"ที่รักขา ทำไมสั่งลงโทษน้องแบบนั้นล่ะคะ" ริชชี่พูด
"เออนั่นสิ มึงเล่นตั้งแต่วันแรกเลยเหรอวะ" ไอ้เมฆพูด
"หึ กูก็แค่แกล้งน้องมันคืนเท่านั้นเอง" ผมพูดพร้อมเดินตรงไปที่สนามฟุตบอลด้วยท่าทางสบาย ๆ
"เฮ้ย ไอ้มาร์คัส มึงรอพวกกูด้วยสิวะ"
"เป็นห่วง ก็สั่งให้หยุดสิวะ" ไอ้เลโอพูด ผมหันไปมองมัน ก่อนที่น้องจะวิ่งเข้ามาใกล้พวกผมเรื่อย ๆ
"นี่คุณ คุณ"
“...”
"แพรวา 0020"
"มีอะไรคะ"
"พอได้แล้ว หยุดวิ่งเถอะ" ผมพูด
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเด็กจะไม่เคารพรุ่นพี่อย่างคุณที่มากลับลำกลางคันแบบนี้ ฉันวิ่งได้สบายค่ะอีกสิบรอบเอง"
เธอพูดก่อนจะวิ่งออกไป ทำให้ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กำคำพูดของน้องมัน คงเป็นห่วงผมสินะ หึ
"อ๊าย! ยังไงคะที่รัก คนนี้นี่จะจริงจังเหรอคะ ริชชี่ไม่ยอมนะ"
ริชชี่พูดจบก็หัวเราะออกมา ก่อนที่พวกผมจะหัวเราะตาม
ผ่านมาสิบนาทีแล้วตั้งแต่ที่น้องมันวิ่งออกไป ผมไม่ได้สนใจว่าเวลาผ่านไปมากแค่ไหน จำนวนรอบวิ่งที่เหลือของเธอต่างหากที่ผมสนใจ น้องมันเหลือวิ่งอีกแค่ห้ารอบสนามเท่านั้น ความเร็วในการวิ่งของเธอทำเวลาเกือบเท่า ๆ กับของผม ทั้งยังลักษณะท่าทางการวิ่งราวกับคุ้นชินของเธออีกที่ทำให้ผมแปลกใจ
"พี่มาร์คัสโหดจังเลยนะคะ สั่งลงโทษตั้งแต่วันแรกเลย"
น้องหวานแฟนไอ้เมฆพูด ผมหันไปยิ้มให้ก่อนจะหันกลับมาสนใจแพรวต่อ เมื่อเธอวิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ก็มีไอ้หน้าอ่อนที่ไหนไม่รู้เอาผ้าเย็นไปยื่นให้เธอ จะใครล่ะก็คนที่นั่งอยู่กับเธอเมื่อเช้าไง ฮึ่ย หงุดหงิดชะมัด
"สงสารแพรวชะมัด พี่มาร์คัสโหด" มันพูด
"โอ๊ยแก ดูจากสถานการณ์แล้วเพื่อนเราก็ผิดนะยะ" น้องอะไรนะ อ้อน้องฟ้า
"เฮ้อ แฮ่ก แฮ่ก" แล้วเจ้าของประเด็นก็วิ่งตรงมาที่พวกผมยืนอยู่
"เสร็จแล้วค่ะ"
"อืม" เธอขมวดคิ้วมองผมอย่างสงสัย
"เป็นไงบ้างอะ" ไอ้หน้าอ่อนพูด เธอหันไปยิ้มให้มัน
"เอาเรื่องว่ะ ไม่ได้วิ่งนานเล่นเอาหอบเหมือนกัน สงสัยหลังจากนี้ต้องไปเคาะสนิมหน่อยแล้ว" เธอพูด
"ย่ะ แม่คนเก่ง" น้องฟ้าพูด เธอหันมามองหน้าผมและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่
"อ๊ายยยยย! นี่แกจะมาอ่อยอะไรมาร์คัสของฉันยะ"
มินนี่เดินเข้ามาผลักแพรว ทำให้เธอเซไปข้างหลัง โดยมีไอ้หน้าอ่อนนั่นประคองเธอไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะล้มลง
"ขอบใจนะรัน" อ้อที่แท้ก็ชื่อรันนี่เอง
"นี่ป้า ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ป้ามั่วปะเนี่ย" เธอพูด
"เหรอ เธอน่ะมันเด็กตอแหล แรด! หึ คงจะผ่านมาเยอะแล้วล่ะสิท่า" มินนี่พูด
"ป้ารู้จักฉันดีแล้วเหรอ ถึงมาว่าฉันเสีย ๆ หาย ๆ แบบนี้น่ะฮะ!" เธอตะคอกเสียงดัง ใบหน้าแสดงถึงความโกรธเกรี้ยว
"หึ ฉันรู้จักผู้หญิงแบบเธอดีเลยล่ะ ผู้หญิงอย่างเธอมันก็แค่หวังจะจับผู้ชายรวย ๆ ใช่ไหมล่ะ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ ถ้าแกหวังจะจับมาร์คัสล่ะก็ ไม่มีทาง!"
มินนี่พูด แพรวากำหมัดแน่นขึ้น ทั้งรอบบริเวณก็เริ่มมีคนให้ความสนใจเข้ามามุงดูเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งปีหนึ่งปีสอง
"ถ้าอย่างนั้นป้าก็เป็นแบบที่ป้าว่าฉันน่ะสิ เพราะเขาพูดกันว่า... ผีมักเห็นผีด้วยกัน หึ" เธอพูดพร้อมบิดยิ้มร้าย
"กรี๊ดดด! แกเป็นใครถึงมาว่าฉันแบบนี้ฮะ! แกไม่รู้เหรอว่าฉันลูกใคร นังเด็กไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ พ่อแม่คงไม่สั่งสอนสินะ ถึงได้มีกิริยามารยาทแบบนี้"
"มันจะมากเกินไปแล้วนะ ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์มาก้าวร้าวหรือพูดถึงพ่อแม่ฉันแบบนี้ แล้วพ่อแม่เธอล่ะสั่งสอนเธอมาดีแค่ไหนเหรอ เธอถึงได้มีกิริยาต่ำ ๆ มาว่าคนอื่นเขาแบบนี้ จะว่าเธอไม่ได้รับการอบรมก็คงจะไม่ใช่ เพราะดูจากผิวพรรณรวมถึงการแต่งตัวของเธอก็ดี ให้ฉันเดาพ่อแม่เธอคงสั่งสอนมาดีมาก แต่สมองขี้เรื่อยปลาทองแบบเธอคงไม่ได้จำ เธอถึงได้มีการกระทำน่ารังเกียจแบบนี้ น่าสงสารพ่อแม่เธอนะส่งลูกมาเรียนแต่ลูกกลับทำงามหน้า วิ่งเร่เข้าหาแต่ผู้ชาย" เธอพูด
"ว้าว เจ๊ชอบ หนูด่าได้สะเทือนติ่งเจ๊เลยลูกสาว" ริชชี่พูด
"อ๊าย! แก"
"หยุด!" ผมพูดทันทีเมื่อมินนี่จะเข้าไปตบแพรว
"คนทำผิดย่อมได้รับโทษ" ผมพูดแล้วมอง ไปที่เธอ
"ถ้าหมายถึงฉันล่ะก็ ฉันขอโทษคุณด้วยแล้วกันที่ปีนเกลียวแต่ฉันก็วิ่งแล้วถือว่าเลิกแล้วต่อกันนะคะ"
"เดี๋ยว" เธอพูดแล้วก็จะเดินออกไป ผมจึงรีบเรียกเธอเอาไว้ก่อน
"มีอะไรอีกคะ" เธอพูด
"ขอโทษมินนี่ซะ ยังไงเขาก็เป็นพี่เธอ" ที่ผมพูดแบบนี้เพราะไม่อยากให้มินนี่ไปเอาเรื่องเธอทีหลัง
เธอมองผมอย่างอึ้ง ๆ ก่อนจะตอบผมกลับมาเสียงแข็ง
"ไม่ ฉันไม่ผิด"
"ฉันบอกให้ขอโทษ!!" ผมพูดเสียงดัง เอ่อ ตะคอกมากกว่า
"ก็บอกว่าไม่ไง" เธอพูดพร้อมจ้องหน้าผมนิ่ง ผมไม่พูดแต่ใช้สายตากดดันเธอ
"ทำไม แตะต้องไม่ได้เลยเหรอแฟนนายน่ะ เหอะ ถ้าไม่อยากให้ใครมาว่าเเฟนนาย นายก็ควรอบรมมารยาทแฟนนายใหม่ซะสิ เพราะถ้าเป็นแบบนี้อยู่เชื่อเลยว่าอีกไม่นาน นายได้มีเขาบนหัวเพราะนิสัยยัยนี่แน่ แล้วฉันก็เตือนอีกครั้งนะว่า อย่า มา ยุ่ง กับ ฉัน"
เธอพูดกับผมซะยาวก่อนจะหันไปพูดกับมินนี่ แล้วทำท่าจะผละไป
"ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ เจอดีแน่"
กึก เธอหยุดตัวเองก่อนจะหันมาช้า พร้อมสายตาที่สงบนิ่ง นิ่งแบบที่ผมยังขนลุกเลย
"ล่ามแฟนนายไว้ให้ดี เพราะถ้ามาว่าฉันหรือหาเรื่องฉันอีกครั้งเดียวฉันไม่ยอมแน่ และขอพูดอีกครั้งว่า อย่า มา ยุ่ง กับ ฉัน"
เธอพูดกับผมก่อนจะหันกลับไปพูดกับมินนี่ แต่อะไรนะเธอบอกให้ผมล่ามแฟนงั้นเหรอ แฟนที่ไหนกัน นี่เธอยังเข้าใจว่ามินนี่เป็นแฟนผมอยู่สินะ ทั้งผมและเธอต่างจ้องตากันอย่างมีมีใครยอมใคร
กริ๊ง...กริ๊ง...
"ค่ะ" เธอกดรับสายแต่สายตายังมองผมอยู่
"ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องบอก เดี๋ยวแพรวไปเอง เตรียมให้พร้อมนะคะ แล้วก็จัดห้องรับรองไว้ด้วยค่ะ เดี๋ยวแพรวจะพาเพื่อนไปแนะนำให้รู้จักสองคนค่ะ" เธอคุยกับใครถึงได้แทนตัวเองอย่างสนิทสนมแบบนั้น
"ค่ะพี่แมน" ใครนะแมน ผู้ชายงั้นเหรอ เหอะ ให้ตายเถอะ
"โอเคค่ะ แล้วเจอกัน สวัสดีค่ะ"
"หึ ผู้ชาย" ไม่ใช่ใครหรอก ผมเองแหละ เธอมองผมอย่างไม่สบอารมณ์นัก แล้วไง ผมสิที่ต้องเป็นคนหงุดหงิด เธอคุยกับผู้ชายนะ
"แกกลับกันเถอะ" เธอชวนเพื่อนของเธอ
"ไปสิ"
"แพรวกลับแล้วนะคะพี่เมฆ พี่เลพี่ พิมพ์ เจ๊ริชชี่"
เธอพูดด้วยความสนิทสนมกับทุกคนยกเว้นผม
"หนูด่าได้ถูกใจเจ๊มาก เจ๊ชอบ กลับดี ๆ นะยะชะนีน้อย"
เธอยิ้มให้ริชชี่และคนอื่น ๆ ก่อนจะเดินออกไป หน็อย กล้าดียังไงมาเมินผมแบบนี้
"อย่าสนใจเลยนะคะ"
"ออกไป"
"เอ่อ แต่ว่า"
"ผมบอกให้ออกไปมินนี่" ผมตวาดไล่เธอจนเธอสะดุ้ง
"โอ๊ย เขาไม่สนใจ เครียดเหรอจ๊ะ" ริชชี่
"ก็เล่นพูดแบบนั้นนี่คะ" น้องหวาน
"ตื๊อดิวะไอ้เสือ" ไอ้เมฆ
"หึ มึงเจอเนื้อคู่แล้ว" ไอ้เลพูด ผมมองหน้าพวกมันทีละคนแต่ไม่ได้ตอบอะไร เพราะรู้สึกเคืองที่เธอคุยยิ้มให้กับทุกคน ยกเว้นผม มันน่าไหมล่ะ
"เฮ้ย นั่นแกจะไปไหนน่ะ" ไอ้เมฆ
"ไปหาเฮีย ไปละเจอกันที่สนามนะ"
สนามที่ว่าคือสนามแข่งรถนั่นแหละ วันนี้ผมจะไปสนาม M Sport ซึ่งเป็นสนามที่มีกติกากฎระเบียบชัดเจนที่สุด ผมชอบ แต่ตอนนี้ผมไปคลายเครียดกับพี่ชายของผมก่อนดีกว่า
“พี่มาร์คคะ ปล่อยแพรวก่อนดีกว่าไหมคะ”“ปล่อยทำไมล่ะครับ อยู่แบบนี้ดีแล้ว”“คือแพรวร้อนน่ะค่ะ”“ร้อนเหรอครับ ห้องเราเปิดแอร์นะที่รัก เรามาซ้อมเข้าหอกันดีไหม”จบคำพูดพี่มาร์คก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาหาฉันอย่างช้า ๆ จนในที่สุดปากเราสองคนก็สัมผัสกัน พี่มาร์คบรรจงจูบฉันอย่างดูดดื่ม สูบเอาความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มของฉันอย่างตะกละตะกลามรสจูบของเขาลึกล้ำปลุกเร้าให้ฉันเกิดอาการประหลาดจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ สมองและการกระทำของร่างกายไม่สัมพันธ์กัน มือของฉันสอดเข้าโอบรอบคอของเขาก่อนจะลูบไล้มือไปยังแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบาฉันได้ยินเสียงครางเบา ๆ ออกมาจากลำคอของเขาในขณะที่ปากเราสองคนยังจูบกันอยู่ พี่มาร์คถอนริมฝีปากออกไป แล้วมองฉันด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำ“หวาน พี่จูบเก่งไหมครับ”“คนบ้า”เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหน้าฟัง จนฉันอดที่จะต่อว่าเขาไม่ได้“เอาจูบแบบเมื่อกี้อีกไหมครับ”“พอแล้วค่ะ ปากแพรวช้ำหมดแล้ว”ฉันพูดออกมา เพราะกลัวมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ตั้งแต่ที่เราคบกันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่พี่มาร์คเขาไม่เคยทำอะไรฉันมากไปกว่าการกอดและจูบเลย ซึ่งการที่เขาทำตัวสุภาพบุรุษแบบนี้มันแอบทำให้ฉันกลัวว่
2 เดือนต่อมา“แพรว เรียบร้อยหรือยัง ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ”“เสร็จแล้วค่ะพี่ปรางค์ อย่าเร่งสิคะแพรวตื่นเต้นเหมือนกันนะ”“เสร็จแล้วก็ออกมาให้พี่ดูสักทีสิ มัวแต่อยู่ในห้องน้ำอยู่นั่นแหละ”แอ๊ด!“สวยมากเลยแพรว”“น้องสาวพี่สวยที่สุด”“หวานมาก”ฉันเขินไปกับคำชมของพวกพี่ลิน พี่ปรางค์และพี่มีนสงสัยกันล่ะสิว่าทำไมทุกคนต้องมาชมฉัน เรื่องมันเป็นแบบนี้หลังจากที่ฉันและพวกพี่ลินจัดการนายโทมัสและนายริชาร์ดได้ เรื่องทุกอย่างก็จบ วันที่ทุกคนปฏิบัติการฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งเจาะข้อมูลบริษัทของนายโทมัสเฉย ๆ ซึ่งก็ได้พี่ลินอีกนั่นแหละที่เอาเครื่องรบกวนสัญญาณไปติดในบริษัทของนายโทมัส ทำให้ฉันสามารถเข้าสู่ระบบและได้ข้อมูลทั้งหมดของบริษัทนั่นมาได้ บอกได้เลยว่าพวกมันโคตรชั่ว ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและหุ้นส่วนทั้งนั้น งานฉันมันก็มีแค่นั้นแหละ ไม่ได้ออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันแฮกมาได้ พี่ลินก็เอาให้ตำรวจสากลไปจัดการต่อ นายโทมัสก็ถูกตำรวจสากลจัดการต่อเช่นกัน เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละอ้อ หลังจบเรื่องทุกอย่างพี่ลินจะให้ฉันออกจากองค์กรด้วยนะ เพราะไม่อยากให้ฉันเป็นอันตราย แต่ว่าฉันไม
“ไงเรา เจ็บตัวฟรีเลย”“นั่นสิคะพี่ปรางค์ แต่ก็สงสารนายดราฟนั่นเหมือนกันนะคะ น่าจะช็อกจากเหตุการณ์ที่สูญเสียครอบครัวกะทันหัน เขาเลยเป็นแบบนี้”“ไม่ต้องสงสารคนอื่นเลย รู้ไหมว่าเราน่ะเกือบตาย ตอนส่งข้อความมาบอกพวกพี่แทบจะเป็นลม แล้วก็เสียพ่อและแม่ไปโดยใช่เหตุอีก เฮ้อ!”“จริงครับพี่มีน ไม่รู้จะไปสงสารคนอื่นทำไม เขาเป็นคนทำร้ายตัวเองกับครอบครัวแท้ ๆ”“น้อย ๆ หน่อยไอ้มาร์ค ออกตัวแรงเกินไปแล้ว”“จริงนะครับพี่มาร์ติน พี่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง”“อะ ๆ ๆ อย่าเถียงกันเด็ก ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้หนูแพรวก็ปลอดภัยแล้ว ก็หมดห่วงกันได้แล้วเนอะ แยกย้ายกันไปพักเถอะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“พวกพี่กลับก่อนนะ”“กลับดี ๆ นะครับพี่ ๆ ส่วนแพรวผมไม่ให้กลับนะครับ วันนี้จะให้นอนนี่แหละ”พี่ทุกคนต่างยิ้มขำให้ผม ก่อนจะต่างคนต่างแยกย้ายกันไป“หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะลูกนะ”“ค่ะคุณแม่”“ผมขอตัวพาน้องไปพักก่อนนะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปครับไปห้องพี่กัน” ผมไม่สนใจว่าพ่อกับแม่ผมจะพูดอะไร เลือกที่จะจับจูงมือเล็กของแพรวาขึ้นมาชั้นสองของบ้านทันที“พี่เสียใจเรื่องคุณพ่อคุณแม่ของแพรวด้วยนะครับ ท่านไ
ปัง!“อ๊ากกก ปล่อยกู กูจะฆ่ามัน ปล่อยย ปล่อยกู ปล่อย!”เสียงปืนที่ดังขึ้นลั่นบริเวณ ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ก่อนจะได้ยินเสียงร้องโวยวายของผู้ชาย หากแต่ผมก็ยังกอดแพรวาไว้แนบอก ไม่ยอมผละห่าง หัวใจเต้นรัวไปหมด ผมไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดเป็นอะไรไป คิดได้ดังนั้นผมก็กอดร่างเล็กแน่นขึ้น“อ้าว จะยืนกอดกันอีกนานไหม” น้ำเสียงคุ้นเคยที่พ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ ทำให้ผมกับแพรวาผละออกจากกัน“พี่ลิน”แพรวาเอ่ยเรียกคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปกอดพี่ลินช้า ๆ“ปล่อยกู มึงต้องตาย มึงต้องตาย! ฮึก ฮือ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ มัน มันผิด มันฆ่าครอบครัวผม ฮึก ฮือ ฮือ ฮึก พ่อครับ แม่ครับ ฮือ มันฆ่าครอบครัวผม”“...”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมแก้แค้นให้ครอบครัวเราได้แล้วนะครับ พวกมันตายแล้ว ตายหมดแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปไหน ไม่ไป ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ปล่อยผม ฮึก ฆ่ามัน ฮึก ฆ่ามัน”ชายคนที่พยายามทำร้ายแพรวาเสียสติไปแล้วเรียบร้อย เดี๋ยวโวยวาย เดี๋ยวหัวเราะและร้องไห้ สลับกันไปส่วนเสียงปืนที่ทุกคนได้ยิน คือเสียงปืนจากตำรวจที่ยิงเข้าที่มือคนร้าย ทำให้ปืนล่วงก่อนที่มันจะลั่นไกล ผมและแพรวาถึงได้ไม่มีใครเจ็บตัวไปมากก
“ตอนแรกฉันจำแกไม่ได้หรอก แต่ว่าฉันมันเป็นคนฉลาดไง และตอนนี้นวัตกรรมของเทคโนโลยีก็ไปไกลมาก ฉันจึงเอารูปแกตอนเด็กไปวิจัยว่าถ้าอีกห้าหรือสิบปีข้างหน้าแกจะหน้าตาเป็นยังไง มันเป็นวิธีเดียวกับที่วงการตำรวจเขาใช้หาตัวคนร้ายนั่นแหละ จนในที่สุดฉันก็ได้ภาพความน่าจะเป็นของแกมา”“...”“อุตส่าห์เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แล้วไง สุดท้ายฉันก็เจอแกอยู่ดี ออกมาเถอะน่า อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดไปมากกว่านี้เลย”“...”“ออกมาสิโว้ยนังอลิน ไม่สิ ฉันต้องเรียกแกว่าแพรวา ออกมาจบเรื่องทุกอย่างซะ”ฉันมองหน้าพี่มาร์คที่ส่ายหัวห้ามฉันออกไป มาถึงตอนนี้ฉันแทบจะห้ามอารมณ์ความแค้นของตัวเองไว้ไม่ไหว และรู้สึกเจ็บใจที่ทำอะไรคนที่ทำร้ายครอบครัวตัวเองไม่ได้“แพรวพอจะจำเรื่องราวได้หรือยังว่ามันตามฆ่าแพรวทำไม”“ไม่รู้เลยค่ะพี่มาร์ค คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้บอกอะไรแพรวเลยค่ะ”“มันต้องมีสาเหตุสิ”ฉันก็พยายามคิดนะ ว่ามันต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันถูกมันตามฆ่าแบบนี้ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ที่สำคัญพ่อกับแม่ไม่เคยพูดหรือบอกอะไรกับฉันเลย วันที่ถูกลอบทำร้ายจนพ่อแม่ตายในวันนั้น พวกท่านบอกแค่ว่า จะพาฉันไปเที่ยวเท่านั้นเอง มาถึงตอนน
“แพรวครับ”“คะ มีอะไรคะ”“แพรวจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม”ฉันยิ้มให้คนที่ถามฉันด้วยความเป็นกังวล“ไม่หรอกค่ะ แพรวมีหน้าที่แค่เจาะข้อมูล เพราะฉะนั้นแพรวไม่มีอันตรายหรอกค่ะ” ฉันพยายามตอบเลี่ยง ๆ เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง“สัญญากับพี่นะครับ หลังจบเรื่องทุกอย่างเราจะหมั้นกัน”“ค่ะ แพรวสัญญา”หลังได้รับคำตอบที่พอใจแล้ว เราก็เดินทางไปหาอะไรกินที่ห้าง และใช้เวลาว่างที่มีในการเข้าไปดูหนัง และเดินซื้อของเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ “พี่มาร์ครักแพรวไหมคะ” คนตรงหน้าขมวดคิ้วสงสัยในคำถามของฉัน ก่อนที่เขาจะพูดว่า“รักครับ รักมาก”“เขินจังเลยค่ะ”ฉันก็เป็นแบบนี้ ชอบถามคำถามนี้กับเขา ฉันถามเขาบ่อยและเขาก็บอกรักฉันบ่อย แต่บอกเลยว่ามันไม่ชิน ฉันยังเขินทุกครั้งที่เขาบอกรักฉัน แรก ๆ ฉันก็คิดว่าเดี๋ยวก็ชิน แต่ที่ไหนได้มันไม่ชินเลย อีกความรู้สึกหนึ่งนอกจากเขินก็คือการอิ่มเอมใจ และมีความสุขทุกครั้ง ที่เขาพูดว่ารัก“พี่บอกเราทุกวัน ยังไม่ชินอีกเหรอ”“ไม่ค่ะ ก็คนมันเขินนี่”“เด็กน้อย เหนื่อยหรือยังครับ วันนี้ซื้อเสื้อผ้าไปเยอะเลยนะเราอะ กลับหรือยัง”“กลับเลยก็ได้ค่ะ ปะ ไปที่รถกัน”เราทั้งคู่เดินมายังโซนรถที่ได้จอดไว้ ก่อน