M Sport
ฉันอยู่ที่สนามแข่งรถ M Sport สนามแข่งรถนี้มีพี่มีนาเป็นเจ้าของ ที่ฉันมาที่นี่เพราะพี่แมนโทรมาบอกว่า ช่วงนี้มีคนเข้ามาก่อกวนสนามบ่อยมาก ซึ่งปกติจะไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ แต่นี่แปลกตรงที่ว่า มาก่อกวนพร้อมสอดแนมเพื่อหาอะไรบางอย่างด้วย ตอนแรกพี่แมนจะบอกพี่มีน แต่ฉันห้ามไว้ เพราะไม่อยากให้พี่เขาเป็นห่วง เรื่องแค่นี้ฉันจัดการได้สบายอยู่แล้ว
หึ ว่าแล้วก็อยากเห็นหน้าพวกมันจริง ๆ เลย
"นี่แพรว แพรว"
"ยัยชะนี!"
"โอ๊ย ตะโกนทำไมเนี่ย แก้วหูจะแตก"
"ไม่ต้องมามองแบบนี้เลยนะ ก็ฉันกับยัยฟ้าเรียกแกแล้วแกไม่หันเองนี่ ฉันก็ต้องตะโกนสิ'' ยัยรันนี่พูด
"เค ๆ ก็ได้ ๆ ๆ ไป ๆ ฉันจะพาไปนั่งข้างใน"
ทันทีที่ฉันพูดจบพวกมันสองคนก็ขมวดคิ้วเหมือนกำลังสงสัย แต่ฉันไม่ให้มันถามหรอกชิ่งออกมาซะก่อน หึหึ แกล้งเพื่อนนี่สนุกสุดแล้ว ฉันพาพวกมันเดินมายังห้องวีไอพี ซึ่งเป็นห้องพิเศษที่ใช้สำหรับรวมกลุ่มของพวกเราทั้งนั้น ซึ่งเป็นห้องที่มีพร้อมทุกอย่าง มีห้องนอนหกห้องด้วยกัน ซึ่งถูกจัดแยกเป็นส่วน ๆ ตามสไตล์ของผู้อยู่
"โห ยัยแพรว ทำไมห้องสวยอย่างนี้อะ" ยัยฟ้าพูด
"นั่นสิคูลอะ มีความดาร์กผสมอยู่ด้วย อ๊าย เริ่ดอะแก ตุ๊ดอิจฉา" ยัยรันนี่ พูดพร้อมกับมองรอบ ๆ ห้องด้วยดวงตาลุกวาว ฉันมองพวกมันยิ้ม ๆ
"เอาละแก เลิกมองได้แล้ว มานั่งกันดีกว่า"
พูดจบพวกมันก็พากันนั่งแต่ก็ยังไม่วายมองไปรอบ ๆ ห้องจนกระทั่ง
"อ้าว น้องแพรว มาทำไมไม่บอกพี่ล่ะครับ พี่จะได้ไปรับ"
พี่แมนผู้ดูแลหรือผู้จัดการสนามพูดขึ้นเมื่อเข้ามาเห็นฉันกับเพื่อนนั่งอยู่ในห้อง
"โอ๊ย แก จ้องขนาดนี้กินพี่เขาเลยมะ!" ฉันพูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองคนมองพี่แมนตาไม่กะพริบ
"บ้า แกก็พูดเกิดไป" ฟ้าอ้อมแอ้มตอบฉัน
"แล้วถ้ากินจริง ๆ จะยอมให้กินไหมล่ะคะ สุดหล่อ"
รันพูดพร้อมกัดปากยั่ว แต่หน้าพี่แมนนี่บอกเลยว่าขนลุก ฮ่า ฮ่า
"แกก็เลิกแกล้งพี่เขาได้แล้วรันนี่ นี่พี่แมน ผู้จัดการสนามแข่งรถที่นี่ ส่วนสองคนนี้เพื่อนแพรวเองค่ะ ผู้หญิงชื่อฟ้า ส่วนผู้.."
"ชื่อรันนี่ค่ะ โสดซิง รักเดียวใจเดียว ไม่มั่ว สเปกผู้ชาย หล่อ เท่ เป็นคนน่ารัก รันนี่น่ารักขนาดนี้ไม่ทราบว่าพี่แมนสุดหล่อจะรักไหมคะ" ค่ะ ฉันยังพูดไม่จบ รันนี่ก็แนะนำตัวเองเสร็จสรรพเลย เพื่อนฉันนี่ดีเนอะ
"ฮ่า ฮ่า ฮ่าน้องรันนี่เป็นคนตลกนะครับ" พี่แมนหัวเราะ ซึ่งก็ทำให้พวกเราหัวเราะตามไปด้วย จนทำให้รันหน้างอ
"เชอะ จำไว้เลย"
"เออนี่แพรว สรุปแพรวมาทำไมที่นี่ แล้วนี่เป็นของแพรวหรอ" ฟ้าถาม
"เออ นั่นสิชะนี เร็ว ๆ กะเทยอยากรู้" ฉันมองหน้าพวกมันแล้วยิ้ม
"คือ เอ่อ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่แมน"
พี่แมนเหมือนไม่อยากให้รู้ แต่เมื่อฉันบอกอย่างนั้น พี่แกจึงหยุดพูดพร้อมกับมีเด็กมาตามให้ไปดูของพอดี
"เป็นของพี่สาวน่ะ ฉันหมายถึงสนาม ซึ่งตอนนี้พวกพี่ ๆ อยู่อเมริกา ฉันเลยเข้ามาดูแทนน่ะ"
พอฉันพูดจบ พวกมันก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ เรานั่งคุยเรื่องสัพเพเหระ จนพี่แมนมาตาม
"น้องแพรว พวกนั้นมาอีกแล้ว พร้อมขอท้าแข่งอีกด้วย น้องแพรวจะลงไปดูหน่อยไหม"
"ไปค่ะ เผื่อบางทีแพรวอาจลงแข่งเอง ไปกันพวกแก ฉันจะทำอะไรสนุก ๆ ให้ดู" พูดจบฉันก็เดินออกจากห้อง
ตอนนี้ก็หนึ่งทุ่มตรงพอดี คนในสนามก็ดูคึกคักเหมือนทุกวัน แต่ที่ไม่ปกติก็เพราะมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งพยายามที่จะ อืม ถ้าฉันเดาไม่ผิดเหมือนต้องการพยายามที่จะดิสเครดิตของสนาม
กรี๊ดดดดดดดดดดด!
ก่อนที่ฉันจะคิดอะไรต่อ ก็ตกหยุดคิดเพราะเสียงร้องของพวกผู้หญิงในสนาม ที่ไม่รู้จะกรี๊ดอะไรนักหนา น่ารำคาญ ขอดูหน้าคนที่ทำให้พวกกินนกหวีดเป็นอาหารกรี๊ดหน่อยเถอะ
เมื่อเห็นหน้าคนที่เป็นต้นเหตุของเสียงกรี๊ดมหาประลัยนี่ฉันก็ร้องอ๋อทันที ก็จะใครซะอีกล่ะ เหอะ ก็ไอ้พี่มาร์คัสอะไรนั่นไง เดินมาอย่างกับคุณชาย แหวะ! คิดว่าตัวเองหล่อบ้างหรือไง ฉันเบ้ปากใส่เขาก่อนจะหันไปจ้องพวกนั้นต่อ
"น้องแพรวคิดว่าไง"
"เราต้องรู้ให้ได้ว่ามันต้องการอะไร"
"นั่นสิ แต่ วิธีไหนล่ะ"
"ไม่ต้องห่วงค่ะพี่แมน แพรวมี" ฉันพูดพร้อมกับมองกลุ่มคนพวกนั้นยิ้ม ๆ
"ว้าว ไม่คิดว่าจะเจอน้องแพรว น้องฟ้า น้องรันนะครับ ว่าแต่มาทำอะไรกันที่นี่เหรอ" อ่า พี่พี่เลถาม แต่เขาถามฉันหรือถามยัยฟ้าล่ะเนี่ย มองยัยฟ้าตาไม่กะพริบเลย
"คลายเครียดน่ะค่ะ พวกพี่ล่ะ" ฉันตอบ
"คลายเครียดเหมือนกันครับ'' พี่เมฆตอบ ฉันมองหาหวานแต่ไม่เห็น สงสัยไม่ได้มาด้วยกัน
"หึ คลายเครียด แต่ใส่ชุดนักศึกษามาเนี่ยนะ คุณคิดว่ามันเหมาะสมเหรอ"
ไอ้พี่มาร์คัส! ฉันมองหน้านายนั่นนิ่ง มันก็จริงอย่างที่นายนั่นพูด แต่มันสมควรเหรอ ? ที่พูดออกมาแบบนี้ ดูก็รู้ว่าหมอนี่ตั้งใจว่าฉัน
"เผอิญว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันจะแต่งยังไงก็สิทธิ์ของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ และก็ต่อให้ฉันใส่ชุดนักศึกษา แต่ว่าอยู่ในมุมที่คนไม่ค่อยสนใจแบบนี้ก็ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ และที่สำคัญฉันเปลี่ยนชุดแน่" ฉันตอบพร้อมจ้องตานายมาร์คัสด้วยความไม่ชอบใจ
"เอ่อ น้องแพรวครับ พี่ว่าแพรวกับเพื่อนไปเปลี่ยนชุดเถอะ เดี๋ยวใกล้เวลาแล้ว" พี่แมนพูดขึ้นหลังจากสถานการเริ่มอึดอัด แต่คนตรงหน้านี่สิที่ทำฉันไม่เข้าใจ เขามองพี่แมนอย่างโกรธจัด อย่างกับว่าเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางก่อนงั้นแหละ
"นี่พี่แมนค่ะ พี่แมนคะ นี่พี่เลโอ พี่เมฆและพี่มาร์คัสค่ะ"
"อ๋อ ผมแมน ยินดีที่ได้รู้จักครับทุกคน ผมขอตัวพาสามสาวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ ไปครับน้องแพรว"
พี่แมนพูดจบฉันก็เดินไปยังห้องที่พาเพื่อนไปนั่งในครั้งแรกทันที ส่วนคนที่ต้องการจะดิสเครดิตสนามฉันก็ไม่ได้ลืม หึ เดี๋ยวได้รู้กันว่ามาทำไม ไอ้พวกสวะ
"หึ ใส่อย่างกับจะไปอ่อยใคร"
หลังจากเปลี่ยนชุดมาแล้ว อีตามาร์คัส ก็ต่อว่าฉัน แล้วเขามีสิทธิ์อะไร งง.. คือแต่งยังไงมันก็เรื่องของฉันปะ
"ไอ้มาร์คัสมึงก็พูดเกินไป มันก็ไม่ได้ขนาดนั้นปะวะ ผู้หญิงของมึงใส่มากกว่านี้กูไม่เห็นมึงจะว่าอะไร" พี่เลโอพูดดี คนอะไรพูดจาน่าฟังที่สู๊ดดดด
"จะเถียงกันอีกนานไหมครับ งานจะเริ่มแล้วนะ"
พี่แมนพูดทุกคนถึงได้เงียบ ฉันเดินขึ้นไปที่อัฒจันทร์ และไปนั่งจุดที่สามารถมองเห็นอาณาจักรสนามแข่งรถนี้ได้ และก็ได้เวลาเปิดสนาม
"สวัสดีครับทุก ๆ ท่าน วันนี้เป็นวันที่พิเศษมาก ๆ เลยล่ะครับ เพราะเป็นวันที่มีหนุ่มหล่อสาวสวยมากันเพียบเลยฮะ"
กรี๊ดดดด อ๊ายยยยย
"เอาละฮะ ยังไม่พอ ที่พิเศษมากกว่านั้นคือ มีคนมาขอท้าชิงกับควีนสนามของเราฮะ"
“...”
เงียบ!
เงียบทั้งสนามทันทีที่พูดถึงควีน เพราะไม่เคยมีใครเห็นหน้าตาที่แท้จริงของควีนสนามไง
"เงียบ เงียบกันหมดเลย ฮ่าฮ่า ควีนสนามของเรามีทั้งหมดสี่คนด้วยกัน ซึ่งแต่ละคนสุดยอดของการแข่งรถเลยจริง ๆ นะฮะ ไม่เช่นนั้นคงเป็นควีนไม่ได้จริงไม่ฮะทุกคน"
เสียงคนในสนามเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามแรงส่งของพิธีกร
ปัง!!!
“พี่มาร์คคะ ปล่อยแพรวก่อนดีกว่าไหมคะ”“ปล่อยทำไมล่ะครับ อยู่แบบนี้ดีแล้ว”“คือแพรวร้อนน่ะค่ะ”“ร้อนเหรอครับ ห้องเราเปิดแอร์นะที่รัก เรามาซ้อมเข้าหอกันดีไหม”จบคำพูดพี่มาร์คก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาหาฉันอย่างช้า ๆ จนในที่สุดปากเราสองคนก็สัมผัสกัน พี่มาร์คบรรจงจูบฉันอย่างดูดดื่ม สูบเอาความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มของฉันอย่างตะกละตะกลามรสจูบของเขาลึกล้ำปลุกเร้าให้ฉันเกิดอาการประหลาดจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ สมองและการกระทำของร่างกายไม่สัมพันธ์กัน มือของฉันสอดเข้าโอบรอบคอของเขาก่อนจะลูบไล้มือไปยังแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบาฉันได้ยินเสียงครางเบา ๆ ออกมาจากลำคอของเขาในขณะที่ปากเราสองคนยังจูบกันอยู่ พี่มาร์คถอนริมฝีปากออกไป แล้วมองฉันด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำ“หวาน พี่จูบเก่งไหมครับ”“คนบ้า”เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหน้าฟัง จนฉันอดที่จะต่อว่าเขาไม่ได้“เอาจูบแบบเมื่อกี้อีกไหมครับ”“พอแล้วค่ะ ปากแพรวช้ำหมดแล้ว”ฉันพูดออกมา เพราะกลัวมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ตั้งแต่ที่เราคบกันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่พี่มาร์คเขาไม่เคยทำอะไรฉันมากไปกว่าการกอดและจูบเลย ซึ่งการที่เขาทำตัวสุภาพบุรุษแบบนี้มันแอบทำให้ฉันกลัวว่
2 เดือนต่อมา“แพรว เรียบร้อยหรือยัง ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ”“เสร็จแล้วค่ะพี่ปรางค์ อย่าเร่งสิคะแพรวตื่นเต้นเหมือนกันนะ”“เสร็จแล้วก็ออกมาให้พี่ดูสักทีสิ มัวแต่อยู่ในห้องน้ำอยู่นั่นแหละ”แอ๊ด!“สวยมากเลยแพรว”“น้องสาวพี่สวยที่สุด”“หวานมาก”ฉันเขินไปกับคำชมของพวกพี่ลิน พี่ปรางค์และพี่มีนสงสัยกันล่ะสิว่าทำไมทุกคนต้องมาชมฉัน เรื่องมันเป็นแบบนี้หลังจากที่ฉันและพวกพี่ลินจัดการนายโทมัสและนายริชาร์ดได้ เรื่องทุกอย่างก็จบ วันที่ทุกคนปฏิบัติการฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งเจาะข้อมูลบริษัทของนายโทมัสเฉย ๆ ซึ่งก็ได้พี่ลินอีกนั่นแหละที่เอาเครื่องรบกวนสัญญาณไปติดในบริษัทของนายโทมัส ทำให้ฉันสามารถเข้าสู่ระบบและได้ข้อมูลทั้งหมดของบริษัทนั่นมาได้ บอกได้เลยว่าพวกมันโคตรชั่ว ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและหุ้นส่วนทั้งนั้น งานฉันมันก็มีแค่นั้นแหละ ไม่ได้ออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันแฮกมาได้ พี่ลินก็เอาให้ตำรวจสากลไปจัดการต่อ นายโทมัสก็ถูกตำรวจสากลจัดการต่อเช่นกัน เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละอ้อ หลังจบเรื่องทุกอย่างพี่ลินจะให้ฉันออกจากองค์กรด้วยนะ เพราะไม่อยากให้ฉันเป็นอันตราย แต่ว่าฉันไม
“ไงเรา เจ็บตัวฟรีเลย”“นั่นสิคะพี่ปรางค์ แต่ก็สงสารนายดราฟนั่นเหมือนกันนะคะ น่าจะช็อกจากเหตุการณ์ที่สูญเสียครอบครัวกะทันหัน เขาเลยเป็นแบบนี้”“ไม่ต้องสงสารคนอื่นเลย รู้ไหมว่าเราน่ะเกือบตาย ตอนส่งข้อความมาบอกพวกพี่แทบจะเป็นลม แล้วก็เสียพ่อและแม่ไปโดยใช่เหตุอีก เฮ้อ!”“จริงครับพี่มีน ไม่รู้จะไปสงสารคนอื่นทำไม เขาเป็นคนทำร้ายตัวเองกับครอบครัวแท้ ๆ”“น้อย ๆ หน่อยไอ้มาร์ค ออกตัวแรงเกินไปแล้ว”“จริงนะครับพี่มาร์ติน พี่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง”“อะ ๆ ๆ อย่าเถียงกันเด็ก ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้หนูแพรวก็ปลอดภัยแล้ว ก็หมดห่วงกันได้แล้วเนอะ แยกย้ายกันไปพักเถอะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“พวกพี่กลับก่อนนะ”“กลับดี ๆ นะครับพี่ ๆ ส่วนแพรวผมไม่ให้กลับนะครับ วันนี้จะให้นอนนี่แหละ”พี่ทุกคนต่างยิ้มขำให้ผม ก่อนจะต่างคนต่างแยกย้ายกันไป“หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะลูกนะ”“ค่ะคุณแม่”“ผมขอตัวพาน้องไปพักก่อนนะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปครับไปห้องพี่กัน” ผมไม่สนใจว่าพ่อกับแม่ผมจะพูดอะไร เลือกที่จะจับจูงมือเล็กของแพรวาขึ้นมาชั้นสองของบ้านทันที“พี่เสียใจเรื่องคุณพ่อคุณแม่ของแพรวด้วยนะครับ ท่านไ
ปัง!“อ๊ากกก ปล่อยกู กูจะฆ่ามัน ปล่อยย ปล่อยกู ปล่อย!”เสียงปืนที่ดังขึ้นลั่นบริเวณ ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ก่อนจะได้ยินเสียงร้องโวยวายของผู้ชาย หากแต่ผมก็ยังกอดแพรวาไว้แนบอก ไม่ยอมผละห่าง หัวใจเต้นรัวไปหมด ผมไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดเป็นอะไรไป คิดได้ดังนั้นผมก็กอดร่างเล็กแน่นขึ้น“อ้าว จะยืนกอดกันอีกนานไหม” น้ำเสียงคุ้นเคยที่พ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ ทำให้ผมกับแพรวาผละออกจากกัน“พี่ลิน”แพรวาเอ่ยเรียกคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปกอดพี่ลินช้า ๆ“ปล่อยกู มึงต้องตาย มึงต้องตาย! ฮึก ฮือ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ มัน มันผิด มันฆ่าครอบครัวผม ฮึก ฮือ ฮือ ฮึก พ่อครับ แม่ครับ ฮือ มันฆ่าครอบครัวผม”“...”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมแก้แค้นให้ครอบครัวเราได้แล้วนะครับ พวกมันตายแล้ว ตายหมดแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปไหน ไม่ไป ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ปล่อยผม ฮึก ฆ่ามัน ฮึก ฆ่ามัน”ชายคนที่พยายามทำร้ายแพรวาเสียสติไปแล้วเรียบร้อย เดี๋ยวโวยวาย เดี๋ยวหัวเราะและร้องไห้ สลับกันไปส่วนเสียงปืนที่ทุกคนได้ยิน คือเสียงปืนจากตำรวจที่ยิงเข้าที่มือคนร้าย ทำให้ปืนล่วงก่อนที่มันจะลั่นไกล ผมและแพรวาถึงได้ไม่มีใครเจ็บตัวไปมากก
“ตอนแรกฉันจำแกไม่ได้หรอก แต่ว่าฉันมันเป็นคนฉลาดไง และตอนนี้นวัตกรรมของเทคโนโลยีก็ไปไกลมาก ฉันจึงเอารูปแกตอนเด็กไปวิจัยว่าถ้าอีกห้าหรือสิบปีข้างหน้าแกจะหน้าตาเป็นยังไง มันเป็นวิธีเดียวกับที่วงการตำรวจเขาใช้หาตัวคนร้ายนั่นแหละ จนในที่สุดฉันก็ได้ภาพความน่าจะเป็นของแกมา”“...”“อุตส่าห์เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แล้วไง สุดท้ายฉันก็เจอแกอยู่ดี ออกมาเถอะน่า อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดไปมากกว่านี้เลย”“...”“ออกมาสิโว้ยนังอลิน ไม่สิ ฉันต้องเรียกแกว่าแพรวา ออกมาจบเรื่องทุกอย่างซะ”ฉันมองหน้าพี่มาร์คที่ส่ายหัวห้ามฉันออกไป มาถึงตอนนี้ฉันแทบจะห้ามอารมณ์ความแค้นของตัวเองไว้ไม่ไหว และรู้สึกเจ็บใจที่ทำอะไรคนที่ทำร้ายครอบครัวตัวเองไม่ได้“แพรวพอจะจำเรื่องราวได้หรือยังว่ามันตามฆ่าแพรวทำไม”“ไม่รู้เลยค่ะพี่มาร์ค คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้บอกอะไรแพรวเลยค่ะ”“มันต้องมีสาเหตุสิ”ฉันก็พยายามคิดนะ ว่ามันต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันถูกมันตามฆ่าแบบนี้ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ที่สำคัญพ่อกับแม่ไม่เคยพูดหรือบอกอะไรกับฉันเลย วันที่ถูกลอบทำร้ายจนพ่อแม่ตายในวันนั้น พวกท่านบอกแค่ว่า จะพาฉันไปเที่ยวเท่านั้นเอง มาถึงตอนน
“แพรวครับ”“คะ มีอะไรคะ”“แพรวจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม”ฉันยิ้มให้คนที่ถามฉันด้วยความเป็นกังวล“ไม่หรอกค่ะ แพรวมีหน้าที่แค่เจาะข้อมูล เพราะฉะนั้นแพรวไม่มีอันตรายหรอกค่ะ” ฉันพยายามตอบเลี่ยง ๆ เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง“สัญญากับพี่นะครับ หลังจบเรื่องทุกอย่างเราจะหมั้นกัน”“ค่ะ แพรวสัญญา”หลังได้รับคำตอบที่พอใจแล้ว เราก็เดินทางไปหาอะไรกินที่ห้าง และใช้เวลาว่างที่มีในการเข้าไปดูหนัง และเดินซื้อของเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ “พี่มาร์ครักแพรวไหมคะ” คนตรงหน้าขมวดคิ้วสงสัยในคำถามของฉัน ก่อนที่เขาจะพูดว่า“รักครับ รักมาก”“เขินจังเลยค่ะ”ฉันก็เป็นแบบนี้ ชอบถามคำถามนี้กับเขา ฉันถามเขาบ่อยและเขาก็บอกรักฉันบ่อย แต่บอกเลยว่ามันไม่ชิน ฉันยังเขินทุกครั้งที่เขาบอกรักฉัน แรก ๆ ฉันก็คิดว่าเดี๋ยวก็ชิน แต่ที่ไหนได้มันไม่ชินเลย อีกความรู้สึกหนึ่งนอกจากเขินก็คือการอิ่มเอมใจ และมีความสุขทุกครั้ง ที่เขาพูดว่ารัก“พี่บอกเราทุกวัน ยังไม่ชินอีกเหรอ”“ไม่ค่ะ ก็คนมันเขินนี่”“เด็กน้อย เหนื่อยหรือยังครับ วันนี้ซื้อเสื้อผ้าไปเยอะเลยนะเราอะ กลับหรือยัง”“กลับเลยก็ได้ค่ะ ปะ ไปที่รถกัน”เราทั้งคู่เดินมายังโซนรถที่ได้จอดไว้ ก่อน