เข้าสู่ระบบด้านฟ้าใสเมื่อกลับมาถึงโต๊ะก็เจอกับวิภาดาที่ยืนทำหน้าตื่นอยู่ เพราะก่อนหน้านี้หลังจากเสร็จธุระที่ห้องน้ำ แอนดริวโทรเข้ามาพอดี วิภาดาเลยไปคุยโทรศัพท์นอกร้าน จู่ๆ รถพยาบาลก็ขับเข้ามาจอดตรงบริเวณหน้าร้าน และมีพยาบาลกับบุรุษพยาบาลวิ่งเข้ามาในร้าน วิภาดาเลยวิ่งกลับเข้ามาในร้านเพื่อดูว่ามีใครเป็นอะไร แต่กลับไม่พบฟ้าใสบนโต๊ะอาหาร จึงทำให้ตกใจ
"ฟ้าเป็นอะไรมั้ย"
"ฟ้าไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พอดีคุณลุงเขามีอาการชักเกร็ง ฟ้าเลยเข้าไปช่วย"
"แล้วนี่เลือดใคร"
วิภาดายกแขนของฟ้าใสขึ้นมาดู เพราะมีรอยเลือดอยู่ตรงบริเวณปลายแขนเสื้อของฟ้าใส เมื่อพลิกไปพลิกมาก็พบว่ามีบาดแผลอยู่ตรงบริเวณนิ้ว คงเกิดจากตอนที่เอามือกวาดเศษจานที่แตก
"คงจะโดนตอนที่ไปช่วยคุณลุงค่ะ"
"แล้วไม่รู้สึกเจ็บเลยเหรอ แผลก็ไม่ได้เล็กมากนะ"
"เมื่อกี้คงจะตกใจค่ะ เลยไม่ทันได้สังเกตุ"
"จริงๆ เลยนะเรา เวลาช่วยคนอื่นไม่เคยระวังตัวเลย ไปเดี๋ยวพี่พาไปทำแผล"
"ไม่เป็นไรค่ะ ในรถฟ้ามีกล่องยาอยู่ ล้างแผลติดพลาสเตอร์ก็ได้แล้วค่ะ"
"งั้นกลับกันเลยดีกว่า ฟ้าจะได้พักผ่อนด้วยเดี๋ยวพี่ไปเคลียร์ค่าอาหารก่อนนะ ฟ้าไปรอพี่ที่นอกร้านได้เลย"
กวินที่นั่งดูทั้งสองคนสนทนากันอยู่ เมื่อเห็นฟ้าใสลุกเดินออกไป เขาก็ลุกตาม ในจังหวะที่ทั้งสองกำลังเดินผ่านประตู ก็มีคณะทัวร์เดินเข้ามาในร้านพอดี ทำให้ทางออกแคบลงทั้งสองเลยต้องเเจมส์ยดกัน
"ขอโทษค่ะ เชิญคุณก่อนเลย"
ด้วยความที่เป็นเด็กดี มีมารยาทฟ้าใสจึงไม่รอช้าที่จะเสียสละให้คนอื่นไปก่อน
"ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณก่อนเลย"
กวินผายมือให้ฟ้าใสเดินออกไปก่อน
"เชิญคุณก่อนเลยค่ะ"
"งั้นออกพร้อมกัน"
เมื่อฟ้าใสยังดื้อไม่ยอมออกไปก่อน กวินจึงยืนซ้อนด้านหลังของฟ้าใสแล้วเอามือเกาะไหล่
"คุณจะทำอะไร จะมาเเจมส์ยดฉันทำไมคะ"
ฟ้าใสทักท้วงขึ้นทันทีเมื่อเห็นการกระทำของกวิน ส่วนกวินก็ไม่ได้พูดอะไรแต่ออกแรงดันไหล่เธอเล็กน้อย จึงทำให้ทั้งคู่ออกไปด้านนอกได้พร้อมกัน
"ในที่สุดก็ได้เจอกันสักทีนะ"
"คุณว่าไงนะคะ"
"ไม่มีอะไร"
ฟ้าใสรู้สึกงงกับการกระทำของกวิน ซึ่งตอนนี้ก็ออกจากร้านมาแล้ว แต่ทำไมยังเกาะไหล่เธอไม่ยอมปล่อย
"เอ่อ คุณคะ"
"หือ ว่าไง"
"คุณปล่อยฉันก่อนได้มั้ยคะ"
"อ้อ ได้สิ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะจับสักหน่อย"
"งั้นฉันขอตัวนะคะ"
พูดจบฟ้าใสก็กำลังจะเดินไปที่ลานจอดรถ แต่วิภาดาเรียกไว้
"จอดรถไว้ที่นี่ก่อนมั้ย เดี๋ยวพี่ไปส่งที่คอนโด มือเราเจ็บอยู่"
"อ๋อไม่เป็นไรค่ะ แผลนิดเดียวเอง"
แล้วฟ้าใสก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่ออยู่ๆ กวินก็จับมือเธอขึ้นมาพลิกดู
"คุณทำอะไรของคุณเนี่ย" ฟ้าใสรีบดึงมือกลับ
ฟ้าใสแปลกใจกับท่าทีของคนตรงหน้า ถ้าให้ลองนึกดู เธอก็ยืนยันได้ว่าไม่เคยเจอและไม่เคยรู้จักกับผู้ชายคนนี้มาก่อน แต่ทำไมผู้ชายคนนี้ทำเหมือนกับว่านี่ไม่ใช่การเจอกันครั้งแรก
"สวัสดีค่ะ บังเอิญจังเลยนะคะ"
"สวัสดีครับคุณวิ"
"พี่วิรู้จักเขาด้วยเหรอ" ฟ้าใสกระซิบ
"เพื่อนเฮียน่ะ" วิภาดาตอบให้ได้ยินกันแค่สองคน และไม่ลืมที่จะยื่นทิชชู่ที่หยิบออกมาจากร้านให้ฟ้าใส
กวินกับแอนดริวต่างก็เป็นนักเรียนนอก ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยม พอเรียนจบก็ชวนกันไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ พอจบกลับมา ทางบ้านก็ยกกิจการให้พวกเขาดูแล กวินกับแอนดริวถือเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่เพียงเข้ามาบริหารธุรกิจได้ไม่นาน ก็เป็นที่ยอมรับจากนักธุรกิจอาวุโสมากมาย
"ไม่ทราบว่า" ขณะพูดกวินก็ปรายตามองไปทางฟ้าใส ทำให้วิภาดารู้ในทันทีว่ากวินต้องการจะพูดอะไร
"อ๋อ นี่ฟ้าใสค่ะ เป็นรุ่นน้องวิเอง"
"ส่วนนี่คุณกวิน เพื่อนเฮียดริว"
"ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณฟ้าใส"
"สวัสดีค่ะคุณกวิน เรียกฟ้าใสเฉยๆ ก็ได้ค่ะ"
"อ๋อ ถ้างั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะคับฟ้าใส"
วิภาดาแอบตกใจอยู่ไม่น้อย เมื่อฟังดูน้ำเสียงของกวินที่พูดกับฟ้าใส มันเป็นเสียงประมาณเย้าแหย่อีกคน บวกกับเหตุการก่อนหน้าที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันก่อนเธอจะออกมาถึง ตอนแรกก็ยังคิดว่าทั้งคู่รู้จักกัน
"ไม่ทราบว่าวันนี้คุณวินมาทานข้าวกับลูกค้าเหรอคะ"
"เปล่าหรอกครับคุณวิ ผมมาทานข้าวกับกิ่งนะครับ"
"อ้าวเหรอคะ แล้วคุณกิ่งไปไหนแล้วละคะ"
"อ๋อ พอดีเขามีงานด่วนเลยขอตัวกลับไปก่อนหน้านี้นะครับ"
วิภาดาก็เป็นคนนึงที่ทราบดีว่ากวินมีคู่หมั้นที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีให้หมั้นหมาย แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทั้งคู่หมั้นกันตั้งนานแล้วทำไมยังไม่แต่งงานกันสักที เพราะปกติแอนดริวก็ไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวของเพื่อนๆ ให้วิภาดาฟังเท่าไหร่ ซึ่งวิภาดาก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามด้วยเช่นกัน
"งั้นวิขอตัวกลับก่อนนะคะ"
"ครับ ฝากบอกแอนดริวด้วยนะครับ ว่าผมรอรับโทรศัพท์อยู่ ผมโทรไปเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะรับสายผมเลย"
"ช่วงนี้คงจะยุ่งๆ นะค่ะ เดี๋ยวกลับมาจากฮ่องกงวิจะบอกให้นะคะ"
"ขอบคุณครับ"
"พี่วิ ฟ้าขอตัวก่อนนะ พอดีวันนี้จะกลับบ้านค่ะ"
"เอ้า ทำไมไม่บอกพี่ล่ะ ว่าจะกลับบ้าน พี่จะได้ไม่ชวนเรามาทานข้าว แบบนี้แล้วจะถึงตีเท่าไหร่เนี่ย น่าตีจริงๆ เลย"
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฟ้าขับไปเรื่อยๆ พรุ่งนี้วันหยุดด้วย ตื่นสายคงไม่เป็นไร"
"แต่มันดึกมากแล้วนะ ต้องขับรถตั้ง 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน กลับพรุ่งนี้เช้าดีกว่ามั้ย"
"ฟ้าขับได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะ ถึงบ้านแล้วฟ้าโทรหานะคะ"
"โอเคๆ พี่รู้ว่าห้ามไปเราก็ไม่ฟังหรอก ดื้อออกอย่างนี้"
ฟ้าใสเป็นคนดื้อเงียบคนนึง หากเธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปไหน หรือทำอะไร ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความคิดของเด็กสาวคนนี้ได้ หลายครั้งทุกคนใกล้ตัวต่างก็บ่นในความดื้อรั้นของฟ้าใสอยู่ไม่น้อย
"เอ้า คุณวิน วิคิดว่าคุณจะไปแล้วซะอีก"
กวินที่ยืนฟังบทสนทนาของทั้งคู่ตั้งแต่แรก ก็พยายามคิดตาม และก็สงสัยว่าบ้านฟ้าใสอยู่ที่ไหน หากจะเอ่ยถามออกไปก็กลัวจะเสียมารยาท เพราะเพิ่งทำความรู้จักกัน
"อ๋อยังครับ เผื่อมีอะไรที่ต้องการให้ผมช่วย"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ"
"ถ้าอย่างนั้น ผมก็ขอตัวก่อนนะครับ"
ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปที่รถของตน ด้านฟ้าใสที่ขับรถออกมาได้ประมาณสัก10 นาทีก็รู้สึกได้ว่ามีรถตามหลังมา เธอมองไม่ถนัด เพราะเป็นเวลากลางคืน ฟ้าใสเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วรถ แต่รถคันหลังก็ยังตามมาไม่ห่าง
"จะเปิดไฟสูงทำไมเนี่ย"
เมื่อไฟสูงสาดส่องเข้ามาตรงกระจกมองข้างและกระจกมองหลัง จนฟ้าใสต้องเลี้ยวเข้าไปจอดในปั๊ม เพราะคิดว่าคงจะปลอดภัย จู่ๆก็มีรถสปอร์ตคันหรูขับตามเข้ามาจอดข้างๆ เธอจึงหันมองด้วยความสงสัย
'ก็ดูรวยอยู่นะ มีรถสปอร์ตขับ คงจะไม่ใช่โจร แต่จะขับตามมาทำไมกัน'
แล้วเจ้าของรถก็เปิดประตูลงมาจากรถ ก็ทำให้ฟ้าใสแปลกใจอีกครั้ง เท่านั้นยังไม่พอเขายังเดินมาเคาะกระจกรถของเธออีก กระจกจึงถูกเลื่อนลง
"ไหนว่าจะขับเรื่อยๆ ไงครับ"
'เพราะใครกันล่ะ' ฟ้าใสได้แต่คิดในใจทั้งที่อยากตะโกนใส่หน้า เพราะเมื่อกี้ทำเธอตกใจจนสั่นไปหมด
"ก็ฉันคิดว่า มีคนขับรถตามมาไงละคะ แถมยังสาดไฟสูงใส่ฉันอีก"
"เลยเหยียบไม่คิดชีวิตงั้นเหรอ"
"ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ปกติฉันขับเร็วกว่านี้อีก"
"ชอบความเร็วเหรอ"
"ก็ไม่เชิงค่ะ พอดีมีเพื่อนเป็นนักแข่งรถ"
สมัยเรียนมหาลัย ฟ้าใสเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ รวมไปถึงนักแข่งรถที่ฟ้าใสพูดถึงด้วย เขามักจะลากเธอไปสนามแข่งกับเขาเวลาที่มีซ้อม บางทีก็คะยั้นคะยอให้เธอลองขับ จนเป็นที่มาของคำว่า ปกติฉันขับเร็วกว่านี้
"แล้วสนใจขับรถสปอร์ตมั้ยครับ"
"ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากทำรถคุณพัง"
"ขับดุขนาดนั้นเชียว"
"บ้านคุณไปทางนี้เหรอคะ" ฟ้าใสพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
"ใช่ครับ"
กวินโกหกฟ้าใส เพราะจริงๆ แล้วบ้านของเขาต้องไปอีกทางนึง เพราะเขาอยากขับตามฟ้าใสไปเรื่อยๆ แต่ไม่คิดว่าฟ้าใสจะรู้ตัวเร็วขนาดนี้
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ"
"ครับ ขับรถดีๆนะครับ"
"ขอบคุณค่ะ คุณก็เช่นกัน"
ทั้งสองก็แยกย้ายกัน ส่วนกวินก็เลี้ยวกลับไปเส้นทางกลับบ้านของเขา ซึ่งก็ทำให้ฟ้าใสแปลกใจ เพราะตั้งแต่ขับออกจากปั๊มก็ไม่เห็นรถของกวินอีกเลย
'ไหนว่านี่คือทางกลับบ้าน'
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาฟ้าใสยังคงเข้าไปทำงานที่บริษัทของแอนดริวปกติ แต่ที่แปลกไปคือมีกวินที่เข้ามาวอแวอยู่ไม่ห่าง โดยใช้งานเป็นข้ออ้างในการขอพบฟ้าใส ทำให้ตอนนี้ฟ้าใสรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ตอบตกลงรับงานไป"ฟ้า ทำงานกับคุณวินเป็นไงบ้าง""เหนื่อยค่ะพี่วิ นี่ผ่านไปแค่อาทิตย์เดียว ฟ้าเหมือนจะตายเลย""ทำไมล่ะ""คุณกวินนิสัยเหมือนเด็กๆ เลย เอาแต่ใจด้วย ชอบใช้งานฟ้า ดูแล้วมันไม่เกี่ยวกับงานเลย ทำให้ฟ้าเสียเวลามากเลยค่ะ""คุณวินเนี่ยนะ นิสัยเหมือนเด็กๆ"วิภาดาทวนคำที่ฟ้าใสพูดอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าฟังไม่ผิด เพราะปกติในแวดวงธุรกิจ หรือในกลุ่มคนที่ทำงานกับกวินจะรู้กันดีว่ากวินเป็นคนที่จริงจังกับงานมาก ในเวลางานห้ามทำอย่างอื่น"ใช่ค่ะ ฟ้าคิดไว้ว่าหลังจากเสร็จงานชิ้นนี้แล้ว ฟ้าก็จะไม่ทำงานให้คุณกวินแล้วค่ะ""แล้วคุณวินจะยอมเหรอ"วิภาดาสังเกตุเห็นว่าฟ้าใสคงจะเหนื่อยมากจริงๆ เพราะตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา ไม่ว่างานจะหนักแค่ไหน ฟ้าใสก็ไม่เคยบ่น สู้ทุกงาน แต่มาทำงานกับกวินแค่อาทิตย์เดียวฟ้าใสกลับถอดใจซะแล้ว"ฟ้าก็ต้องไปคุยกับเขาอีกที""แล้ววันก่อนได้เซ็นสัญญากันไว้หรือเปล่า""เซ็นค่ะ ฟ้าเสนอไปสามเดือน ตอนแร
และตอนนี้ทั้ง 5 คนก็มายืนอยู่หน้าร้านที่ฟ้าใสคุ้นเคย ก่อนหน้านี้ที่เจอกันที่ลานจอดรถ ฟ้าใสพยายามปฏิเสธ เพราะอยากเร่งงานให้เสร็จ แต่กวินก็คะยั้นคะยอและลากเธอขึ้นรถของเขาไป ต่อหน้าต่อตาเพื่อนทั้งสอง รวมไปถึงวิภาดาด้วย ฟ้าใสจึงเสนอร้านกาแฟร้านนี้ เพราะอยู่ไม่ไกลจากบริษัท แถมยังได้ช่วยหาลูกค้าให้สลิลลาอีกด้วยจริงๆ แล้ววันนี้หลังเลิกงาน ฟ้าใสตั้งใจจะแวะมาหาสลิลลาที่ร้าน เพราะเธอไม่ได้แวะมาสองวันแล้ว เนื่องจาก ต้องเร่งงานที่จะต้องเสนอลูกค้า"อ้าวน้องฟ้า วันนี้ทำไมมาไวจัง""ฟ้ามากับคุณดริวค่ะ""อ๋อๆ สวัสดีค่ะ เชิญนั่งก่อนนะคะ"หลังจากทุกคนนั่งลงและสั่งเครื่องดื่มกับเบเกอร์รี่เรียบร้อยแล้ว สลิลลาจึงขอตัวไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นต่อ"ดูท่าทางเบบี๋จะสนิทกับเจ้าของร้านนะ""ใช่ค่ะพี่เจมส์ ฟ้ากับพี่เค้กรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ เมื่อก่อนฟ้าเคยทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่""อ๋อ คงจะเป็นขนมจากร้านนี้แน่เลย ที่เจษชอบซื้อกลับไปฝากพี่ แต่พอเรียนจบก็ไม่เห็นซื้อไปฝากอีกเลย สงสัยเพราะเบบี๋ไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว มันเลยไม่มา""แต่มันเปลี่ยนมาเที่ยวที่บริษัทกูแทน" เมื่อจบประโยคของแอนดริว ก็ทำให้ทุกคนต่างหัวเราะออกมา
หลายวันแล้ว ที่กวินก็ยังคงแวะเวียนไปยังบริษัทของแอนดริวอยู่บ่อยๆ จนแอนดริวต้องมานั่งกุมขมับตัวเองอยู่ในห้องทำงานหลังจากที่กวินกลับไปแล้วทุกครั้ง"เป็นอะไรคะ""เฮียปวดหัวกับไอ้วิน""คุณวินทำไมคะ""มันมาป่วนเฮียได้ทุกวัน จะมาเอาตัวฟ้าใสไปทำงานด้วยให้ได้""ได้ไง คุณวินก็นะ หรือคุณวินจะแค่แกล้งเฮียเล่น""เฮียไม่รู้ว่าต้องทำไง เหมือนงานนี้มันจะเอาจริง""วันก่อนที่วิแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน วิก็รู้สึกว่าคุณวินดูแปลกๆ นะคะ""ยังไง""คุณวินดูสนใจฟ้าใสเป็นพิเศษ""มันจะทำอะไรของมัน"แอนดริวก็จนปัญญาที่จะคิด เพราะทุกครั้งที่มากวินจะมีข้อเสนอมากมาย มาหลอกล่อแอนดริว เพราะเป็นเพื่อนสนิทกัน แอนดริวจึงรู้วิธีการรับมือและเอาตัวรอดมาได้ตลอด แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรับมือกับเพื่อนคนนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน"ทำไมคุณไม่ถามไปตรงๆ ละคะว่าทำไมต้องเป็นฟ้าใส""เฮียเคยถามแล้ววิ มันบอกว่า อยากได้คนเก่งๆ ไปทำงานด้วย"ทั้งแอนดริวและวิภาดา ต่างก็คิดว่าถ้ากวินต้องการหาคนเก่งจริงๆ คงจะหาได้ไม่ยากและที่สำคัญทีมออกแบบของบริษัทกวินเองก็เป็นทีมที่มีคุณภาพภาพ และเก่งๆทั้งนั้น แต่ทำไมต้องมาเจาะจงว่าต้องเป็นฟ้าใสเท่านั้น
ในช่วงวันหยุดสองวันที่ผ่านมา ฟ้าใสอาสาไปเฝ้าน้องชายที่โรงพยาบาล เพื่อให้แม่ได้พักผ่อน เนื่องจากน้องชายมีโรคประจำตัว ต้องเข้าออกโรงพยายาบาลบ่อยๆ ทุกคนในครอบครัวจึงดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษมาตลอด ทำให้ฟ้าใสซึ่งเป็นพี่โตต้องดูแลตัวเองมาตลอด เพราะแม่ต้องทำงานไปด้วยและดูแลน้องไปด้วยฟ้าใสเป็นเด็กกำพร้า พ่อของเธอเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เธอ 7 ขวบ ซึ่งตอนนั้นน้องชายก็ยังเล็กอยู่ แม่มักจะบอกฟ้าใสเสมอว่า ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่แม่ไม่รัก จริงๆ แล้วแม่รักลูกทั้งสองคนมาก แต่ที่แม่ต้องแบ่งเวลาให้น้องมากกว่า เพราะน้องไม่สบาย ส่วนเธอก็เข้าใจ เพราะนอกเหนือจากเวลางานแล้ว ฟ้าใสก็ยกเวลาทั้งหมดให้ครอบครัวเช่นกัน"วันนี้พี่กลับก่อนนะ พรุ่งนี้พี่ต้องทำงาน""ไม่อยากให้พี่ไปเลยครับ""อย่างอแงกับพี่สิสกาย"จริงๆ แล้ว สกายเป็นเด็กฉลาด แต่เนื่องด้วยไม่สบายอยู่บ่อย ๆ จึงทำให้เขาต้องหยุดเรียนเป็นประจำ ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ทำให้สกายเข้ารับการรักษาได้แค่ในโรงบาลของรัฐ ซึ่งโรคที่สกายเป็น หากจะให้ดีต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ซึ่งค่าใช้จ่ายก็สูงมากด้วย"เดี๋ยววันหยุดพี่จะกลับมาหาใหม่นะ สกายอย่าดื้อ
ด้านฟ้าใสเมื่อกลับมาถึงโต๊ะก็เจอกับวิภาดาที่ยืนทำหน้าตื่นอยู่ เพราะก่อนหน้านี้หลังจากเสร็จธุระที่ห้องน้ำ แอนดริวโทรเข้ามาพอดี วิภาดาเลยไปคุยโทรศัพท์นอกร้าน จู่ๆ รถพยาบาลก็ขับเข้ามาจอดตรงบริเวณหน้าร้าน และมีพยาบาลกับบุรุษพยาบาลวิ่งเข้ามาในร้าน วิภาดาเลยวิ่งกลับเข้ามาในร้านเพื่อดูว่ามีใครเป็นอะไร แต่กลับไม่พบฟ้าใสบนโต๊ะอาหาร จึงทำให้ตกใจ"ฟ้าเป็นอะไรมั้ย""ฟ้าไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พอดีคุณลุงเขามีอาการชักเกร็ง ฟ้าเลยเข้าไปช่วย""แล้วนี่เลือดใคร"วิภาดายกแขนของฟ้าใสขึ้นมาดู เพราะมีรอยเลือดอยู่ตรงบริเวณปลายแขนเสื้อของฟ้าใส เมื่อพลิกไปพลิกมาก็พบว่ามีบาดแผลอยู่ตรงบริเวณนิ้ว คงเกิดจากตอนที่เอามือกวาดเศษจานที่แตก"คงจะโดนตอนที่ไปช่วยคุณลุงค่ะ""แล้วไม่รู้สึกเจ็บเลยเหรอ แผลก็ไม่ได้เล็กมากนะ""เมื่อกี้คงจะตกใจค่ะ เลยไม่ทันได้สังเกตุ""จริงๆ เลยนะเรา เวลาช่วยคนอื่นไม่เคยระวังตัวเลย ไปเดี๋ยวพี่พาไปทำแผล""ไม่เป็นไรค่ะ ในรถฟ้ามีกล่องยาอยู่ ล้างแผลติดพลาสเตอร์ก็ได้แล้วค่ะ""งั้นกลับกันเลยดีกว่า ฟ้าจะได้พักผ่อนด้วยเดี๋ยวพี่ไปเคลียร์ค่าอาหารก่อนนะ ฟ้าไปรอพี่ที่นอกร้านได้เลย"กวินที่นั่งดูทั้งสองคนสนทนากัน
"บอสกำลังมา" สาวรุ่นใหญ่ตำแหน่งสอดส่องที่คนในแผนกร่วมกันตั้งฉายาให้วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในแผนก"เก็บเร็ว!!"ทุกคนกุลีกุจอเก็บเครื่องสำอางค์ และรวมไปถึงสิ่งของต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน กวาดลงไปในลิ้นชักภายในพริบตาพนักงานในบริษัทแห่งนี้ต่างรู้ดีว่า บอสของพวกเขาไม่ชอบให้ทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานในเวลางาน"สวัสดีค่ะบอส""สวัสดีครับบอส"พนักงานทุกคนต่างลุกขึ้นกล่าวทักทายในขณะที่เจ้านายของพวกเขาเดินผ่านแผนกออกแบบของตนปกติ บริษัท จะมีลิฟท์เพื่อขึ้นตรงไปยังชั้นผู้บริหาร ซึ่ง วิน หรือกวิน จะเลือกใช้เวลาที่เขามีงานด่วนเร่งรีบเท่านั้น ทำให้ทุกๆ วันที่เขาเข้าบริษัท กวินจึงเลือกที่จะเดินผ่านแผนกออกแบบ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยก่อนจะขึ้นไปยังห้องทำงานของตัวเองแต่ใช่ว่าบอสคนนี้ จะไม่สนใจอะไรเลย เขาไม่ได้เมินเฉยต่อคำทักทายของพนักงาน ทุกครั้งเขาจะหันไปยิ้มอ่อนๆ และผงกหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายกลับ ด้วยเหตุนี้พนักงานในบริษัทไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยสาวใหญ่ ต่างหลงไหลในความหล่อของเขา จนอยากจะเอาทั้งตัวและหัวใจใส่พานให้กวินไป"วันนี้ผมมีนัดที่ไหนหรือเปล่า คุณริน" เมื่อถึงห้องทำงานเขาก็นั่งลงเปิดแฟ้มเอ







