“รายงาน”
ไม่นานนักทหารสวรรค์นายหนึ่งก็กลับมา
“คนร้ายหลบหนีไปโลกมนุษย์ ทหารบางส่วนตามติดไปแล้วขอรับ”
ห้าวอี้พยักหน้ารับ แล้วหันมาบอกกับเจ้าสำนักทั้งสอง
“ข้าจะไปกับศิษย์ของพวกท่านเอง พวกท่านไม่ต้องกังวลไป”
ผู้เป็นขุนพลสวรรค์เอ่ยปากเองเช่นนี้ เจ้าสำนักทั้งสองยิ่งวางใจมากขึ้นไปอีก
“ลำบากท่านขุนพลแล้ว”
อาจารย์ใหญ่จี๋เฟิ่งเอ่ย ความรู้สึกผิดยังเต็มล้น หวังเพียงว่าจะสามารถนำเอาคัมภีร์จันทรากลับมาได้ในเร็ววัน
เทียนเหวินยิ้มมุมปากเล็กน้อย รู้ทันห้าวอี้ว่านอกจากตามไปจับตัวคนผิดมาลงโทษแล้ว ยังต้องการดูพฤติกรรมของตนด้วย
“ดูแลตัวเอง และดูแลหลินเฟยด้วย”
เจ้าสำนักเจียงซินสั่งกับเจียอิน
เจ้าตัวรับคำแม้จะขัดใจที่อาจารย์ใหญ่ฝากฝังหลินเฟยกับตนอีกเช่นเคย แน่นอนว่าอีกฝ่ายนับเป็นภาระของนางมากกว่าจะช่วยเหลือสิ่งใดได้
มีหลินเฟยติดตามนางคงลำบากมากกว่าไปเพียงลำพังเสียอีก
“ออกเดินทางกันเลยเถิด ชักช้ากว่านี้คนร้ายอาจคลาดกับทหารของข้า และยิ่งมีเวลากลบเกลื่อนร่องรอยในโลกมนุษย์”
ห้าวอี้บอกแล้วหันไปสั่งให้ทหารนำทาง
“อาจารย์ ข้าขอพาเสี่ยวเหลียนไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ นางอยู่กับข้ามาตลอด และเวลานี้นางก็อาการไม่ค่อยดีนัก ข้าเป็นห่วงนาง”
หลินเฟยโอบไหล่ของเสี่ยวเหลียนไม่ยอมปล่อย บ่งบอกว่าอย่างไรก็จะพาอีกฝ่ายไปด้วย
ทว่าเจ้าสำนักเจียงซินไม่ได้ใส่ใจเสี่ยวเหลียน อย่างไรเจ้าตัวก็เป็นเพียงภูตรับใช้ที่หลินเฟยแอบพาเข้าสำนัก
“ลงทัณฑ์ข้าก็ทำไปแล้ว แม้จะไม่อาจทำลายปราณของนางได้ แต่นางก็ได้รับบาดเจ็บ ในเมื่อข้าให้เจ้าไถ่โทษด้วยการช่วยศิษย์พี่ของเจ้า เจ้าพานางไปก็ย่อมได้ อย่างไรเซียนน้อยผู้นี้ก็ไม่มีสิทธิ์อยู่ในสำนักซ่างเซียน หากเจ้ากลับมาก็ต้องส่งนางกลับเผ่าวิหค”
“ขอบคุณอาจารย์”
หลินเฟยรีบขอบคุณเจ้าสำนักเจียงซิน อย่างน้อยตอนนี้ก็สามารถพาเสี่ยวเหลียนไปด้วยได้ ส่วนกลับมาจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากัน
จากนั้นจึงประคองเสี่ยวเหลียนไปรวมกลุ่มกับทุกคนเพื่อออกเดินทางในทันที
นับเป็นครั้งแรกที่ทุกคนมายังโลกมนุษย์ ยกเว้นห้าวอี้ซึ่งเป็นขุนพลสวรรค์ ได้รับหน้าที่ให้มาจัดการปีศาจที่ก่อภัยพิบัติให้โลกมนุษย์หลายครั้ง
ขุนพลสวรรค์หนุ่มสั่งทหารวางกำลังรายล้อมเมืองที่รู้ว่าเฉิงเคอมาหลบซ่อนตัวอยู่ ส่วนตนกับเหล่าศิษย์ของสำนักซ่างเซียนปลอมตัวเป็นมนุษย์กลบเกลื่อนกลิ่นไอเทพเซียนเข้าเมืองไปตามหาอีกฝ่าย
ตลาดภายในเมืองซีอันมีผู้คนพลุกพล่าน ร้านค้าขายอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ของมนุษย์ดึงดูดสายตาของผู้มาเยือนครั้งแรกได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะหลินเฟยกับเสี่ยวเหลียนที่ยังอายุน้อย ส่วนเจียอินมีนิสัยเคร่งเครียดจริงจังจึงวางตัวนิ่ง หลี่ไห่ฉินเองก็สนใจเพียงเรื่องตามหาเฉิงเคอ
“เฉิงเคอย่อมกำบังตนเอง กลบเกลื่อนไอเซียนเช่นพวกเราแน่นอน และคงระมัดระวังตัว ไม่ยอมเผยตัวตนโดยง่าย”
หลี่ไห่ฉินเอ่ยราวทรงภูมิเหนือผู้อื่น ด้วยเป็นถึงท่านชายจากเผ่าจิ้งจอก จึงถือตนเหนือห้าวอี้ขุนพลสวรรค์ และคิดว่าตนมีความสามารถมากกว่าเทียนเหวินซึ่งเป็นเพียงศิษย์ผู้น้องแม้จะเป็นทายาทสวรรค์
“ข้ามีวิธีติดตามหาเซียนหรือปีศาจที่ปลอมแปลงเป็นมนุษย์แน่นอน ท่านชายไม่ต้องกังวล”
ห้าวอี้บอกเสียงเรียบ หลี่ไห่ฉินจึงยกยิ้มมุมปาก
“อ้อ เช่นนั้นฝากท่านขุนพลด้วย”
เจียอินถอนหายใจอย่างให้รู้ว่าระอา แม้ศิษย์อาวุโสของสำนักฝั่งเหนือจะหันมองตนตาขวางนางก็ไม่สนใจ
ทั้งสองต่างรู้จักคุ้นหน้ากัน ด้วยฝั่งเหนือกับฝั่งใต้จะรวมตัวกันสองครั้งต่อปีเพื่อประลองฝีมือ รางวัลในแต่ละปีต่างกัน บางครั้งก็เป็นอาวุธที่อาจารย์เจ้าสำนักเป็นผู้สร้างขึ้น บางครั้งก็เป็นคัมภีร์เคล็ดวิชา ซึ่งศิษย์สองสำนักผลัดกันได้ไปครอบครอง โดยสองสามปีหลังมานี้ หลี่ไห่ฉินกับเจียอินมักเผชิญหน้ากันในการตัดสินผู้ชนะ ทางด้านเทียนเหวินไม่เคยลงประลองแม้แต่ครั้งเดียว ศิษย์พี่ใหญ่ของเขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายไร้ฝีมือไม่กล้าประลองกับผู้ใด
“เป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเราหาโรงเตี๊ยมพักกันก่อน ข้าจะออกไปดูลาดเลาเอง”
“ข้าไปด้วย”
เทียนเหวินไม่อยากนั่งรอในโรงเตี๊ยมทำให้หลี่ไห่ฉินเสนอตัวตาม
“ข้าด้วย”
“เช่นนั้นพวกเจ้าสามคนไปรอที่โรงเตี๊ยมก็แล้วกัน ได้เรื่องอย่างไรแล้ว พวกเราค่อยกลับไปหารือกัน”
ห้าวอี้ตัดสินใจให้หญิงสาวทั้งสามพักผ่อน เจียอินมีสีหน้าไม่เห็นด้วย แต่นางยังยำเกรงต่อขุนพลสวรรค์จึงรับฟังโดยไม่แย้งใดๆ
จากนั้นหญิงสาวทั้งสามก็เข้าพักยังโรงเตี๊ยมเล็กๆ ทำตัวเช่นผู้คนสัญจรไปมาหาที่พักระหว่างเดินทาง
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
หลินเฟยถามเสี่ยวเหลียนทันทีที่เข้ามาในห้อง เจียอินเพียงปรายตามองแล้วนั่งลงยังโต๊ะกลางห้อง
“เพียงรู้สึกเพลียเท่านั้น”
“พลังเทพเซียนในกายเจ้าสูงส่งนัก น่าแปลก ผู้ที่ทำร้ายเจ้าก่อนหน้านี้เป็นใครกันแน่”
“เฉิงเคอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลี่ไห่ฉิน เป็นบุตรชายของท่านอ๋องหกเผ่าจิ้งจอก แต่บิดาของเขาไม่มีบทบาทใดในเผ่า ไม่ได้รับใช้ราชสำนัก จึงนำบุตรชายมาฝากฝังไว้กับท่านอ๋องหลี่เว่ยเสนาบดีของเผ่าจิ้งจอก เขาจึงโตมาด้วยกันกับหลี่ไห่ฉิน”
เจียอินกล่าวขึ้นลอยๆ
“แต่ถึงอย่างนั้น พลังเซียนของเขาก็ไม่ได้สูงส่งเช่นปราณเซียนในกายนาง อีกอย่าง หากเขาทำร้ายนาง นางต้องบาดเจ็บจนสูญเสียพลังมากกว่า”
ทั้งหลินเฟยกับเสี่ยวเหลียนต่างก็มองหน้ากันแล้วครุ่นคิด ก่อนเจียอินจะเอ่ยต่อด้วยสีหน้ารำคาญ
“ต้องมีใครสักคนช่วยเหลือนางไว้ และเขาผู้นั้นก็มอบพลังปราณนั้นให้นาง”
=====
เจียอินเดาได้ถูกต้อง แต่ยังไม่มีใครรู้ว่า พลังปราณในกายเสี่ยวเหลียนเป็นของทายาทสวรรค์เลยทีเดียว ยกเว้นท่านอาจารย์ทั้งสอง ^^
ต่างฝ่ายต่างแตะต้องกันและกัน มือกระด้างบีบนวดผิวบางในทุกสัดส่วน มือนุ่มก็เคล้นไปตามกล้ามแน่น ทั้งแขนกำยำ แผงอกกว้าง หน้าท้องแกร่ง รวมถึงต้นขาชายหนุ่มที่แข็งแรงชวนให้ต้องกลืนน้ำลาย ยิ่งยามที่มืออุ่นทาบทับแนบดอกไม้แสนงาม หญิงสาวก็เกาะกุมตัวตนแกร่งร้อนไว้ในมือตนเช่นกันสองหนุ่มสาวแบ่งปันห้วงอารมณ์วาบหวาม เร่งเร้านำพาให้ร่างกายทั้งคู่ค่อยๆ พลุ่งพล่านขึ้น ตาสบตา ขณะที่ต่างก็หอบหนัก เอินเอินรู้สึกได้ว่ามือตนแทบไหม้ทีเดียว อึดใจต่อมาร่างสูงใหญ่จึงขยับมาชิดบดเบียดเรือนกายเสียดสีเร้าใจเปลือกตาบางปิดลงพร้อมครางเสียงหวานข้างใบหูชายหนุ่ม สองแขนเรียวกอดร่างหนา กางกรงเล็บเล็กเกาะเกี่ยวข่วนบางเบาบนแผ่นหลังอีกฝ่าย ทั้งฟันเล็กยังกัดใบหูชายหนุ่มยั่วเย้า“อา คนดีของข้า เจ้าทำให้ข้าร้อนยิ่งกว่าร้อนแล้วในตอนนี้”เทียนเหวินเสียวสยิวไปทั้งกาย เพราะร่างที่แนบชนิดทั้งหอมกรุ่นและนุ่มนิ่ม ทั้งเจ้าตัวยังรู้ดีว่าต้องปลุกเร้าตนเช่นไร นานวันที่ได้ร่วมรัก เอินเอินสั่งสมประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เขากระตุ้นนาง นางก็กระตุ้นกลับไม่แพ้กัน หากนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มยิ่งพอใจในคนรักของตน เพราะหญิงสาวเร่าร้อนได้ถึงเพียงนี้ก็เพื่อ
ณ ศาลาริมสระน้ำตำหนักเทียนหลันอีกหมื่นปีต่อมาปลายนิ้วเรียวงามกรีดไปตามเส้นสายบรรเลงพิณตามที่ผู้เป็นเจ้าของตำหนักชี้แนะอย่างช้าๆ ด้วยความตั้งใจ ดวงหน้างามมีความจริงจังจนคิ้วขมวดมุ่น ริมฝีปากอิ่มเม้มจดจ่อร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งก้าวเข้ามาหยุดยืนกอดอกพิงต้นไม้ใหญ่ห่างออกมา ทอดสายตามองภาพที่คล้ายตนเคยฝันถึง ทว่าในเวลานั้นเทพธดาจันทราผิงเชี่ยนบรรเลงพิณได้ไพเราะยิ่ง ขณะที่เอินเอินไม่เคยแตะต้องมาก่อน เวลานี้หญิงสาวกำลังเรียนรู้ในสิ่งที่มารดากับท่านยายของเขาสอนสั่งเอินเอินต้องฝึกฝนตนให้เหมาะสมกับที่กำลังจะเป็นสตรีที่เคียงข้างทายาทสวรรค์ ด้วยอีกไม่นานองค์จักรพรรดิสวรรค์จะแต่งตั้งเทียนเหวินขึ้นเป็นรัชทายาท เนื่องจากชายหนุ่มอุทิศตนในหน้าที่ของตนมาตลอดหมื่นปีมานี้จนกระทั่งได้ตำแหน่งหนึ่งในแม่ทัพสวรรค์ นับว่าเป็นเวลาเหมาะสมแล้วที่ชายหนุ่มจะเข้าไปช่วยงานราชกิจของเทพสงครามกับองค์จักรพรรดิเต็มตัวและงานอภิเษกขององค์รัชทายาทก็จะตามมา แม้จะไม่เร็ววันนี้ก็ตาม เพราะเอินเอินสำเร็จเซียนขั้นสูงแล้ว หญิงสาวจึงฝึกหัดสิ่งที่สตรีชาววังสรรค์ต้องสามารถทำได้ไปพลางยืนมองจนพอใจแล้วเทียนเหวินก็ก้าวเข้าไปที่ศาลา และผู้
“ข้าต้องการเจ้า”ชุดบางลอยเหนือผิวน้ำแทบไม่ปกปิดร่างกายงดงาม เทียน เหวินเองก็ใส่เพียงกางเกงตัวเดียว สองเรือนกายแทบเปลือยเปล่า เมื่อโอบกอดเสียดสี ความรุ่มร้อนย่อมก่อเกิด แรงบดเคล้าจากตัวตนเบียดสะโพกอวบ มือกร้านกระด้างวนเวียนเหนือเกสรอ่อนบางทำเอาร่างอรชรอ่อนระทวยแทบทรงกายไม่ได้เพียงอึดใจต่อมาแรงแทรกลึกก็ล่วงล้ำอย่างรวดเร็ว เสียงหวานครางแผ่วอย่างหมดแรงต้านทาน จิตใจหญิงสาวหวั่นไหวไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นระทึกกับสถานที่อันแปลกใหม่ ได้เพียงรับกายแกร่งไว้ยามอีกฝ่ายส่งตัวตนดุนดันแนบสะโพก สองมือหนาย้ายมาโอบตระกองปทุมถันคู่งามราวโอบร่างเล็กไว้กลายๆทว่ายิ่งเบียดเร้าหญิงสาวยิ่งขาอ่อนแรงจนตัวลอย ชายหนุ่มจึงกอดเอวเล็กไว้แล้วพาไปยืนชิดโขดหินก้อนใหญ่ ให้เจ้าตัวได้เกาะพยุงกาย ก่อนปลายนิ้วแกร่งจะกลับมาระรานเกสรดอกไม้แสนงาม บดขยี้พร้อมแรงรักจากสะโพกหนาภายในกายเอินเอินกำลังถูกพายุอารมณ์ร้อนแรงบ้าคลั่งพัดโหมอยู่ภายใน ความเสียวสยิวพุ่งสูงละลิ่วรวดเร็วจนกระตุกรุนแรงกะทันหัน“อื้อ”หญิงสาวครวญครางเสียงพร่าด้วยสุดจะทานทน เรือนร่างงามสั่นรัวพร้อมหอบหนัก เอนอิงพิงหลังกับแผ่นอกหนาขณะเดียวกันนั้นเทียนเหวินปลดชุ
สองร้อยปีในดินแดนมนุษย์ของเทียนเหวินกับเอินเอินผ่านไป ทว่าความหวานชื่นของคู่สามีภรรยากลับไม่ลดลง ทั้งสองดำรงชีวิตด้วยการลงไปขายของป่า และไม่ได้ต้องการทรัพย์สมบัติเงินทองมากไปกว่านี้ พอใจที่จะอยู่เพียงบนภูเขา ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบแต่การที่ลงไปในตัวเมืองก็จำต้องพานพบผู้คน ในบางครั้งความงดงามของเอินเอินก็เป็นปัญหา เมื่อขายผักผลไม้ป่าตามลำพัง ในยามที่เทียนเหวินไปซื้ออาหารหรือข้าวของบางอย่างเพราะเขาไม่ต้องการให้นางลำบากดอกไม้งามย่อมมีภมรเข้ามาดอมดม เอินเอินก็ย่อมมีบุรุษเข้ามาเกี้ยวพา“แม่นาง เจ้าจะลำบากอยู่กับสามีที่ยากจนไปไย นายท่านของข้ายินดีรับเจ้าเป็นอนุ พาไปอยู่ในจวนอย่างสุขสบาย รับรองว่าเจ้าไม่ต้องนั่งตากแดดขายของป่าทั้งวันให้เหนื่อยยากเช่นนี้”“ใช่ นายท่านของพวกข้าสามารถมอบให้เจ้าได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเครื่องประทินโฉม หรือชุดสวยงาม เจ้าเพียงแต่งเนื้อแต่งตัวให้งดงาม ยิ้มหวานรอปรนนิบัติพัดวียามนายท่านกลับมาที่จวนก็เพียงเท่านั้น”บางครั้งผู้ที่เข้ามาถามไถ่พูดคุยก็ไม่รู้ว่านางสามีแล้ว ด้วยกาลเวลาที่ผ่านไปนาน หากก็มีบ้างที่รู้แก่ใจ ทว่ายังไม่วายตามตอแย ภูเขาที่เทียนเหวินกับเอินเอิน
“ข้าอยากแตะต้องเจ้า”“สุดแล้วแต่ท่านต้องการ ข้าไม่ได้ห้าม”บอกแล้วเอินเอินก็กลับมาจูบซ้ำเหนือริมฝีปากได้รูป ครั้งนี้ปลายลิ้นเล็กไล้เย้ายวนตามมาด้วย แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมต้องเปิดรับหญิงสาว ทั้งสองรวบรัดเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นอย่างเร่าร้อน ขณะที่มือหนาเริ่มเคลื่อนไล้ไปตามเนื้อตัวหญิงสาว สัดส่วนงดงามกับผิวเนียนน่าสัมผัสทำให้เขาไม่อาจอยู่นิ่งได้ฝ่ามือกระด้างไต่ข้างเอวบางกับสะโพกอวบ ส่วนอีกข้างเคล้าคลึงหน้าอกหน้าใจนุ่มหยุ่น เอินเอินเริ่มกายอ่อยระทวยกับความเร่าร้อนที่ตนเป็นฝ่ายจุดชนวน และชายหนุ่มสานต่ออย่างเร้าใจ หญิงสาวทรุดกายลงช้าๆ พร้อมมือบางก็ลูบไล้แผงอกหนาขณะริมฝีปากอิ่มขยับลงจูบคางแกร่ง แตะแผ่วไซ้ลำคอหนาและได้ยินเสียงเครางเข้มในลำคอเทียนเหวินปลายนิ้วเรียวเกลี่ยสะกดเหนือยอดอกที่แข็งเป็นไตของชายหนุ่ม ขณะที่เขายังบีบเคล้นหน้าอกตน มือบางอีกข้างวางยันต้นขาแกร่งเพื่อพยุงกาย โดยลืมคิดไปว่านั่นเป็นการกระทำสุดล่อแหลม ยิ่งทำให้เจ้าของร่างสูงใหญ่ถอนหายใจแรง ทว่าที่ทำเอาเขาต้องครางเสียงเข้มต่ำก็เพราะริมฝีปากนิ่มจูบเม้มยอดอกสีเข้ม“อืม”เหมือนเอินเอินจะค่อยๆ รับรู้ได้ว่าตนต้องทำอย่างไรให้ชายหนุ่มพ
หลังจากช่วยกันขนย้ายข้าวของมายังกระท่อม โดยที่เทียน เหวินยกของหนักเสียเป็นส่วนใหญ่จนเสร็จ ทั้งยังใจดีตักน้ำมาให้เอินเอินอาบในส่วนที่เขาล้อมไม้ไผ่กั้นแบ่งด้านหลัง แม้นางจะเกรงใจบอกว่าไปอาบที่น้ำตกเช่นเดิมได้ หากชายหนุ่มก็ยืนยัน“ข้าตั้งใจทำไว้ให้เจ้า...”ใบหน้าขาวคมขยับมาใกล้พร้อมส่งสายตาวาววามพร้อมเอ่ยเสียงกระเส่าทำเอาใจสาวหวิว“กับข้าลงอาบในถังด้วยกัน”หลังปลายนิ้วแกร่งไล้แก้มนวล ทว่าสีหน้าแววตากลับเปลี่ยนไปเป็นแสนเสียดายแทน“แต่วันนี้เจ้าอาบคนเดียวเถิด ข้ายังต้องไปหาอาหารด้วย คงอาบจากที่น้ำตกมาเลย”เพราะวันนี้ค่อนข้างวุ่นวาย เร่งมือสร้างกระท่อมเสร็จ พาเอินเอินมาที่นี่แล้วก็ขนของ ชายหนุ่มจึงยังไม่ได้จัดการเรื่องอาหารเย็น“ลำบากท่านแล้ว หรือข้าไปช่วยท่านดีกว่า”“อย่าเลย เจ้าเหนื่อยขนของขึ้นลงทางลาดชันหลายรอบแล้ว อาบน้ำพักให้สบายใจเถิด”“ท่านเหนื่อยกว่าข้าเสียอีก”“เถิดน่า หากข้าอยู่ด้วยเจ้าคงไม่ได้อาบน้ำเสร็จง่ายๆ”สุดท้ายเอินเอินก็เชื่อฟัง เพราะหาคำมาแย้งไม่ได้ จำต้องพยักหน้ารับอย่างเขินอายค่ำคืนมาเยือนหลังจากทานอาหารมื้อเย็น เทียนเหวินก็นอนเอนกายรับลมเย็นที่ระเบียง สองมือยกขึ้นรองใ