขนาดใหญ่ผงาดออกมา มือหนาเคลื่อนมากอบกุมแล้วชักรูดไปมา “กะ…แกะผ้าออกได้รึยังคะ” “ทำไม? มันตื่นเต้นเกินไปอย่างนั้นเหรอสาวน้อย” “แค่…อยากเห็นหน้าคุณ” ประโยคหลังเธอตอบออกมาเสียงแผ่ว อยากมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่เธอกำลังคาดหวังเอาไว้ อย่างน้อยๆ หากไม่ใช่อลันเธอคงรู้สึกสบายใจและหายกังวลมากกว่านี้ หรือถ้าหากเป็นเขาจริงๆ เธอคงอายจนไม่กล้ามาเจอหน้าเขาอีกอย่างแน่นอน เขาคือคนที่เธอรักและเฝ้ารอคอยมานานหลายปี เธอแค่…ไม่อยากให้เขามองเธอในทางไม่ดีก็เท่านั้น “แค่เสียงก็ไม่รู้สึกคุ้นเลยเหรอ?” “คุ้นค่ะ แต่ว่าอยากมั่นใจ” “แน่ใจเหรอว่าอยากเห็นหน้าฉัน” “นะ…แน่ใจค่ะ” เธอแค่อยากมั่นใจว่าเขาไม่ใช่อลัน ชายหนุ่มที่เธอกำลังแอบรักอยู่ตอนนี้ ถ้าหากไม่ใช่เขา เธอคงสามารถทำเรื่องบนเตียงกับแขกคนนี้ได้โดยไม่รู้สึกอะไร ถ้าหากใช่เขาจริง เธอคง…ขอหยุดทุกอย่างไว้เท่านี้ “ต่อให้เห็นหน้าฉันแล้วหรือไม่เห็น เธอก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวลงไปจากเตียง” “….” เขาพูดดักทางราวกับรู้ทันความคิดเธออย่างไรอย่างนั้น เริ่มหวั่นใจแล้วสิว่าเขาจะคือ…อลัน ตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาขั้ว ภาวนาขอให้ไม่ใช่เขา… อลันจับร่างของเบลินดาขึ้นมานั่ง เริ่มทำการถอดผ้าสีดำที่ปิดดวงตาทั้งสองอยู่ออก กลิ่นหอมเย้ายวนจากหญิงสาวพลอยปลุกไฟราคะในกายเขาให้เพิ่มมากขึ้น เปลือกตาสีขาวที่ปิดอยู่ค่อยๆ เปิดออกอย่างยากลำบากท่ามกลางความพร่ามัว สิ่งแรกที่เบลินดาเห็นก็คือ แก่นกายขนาดใหญ่ที่ชี้โด่อยู่ตรงหน้า เธอรีบพลันสายตาไปมองอย่างอื่นแล้วก็ปะทะเข้ากับรอยสักแขนขวา “!!!!” วินาทีนั้นหัวใจเธอกลับมากระตุกวูบอีกครั้ง เธอจำได้ดีว่าเคยเจอรอยสักแบบนี้ที่แขนใคร เบลินดาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของรอยสักด้วยความกังวล ทันทีที่สายตาเคลื่อนมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของแขกวีไอพี ราวกับโลกทั้งใบของเธอหยุดหมุน “พี่อลัน…”หลายวันต่อมา“อ้วก~” เบลินดายืนลูบแผ่นหลังของคนรักหนุ่มที่กำลังนั่งเกาะขอบชักโครกโก่งคออาเจียนอย่างหนักในห้องน้ำด้วยความเป็นห่วงหลายวันก่อนไปฝากครรภ์มา หมอบอกว่าอลันแพ้ท้องแทนเธอ ใจหนึ่งก็แอบดีใจที่ตัวเองไม่ได้แพ้ท้อง แต่อีกใจก็อดสงสารอลันไม่ได้ที่ต้องแพ้ท้องแทนเธอแบบนี้ เธอรู้ว่าการแพ้ท้องมันทรมานมาก เท่าที่สังเกตอลันมา อาการเขาหนักเอาเรื่องอยู่ระดับหนึ่งงานการแทบไม่ได้ทำเพราะหมดแรงจากการแพ้ท้องแทนเธออย่างหนัก วันหนึ่งนับจำนวนครั้งเขาวิ่งไปอาเจียนแทบไม่ได้ เวลาทานอะไรแต่ละวันก็ยากพอสมควร เพราะบางอย่างที่เคยทานได้ปกติกลับต้องเอาออกห่าง เพราะช่วงนี้จมูกอลันไวต่อกลิ่นมาก จากคนไม่เคยชอบทานผลไม้เปรี้ยว ก็หันมาทานอย่างหนักหน่วงตอนเล่าให้แม่ฟังว่าอลันแพ้ท้องแทน แม่เธอบอกว่า การที่ผู้ชายยอมเสียสละแพ้ท้องแทนผู้หญิง นั่นหมายความว่าผู้ชายรักผู้หญิงมาก“นอนพักสักหน่อยไหมคะ เผื่อมันจะดีขึ้น” เธอพูดระหว่างประคองอลันออกมาจากห้องน้ำตรงไปยังเตียงนอน“พี่ยังมีงานต้องเคลียร์” อลันตอบกลับคนรักสาวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งไร้เรี่ยวแรงแรงจะพูดยังไม่มี ยังอวดเก่งไปทำงานอีก เธออดบ่นให้อลันในใจไม่ได้“เอาร่างกา
เบลินดายืนลุ้นผลตรวจในอ้อมกอดอลัน หญิงสาวซุกใบหน้าลงอกอุ่นแล้วให้คนรักหนุ่มมองผลตรวจ หัวใจทั้งคู่เต้นแรงอย่างบ้าคลั่งตนแทบหลุดออกมาจากขั้วไม่แพ้กันเมื่อคืนเธอและอลันต่างคนต่างนอนไม่หลับ เรียกว่ายังไม่นอนตั้งแต่เมื่อคืนคงง่ายกว่า เพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ ยอมรับว่าตอนที่ประจำเดือนไม่มาแอบเครียดไม่น้อย คิดอยู่นานว่าจะบอกอลันดีไหม เพราะแอบกลัวกับอะไรหลายๆ อย่าง สุดท้ายก็รวบรวมความกล้ามาบอกเขาเรื่อง“ผลตรวจขึ้นแล้ว”“ขะ…ขึ้นว่ายังไงเหรอคะ?” เธอถามเสียงสั่น ใบหน้ายังคงซุกอยู่ในอกอุ่นของอลันด้วยความตื่นเต้น“มาดูเองไหม”“ไม่เอา พี่อลันบอกเบย์ สรุปกี่ขีดคะ?”อลันนิ่งเงียบ สายตามองขีดสีแดงผ่านเครื่องตรวจครรภ์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ“…สองขีด”หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อรู้คำตอบ เบลินดาค่อยๆ เบือนใบหน้าไปมองเครื่องตรวจครรภ์ที่วางเอาไว้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ขีดสีแดงสองขีดสะท้อนเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลวินาทีที่ได้สัมผัสผลตรวจด้วยสายตาตัวเอง บอกเลยว่าเธอแอบทำตัวไม่ถูกและพูดไม่ออกเลยทีเดียว เธอเงยหน้าขึ้นมองอลันอย่างอึ้งๆ“พี่อลัน…
หลายอาทิตย์ต่อมาเบลินดาเปิดประตูห้องทำงานอลันเข้ามาในช่วงเวลาบ่ายสอง หญิงสาวกวาดสายตามองหาคนรักหนุ่มที่ไม่ได้อยู่ในห้องทำงาน เธอตวัดสองเท้าตรงไปยังโซฟาแล้ววางของในมือลงโต๊ะลายหินอ่อนหลังจากเสร็จธุระเรื่องที่บ้านก็ตรงดิ่งมาหาอลันทันที ตอนนี้แม่และพ่อหย่ากันแล้วเรียบร้อย แม่เธอกำลังทำเรื่องเตรียมบินกลับไปสานต่อธุรกิจร้านอาหารของทางบ้านที่เซินเจิ้นประเทศจีนแม่ตัดสินใจไม่ฟ้องหย่าพ่อ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องยอมเซ็นใบหย่าพร้อมกับให้สัญญาว่าจะเลิกยุ่งกับแม่และเธอกับน้องชายอีก ซึ่งพ่อก็รับปากไปอย่างง่ายดาย ส่วนเรื่องหนี้สิน อลันได้ยกหนี้ทั้งหมดให้พ่อแล้ว เท่ากับว่าตอนนี้พ่อไม่มีหนี้สินอะไรแล้ว แต่ไม่รู้ว่าในอนาคตจะสร้างขึ้นมาอีกหรือเปล่าแกร๊กเสียงเปิดประตูทำให้เธอพลันสายตาไปมอง อลันไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่เขาไปเข้าห้องน้ำมาเท่านั้น เธอมองใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีของเขาด้วยความประหลาดใจ“พี่อลันไม่สบายเหรอคะ?”“รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย” เขาตอบเสียงพร่า เพราะไม่มีแรงจะตอบ เมื่อเดินมาถึงโซฟาก็ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง“ไหวไหมคะ?”“อืม”เบลินดาใช้หลังมืออังหน้าผากอลันเพื่อวัดอุณหภูมิคนรักเพื่อดูว่ามีไข้
(รู้ข่าวของลีอาห์รึยัง ลีอาห์พยายามจะฆ่าตัวตาย และตอนนี้ก็ถูกหามส่งโรงพยาบาล)อลันยืนฟังสายของคนเป็นพ่อที่พูดถึงลีอาห์เงียบๆ ไม่ได้รู้สึกตกใจหรือช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น เพราะสิ่งที่คนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเรียกว่า ‘เพื่อนสนิท’ กระทำกับคนที่เขารักมันหนักหนาและเกินให้อภัย(พ่อรู้นะว่าอลันโกรธลีอาห์มากจนอยากทำให้หายไปจากโลกนี้ สิ่งที่ลีอาห์ทำมันเกินให้อภัยก็จริง แต่พ่อก็อยากบอกอลันไว้อย่างนึงเหมือนกันนะ”“….”(พ่อไม่ได้พูดเข้าข้างลีอาห์นะ แต่พ่อแค่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิง ถ้าลีอาห์ไม่รักอลัน เธอก็คงไม่ตัดสินใจทำเรื่องบ้าระห่ำแบบนั้น)“….”(ไม่ได้พูดเพื่อบอกให้อลันให้อภัยลีอาห์ แต่อย่างน้อย อลันกับลีอาห์ก็เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน การที่อลันจะเปิดรับใครคนนึงเข้ามาในชีวิตพ่อรู้ว่ามันไม่ง่าย)“….”(ลีอาห์เป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลคุณวิชิระ พวกเขาคงรู้สึกเสียใจมาก ถ้าหากลูกสาวคนเดียวคิดจะฆ่าตัวตายอีกรอบ พ่อแค่อยากให้อลันช่วยพูดให้ลีอาห์ไม่คิดสั้นแบบนั้นอีก พ่อเข้าใจความรู้สึกหัวอกคนเป็นพ่อแม่ก็ตั้งแต่มีอลันกับเอลิน เพราะฉะนั้น…ถือว่าพ่อขอได้ไหม)เขานิ่งเงียบ สิ่งที่พ่อพูดออกม
หลายวันต่อมาณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เบลินดาเปิดประตูเข้ามาเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อสั่งกาแฟ หลังจากนั้นเดินไปนั่งรอคิวรับเครื่องดื่มที่โต๊ะ ระหว่างนั้นพลางหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเพื่อฆ่าเวลาเธอเลื่อนมาเจอข่าวของลีอาห์ อดใจไม่ได้ที่จะหยุดอ่าน เนื้อหาในข่าวมันเกี่ยวกับคืนนั้นในงานเลี้ยง ตอนนี้นักข่าวหลายสำนักเล่นข่าวลีอาห์อย่างหนัก คอมเมนต์ที่คนใจโลกโซเชียลวิจารณ์รุนแรงพอสมควร ขนาดเธอไม่ใช่ลีอาห์ พออ่านคอมเมนต์แล้วยังรู้สึกเจ็บปวดแทนตั้งแต่งานเลี้ยงจบลงไป ลีอาห์ก็หายเข้ากลีบเมฆ จากเคยติดต่ออลันมา ตอนนี้กลับเงียบหายแม้กระทั่งเงา ใจหนึ่งก็เห็นสงสาร แต่อีกใจก็แอบโกรธเคืองในสิ่งที่ลีอาห์ทำไว้กับตัวเอง ถ้าหากวันนั้นอลันมาช่วยเธอไม่ทัน ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอยังมีโอกาสรอดมาจนถึงวันนี้หรือเปล่า ตอนแรกเธอมองลีอาห์เป็นมิตร พอรู้ความจริงว่าลีอาห์เป็นคนจ้างคนมาฉุดเธอในคืนนั้น ก็ทำให้เธอไม่สามารถมองผู้หญิงคนนั้นเป็นมิตรได้อีกต่อไปอย่างที่โบราณท่านว่า คนบางคน รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ…“นั่งด้วยคนได้ไหม” เสียงผู้ชายคนหนึ่งที่ดังขึ้นทำให้เบลินดาละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มองไปยังเจ้าของเสียง“พี่ไคริว…” เธอเรียกชื
“ฉันขอโทษแทนพ่อกับแม่ด้วยนะ ที่ท่านพูดแบบนั้นออกมาคงเป็นเพราะกำลังโกรธ” ลีอาห์พูดขึ้น หลังจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายปลีกตัวออกไป ปล่อยให้ทั้งสองคนได้เคลียร์ปัญหาด้วยกันตามลำพัง โดยมีเบลินดายืนอยู่ด้วย“เธอเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องของเราใช่ไหม?” เขาไม่สนใจคำขอโทษของลีอาห์ พุ่งเป้าไปยังประเด็นหลักที่สงสัย“นายสงสัยว่าฉันปล่อยข่าวเหรอ?”“ฉันก็แค่ถามให้แน่ใจ ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป”“รู้ตัวไหมว่าตั้งแต่นายมีแฟน นายเปลี่ยนไปมากเลยนะ ไม่เหมือนอลันคนเดิมที่ฉันเคยรู้จัก”ลีอาห์ตีหน้าเศร้าพูด ก่อนจะเคลื่อนสายตามามองเบลินดาที่ยืนอยู่ข้างกายอลันแล้วพูดต่อ“ฉันไม่รู้นะว่าเธอเป่าหูอะไรอลัน ถึงทำให้เขามองฉันในแง่ลบแบบนี้ เธอรู้ตัวไหมกำลังทำลายความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขาให้พังลง”“ทุกอย่างไม่ใช่คนอื่นที่ทำพัง แต่ที่มันพังก็เพราะตัวเธอเอง อย่าเอาแต่พูดดีใส่ตัวแล้วพูดให้คนอื่นดูไม่ดี” เขาสวนขึ้นหลังจากลีอาห์พูดจบ “บอกแล้วไงว่าเธอทำอะไร ตัวเธอเองนั่นแหละรู้ดีกว่าใคร”“ใช่สิ ก็นายมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ต่อให้ฉันจะพูดยังไง นายก็ไม่มีมองฉันเป็นเหมือนเดิม” ลีอาห์แกล้งทำเสียงสั่นและบีบน้ำตาต่อหน้าอลันทว่ามาเฟียหนุ่มกลับถอ







