ทุกสายตาหันไปตามทิศทางที่มาของเสียง และก็ได้เจอกับแก๊งผู้ชายเดินมาด้วยกันหลายคน แต่ฉันให้ความสนใจไปที่คนที่อยู่ตรงกลาง
"พวกนี้แหละแพรว"
พี่แมนกระซิบบอก หึ ที่แท้ก็พวกนี้เองสินะ ถึงว่าสิ มาแบบไม่ปกติเชียว
"ผู้ท้าชิงของเรามาแล้วครับ ชื่อว่า ไททัน หนุ่มหล่อ แบดบอย สาวเยอะคนนี้แหละครับ ที่มาขอท้าชิงควีนสนาม"
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!
"หยุดก่อนฮะทุกคน ไหนล่ะฮะควีนสนาม ผมยังไม่เห็นใครสักคนเลย หรือว่าป๊อด ปอดแหก หนีกลับบ้านไปนอนกอดตุ๊กตาแล้ว”
หึ นอนกอดตุ๊กตางั้นหรอ เดี๋ยวได้รู้เรื่องเลย
“พี่แมนคะ"
"อ่า ตอนนี้ควีนสนามของเรามาถึงแล้วนะครับ มาถึงสนามนานแล้วด้วยเรียกว่ามารอดูผู้ท้าชิงเลยดีกว่า ขอเชิญควีนสนามแสดงตัวเลยฮะ"
พรึบ!!!
"เฮ้ย แพรว!"
"ยัยแพรว!" ฉันไม่ได้สนใจเสียงของใครเพราะสิ่งที่ฉันสนใจคือคนตรงหน้าฉันต่างหาก
"หึ นี่เหรอ ควีนสนาม สวยไม่เบานี่" นายไททันพูด
"ว่าแต่นายเถอะ แน่ใจเหรอว่าจะแข่งกับฉัน"
"กะอีแค่ผู้หญิง ทำไมฉันต้องกลัว"
"นั่นสินะ ทำไมนายต้องกลัว เพราะฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง"
"ใช่ ของเดิมพันคือตัวเธอละกัน มันน่า… หึหึ"
มันว่าพร้อมกับใช้สายตาโลมเลียตัวฉัน
"แล้วถ้าฉันชนะล่ะ" ฉันมองคนตรงหน้าอย่างยั่วยวน
"ทุกสิ่งที่เธอต้องการ"
"ตกลง ฉันตกลง"
"เฮ้ย! นี่เธอจะบ้าเหรอ" พี่มาร์คัสเอ่ยขัดขึ้น
"มันไม่ใช่เรื่องของนาย"
"แต่ว่า"
ฉันใช้สายตาแทนคำพูดไม่รู้จะยุ่งทำไม ฮึ่ย ชักรำคาญแล้วนะ หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้สนใจเลือกที่จะลงไปสนามแข่งทันที งานนี้ฉันต้องชนะ นายไททันเตรียมตัวรับความพ่ายแพ้ได้เลย
ยัยบ้าเอ๊ย! บัดซบที่สุด ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ก็ยัยแพรวนั่นแหละ บ้าหรือเปล่า ตอนแรกผมก็ตกใจนะครับ แบบว่า เฮ้ย ยัยนี่เป็นควีนตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ แล้วสิ่งที่ทำให้ผมช็อกคือ
แพรวลงไปแข่งรถกับคนที่ชื่อไททัน เท่านั้นยังไม่พอเธอยังเอาตัวเองเป็นเดิมพันอีก ผมอยากจะฆ่าไอ้บ้านั่นทิ้งก็ดูมันมองเธอสิ เห็นแล้วหงุดหงิด เออ แล้วผมเป็นอะไรเนี่ย จะหงุดหงิดทำไม
มันไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย เฮ้อ
“มึงเป็นอะไรของมึง ทำหน้าเหมือนตูดเลย”
เสียงเพื่อนผมเองแหละครับ ผมได้แต่มองมันนิ่ง ๆ ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะผมสนใจรถที่อยู่ตรงจุดสตาร์ตที่กลางสนามนั่น
“เอ้าไอ้นี่ เพื่อนถามก็ไม่ตอบ” ไอ้เลย์ยังคงพูดต่อแต่ผมไม่ได้สนใจอะไร มันก็เป็นของมันแบบนี้
ปัง!!!
เสียงปืนดังลั่นกลางสนามเป็นอันว่ารถสองคันได้ออกจากจุดสตาร์ตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รถทั้งสองคันต่างขับกระแทกกระทั้นกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร นี่ก็เข้ารอบที่สองแล้วยังไม่มีใครขึ้นนำเลยด้วยซ้ำ และแล้วรถก็เข้ารอบสุดท้าย รอบนี้เป็นรอบตัดสินว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ รถของนายไททันเร่งความเร็วหนีรถยัยแพรวแทบจะทันทีที่เข้าโค้งสุดท้ายของสนาม
“แพรว เร็วสิแพรว” เสียงน้องฟ้าพูด
“แพรว เธอต้องชนะ” เสียงไอ้หน้าอ่อนที่ชื่อรันพูด
“แกว่าน้องแพรวจะแพ้หรือเปล่าวะ รถทิ้งช่วงห่างขนาดนั้น” ไอ้เลโอพูด
“นั่นสิห่างตั้งสองช่วงตัว ถ้าชนะได้นี่ถือว่าน้องแพรวเป็นนักแข่งที่น่ากลัวคนหนึ่งเลยนะเว้ย” ไอ้เมฆพูด
“โธ่เว้ย เสือกเอาตัวเองเป็นของเดิมพันอีก ฮึ่ย” ผมพูดอย่างหงุดหงิด ถ้าเธอแพ้ผมไม่มีทางยอมแน่
“หึ เป็นควีนสนามคิดว่าพลาดไม่ได้หรือไงวะ” ผมพูดออกมาเบา ๆ
“ไม่ใช่คนนี้แน่ อย่าห่วงเลย การเป็นควีนคือที่สุด พลาดได้แต่ไม่มีทางแพ้” ผมหันไปมองคนพูด เหอะ เห็นหน้าแล้วไม่ถูกชะตา หมั่นไส้
“เอาละครับทุกคน ตอนนี้รถคุณไททันแซงออกไปไกลมากเลยนะครับ แล้วควีนของเราจะทำอย่างไร จะเอาชนะได้ไหม หรือว่าคุณไททันจะเป็นคนล้มควีน ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดและดุเดือดครับ ตอนนี้รถเข้าโค้งสุดท้ายของสนามแล้ว จะเป็นใครที่ชนะ..”
“ใคร ใคร ใคร ใคร ควีนสนามครับ โอ้โห ไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว รถห่างตั้งสองช่วงตัวแต่ควีนก็ยังเป็นควีนไม่มีใครสามารถล้มควีนได้จริง ๆ ชัยชนะวันนี้คือควีนสนามครับ”
เฮ้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ กรี๊ดดดดด!
หลังจากที่พิธีกรสนามพูดจบ เสียงเชียร์ก็ดังขึ้นยกใหญ่แต่ชัยชนะที่ได้มาเมื่อสักครู่ ก็ทำให้ผมยอมรับได้เหมือนกันว่าเธอเก่งจริง ไม่ธรรมดาซะแล้วสิ สิ่งที่ผมสนใจตอนนี้คือ
เธอเป็นใคร!!
ผมและเพื่อนพากันเดินลงไปหาเธอว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไรกันแน่ ส่วนนายไททันอะไรนั่น คงหัวเสียน่าดูที่แพ้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างแพรว
“สุดยอดเลยแก โคตรทึ่ง” น้องฟ้าพูด
“แล้วนี่ชนะแล้วก็อย่าลีลา ต้องการอะไรก็พูดมาสิ”
นายไททันพูด ส่วนแพรวก็ได้แต่ยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ผมรู้สึกว่ามันเจ้าเล่ห์แปลก ๆ
“แน่ใจนะ” เธอถามนายไททันด้วยรอยยิ้ม ส่วนมันไม่ยอมตอบนอกจากจะส่งสายตาที่แสดงความไม่พอใจมาให้
“หึ พี่แมนคะ ปิดสนาม!”
พวกผมพากันตาโต ปิดสนามก็หมายความว่าไล่ทุกคนออกจากที่นี่สิ เธอจะทำอะไรกันแน่ ผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาทีทุกคนนับร้อยกว่าชีวิตก็ทยอยออกจากสนามจนหมด
“คนไปหมดแล้วต้องการอะไรก็ว่ามา”
นายไททันพูด ซึ่งผมก็มองแพรวด้วยความอยากรู้เพราะตอนนี้เธอนิ่งมาก นิ่งมากจริง ๆ...
“พี่มาร์คคะ ปล่อยแพรวก่อนดีกว่าไหมคะ”“ปล่อยทำไมล่ะครับ อยู่แบบนี้ดีแล้ว”“คือแพรวร้อนน่ะค่ะ”“ร้อนเหรอครับ ห้องเราเปิดแอร์นะที่รัก เรามาซ้อมเข้าหอกันดีไหม”จบคำพูดพี่มาร์คก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาหาฉันอย่างช้า ๆ จนในที่สุดปากเราสองคนก็สัมผัสกัน พี่มาร์คบรรจงจูบฉันอย่างดูดดื่ม สูบเอาความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มของฉันอย่างตะกละตะกลามรสจูบของเขาลึกล้ำปลุกเร้าให้ฉันเกิดอาการประหลาดจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ สมองและการกระทำของร่างกายไม่สัมพันธ์กัน มือของฉันสอดเข้าโอบรอบคอของเขาก่อนจะลูบไล้มือไปยังแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบาฉันได้ยินเสียงครางเบา ๆ ออกมาจากลำคอของเขาในขณะที่ปากเราสองคนยังจูบกันอยู่ พี่มาร์คถอนริมฝีปากออกไป แล้วมองฉันด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำ“หวาน พี่จูบเก่งไหมครับ”“คนบ้า”เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหน้าฟัง จนฉันอดที่จะต่อว่าเขาไม่ได้“เอาจูบแบบเมื่อกี้อีกไหมครับ”“พอแล้วค่ะ ปากแพรวช้ำหมดแล้ว”ฉันพูดออกมา เพราะกลัวมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ตั้งแต่ที่เราคบกันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่พี่มาร์คเขาไม่เคยทำอะไรฉันมากไปกว่าการกอดและจูบเลย ซึ่งการที่เขาทำตัวสุภาพบุรุษแบบนี้มันแอบทำให้ฉันกลัวว่
2 เดือนต่อมา“แพรว เรียบร้อยหรือยัง ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ”“เสร็จแล้วค่ะพี่ปรางค์ อย่าเร่งสิคะแพรวตื่นเต้นเหมือนกันนะ”“เสร็จแล้วก็ออกมาให้พี่ดูสักทีสิ มัวแต่อยู่ในห้องน้ำอยู่นั่นแหละ”แอ๊ด!“สวยมากเลยแพรว”“น้องสาวพี่สวยที่สุด”“หวานมาก”ฉันเขินไปกับคำชมของพวกพี่ลิน พี่ปรางค์และพี่มีนสงสัยกันล่ะสิว่าทำไมทุกคนต้องมาชมฉัน เรื่องมันเป็นแบบนี้หลังจากที่ฉันและพวกพี่ลินจัดการนายโทมัสและนายริชาร์ดได้ เรื่องทุกอย่างก็จบ วันที่ทุกคนปฏิบัติการฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งเจาะข้อมูลบริษัทของนายโทมัสเฉย ๆ ซึ่งก็ได้พี่ลินอีกนั่นแหละที่เอาเครื่องรบกวนสัญญาณไปติดในบริษัทของนายโทมัส ทำให้ฉันสามารถเข้าสู่ระบบและได้ข้อมูลทั้งหมดของบริษัทนั่นมาได้ บอกได้เลยว่าพวกมันโคตรชั่ว ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและหุ้นส่วนทั้งนั้น งานฉันมันก็มีแค่นั้นแหละ ไม่ได้ออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันแฮกมาได้ พี่ลินก็เอาให้ตำรวจสากลไปจัดการต่อ นายโทมัสก็ถูกตำรวจสากลจัดการต่อเช่นกัน เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละอ้อ หลังจบเรื่องทุกอย่างพี่ลินจะให้ฉันออกจากองค์กรด้วยนะ เพราะไม่อยากให้ฉันเป็นอันตราย แต่ว่าฉันไม
“ไงเรา เจ็บตัวฟรีเลย”“นั่นสิคะพี่ปรางค์ แต่ก็สงสารนายดราฟนั่นเหมือนกันนะคะ น่าจะช็อกจากเหตุการณ์ที่สูญเสียครอบครัวกะทันหัน เขาเลยเป็นแบบนี้”“ไม่ต้องสงสารคนอื่นเลย รู้ไหมว่าเราน่ะเกือบตาย ตอนส่งข้อความมาบอกพวกพี่แทบจะเป็นลม แล้วก็เสียพ่อและแม่ไปโดยใช่เหตุอีก เฮ้อ!”“จริงครับพี่มีน ไม่รู้จะไปสงสารคนอื่นทำไม เขาเป็นคนทำร้ายตัวเองกับครอบครัวแท้ ๆ”“น้อย ๆ หน่อยไอ้มาร์ค ออกตัวแรงเกินไปแล้ว”“จริงนะครับพี่มาร์ติน พี่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง”“อะ ๆ ๆ อย่าเถียงกันเด็ก ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้หนูแพรวก็ปลอดภัยแล้ว ก็หมดห่วงกันได้แล้วเนอะ แยกย้ายกันไปพักเถอะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“พวกพี่กลับก่อนนะ”“กลับดี ๆ นะครับพี่ ๆ ส่วนแพรวผมไม่ให้กลับนะครับ วันนี้จะให้นอนนี่แหละ”พี่ทุกคนต่างยิ้มขำให้ผม ก่อนจะต่างคนต่างแยกย้ายกันไป“หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะลูกนะ”“ค่ะคุณแม่”“ผมขอตัวพาน้องไปพักก่อนนะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปครับไปห้องพี่กัน” ผมไม่สนใจว่าพ่อกับแม่ผมจะพูดอะไร เลือกที่จะจับจูงมือเล็กของแพรวาขึ้นมาชั้นสองของบ้านทันที“พี่เสียใจเรื่องคุณพ่อคุณแม่ของแพรวด้วยนะครับ ท่านไ
ปัง!“อ๊ากกก ปล่อยกู กูจะฆ่ามัน ปล่อยย ปล่อยกู ปล่อย!”เสียงปืนที่ดังขึ้นลั่นบริเวณ ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ก่อนจะได้ยินเสียงร้องโวยวายของผู้ชาย หากแต่ผมก็ยังกอดแพรวาไว้แนบอก ไม่ยอมผละห่าง หัวใจเต้นรัวไปหมด ผมไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดเป็นอะไรไป คิดได้ดังนั้นผมก็กอดร่างเล็กแน่นขึ้น“อ้าว จะยืนกอดกันอีกนานไหม” น้ำเสียงคุ้นเคยที่พ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ ทำให้ผมกับแพรวาผละออกจากกัน“พี่ลิน”แพรวาเอ่ยเรียกคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปกอดพี่ลินช้า ๆ“ปล่อยกู มึงต้องตาย มึงต้องตาย! ฮึก ฮือ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ มัน มันผิด มันฆ่าครอบครัวผม ฮึก ฮือ ฮือ ฮึก พ่อครับ แม่ครับ ฮือ มันฆ่าครอบครัวผม”“...”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมแก้แค้นให้ครอบครัวเราได้แล้วนะครับ พวกมันตายแล้ว ตายหมดแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปไหน ไม่ไป ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ปล่อยผม ฮึก ฆ่ามัน ฮึก ฆ่ามัน”ชายคนที่พยายามทำร้ายแพรวาเสียสติไปแล้วเรียบร้อย เดี๋ยวโวยวาย เดี๋ยวหัวเราะและร้องไห้ สลับกันไปส่วนเสียงปืนที่ทุกคนได้ยิน คือเสียงปืนจากตำรวจที่ยิงเข้าที่มือคนร้าย ทำให้ปืนล่วงก่อนที่มันจะลั่นไกล ผมและแพรวาถึงได้ไม่มีใครเจ็บตัวไปมากก
“ตอนแรกฉันจำแกไม่ได้หรอก แต่ว่าฉันมันเป็นคนฉลาดไง และตอนนี้นวัตกรรมของเทคโนโลยีก็ไปไกลมาก ฉันจึงเอารูปแกตอนเด็กไปวิจัยว่าถ้าอีกห้าหรือสิบปีข้างหน้าแกจะหน้าตาเป็นยังไง มันเป็นวิธีเดียวกับที่วงการตำรวจเขาใช้หาตัวคนร้ายนั่นแหละ จนในที่สุดฉันก็ได้ภาพความน่าจะเป็นของแกมา”“...”“อุตส่าห์เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แล้วไง สุดท้ายฉันก็เจอแกอยู่ดี ออกมาเถอะน่า อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดไปมากกว่านี้เลย”“...”“ออกมาสิโว้ยนังอลิน ไม่สิ ฉันต้องเรียกแกว่าแพรวา ออกมาจบเรื่องทุกอย่างซะ”ฉันมองหน้าพี่มาร์คที่ส่ายหัวห้ามฉันออกไป มาถึงตอนนี้ฉันแทบจะห้ามอารมณ์ความแค้นของตัวเองไว้ไม่ไหว และรู้สึกเจ็บใจที่ทำอะไรคนที่ทำร้ายครอบครัวตัวเองไม่ได้“แพรวพอจะจำเรื่องราวได้หรือยังว่ามันตามฆ่าแพรวทำไม”“ไม่รู้เลยค่ะพี่มาร์ค คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้บอกอะไรแพรวเลยค่ะ”“มันต้องมีสาเหตุสิ”ฉันก็พยายามคิดนะ ว่ามันต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันถูกมันตามฆ่าแบบนี้ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ที่สำคัญพ่อกับแม่ไม่เคยพูดหรือบอกอะไรกับฉันเลย วันที่ถูกลอบทำร้ายจนพ่อแม่ตายในวันนั้น พวกท่านบอกแค่ว่า จะพาฉันไปเที่ยวเท่านั้นเอง มาถึงตอนน
“แพรวครับ”“คะ มีอะไรคะ”“แพรวจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม”ฉันยิ้มให้คนที่ถามฉันด้วยความเป็นกังวล“ไม่หรอกค่ะ แพรวมีหน้าที่แค่เจาะข้อมูล เพราะฉะนั้นแพรวไม่มีอันตรายหรอกค่ะ” ฉันพยายามตอบเลี่ยง ๆ เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง“สัญญากับพี่นะครับ หลังจบเรื่องทุกอย่างเราจะหมั้นกัน”“ค่ะ แพรวสัญญา”หลังได้รับคำตอบที่พอใจแล้ว เราก็เดินทางไปหาอะไรกินที่ห้าง และใช้เวลาว่างที่มีในการเข้าไปดูหนัง และเดินซื้อของเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ “พี่มาร์ครักแพรวไหมคะ” คนตรงหน้าขมวดคิ้วสงสัยในคำถามของฉัน ก่อนที่เขาจะพูดว่า“รักครับ รักมาก”“เขินจังเลยค่ะ”ฉันก็เป็นแบบนี้ ชอบถามคำถามนี้กับเขา ฉันถามเขาบ่อยและเขาก็บอกรักฉันบ่อย แต่บอกเลยว่ามันไม่ชิน ฉันยังเขินทุกครั้งที่เขาบอกรักฉัน แรก ๆ ฉันก็คิดว่าเดี๋ยวก็ชิน แต่ที่ไหนได้มันไม่ชินเลย อีกความรู้สึกหนึ่งนอกจากเขินก็คือการอิ่มเอมใจ และมีความสุขทุกครั้ง ที่เขาพูดว่ารัก“พี่บอกเราทุกวัน ยังไม่ชินอีกเหรอ”“ไม่ค่ะ ก็คนมันเขินนี่”“เด็กน้อย เหนื่อยหรือยังครับ วันนี้ซื้อเสื้อผ้าไปเยอะเลยนะเราอะ กลับหรือยัง”“กลับเลยก็ได้ค่ะ ปะ ไปที่รถกัน”เราทั้งคู่เดินมายังโซนรถที่ได้จอดไว้ ก่อน