เข้าสู่ระบบเสียงจากวงเหล้าเงียบไปได้สักพักแล้วตอนที่ฉันออกจากหลังตู้ มาหยิบเสื้อตัวที่ไม่เปียกน่ะ วงเหล้าคงล่มเพราะลมวูบนั้นนั่นแหละ ลมบ้าอะไรก็ไม่รู้ พัดมาวูบเดียวก็ก่อเรื่องไว้มากมายเกินควร จากนี้ฉันจะมองหน้าพี่บอมส์ติดได้ยังไงกันนะ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่รีบลงจากดาดฟ้านี่สักที เพราะออกจากห้องเก็บของมาแล้ว ก็ยังมานั่งเอนหลังอยู่ที่เก้าอี้นวมหน้าประตูเหล็กอยู่ดี
อากาศเย็นๆ ในช่วงดึกสงัดทำให้ฉันต้องขยับตัวกอดอกตัวเองไว้อย่างแน่นเลย เพราะตัวฉันตอนนี้ก็มีแค่เสื้อยืดบางๆ หุ้มตัวอยู่เท่านั้น มันไร้ซึ่งชิ้นผ้าที่ควรจะมีติดตัว เป็นครั้งแรกเลยที่โนบราทั้งที่อยู่นอกห้องนอน
แก๊ง!
เสียงเหมือนขวดแก้วกระทบกันดังขึ้น ชวนให้ฉันมองหาต้นเหตุของเสียง และแน่นอนว่า ฉันหันไปมองที่ดาดฟ้าข้างๆ ทันที ฉันเดาว่า พี่บอมส์กับเพื่อนคงเก็บขวดเหล้าขวดเบียร์ไปไม่หมด มันเลยล้มกลิ้งชนกัน แต่ว่านะ... อะไรทำให้มันล้มหรือล้มไปชนกันล่ะ จะว่าลมพัดก็คงไม่ใช่ พอคิดได้อย่างนั้น ฉันก็ลองยืดตัวขึ้นมองจ้องไปที่ดาดฟ้าของเพื่อนบ้าน เห็นพี่บอมส์กำลังเรียงขวดเบียร์ใส่ลังพลาสติกอย่างคล่องแคล่ว ฉันลดตัวลงเอนหลังกับพนักเก้าอี้นวมตามเดิม ใจหวังว่า พี่บอมส์จะไม่ทันรู้สึกตัวว่าถูกฉันแอบมองอีกแล้ว แต่หูของฉันยังจับฟังเสียงขวดกระทบกัน และเสียงฝีเท้าพี่บอมส์อย่างจดจ่อ ขณะที่สายตาทอดมองไปบนท้องฟ้าที่ไร้เมฆหมอก คงเพราะลมบ้าๆ เมื่อครู่นี้นั่นแหละที่พัดเอาพวกมันไปฟ้าอื่น ทำให้ตอนนี้ ฟ้าของฉันโปร่งใส มองเห็นดาวชัดเจน
เสียงจากดาดฟ้าของเพื่อนบ้านเงียบไปแล้ว ไม่รู้อะไรทำให้ฉันอยากจะนั่งอยู่ตรงนี้จนพี่บอมส์ลงจากดาดฟ้าไป เอาล่ะ พี่บอมส์คงจะลงไปนอนแล้วสินะ ฉันเองก็ควรจะลงไปนอนสักที ว่าแต่... จะนอนที่ไหนดีนะคืนนี้
แก๊ง!
เสียงขวดกระทบกันทำให้ฉันที่กำลังมองห้องเก็บของอย่างชั่งใจ ต้องหันไปมองดาดฟ้าข้างๆ โดยอัตโนมัติ และเห็นพี่บอมส์ยืนเกาะรั้วปูนอยู่ ใกล้ๆ มือเรียวสวยมีขวดเครื่องดื่มสีฟ้าสวยสองขวดวางอยู่บนรั้วปูน
" แทนคำขอโทษค่ะ" พี่บอมส์บอกพลางยื่นขวดหนึ่งข้ามรั้วมา
"เอ่อ... ไม่เป็นไรค่ะ" ฉันรีบเอ่ยทันทีหลังจากอึ้งเงียบไปหลายวินาทีเพราะคิดคำพูดไม่ออก
"รับไว้เถอะนะ ถ้าหมวยเล็กไม่รับพี่ก็ไม่สบายใจนะ" พี่บอมส์คะยั้นคะยอได้น่าตามใจจริงๆ นะคะ ด้วยสีหน้าท่าทางที่รู้สึกผิดซึ่งทำให้ฉันเกือบจะคลายมือที่กอดอกอยู่ ไปรับขวดเครื่องดื่มที่ฉันก็รู้ดีว่า มันคือของมึนเมา แต่ฉันก็ยังยั้งมือตัวเองไว้ได้ พลางเอ่ยกับพี่บอมส์ว่า
"ไม่สบายใจทำไมคะ พี่ไม่ได้ผิดเลย ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกนะ"
"ยังไงพี่ก็อยากขอโทษแทนเพื่อนพี่อยู่ดีแหละ... นะ รับไว้เถอะ" พี่บอมส์ยังยืนยันคำเดิม ฉันเองก็ไม่อยากจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปกว่านี้ เลยกะจะบอกพี่บอมส์ว่า ฉันดื่มไม่เป็นและอายุก็ยังไม่ถึง แต่ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรออกไป พี่บอมส์ก็ยันตัวขึ้นมานั่งบนรั้วปูนที่กว้างราวๆ หนึ่งฟุตและทำท่าจะข้ามมาดาดฟ้าฉันซะงั้นแหละ ฉันรีบลุกไปหาพี่บอมส์ทันที ปากก็ร้องถาม "พี่จะทำอะไรเนี่ย"
"ก็หมวยเล็กไม่ยอมลุกมาคุยกันดีๆ พี่เลยจะข้ามไปง้อไง" พี่บอมส์แจ้งเหตุผลทันที ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันงงนิดๆ และรีบตอบกลับไปว่า
"ง้ออะไรกันเล่า ไม่ได้โกรธอะไรสักหน่อย"
"จะไปรู้เหรอ ก็เห็นนั่งกอดอกนิ่งไม่ขยับไปไหนเลย ก็นึกว่างอนน่ะสิ" พี่บอมส์คงบ่นพึมพำออกมาอีกนั่นแหละนะ เออ แต่ว่า อืม... กอดอก เออเห้ย ตายล่ะ ฉันลืมไปซะสนิทเลยว่า ตัวเองโนบราเลยกอดอกไว้เพื่อกันสายตาพี่บอมส์ไปในตัว แต่ตอนนี้ฉันวางมือเกาะรั้วปูนอยู่ทั้งสองข้างเลย ฉันจึงยกมือซ้ายขึ้นจับไหล่ขวาตัวเองไว้ทันที หวังให้แขนซ้ายช่วยทาบปิดหน้าอกไว้
...ขอให้พี่บอมส์ไม่รู้ทีเถ๊อะ!!!
ขณะที่ฉันคิดกังวลกับหน้าอกตัวเองอยู่นั้น พี่บอมส์ก็เอื้อมมือมาคว้าเอามือซ้ายของฉันไปจับที่ขวดเครื่องดื่มที่เธอถืออยู่ ให้ตายเถอะ พี่บอมส์คงไม่รู้จริงๆ ว่าฉันต้องการใช้แขนซ้ายปกปิดอะไร
"ดื่มเป็นเพื่อนกันหน่อยนะคะ เพื่อนพี่มันกลับกันไปหมดแล้ว"
นั่นเป็นประโยคแรกหลังจากที่ฉันหลวมตัวรับเครื่องดื่มจากมือพี่บอมส์มาแล้ว แต่มันเป็นประโยคสุดท้าย ที่เรายืนคุยกันข้ามรั้วแบบนั้น เพราะฉันชวนให้พี่บอมส์นั่งหันหลังติดรั้วหากอยากจะดื่มใกล้ๆ ฉัน เพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องระวังตัวมากเรื่องหน้าอกที่มีเพียงเสื้อยืดบางๆ พรางอยู่
หลังจากนั้น ฉันกับพี่บอมส์ก็ต่างคนต่างลากเก้าอี้นวมของตัวเองมาวางติดรั้วปูน ฉันเองก็เพิ่งสังเกตว่า นอกจากโซฟาเบดสีน้ำเงินตัวนั้นแล้ว พี่บอมส์ยังมีเก้าอี้นวมสีน้ำตาลอยู่อีกตัว เรานั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้นวมตัวโปรดของตัวเอง เราหันหลังให้กันและจิบเครื่องดื่มสีฟ้าสวยไปพร้อมๆ กัน เรายื่นขวดขึ้นมาชนกระทบกันบ้างตรงเหนือรั้ว ปากก็เอ่ยคำพูดสัพเพเหระไปเรื่อย จนค็อกเทลในขวดแก้วพร่องไปเกินครึ่ง พี่บอมส์ก็ขอชนอีกครั้ง ฉันยื่นขวดขึ้นไปเหนือรั้ว รอให้อีกคนเอาขวดมาชนกระทบกันอย่างครั้งก่อนๆ แต่กลับไม่มีการชนกระทบขวดอย่างที่ควรจะเป็น ฉันที่เริ่มจะเมื่อยแขนก็เลยต้องลดแขนลงและขยับตัวขึ้นคุกเข่าบนเก้าอี้นวม หันหน้าไปทางดาดฟ้าของเพื่อนบ้าน เห็นพี่บอมส์กำลังมองขึ้นมาพลางบอก "ดื่มด้วยกันก็ต้องเห็นหน้ากันด้วยสิ จริงมั้ย"
พี่บอมส์ขยับตัวขึ้นคุกเข่าบนเก้าอี้นวมในท่าเดียวกับฉันและยื่นขวดมา ฉันยิ้มขำตัวเองที่ถูกหลอกให้หันมาเผชิญหน้ากับพี่บอมส์ ก่อนจะยกขวดขึ้นมาชนขวดในมือพี่บอมส์เบาๆ แต่เมื่อเห็นสายตาของพี่บอมส์ในวินาทีนั้นทำให้ฉันไม่อาจจะยกขวดจรดริมฝีปากตัวเองได้
สายตาของพี่บอมส์ จดจ้องอยู่ที่อกเสื้อยืดตัวบางปราการเพียงชั้นเดียวของฉัน... มือเรียวของพี่บอมส์ที่จิกจับอยู่ที่รั้วปูน และริมฝีปากที่เม้มนิดๆ ของเธอทำให้ฉันใจสั่น เมื่อพอจะนึกได้ว่า เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันยื่นขวดในมือไปชนกับขวดของพี่บอมส์อีกครั้ง หวังให้เสียงนั้นดึงสติเราทั้งคู่ไว้บ้าง ฉันเขินที่ถูกมองหน้าอกมากกว่าถูกพี่บอมส์สบตาจริงๆ นะคะ มันเป็นอะไรที่บอกได้แค่ว่า ฉันทำตัวไม่ถูกมากขึ้นเป็นสิบเท่า
พี่บอมส์ยิ้มมุมปากก่อนชายตาขึ้นมาสบตาฉัน แล้วยกขวดค็อกเทลขึ้นกระดกดื่มรวดเดียวจนหมด ฉันเองก็อดไม่ได้ที่จะไม่มองริมฝีปากสวยและคอขาวเนียนที่กำลังกลืนอึกเครื่องดื่มอย่างต่อเนื่องจนหยดสุดท้าย
"นี่ ถามจริงนะ ทำไมไม่ลงไปนอน" พี่บอมส์ถามออกมาพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากของเธอที่ชุ่มไปด้วยค็อกเทลสีฟ้าที่เพิ่งดื่มเข้าไป
"กำลังจะลงไปค่ะ แต่พี่มาทักก่อนไง"
พี่บอมส์พยักหน้านิดๆ เลิกคิ้วหน่อยๆ เหมือนไม่เชื่อสิ่งที่ฉันเพิ่งบอกไป ก่อนจะพูดพึมพำออกมาว่า
"พี่ก็นึกว่าหมวยเล็กจะรีบลงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยกว่านี้ หรือ ไม่ก็รีบเข้านอนไปเลยซะอีกนะ โนบราตอนอากาศเย็นๆ อย่างนี้ระวังเป็นหวัดนะคะ"
เหอะๆ โอเคค่ะ พี่บอมส์ ในที่สุดพี่บอมส์ก็ทำให้ฉันเขินได้ตรงจุดสุดๆ จนได้ ฉันเดาว่าตอนนี้หน้าฉันที่แดงนิดๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่แล้ว มันคงจะยิ่งแดงขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า
"เอ่อ.. งั้น ขอตัวเลยดีกว่าค่ะ"
ฉันวางขวดแก้วไว้ที่รั้วปูนและรีบก้าวขาลงจากเก้าอี้นวมเตรียมชิ่งทันที แต่ก็ถูกพี่บอมส์คว้าจับแขนไว้
"เดี๋ยวค่ะ หมวยเล็กยังดื่มไม่หมดเลยนะ" พี่บอมส์บอกพลางพยักพเยิดไปที่ขวดแก้วขวดนั้นซึ่งยังเหลือค็อกเทลอยู่ราวๆ สองอึก
"คืนนี้พอแค่นี้ดีกว่าค่ะ"
"น่านะ ถ้าดื่มไม่หมดพี่เสียใจนะ" พี่บอมส์บอกพลางหยิบขวดแก้วขวดนั้นมายื่นให้ฉัน
"แต่หนูดื่มไม่เก่งนี่" ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นแปลกๆ จนตัวฉันเองยังประหลาดใจ
"เอางี้ เดี๋ยวที่เหลือพี่ดื่มเอง แต่หมวยเล็กต้องอยู่ตรงนี้จนกว่าพี่จะดื่มหมดนะ" พี่บอมส์พยายามต่อรองโดยที่มือเธอยังจับแน่นอยู่ที่แขนฉัน
"จะดีเหรอคะ ดื่มต่อที่หนูเหลือไว้น่ะ"
"ทำไมจะไม่ดีล่ะ" ถึงพี่บอมส์จะถามออกมาอย่างนั้นแต่เธอก็ยังไม่ดื่มค็อกเทลนั่นสักอึก ทั้งที่ฉันคิดว่าเธอจะกระดกรวดเดียวหมดหรือไม่ก็ค่อยๆ จิบไปด้วยระหว่างคุย
"ก็บางคนนะ เขาจะรังเกียจการดื่มอะไรต่อจากคนอื่นนี่คะ" ฉันบอกเหตุผลพลางก้าวขากลับขึ้นคุกเข่าบนเก้าอี้นวมตามเดิม
"บางคนนั้นไม่ใช่พี่หรอกนะ ถ้าคนที่ดื่มเหลือไว้คือหมวยเล็กอ่ะ" พี่บอมส์บอกพลางยกขวดแก้วขึ้นมามองดูก่อนจะพูดต่ออีกว่า
"แล้วนี่ก็แค่ดื่มต่อจากขวดเดียวกันนะ คือ... ถ้าหมวยเล็กรู้ว่าพี่จะให้เราป้อนพี่แบบไหน พี่เองนี่แหละที่ต้องถาม ว่าหมวยเล็กจะรังเกียจพี่มั้ย"
"ป้อน... ยังไงคะ" ฉันถามทันทีเลยค่ะ เพราะนึกอยากรู้ว่า พี่บอมส์จะให้ฉันป้อนค็อกเทลเธอด้วยวิธีไหน
พี่บอมส์เอาปากขวดแก้วมาแตะปากฉันแล้วเอาไปแตะปากพี่บอมส์เอง
นี่พี่บอมส์จะให้ฉัน...
"ป้อนแบบปากต่อปาก กล้าเปล่า" พี่บอมส์พูดและจ้องตาฉัน จนฉันต้องหลบตาทันที
โอยยย... บ้าไปแล้ว... ฉันเหรอจะกล้า
"ว่าไง ไม่กล้า หรือว่ารังเกียจพี่" พี่บอมส์ถามพลางก้มหน้ามองรั้วปูน นิ้วเรียวเคาะปูนเรียบๆ รอคำตอบ
"ไม่ได้รังเกียจค่ะ แต่ว่า..." ฉันคงอ้ำอึ้งลังเลเกินไป จนพี่บอมส์สงสารล่ะมั้งคะ พี่บอมส์ถึงได้หัวเราะออกมาเบาๆ พลางเอื้อมมือมาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู ก่อนจะลุกยืนขึ้นบนเก้าอี้นวมแล้วพาดขาข้ามรั้วปูนมา
"ข้ามเขตมาบ้านคนอื่นแบบนี้เรียกบุกรุกนะคะ"
นี่ฉัน พูดอะไรไปเนี่ย... แต่ช่างเถอะ ฉันพูดไปแล้ว พูดกับผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรั้วปูนตรงหน้าฉันนี่แหละ
"โห... เจ้าของบ้านโหดจัง พี่ข้ามกลับก็ได้ แต่ว่า..." พี่บอมส์บอกพลางโน้มตัวมาใกล้และบอกเบาๆ ว่า "ขอป้อนค็อกเทลเจ้าของบ้านก่อนนะ"
ว่าแล้วพี่บอมส์ก็หันไปกระดกค็อกเทลอึกใหญ่จากขวดแก้ว ฉันที่ตาเบิกโพลงกับสิ่งที่ได้ยินก็รีบถอยลงจากเก้าอี้นวมโดยอัตโนมัติ ซึ่งอันที่จริงน่าจะเรียกว่าเอนตัวไปด้านหลังจนหน้าหงายซะมากกว่า ทำให้ฉันตกอยู่ในสภาพที่ยากจะขัดขืน เมื่อพี่บอมส์ช่วยคว้าตัวฉันไว้และดึงให้กลับเข้าไปชิดใกล้กันยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่เราพบกัน แล้วประกบริมฝีปากมอบจูบรสค็อกเทลให้ฉัน
ค็อกเทลหยดไหลจากมุมปากฉันทีละนิด และพี่บอมส์ก็ตามไปจัดการทุกหยาดหยด ไม่ว่าจะที่คางหรือที่คอก็ตามเก็บได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่แถมมาอย่างไม่บอกกล่าวก็คือ มือเรียวสองข้างที่ข้างหนึ่งเพิ่งวางขวดแก้วลงบนรั้วปูนข้างตัวอย่างหมิ่นเหม่ได้ออกแรงรั้งตัวฉันขึ้นตักเธอ ทำให้ขาฉันได้ไปพาดบนพนักเก้าอี้นวมของพี่บอมส์ด้วยก่อนที่มือสองข้างนั้นจะลูบไล้เข้าใต้เสื้อยืดตัวบางที่ประสบความล้มเหลวในการปกป้องอำพรางเรือนร่างของคนใส่ไปแล้ว ฉันจับมือทั้งสองข้างนั้นไว้ แต่ไม่ออกแรงยั้งใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนตัวฉันเองก็ไม่ต้องการให้มันหยุดรุกล้ำร่างกายฉัน พี่บอมส์มองการกระทำของฉันแล้วเธอก็หยุดการกระทำทุกอย่างเสียเอง เราสบตากันนิ่งในความเงียบสงัดของค่ำคืน
พี่บอมส์คว้าขวดค็อกเทลจากรั้วปูนข้างตัวขึ้นมาจรดริมฝีปากแล้วดื่มของเหลวในขวดจนหมด ปลายลิ้นซุกซนเลียริมฝีปากอย่างเชิญชวนกวนอารมณ์ ก่อนยิ้มให้ฉันและบอก
"บุกรุกบ้านคนอื่นเท่ากันแล้วนะคะ"
เราหัวเราะไปด้วยกัน และกอดกันในท่านั้นนานเป็นนาที ก่อนที่พี่บอมส์จะประคองฉันลงจากตักจากนั้นก็ขยับตัวข้ามรั้วกลับไปดาดฟ้าตัวเอง แล้วโบกมือลา ฉันโบกมือตอบและพยายามยิ้มให้เธอไปด้วย แต่ฉันรู้ตัวว่า ในตอนนั้นหน้าฉันคงดูมึนๆ แปลกๆ ชอบกลอยู่
พี่บอมส์ข้ามกลับไปดาดฟ้าตัวเองนานแล้ว แต่ฉันก็เพิ่งจะมีแรงก้าวลงจากเก้าอี้นวม และเดินเข้าห้องนอนลับของฉัน เมื่อทิ้งตัวลงบนที่นอนฉันวางมือทาบอกยังรู้สึกได้ ว่า หัวใจฉันมันเต้นแรงแค่ไหน ขณะนึกภาพเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ที่ฉันเกือบปล่อยตัวให้พี่บอมส์ไปซะแล้ว จูบแรกของฉันเกือบเป็นจุดเริ่มต้นของ One night stand ซะแล้วสิ
ในคืนที่กรุงเทพคึกคักเป็นบางจุด เพราะใครต่อใครก็ต่างทยอยไปหาที่เคาท์ดาวน์กันหมดนั่นแหละ อาจเป็นเวทีคอนเสิร์ตตามห้างดังๆ สักแห่ง หรือ สถานที่เที่ยวฮิตๆ ต่างจังหวัด บางคนก็กลับบ้านไปรับลมหนาวนอกกรุง แถวละแวกบ้านฉันจึงเงียบสงบกว่ามากในคืนสิ้นปีแบบนี้อาม่าไม่อยู่ตั้งแต่สองวันก่อน โดยบอกไวเพียงแค่จะไปกินผัดไท ฉันเดาว่าคงเป็นร้านแถวบ้านเก่าพี่บอมส์แน่ๆ เลย ส่วนเจ้ก็ไปค้างกับคุณบรรณารักษ์ คนงานร้านข้าวมันไก่ลากลับบ้านกันหมด คืนนี้ฉันจึงนัดเคาท์ดาวน์กับพี่บอมส์ที่บนดาดฟ้าซะเลย แต่ฉันชวนวาวมาด้วยนะคะ และคงเพราะวาวก็มาด้วยนี่แหละมั้งคะที่เป็นเหตุให้พี่บีมบอกว่าจะมาเคาท์ดาวน์กับเราด้วยกว่าวาวจะมาถึงบ้านฉันก็ดึกพอควรแล้ว แถมคุณเพื่อนดันขออาบน้ำก่อนจะขึ้นดาดฟ้าอีกนะ ฉันเลยเดินขึ้นดาดฟ้าไปก่อนเลยค่ะ เพราะรอวาวอาบน้ำไม่ไหวจริงๆ เมื่อรู้ว่าพี่บอมส์รออยู่บนดาดฟ้าสักพักแล้ว ฉันหยิบผ้าห่มและถุงขนมที่ซื้อมาติดมือขึ้นไปด้วย และพอขึ้นไปถึง ฉันก็เจอพี่บีมที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดพวกเครื่องดื่มและอาหารให้พร้อมอยู่บนโต๊ะไม้เตี้ยๆ ใกล้ที่นอนปิกนิคขนาดใหญ่อย่างเงียบๆ เมื่อพี่บีมหันมาเห็นฉันเพราะได้ยินเสียงประ
หลังจากมื้อเย็นผ่านไป ทุกคนแยกย้ายกันพักผ่อน แล้วความอึ้งก็บังเกิดกับฉันอีกระลอก คือ พี่บอมส์เอ่ยปากขออนุญาตอาม่านอนค้างกับฉัน และอาม่าก็อนุญาตอย่างง่ายๆ จนฉันงง ฉะนั้นเมื่อได้อยู่กับพี่บอมส์ตามลำพังในห้องนอนของฉันที่ชั้นสาม คำถามมากมายในหัวฉันจึงถูกเอ่ยออกมาเพื่อหาคำตอบจากเธอ เนื่องจากเมื่อเย็นฉันมัวแต่อึ้งจนไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรใครเลย “พี่รู้จักอาม่ามานานแล้ว บ้านเก่าพี่อยู่ใกล้บ้านแฟนอาม่าน่ะ” พี่บอมส์ตอบมาอย่างนั้น เมื่อฉันถามว่า ทำไมเธอถึงได้ดูสนิทสนมกับอาม่านัก มันเป็นคำตอบที่สร้างความประหลาดใจต่อฉันมาก เพราะฉันเข้าใจว่า อาม่าของฉันเป็นโสดมาตลอด เพราะอาม่าไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของฉัน แต่รับภาระเลี้ยงฉันกับเจ้มาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่พ่อกับแม่ของฉันเสียไปนั่นแหละ เนื่องด้วยอาม่าแท้ๆ ของฉันมีหลานชายอีกหลายคนที่ต้องดูแล และไม่มีใครในตระกูลว่างพอที่จะสืบทอดกิจการข้าวมันไก่เลย อาม่าของฉันซึ่งเป็นสาวโสดไร้ภาระลูกผัวจึงเข้ารับสืบทอดกิจการนี้เพียงคนเดียว ตั้งแต่ยังอายุไม่เข้าใกล้เลขสี่เลยด้วยซ้ำ “แฟนอาม่า...” ฉันทวนคำพูดพี่บอมส์อย่างครุ่นคิด “ใช่... สมัยนั้นพี่ยังเรียนประถมอยู่เลย ตอนที่อาม่ากับป
ขอโทษนะคะ ที่หายไปนาน แต่หลังจากวันนั้นบนดาดฟ้า ชีวิตของฉันก็ยิ่งวุ่นมากขึ้น เพราะการเป็นแฟนพี่บอมส์มันไม่ง่ายเลยที่ฉันจะสามารถปลีกตัวจากเธอเพื่อหาเวลามาเล่าบรรยายให้คุณๆ ได้ฟังกันว่า มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยเฉพาะบทลงโทษสองชั่วโมงที่พี่บอมส์คาดโทษฉันไว้เสียแน่นในคืนนั้นตามจริงแล้ว คืนนั้น ฉันถูกกักตัวไว้เกินสองชั่วโมงนะคะ แต่เราไม่ได้ทำอะไรต่ออะไรกันต่อเนื่องตลอดสองชั่วโมงหรอกค่ะ เพราะพี่บอมส์กับฉันมีเรื่องต้องคุยกันอีกเรื่อยๆ พี่บอมส์เลยใช้วิธีลงโทษแล้วพักคุยแล้วลงโทษอีก จนรวมเวลาลงโทษครบสองชั่วโมง ฉันแทบจะหลับสลบอยู่บนดาดฟ้านั่นแหละค่ะ ถ้าหากไม่นึกถึงวาวขึ้นมาได้และรีบขอตัวลงจากดาดฟ้ามาหาเพื่อนเอาตอนที่ฟ้าเริ่มจะสว่าง และช่างน่าอัศจรรย์เมื่อฉันพบว่าในเช้าวันนั้น วาวมีสภาพจิตใจดีขึ้นอย่างเห็นชัด ไม่มีน้ำตาให้ฉันต้องช่วยซับเลยสักหยด ฉันก็ดีใจนะคะที่เพื่อนดีขึ้น แม้จะสงสัยว่าดีขึ้นได้อย่างไร แต่ก็ไม่มีเวลามาซักไซ้เพื่อนมากนัก เพราะพักหลังๆ มานี่ฉันมีผู้ปกครองคนพิเศษคอยตามรับตามส่งที่โรงเรียนแทบทุกวันน่ะสิคะ ทุกเย็นวันธรรมดาที่ฉันเคยเดินกลับบ้านกับวาว นอกจากวาวจะชอบหายตัวไปบ่อยๆ ตอนนี้
“ไม่ได้ One night stand เหรอคะ” ฉันพูดทวนในสิ่งที่ได้ยินจากปากพี่บอมส์อีกรอบเลยค่ะ กลัวว่าฉันจะฟังผิดไป“อื้ม นี่อย่าบอกนะ ว่าเธอเข้าใจว่าเรา One night stand กันน่ะ” พี่บอมส์ย้อนถาม ท่าทางเธอทึ่งมากๆ กับความเข้าใจของฉันที่เธอเพิ่งจะได้รับรู้“โธ่ หมวยเล็ก อันดับแรกนะ One night stand สำหรับพี่คือต้องไม่ซ้ำคนเพื่อไม่ให้เกิดความผูกพัน ต้องไม่ติดต่อกันอีกเลยไม่มีการโทรหรือแชทกันเด็ดขาด และที่สำคัญ พี่จะบอกกับทุกคนก่อนทำทุกครั้งให้เข้าใจว่า จะแค่ One night stand กันเท่านั้น เอาล่ะ ทีนี้ลองคิดดีๆ ทบทวนใหม่นะคะ เรามีอะไรกันกี่ครั้งแล้ว”...สาม...“พี่ขอเบอร์หมวยเล็กรึเปล่า” ...ขอ...“แล้วพี่พูดสักคำมั้ย ว่าเราจะแค่ One night stand กันอ่ะ”...อืม ไม่ได้พูดเลยค่ะ...“แล้ว ที่พี่ว่า ถ้าเจอกันเราคงทักทายกันเหมือนเดิมไม่ได้ล่ะคะ” ฉันวกกลับไปถามเรื่องเก่าทันที ก็แหม ถึงฉันจะยอมจำนนในความเข้าใจผิดของตัวเอง แต่ฉันก็ยังไม่หมดข้อข้องใจนี่คะ“อ่อ ก็ตอนนั้นเรามีอะไรกันแล้วไง มีพยานรักแล้วด้วย จะให้คุยกัน ทักกัน เหมือนคนรู้จักเหมือนเพื่อนบ้านทั่วไปได้ไงล่ะ จริงๆ พี่เริ่มหาจังหวะจะขอหมวยเล็กเป็นแฟนตั้งแต
“แค่ก แค่กๆ ”เสียงที่แผ่วเบานั้น ดังชัดในความเงียบสงัด มันแทรกผ่านเสียงลมมากระทบโสตประสาทฉัน และดึงให้ฉันหยุดเดินได้สำเร็จ ฉันมองจ้องไปที่เก้าอี้นวมซึ่งยังคงวางชิดรั้วปูนอยู่ ซอฟต์ครีมโดดขึ้นมายืนบนรั้วและโดดลงมานั่งที่เก้าอี้นวมของฉัน ฉันเอื้อมมือไปเกาคางมันเบาๆ แต่ฉันรู้ค่ะ ว่าเมื่อครู่นี้มันไม่ใช่เสียงแมวแต่น่าจะเป็นเสียงคนมากกว่า จากที่ตอนแรกฉันจะถอยกลับเข้าหลังประตูเหล็ก เท้าฉันก็ก้าวพาตัวเองไปยืนเกาะรั้วปูน ชะโงกมองหาต้นเสียงจนพบพี่บอมส์นอนขดอยู่บนพื้นข้างเก้าอี้นวม เป็นสภาพที่น่าตกใจนะ พอฉันเห็นแบบนั้นก็แทบจะปีนข้ามรั้วไปหาเธอทันที แต่ซอฟต์ครีมเร็วกว่าฉัน มันทำให้พี่บอมส์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยการกระโดดข้ามรั้วปูนลงไปที่พื้นดาดฟ้าพี่บอมส์โดยเทคตัวถีบเท้าตรงกลางหลังพี่บอมส์ซะเต็มกำลังแมวเลยค่ะ “ปลุกดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องโยนแมวใส่กันเลยนี่” ประโยคทักทายจากพี่บอมส์ทำเอาฉันเลิกคิ้วก่อนหันมองไอ้แมวตัวแสบที่ตอนนี้กลับมานั่งบนรั้วปูนข้างๆ มือฉันที่จับค้ำกับรั้วปูนอยู่ ฉันโดนแมวหาคดีให้อีกกระทงซะงั้นแหละค่ะ“ไม่ได้โยน มันโดดไปเอง มันคงเห็นว่าเจ้านายมันเริ่มจะขี้เซากว่ามันแล้วมั้ง” ฉั
“คืนนี้สามทุ่ม เจอกันบนดาดฟ้า พี่จะนอนทั้งวัน หวังว่าจะหายไข้ มีแรง มีสติ มากพอจะคุยกันรู้เรื่องกว่านี้” พี่บอมส์ว่าอย่างนั้น ก่อนปล่อยฉันให้เป็นอิสระและมาโรงเรียนสักที แต่ก็เพราะอย่างนั้น ทั้งวันที่โรงเรียน ในหัวฉันถึงมีแต่เสียงพี่บอมส์ซึ่งบอกนัดหมายดังก้องอยู่ตลอดทุกชั่วโมงเรียนชั่วโมงพัก คืนนี้... จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันไม่อยากคาดเดา เพราะหากเริ่มคิด ฉันคงแอบหวัง ว่าทุกอย่างจะเป็นไปทางที่ดี และอย่างที่เรารู้กันดี ความคาดหวังน่ะน่ากลัว ผิดหวังกันทีก็เสียหลักกันนานเป็นปีได้เลยมั้ง ฉันว่า ถ้าต้องเกลียดความรัก ฉันคงเกลียดมันเพราะข้อนี้แหละ บ่ายวันนี้ฉันไม่เจอวาวเลย นี่นานวันเข้า ฉันยิ่งรู้สึกเหมือนว่าเพื่อนฉันถูกลักพาตัวแทบทุกวันเลยค่ะ วาวมักจะหายตัวไปแบบไม่บอกกล่าว และโผล่กลับมาเองจนฉันเริ่มชินไปแล้วค่ะ ฉันเลยไม่ค่อยห่วงกังวลอะไรนัก เพราะฉันรู้ดีว่า โจรลักพาตัวคือใคร ถ้าฉันจะห่วงวาวล่ะก็ ฉันห่วงเรื่องผลการเรียนของคุณเพื่อนมากกว่าค่ะ ตั้งแต่เจอพี่บีม วาวก็มีเหตุต้องขาดเรียนบ่อยเกินไปแล้ว ฉันคิดว่าฉันต้องเตือนคุณเพื่อนสักหน่อย ถ้าฉันหาตัววาวเจออ่ะนะคะ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างที่ครู