“แพศยา! เจ้าบังอาจลบหลู่ข้า” สำหรับเหยียนเจินเจินแล้ว การถูกคนตรงหน้าตอกย้ำคำพูดเช่นนี้หลายครั้งหลายครา เป็นการดูหมิ่นที่ไม่เคยได้รับ ไหนเลยนางจะทานทนไหว เจียงเหิงเห็นฝ่ามือพุ่งมาหาคนข้างกาย หมอหนุ่มแค่นเสียง ยาเม็ดสีดำปรากฏขึ้นในมือใต้แขนเสื้อทันที เขาไม่สนว่าสตรีผู้นี้เป็นใครมาจากไหน แต่ในเมื่อ
ยิ่งมองใบหน้าหล่อเหลาแฝงไปด้วยความอารี ท่วงท่าแฝงไปด้วยความสุภาพนิ่มนวล ความพอใจก็ยิ่งฉายออกมาชัดเจนทางแววตาอวี้เยี่ยนที่ตัดสินใจนั่งร่วมโต๊ะกับพี่ชายมองเห็นร่างของสตรีต้าเหลียวผู้นี้มาแต่ไกล เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาเป็นอริของอีกฝ่าย อยู่ดีๆ ผู้หญิงตรงหน้าก็มายืนส่งค้อนใส่เขา นางสติไม่ดีหร
ดวงตาของเหยียนเจินเจินแวววาว นั่งคิดหาวิธีทำให้สตรีชุดแดงนั่นอับอาย ยิ่งอีกฝ่ายเป็นพวกเดียวกับจ้าวเหมยฮวา นางก็ยิ่งต้องการเห็นทั้งคู่อับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คน“เห็นเป็นแคว้นเก่าแก่มีประวัติยาวนาน คิดว่าจะกระทำตนดี นี่อะไรกัน แค่อ๋องคนหนึ่งกลับกล้าพาหญิงงามเมืองเข้ามาในงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูต ต้าเฉินเ
ร่างนั้นก้าวเข้ามาในงานไม่ช้าไม่เร็ว ยิ่งใกล้เข้ามาเท่าไร ยิ่งเรียกสายตาของผู้คนให้สนใจ เหยียนฟู่ฮ่าวดวงตาเริ่มฉ่ำปรือ จดจ้องร่างเปี่ยมเสน่ห์ของโฉมงามนัยน์ตาไม่กะพริบใบหน้าของเหยียนเจินเจินกับชวีจินหยาเผยแววกังวล ดวงตาเผยให้เห็นถึงความไม่มั่นใจ หากรู้เช่นนี้พวกนางจะไม่เลือกอาภรณ์สีแดงมาประชันกับสตร
ชวีจินหยากับเหยียนเจินเจินคล้ายมีความรู้สึกร่วมกันคือไม่อยากเห็นจ้าวเหมยฮวาในที่นี้ แต่พวกนางก็มิอาจทำสิ่งใดได้นอกจากทำเป็นมองไม่เห็นอีกฝ่ายเยว่จินหมิงมองผ่าน แล้วจึงสะบัดหน้าเชิดขึ้นอย่างถือดี ต่อให้จ้าวเหมยฮวางดงามเพียงใด คนที่ได้แต่งเข้าตำหนักหลี่อ๋องก็คือนางอยู่ดีจ้าวเหมยฮวาเดินตามนางกำนัลไปยั
ไม่ว่าเรื่องราววุ่นวายจะผ่านเข้ามามากมายเพียงใด คืนวันก็ยังคงดำเนินต่อไป ในที่สุดวันงานเลี้ยงต้อนรับราชอาคันตุกะก็มาถึงวันที่แปดเดือนสิบเอ็ดหลังจากเลื่อนมาเนิ่นนาน ขบวนของราชทูตจากต้าอี้และต้าเหลียวก็มาเยือนกันโดยพรั่งพร้อมฮ่องเต้มีพระบัญชาให้จัดงานฉลองขึ้นในวังหลวง รับสั่งให้มีการร่ายรำบรรเลงเพล