ริมฝีปากกระจับสีระเรื่อคลี่ยิ้มกว้างหลังจากทำการจัดลูกโป่งอัดแก๊สฮีเลียมที่มีคำว่า ‘2nd Anniversary’ แปะเอาไว้บนผนังตรงหัวเตียงนอน ส่วนบนเตียงนอนมีกลีบกุหลาบสีแดงโรยเป็นรูปหัวใจและมีช่อดอกไม้วางเอาไว้ตรงกลางพร้อมกล่องของขวัญที่จัดเตรียมเอาไว้
นาร์มิน มองผลงานตัวเองที่ก้มหน้าก้มตาทำอย่างตั้งใจมาตลอดทั้งวันด้วยรอยยิ้ม วันนี้คือวันที่สิบสี่กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันครบรอบที่เธอและแฟนคบกันครบสองปี ทุกอย่างในห้องนอนเธอเป็นคนจัดเตรียมเองคนเดียวทั้งหมด ดวงตากลมโตมองเวลาบนผนังห้อง ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกับอีกสามสิบนาที ซึ่งแฟนเธอบอกว่าคืนนี้กลับดึกเพราะมีนัดคุยงานกับลูกค้า เธอบอกแฟนว่าวันนี้จะไปงานเลี้ยงสำคัญกับครอบครัวที่หัวหินและจะกลับพรุ่งนี้ ซึ่งในความเป็นจริงมีเพียงพ่อกับแม่เธอที่ไปเท่านั้น เพียงแค่เอาส่วนนั้นมาเป็นข้ออ้าง เพื่อให้เขาไม่รู้ว่าคืนนี้ตนจัดเตรียมเซอร์ไพรส์เอาไว้ให้ “เมื่อไหร่จะมา…” เธอเริ่มพึมพำ มือหยิบโทรศัพท์มาหมายจะส่งข้อความหาแฟนหนุ่ม แต่ต้องชะงักนิ้วเอาไว้เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายสงสัย “เดี๋ยวก็มาแล้วละ” สุดท้ายตัดสินใจไม่ส่งข้อความหาแดนที่เป็นแฟนหนุ่ม นั่งรอเขาอยู่เกือบสี่ทุ่มครึ่งท่ามกลางอาการง่วงนอน นาร์มินนั่งสัปหงก มองนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าแฟนหนุ่มจะกลับมา แกร๊ก เสียงนั้นทำให้เธอตื่นจากอาการง่วงนอน รีบวิ่งไปปิดไฟในห้องนอนเพื่อรอเซอร์ไพรส์แดน ในมือถือเปเปอร์ชูทแบบหมุนเอาไว้ด้วยความตื่นเต้น เมื่อเสียงปลดล็อกประตูห้องนอนดังเข้าโสตประสาท เธอรีบเอื้อมมือไปเปิดไฟอีกสวิตซ์ให้ทั้งห้องสว่างพร้อมกับหมุนเปเปอร์ชูทในมือเพื่อเซอร์ไพรส์แฟนหนุ่ม พรึ่บ ปิ้ว~ “สุขสันต์วันครบรอบสะ…” นาร์มินชะงัก และนิ่งอึ้งกับภาพที่กำลังสะท้อนเข้ามาในนัยน์ตา ภาพแฟนหนุ่มกำลังยืนนัวเนียกับผู้หญิงอีกคนต่อหน้าต่อตาตรงบริเวณผนังห้องใกล้กับประตู ทั้งสองคนเมื่อเห็นนาร์มินปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าก็ตกใจเช่นกัน “นะ…นี่มันเรื่องอะไรกัน” เธอเอ่ยถามแดนเสียงสั่น ทั้งที่ภาพตรงหน้าตอบคำถามทุกอย่างชัดเจนหมดแล้วว่าแฟนเธอ…กำลังนอกใจ “นาร์ฟังแดนก่อนนะ คือว่า…” เพียะ แดนที่เดินเข้าไปเพื่อจะอธิบายทุกอย่างกับนาร์มินถูกหญิงสาวตวัดฝ่ามือใส่แก้มกลับเต็มแรง ดวงตากลมโตเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา แววตาสื่อชัดเจนว่าเจ็บปวดกับสิ่งที่แฟนหนุ่มกระทำด้วยมากแค่ไหน “ไหนบอกว่ากับคนนี้ไม่มีอะไรไง? แล้วทำไมถึง…” เธอพูดไม่ออก มันรู้สึกจุกอยู่กลางอกจนไม่สามารถพูดออกเสียงมาได้ ผู้หญิงที่แฟนเธอกำลังนัวเนียด้วย คือคนเดียวกันกับที่แดนบอกว่าไม่ได้มีอะไร เป็นเพียงแค่เลขาเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่แดนพูดเอาไว้ตอนนั้นจะเป็นคำโกหก เขาหลอกเธอ… หลอกจนเชื่อสนิทใจ… “ที่กลับมาดึกเพราะนัดกันเอาไว้ใช่ไหม?” “แดน…” “วันนี้วันครบรอบสองปีของเรานะ อย่าบอกนะว่านี่คือของขวัญวันครบรอบที่แดนให้นาร์?” “….” แดนยืนมองนาร์มินที่ยืนร้องไห้อยู่ตรงหน้านิ่งๆ แววตาไม่ได้สื่อว่ารู้สึกผิดกับเรื่องนี้แต่อย่างไร แดนกวาดสายตามองไปรอบห้องนอน และเดาว่านี่คงเป็นฝีมือของนาร์มิน “ทำไมอะแดน ทำไมต้องนอกใจนาร์?” “คุณแดนจะบอกอะไรคุณนาร์มินก็รีบบอกไปสิคะ” เสียงผู้หญิงอีกคนดังขึ้น หล่อนยืนกอดอกมองนาร์มินด้วยแววตาของผู้ชนะ “แดนจะบอกอะไรนาร์” “ขอโทษนะนาร์มิน แดนรักนาร์นะ แต่ความรักที่แดนมีให้นาร์…มันหมดไปแล้ว” เธอมองแดนทั้งน้ำตา รู้ดีว่าสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูดออกมาคืออะไร “เราเลิกกันเถอะ” คิดเอาไว้ไม่มีผิด นึกแล้วว่าต้องเป็นประโยคนี้ ความรู้สึกแรกที่วิ่งปราดเข้ามาก็คือความรู้สึกเจ็บปวด เธอมองแดนด้วยแววตาผิดหวังปนเจ็บปวด คงเพราะรักผู้ชายคนนี้มากถึงได้รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังแตกสลาย “ขอบคุณสำหรับเซอร์ไพรส์ในวันครบรอบสองปีของเราสองคน แต่ต่อไปนี้…นาร์ไม่ต้องลำบากทำอะไรแบบนี้อีกแล้วนะ” “คิดมาโดยตลอดว่าแดนคือคนที่จะสร้างครอบครัวกับนาร์ในอนาคต แต่ทั้งหมด…มันเป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ ของนาร์” “….” “นาร์เชื่อใจและทุกคำพูดของแดนมาโดยตลอด ถามจริงเถอะ ตอนพูด…เคยละอายใจตัวเองบ้างไหม?” เธอแค่นหัวเราะออกมา แววตาที่มองแดนยังคงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “แค่เชื่อใจแดนแต่ไม่ใช่ว่านาร์จะโง่ไปซะทุกเรื่อง อันที่จริง นาร์รู้อยู่แล้วละว่าแดนกับเลขากำลังคั่วกันอยู่” “….” “นาร์ว่าแดนมากกว่านะที่โง่ดูไม่ออก ขอบคุณเธอมากนะ ที่เอาผู้ช่วยห่วยแตกคนนี้ออกไปจากชีวิตฉัน” เธอหันไปมองเลขาส่วนตัวของแดนแล้วยิ้ม “เธอได้เขามายังไง…ก็จะเสียเขาไปอย่างนั้นแหละ”หลายอาทิตย์ต่อมา นาร์วินเดินจับมือแฟนสาวเข้ามายังร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยมีพนักงานเดินนำทางไปยังโซนสำหรับวีไอพีที่มีครอบครัวณิดาคอยอยู่ ลูกค้าผู้หญิงภายในร้านไม่วายจะแอบชายตามองนาร์วินจนณิดาเริ่มมีอาการหึงหวงเธอเลือกที่จะเก็บอาการ แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยอารมณ์หึงหวง เธอเปลี่ยนจากจับมือมาเป็นคล้องแขนเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ“คราวหน้าอย่าแต่งตัวดูดีแบบนี้มาอีกนะคะ รู้ไหมว่าผู้หญิงมอง!” เธอกัดฟันพูดกับนาร์วินด้วยความไม่พอใจ เมื่อได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ จึงชักสายตาใส่ “ขำอะไรคะ”“หึงเหรอ?”“ลองมีผู้ชายมามองดาดูบ้าง พี่นาร์วินจะหึงไหมล่ะคะ”“หึง แต่หึงแบบเปิดเผย ไม่เก็บอาการเหมือนคนแถวนี้” เขาพูดพลางอมยิ้มไปด้วย วันนี้มาทานอาหารค่ำกับครอบครัวณิดา แม้เคยเจอครอบครัวเธอมาแล้วหลายครั้ง หากแต่นั่นเป็นการเจอในฐานะ ‘น้องชายของลูกสะใภ้’ ทว่าวันนี้เขามาในฐานะ ‘แฟนณิดา’ มันเลยทำให้รู้สึกคนละอย่างกันทั้งสองคนมาถึงห้องอาหารสำหรับวีไอพี โดยมีพ่อ แม่ พี่ชายณิดา และพี่สาวของเขานั่งคอยอยู่“เราสองคนไม่มาช้าเกินไปใช่ไหมคะ” ณิดาเอ่ยถามเพราะเกรงว่าตัวเองและนาร์วินจะทำให้ทุกคนรอ“พวกเราเพิ่งมาถึงก่อนแค่ห้
ณิดาเดินออกมาจากห้องนอนหลังจากอาบน้ำเสร็จ หญิงสาวสวมกางเกงขาสั้นสีชมพูอ่อนและเสื้อกล้ามสีขาว สายตามองหาแฟนหนุ่ม ตอนตื่นขึ้นมาไม่เห็นเขานอนอยู่ข้างกายเลยคิดว่าคงอยู่ในห้องทำงานแกร๊กเธอเปิดประตูห้องทำงานนาร์วินออก ซึ่งเขากำลังนั่งทำงานอยู่จริงๆ ด้วย เธอเดินทอดน่องอ้อมไปข้างหลังแล้วใช้สองแขนโอบกอดเขา ไม่วายจะหอมแก้มหนึ่งฟอดฟอดด“ทำไมตื่นแล้วไม่ปลุกดาล่ะคะ”ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับไปจากแฟนหนุ่ม นาร์วินยังคงเอาแต่นั่งมองงานตัวเองโดยไม่สนใจแฟนสาว“ยังโกรธอยู่เหรอคะ?” เธอถามเมื่อเห็นเขาทำเมินเฉยใส่ ปกตินาร์วินไม่เคยโกรธเธอเลยสักครั้ง เมื่อคืนเธอคงดื้อมากจริงๆ ถึงทำเขาโกรธได้ขนาดนี้“ลองมาเป็นพี่ดูไหมล่ะ” เขาตอบณิดากลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เมื่อคืนณิดามีความผิดหลายกระทง นอกจากจะแอบหนีเที่ยวไม่บอกแล้วยังดื่มจนเมา มีผู้ชายเข้าหา ไหนจะปิดประตูห้องนอนเพื่อไม่ให้เขาเข้าไปลงโทษได้“ดาขอโทษ~ ให้อภัยดาได้ไหมคะ” เธอกระชับกอดเขาให้แน่นขึ้นพร้อมเอ่ยคำขอโทษด้วยความรู้สึกผิด “ดาแค่เหงาและอยากออกไปปลดปล่อยบ้าง พี่นาร์วินไม่อยู่ตั้งสามวัน ใครจะอยู่คนเดียวได้อย่างมีความสุขล่ะคะ”“นั่นไม่ใช่เหตุผล”“นี่แหละค่ะ
‘วันนี้ดาทำตัวไม่น่ารัก ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ เพราะฉะนั้นถ้าคืนนี้พี่ลงโทษดาหนักไปหน่อย ก็คงเข้าใจพี่นะ’ปัง!ทันทีที่มาถึงคอนโดนาร์วิน หญิงสาวก็รีบวิ่งแจ้นไปห้องนอนแล้วทำการล็อกประตูเพื่อไม่ให้แฟนหนุ่มเข้ามาลงโทษตัวเองได้“เปิดประตูณิดา” เขายืนอยู่หน้าประตูแล้วบอกณิดาเสียงเข้ม วันนี้แฟนของเขาทำตัวไม่น่ารักจริงๆ ทั้งแอบหนีเที่ยว ดื่มจนเมา มิหนำซ้ำยังปิดประตูเพื่อไม่ให้เขาทำโทษเธอได้แต่ณิดาคงลืมไปว่าเขามีกุญแจสำรอง…แค่อยากลองเชิงณิดาดู ว่าจะยอมเปิดประตูให้เขาหรือเปล่า ถ้าหากเธอไม่ยอมเปิดประตูให้เขาดีๆ คืนนี้คงได้คุยกันยาวจนถึงเช้า“ไม่เปิด คืนนี้พี่นาร์วินนอนข้างนอกไปเลย”“คิดดีแล้วใช่ไหมที่ดื้อกับพี่?”“ดาจะนอนแล้ว ฝันดีนะคะ”“ชอบท้าทายพี่นักใช่ไหม? ก็ได้”ณิดาไม่สนใจประโยคนั้นของนาร์วิน ตวัดเท้าเล็กทั้งสองตรงไปยังเตียงนอน ไม่ทันจะเดินถึงเตียง ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดเข้ามา ทำให้คนตัวเล็กหมุนตัวกลับไปมองแกร๊ก“พะ…พี่นาร์วิน” เธอมองนาร์วินซึ่งกำลังเดินตรงมาหาด้วยท่าทางนิ่งๆ แววตาคมเข้มไร้อารมณ์ไม่สามารถทำให้เธอเดาความคิดในหัวเขาตอนนี้ได้ นาร์วินคงไม่พอใจมากที่เธอดื้อใส่“ไหนเมื่อกี
“แหมม ผัวไม่อยู่หนูร่าเริงทันทีเลยนะ”ยิหวามองเพื่อนสาวคนสนิทที่กำลังลุกขึ้นยืนโยกไปมาตามจังหวะเสียงเพลงโดยมีเครื่องดื่มในมือ ใบหน้าณิดาแดงก่ำเพราะพิษแอลกอฮอล์ แต่คงยังไม่เมาเท่าไร วันนี้ณิดาโทรชวนเพื่อนทุกคนออกมาดื่มเพราะนาร์วินบินไปมาเก๊าเมื่อวาน เมื่อคืนณิดาโทรมาแล้วร้องไห้ ยอมรับว่าเพิ่งเคยเห็นณิดาในโหมดนี้ ปกติจะเป็นตัวเองที่โทรไประบายและร้องไห้ ผิดกับตอนนี้ ทุกอย่างกลับตาลปัตรทำให้ณิดากลายมาเป็นเหมือนตัวเองในวันนี้“พวกแกจะนั่งมองฉันทำไม ลุกมาเต้นด้วยกันเร็ว” ณิดาเข้าไปดึงแขนเพื่อนเพื่อให้ลุกขึ้นมาเต้นด้วยกัน“ทำไมวันนี้แกดีดจังณิดา ปกติจะนั่งเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ตรงที่แกยืนเต้นควรเป็นของพวกฉันไหม” นัตตี้ หนึ่งในเพื่อนในของกลุ่มของณิดาเอ่ยพูด“ฉันเต้นไม่ได้เหรอ?” เธอถามนัตตี้ พูดจบก็ยกเครื่องดื่มในมือขึ้นมาดื่ม เริ่มเลื่อยร่างกายไปตามเพลงจังหวะEDMภายในไนต์คลับชื่อดัง พอได้ปลดปล่อยก็รู้สึกดีเหมือนกัน คืนแรกที่นาร์วินไม่อยู่ ยอมรับว่าเหงาและเศร้ามากปกติทุกคืนจะมีเขานอนอยู่ข้างกายตื่นเช้ามาก็เจอ พอเขาบินไปมาเก๊าทุกอย่างก็ดูเหมือนมีบางอย่างขาดหาย สามวันมันอาจจะเร็ว แต่สำหรับเธอ
หลายอาทิตย์ต่อมา หมับฟอดดณิดาเดินเข้าไปสวมกอดแฟนหนุ่มที่กำลังนั่งทำงานจากข้างหลังแล้วหอมแก้มไปหนึ่งฟอดใหญ่ ทำให้นาร์วินละสายตาจากงานแล้วเอียงใบหน้าไปหาคนตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม“ดาซื้อชาเย็นมาฝาก” เธอวางชาเย็นที่ซื้อมาให้นาร์วินลงโต๊ะทำงานของเขา “กินข้าวเที่ยงรึยังคะ?”“ยังไม่มีเวลาว่างทำอะไรเลย”“ทำไมทำงานหนักขนาดนี้คะ พักบ้างก็ได้” เธอพูดยิหวาเคยบอกว่าเตทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้ จำได้ว่าตอนนั้นบอกให้ยิหวาเข้าใจเต แต่พอเจอกับตัวถึงเข้าใจความรู้สึกของยิหวา วันก่อนนาร์วินและเธอนัดไปทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่เขาดันมีนัดสำคัญกับนักธุรกิจจนต้องโทรมาบอกเธอว่าคงไม่ได้ไปทานข้าวเย็นด้วย ทั้งที่เธอแต่งตัวรอเขาแล้ว กลับต้องจำใจบอกว่า ไม่เป็นไร ทั้งที่ในใจแอบน้อยใจเขา เธอไม่อยากงี่เง่ากับนาร์วินจึงพยายามเข้าใจเขาให้มากๆกลัวใจตัวเองเหมือนกัน กลัวว่าสักวันจะเผลองี่เง่่กับเขา บางที…นี่อาจเป็นบททดสอบความรักระหว่างนาร์วินและเธอก็ได้“พี่ก็อยากพักนะ แต่ช่วงที่พี่เข้าโรงพยาบาลทำให้ต้องพักงานเอาไว้ พอหายดีแล้วก็ต้องกลับมาลุยงานที่พักเอาไว้ มีทั้งงานใหม่และงานเก่าที่เข้ามาพร้อมกัน”“มีอะไรให้ดาช่วยบอกได้นะคะ”
“ถือว่าฟาดเคราะห์ไปแล้วกันนะวิน” เสียงคนเป็นแม่เอ่ยกับลูกชายพลางลูบศีรษะนาร์วินด้วยความรักปนเป็นห่วงในเวลาเดียวกันวันแรกที่รู้ข่าวว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่วงเวลานั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว จำได้ว่าสวดมนตร์และขอพรให้นาร์วินรอดพ้นจากอันตรายทุกคืน พอได้ยินข่าวว่าลูกชายฟื้นแล้วก็รู้สึกโล่งใจ“แม่เป็นห่วงวินมากเลยรู้ไหม กินไม่ได้นอนไม่หลับมาตั้งแต่วันที่วินเกิดอุบัติเหตุ” คนเป็นพ่อพูดนาร์วินหันหน้าไปมองแม่ ก่อนจะยิ้มแล้วสวมกอด แม้ทั้งสองคนไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง แต่พวกท่านทั้งสองก็รักและให้ความอบอุ่นกับตนไม่ต่างจากลูกชายแท้ๆ คนหนึ่ง แม้ครอบครัวที่แท้จริงจะจากไป แต่ยังโชคดีที่มีครอบครัวที่แสนอบอุ่นนี้รับมาดูแลและเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจนโตถึงป่านนี้“รักแม่กับพ่อมากนะครับ”“วันนี้พบเด็กขี้อ้อนหนึ่งอัตรา” คนเป็นแม่เอ่ยแซว ก่อนจะหันไปยิ้มกับสามีและลูกสาวคนโต“รักแค่พ่อกับแม่ แต่ไม่รักพี่สาวตัวเองเหรอ?”นาร์วินหรี่ตามองพี่สาวซึ่งยืนกอดอกมองอยู่ตรงปลายเตียง“พี่คินเขาไม่รักเหรอถึงมาขอความรักจากน้องชายตัวเอง”“เอ๊ะ! ไอ้น้องบ้านี่! เดี๋ยวก็ตีให้แขนหักอีกข้างเลย” นาร์มินตั้งท่าเข้