ฉันเสียใจกับสิ่งที่พี่เสือพูดออกมา มันเหมือนความสัมพันธ์ของเราสองคนถูกตัดขาดไปแล้วจริงๆ จนตอนนี้ฉันก็ยังร้องไห้ไม่หยุด อยากจะคุยอีกสักครั้งแต่พี่เสือออกไปไหนก็ไม่รู้ โทรหาก็ไม่รับแชตไปก็ไม่ตอบ
“ใจ๋ลูกอยู่ในห้องใช่ไหม แม่ขอเข้าไปได้ไหมลูก” “อึก~ ค่ะ” ฉันรีบยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ถึงจะเช็ดออกจนไม่เหลือคราบน้ำตาแต่ดวงตาที่บวมเปล่งก็ไม่สามารถปกบอดได้ว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาก่อนหน้า แม่ดูตกใจที่เห็นว่าฉันร้องไห้ก่อนจะเข้ามากอดปลอบ “คนเก่งของแม่ร้องไห้ทำไมคะ เพราะเรื่องวันนี้อย่างนั้นหรอ” “พี่เสือโกรธมากๆ เลยค่ะ อึก~ ใจ๋จะทำยังไงดี” อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าแม่แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายน้ำตามันก็ไหลอาบแก้มอยู่ดี “พี่เขาคงไม่ได้ตั้งตัว ให้เวลาเสือหน่อยนะลูก” “ใจ๋ผิดเอง แทนที่จะปฏิเสธ” “แม่รู้ว่าใจ๋คิดยังไงกับเสือ” “ตะ แต่ อึก~ พี่เสือไม่เคยคิดอะไรกับใจ๋เลย” “ลูกสาวแม่น่ารักขนาดนี้ เสือต้องชอบหนูแน่ๆ แม่รับประกัน” ฉันรู้ว่าแม่แค่พูดปลอบใจ เพราะไม่มีทางเลยที่พี่เสือจะมาชอบฉัน เขามีคนในใจแล้วนี่ “ขอพ่อให้ยกเลิกเรื่องหมั้นได้ไหมคะ” “ใจ๋ก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง อย่าเลยลูกเดี๋ยวพ่อเขาจะโมโหใส่เอานะ” “ใจ๋กลัวพ่อ อึก~ แต่ตอนนี้พี่เสือไม่ยอมคุยกับใจ๋เลย” ฉันกอดแม่ร้องไห้ แค่คิดว่าจะเองจะกลายเป็นคนอื่นในสายตาของพี่เสือใจมันก็หนักอึ้งไปหมดแล้ว แม่ปลอบอยู่พักใหญ่ก่อนจะออกไปจากห้อง ดีขึ้นมานิดหน่อยที่ฉันไม่ร้องไห้แล้วแต่ข้างในใจมันก็ยังหนักอึ้งเหมือนเดิมหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
พี่เสือไม่กลับมาที่บ้านเลยทั้บที่ปกติเขาจะกลับมานอนบ้างบ้าง คอนโดบ้าง ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าตั้งใจหลบหน้ากัน ก่อนหน้าได้ปรึกษาพี่ฉลามที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับฉันและเป็นเพื่อนกับพี่เสือ พี่ฉลามบอกว่าจะคุยให้แต่ตอนนี้ก็ยังเงียบอยู่ มันยิ่งทำให้ร้อนใจเพราะรู้ว่าตัวเองผิดมากๆ “พี่เสือนอนที่คอนโดอีกแล้วหรอไทเกอร์” ฉันมาที่บ้านเขาทุกวันเผื่อจะเจอ และก็จะมีไทเกอร์ที่คอยมานั่งเป็นเพื่อน “อืม เห็นว่างานที่มหาวิทยาลัยยุ่งๆ” “ยุ่งขนาดไม่มีเวลากลับมานอนที่บ้านเลยหรอ” “ปีสี่งานเยอะจะตาย” “ไม่ใช่ว่าพยายามหลบหน้ากันหรอ” “ใจ๋ ยิ่งตามแบบนี้เฮียยิ่งไม่ชอบนะ รู้ไหมว่าตอนนี้เธอกำลังทำตัวงี่เง่า” “แล้วจะให้ทำยังไงหรอ จะต้องให้จ๋ายมาหมั้นแทนใช่ไหมพี่เสือถึงจะพอใจ” “เกี่ยวอะไรกับจ๋าย?” ไทเกอร์ขมวดคิ้วถาม “เปล่าหรอก” ฉันรีบปฏิเสธเพราะเผลอหลุดปากพูดออกไปอย่างนั้น “กลับบ้านได้แล้ว เธอนั่งรออยู่แบบนี้สามชั่วโมงแล้วนะ ถ้าเฮียกับมาฉันจะรีบบอก” “อื้อ” “พรุ่งนี้ไปเรียนด้วย อย่าขาด” “ไม่อยากไปเลย” “แยกแยะหน่อยใจ๋ จะมัวเสียใจแล้วพลานไม่ไปเรียนมันใช่เรื่อง? ตัดสินใจไปแล้วก็ต้องยอมรับผลของมันให้ได้” “ใจ๋น่ารักไหมไทเกอร์” “อื้อ น่ารัก คนจีบทั้งมอขนาดนั้นจะถามทำไมหลักฐานก็เห็นอยู่” “ทำไมพี่เสือไม่ชอบล่ะ” “เธอรุกมันหนักไป มีอย่างที่ไหนขึ้นไปบนห้องนอนเล่นบนเตียง บางวันไปหาที่คอนโด แถมยังเคยตามไปเฝ้าที่คลับ” “ฉะ ฉันเคยทำแบบนั้นด้วยหรอ” “อีกอย่าง เราโตมาด้วยกันเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เฮียมันเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ” “แต่ฉันชอบพี่เสือไปแล้ว เรื่องนั้นรู้ว่าผิดตอนนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ด้วย ต้องหนีหน้ากันแบบนี้ไปตลอดเลยหรือไง” “รอให้เฮียมันใจเย็นกว่านี้เดี๋ยวก็กลับมา อย่าเพิ่งเซ้าซี้มากเลย มันเป็นคนใจร้อนจะตาย เห็นไม่ใช่หรอเวลาฟิวขาดเฮียมันน่ากลัวขนาดไหน” “หรือว่าฉันจะลองคุยกับพ่อ เรื่องหมั้นดูอีกที” “อยากเจอดุหรือไง วันนั้นเห็นนะว่าเธอกลัวคุณลุงจนตัวสั่น” ถึงแม้พ่อจะไม่ได้ห้ามไปซะทุกอย่าง แต่เพราะเคยถูกตีตอนเด็กๆ เวลาทำผิด แม้กระทั่งตอนโตเวลาทำอะไรไม่ถูกใจพ่อก็จะลงโทษ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันกลัวพ่อมากๆ “ถ้าฉันเลือกนายมันคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้” “อย่าพูดเลยถ้าล็อกคำตอบไว้ในใจตั้งแต่แรก อีกอย่างฉันไม่อยากจะหมั้นกับเธอหรอกนะ แค่คิดก็ขนลุกแล้วใจ๋” “ขนลุกเหมือนกันแหละ” พูดแล้วฉันก็ลูบแขนไปมา ขณะที่คุยกับไทเกอร์จนสบายใจแล้วและยิ้มออกมาได้ จู่ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยเดินเข้ามาในบ้าน เมื่อเห็นฉันนั่งอยู่ก็ถึงกับต้องชะงัก และทำท่าจะเดินออกไป จึงรีบเรียกเอาไว้ “พี่เสือ” ร่างสูงหยุดนิ่ง ไหล่ที่กระเพื่อมบ่งบอกว่าเขากำลังพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ อย่างหงุดหงิด “จะ ใจ๋อยาก…..” “ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอตอนนี้” “เฮียอย่าใจร้ายนักเลย ใจ๋มารอเฮียที่บ้านทุกวันเลยนะ” ไทเกอร์ช่วยพูดอีกแรง พี่เสือหันมามองด้วยสายตาที่เย็นชาทำเอาหัวใจดวงน้อยกระตุกวูบไหว “พาเพื่อนของมึงกลับบ้านไปไทเกอร์ก่อนที่กูจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้”หลายเดือนต่อมาฉันย้ายมาพักห้องพิเศษวีไอพีที่โรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว จริงๆ ไม่ได้มีวันตายตัว แต่หมอบอกว่าไม่น่าเกินสองวันนี้ เราจึงตกลงกันไว้มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอดเลยน่าจะสะดวกกว่า เพราะวันก่อนฉันปวดท้องมาก ทีแรกคิดว่าจะคลอดแล้วแต่พอมาถึงโรงพยาบาลอยู่ๆ ก็หายปวดซะงั้น ยัยลูกสาวตัวแสบของฉันขี้แกล้งใช่ไหมล่ะ“จ๋ายตอนนี้เป็นไงบ้าง” ม่านกั้นรอบเตียงถูกเปิดออกพร้อมกับไทเกอร์ที่โผล่หน้าเข้ามาถาม“ยังไม่มีอาการอะไรเลยไทเกอร์” ที่ฉันต้องขอให้พยาบาลปิดม่านไว้ก็เพราะกันไม่ให้ไทเกอร์ตื่นตูมมากเกินไป ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงจนตอนนี้เขาถามฉันทุกๆ ห้านาทีเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ก้นนั่งไม่ติดโซฟาด้วยซ้ำ พอจะเข้าใจว่าตื่นเต้นเพราะเขากำลังจะเป็นพ่อคน แต่มันก็ออกจะเกินไปหน่อย“จ๋าย ฉันว่าเราจ้างหมอให้มายืนรอเตรียมคลอดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยดีกว่า เพราะถ้าจะคลอดขึ้นมาจะได้ลงมือทันทีเลย แบบนี้ดีไหม” น้ำเสียงของไทเกอร์ติดๆ ขัดๆ ฟังดูลนลานพูดผิดพูดถูก“ไทเกอร์ใจเย็นๆ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ถ้าจะคลอดจริงๆ ก็แค่กดปุ่มตามหมอมา” “แต่ว่า..” “ถ้านายดื้อฉันจะกลับบ้านนะ” “อย่านะ ไม่ได้สิ เอาแ
หลังหมั้นได้สามวันฉันกับไทเกอร์นั่งเครื่องไปยังเกาะส่วนตัว ที่ต้องรีบไปเพราะอีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้วคงไม่มีเวลา แถมท้องเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆใช้เวลาเดินทางไม่นานเราสองคนก็มาถึงเกาะส่วนตัว ที่ที่เป็นความทรงจำไม่ดีสักเท่าไรสำหรับฉัน แต่เชื่อว่าครั้งนี้ไทเกอร์สามารถลบเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้อย่างที่เคยให้คำสัญญาเอาไว้เพราะความทรงจำเกิดขึ้นที่นี่มากมาย มองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน“เข้าบ้านกันครับ” ไทเกอร์เดินมาหยุดข้าง ๆ สองมือหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ครั้งนี้เขาอนุญาตให้ฉันใส่บิกินีหรือชุดโชว์หุ่นได้ตามสบาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใจดีขนาดนี้เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน“เล่นน้ำกันนะ” “หืม?”“ก็นายอนุญาตให้ใส่บิกินีได้ทั้งที” ฉันทำปากมุ่ยมุบมิบเพราะไทเกอร์เอาแต่ขมวดคิ้ว พอตอบไปแล้วเขากลับยิ้มแบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ“แกล้งทำไม”“รู้ไหมเวลาทำปากแบบนี้แล้วน่าจูบขนาดไหน”“ขนาดไหนเหรอคะ” ฉันเขย่งเท้าขึ้นเอาหน้ายื่นไปใกล้ ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงไม่เท่าไทเกอร์จนเขาต้องโน้มลงมา แต่พอเขาทำท่าจะจูบก็รีบขยับตัวหนีพร้อมส่งยิ้มหวานให้“เอาคืนแบบนี้?”“ขัดใจเห
ไทเกอร์กับฉันตื่นเช้าด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เพราะเราสองคนนับวันจนผ่านมาถึงวันที่เฝ้ารอนั่นคือการไปอัลตราซาวนด์ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นเบบี๋น้อย แต่คนที่ตื่นเต้นมาก ๆ ก็ไม่พ้นคนที่บ้านต่างโทรมาถามกันยกใหญ่ ไทเกอร์รับสายจนแทบไม่ได้พักแล้วพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ว่าไม่รู้เพศกำลังจะเข้าห้องไปอัลตราซาวนด์“ตื่นเต้นไหม” ลุงหมอถาม“ตื่นเต้นครับ แต่คนที่บ้านตื่นเต้นกว่า” พอไทเกอร์บอกอย่างนั้นลุงหมอก็หัวเราะเบา ๆ“ธรรมดาหลานคนแรกของตระกูล”ลุงหมอบีบเจลสีใสเนื้อสัมผัสหนืดลงมาบนท้องของฉัน จากนั้นก็เอาเครื่องบางอย่างมาถูวน ๆ ก่อนจะปรากฏภาพในจอตรงหน้าพร้อมเสียงคลื่นหัวใจครั้งแรกที่ได้เห็นทารกตัวน้อยผ่านจอหัวใจของฉันมันก็เต้นรัว รีบเงยหน้ามองไทเกอร์ เขายิ้มให้ฉันพร้อมมือที่บีบแน่น คงตื่นเต้นมากแน่เลยเพราะมือแอบสั่นด้วย“จมูกพุ่งมาเลย” ลุงหมอค่อย ๆ เลื่อนดูไปทีละจุดช้า ๆ พร้อมพูดบอกว่าตรงนั้นคือส่วนไหนของร่างกาย“ปกติแข็งแรงตามอายุครรภ์”“ถึงเวลาดูเพศแล้ว หนูน้อยไหนหันมาให้ลุงดูหน่อยเร็ว”ทั้งฉันและไทเกอร์ต่างเงียบสายตาโฟกัสไปบนจอด้วยความตื่นเต้น ลุงหมอใช้เวลาดูอยู่ไม่นานก็หันมายิ้ม“ผู้หญิงนะ ใช่อย่างที
… ผ่านไปเกือบเดือน ตอนนี้ฉันกำลังนั่งดูแบบชุดที่จะใส่วันหมั้น เราได้ฤกษ์มาแล้วเป็นเดือนหน้า ดูรวบรัดหน่อยต้นเหตุก็เพราะไทเกอร์ขอเลือกวันที่เร็วที่สุดถึงได้หัวหมุนกันอย่างดี โชคดีที่เชิญแค่คนสนิทไม่ใช่งานใหญ่อะไรอย่างที่เคยคุยกันไว้ช่วงนี้ฉันกับไทเกอร์อยู่ที่คอนโดซะมากกว่าที่บ้าน เหตุผลก็เพราะเขาอยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น ถึงบ้านจะหลังติดกันแต่เข้า ๆ ออก ๆ นอนห้องเดียวกันรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยดี ถึงที่บ้านจะไม่ว่าอะไรก็ตาม เราคุยกันแล้วพ่อกับแม่ก็อนุญาตแต่ช่วงท้องเดือนที่เจ็ดต้องกลับไปอยู่บ้านจะได้มีคนช่วยดู ช่วงนั้นไทเกอร์ก็ต้องเรียนด้วยไม่มีเวลามาคลุกอยู่กับฉันทั้งวันอย่างตอนนี้ “ชุดนี้สวยไหม” ฉันถามคนที่นอนบนตัก ทางร้านส่งแบบมาให้ที่คอนโด หลังจากเลือกแล้วก็จะสั่งคนมาวัดตัว เป็นร้านของเพื่อนสนิทแม่ก็เลยไม่ต้องได้ไปด้วยตัวเอง“ครับ จ๋ายใส่ชุดไหนก็สวย”“หยุดคลั่งรักฉันแล้วลุกขึ้นมาเลือกชุดก่อนดีไหม” ฉันมองค้อนไทเกอร์ เขาไม่เห็นจะเลือกเลยเอาแต่นอนหนุนตักทำปากมุบมิบคุยกับลูกอยู่ได้“หยุดไม่ได้ มีแต่จะคลั่งรักเมียมากขึ้นทุกวัน”แปะ!! พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบฟาดมือที่ไหล่เขาทันที
“ทะ... ไทเกอร์พอแล้ว อ๊ะ~” ฉันพยายามใช้มือดันตัวเองออกห่างจากลิ้นสากที่ละเลงเลียเม็ดเสียวอย่างไม่ยอมฟังคำห้าม“อ๊าง~ พอแล้ว อ๊า~”เขามันบ้าเอาแต่ใจตัวเองที่สุด!!!ไม่ว่าจะเอ่ยห้ามสักเท่าไรไทเกอร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุด เขาเร่งจังหวะสัมผัสร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างของฉันสั่นสะท้าน ความร้อนรุ่มร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย สองมือจิกลงบนผ้าปูที่นอน พยายามข่มกลั้นแต่ยิ่งพยายามระงับกลับยิ่งรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผา“หวาน” ใบหน้าหล่อผละออกมาจากกลางลำตัวแล้วพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียขอบปาก ฉันที่มองอยู่รู้สึกอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว “โรคจิต!!” พอไทเกอร์ลุกขึ้นออกจากเรียวขาก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ทันที เขาเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา“มาว่าโรคจิตได้ยังไงจ๋าย เมื่อกี้เธอเพิ่งปลดปล่อยใส่ปากฉันแท้ ๆ”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”“รู้ไหมรสชาติของเธอมันหวานมากเลย”“ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”ฉันมุ่ยปากใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างหนาที่กำลังล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขาทำตีมึนตาใสเอาแขนมาวางตรงท้องแล้วลูบไปมาอย่างทุกครั้ง“งอนบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกจะขี้งอนตามแม่นะ”“ทฤษฎีไหนของนายอีก” หันกลับมามองคนที่กำลั
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาในห้อง ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะยกแขนบิดขี้เกียจไปมา จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันหลังทำธุระเสร็จฉันเดินมาหาไทเกอร์ที่ครัว เขาอยู่ในชุดกันเปื้อนกำลังยืนทำอาหารอย่างตั้งใจ โดยทำตามวิธีที่เปิดดูจากยูทูบ“วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน”ฉันเดินมาถามใกล้ ๆ ก่อนคนตัวสูงในชุดกันเปื้อนจะหันมาแล้วก้มลงจูบบนหน้าผาก ก่อนจะตอบ“ผัดผักใส่หมูสับ”“เอาใจเก่งจังเลยนะ”“ไม่ได้ทำเพราะเอาใจ ทำเพราะอยากทำ” ไทเกอร์หันกลับไปสนใจกระทะที่กำลังเปิดไฟร้อนผัดหมู ส่วนฉันก็ขยับออกห่างเล็กน้อยเพราะกลัวไปเกะกะเขา“นายได้ทำอะไรพี่ฝนกับเพลงหรือเปล่า” เพราะรู้สึกว่าสองคนนี้เงียบหายไปเลยไม่มาวุ่นวายกับเราสองคนแล้ว ก็เลยถามดู เขาอาจจะทำอย่างที่เคยทำกับแป้งตอนนั้นที่จู่ ๆ ก็หายไปไม่กล้ายุ่งกับไทเกอร์อีก“ทำไมถามแบบนั้น”“ฉันรู้สึกว่าสองคนนั้นเงียบหายไปเลย นายทำอะไรหรือเปล่า”“เธอห้าม แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งได้ยังไง” เขาตอบโดยไม่หันมามอง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจของที่อยู่ในกระทะ“ถ้าทำฉันก็ไม่ว่าอะไร แค่ไม่อยากให้โกหก”จู่ ๆ ไทเกอร์ก็วางตะหลิวในมือก่อนจะปิดแก๊สแล้วหมุนตัวหันมาป