LOGINด้านฟ้าใสเมื่อกลับมาถึงโต๊ะก็เจอกับวิภาดาที่ยืนทำหน้าตื่นอยู่ เพราะก่อนหน้านี้หลังจากเสร็จธุระที่ห้องน้ำ แอนดริวโทรเข้ามาพอดี วิภาดาเลยไปคุยโทรศัพท์นอกร้าน จู่ๆ รถพยาบาลก็ขับเข้ามาจอดตรงบริเวณหน้าร้าน และมีพยาบาลกับบุรุษพยาบาลวิ่งเข้ามาในร้าน วิภาดาเลยวิ่งกลับเข้ามาในร้านเพื่อดูว่ามีใครเป็นอะไร แต่กลับไม่พบฟ้าใสบนโต๊ะอาหาร จึงทำให้ตกใจ
"ฟ้าเป็นอะไรมั้ย"
"ฟ้าไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พอดีคุณลุงเขามีอาการชักเกร็ง ฟ้าเลยเข้าไปช่วย"
"แล้วนี่เลือดใคร"
วิภาดายกแขนของฟ้าใสขึ้นมาดู เพราะมีรอยเลือดอยู่ตรงบริเวณปลายแขนเสื้อของฟ้าใส เมื่อพลิกไปพลิกมาก็พบว่ามีบาดแผลอยู่ตรงบริเวณนิ้ว คงเกิดจากตอนที่เอามือกวาดเศษจานที่แตก
"คงจะโดนตอนที่ไปช่วยคุณลุงค่ะ"
"แล้วไม่รู้สึกเจ็บเลยเหรอ แผลก็ไม่ได้เล็กมากนะ"
"เมื่อกี้คงจะตกใจค่ะ เลยไม่ทันได้สังเกตุ"
"จริงๆ เลยนะเรา เวลาช่วยคนอื่นไม่เคยระวังตัวเลย ไปเดี๋ยวพี่พาไปทำแผล"
"ไม่เป็นไรค่ะ ในรถฟ้ามีกล่องยาอยู่ ล้างแผลติดพลาสเตอร์ก็ได้แล้วค่ะ"
"งั้นกลับกันเลยดีกว่า ฟ้าจะได้พักผ่อนด้วยเดี๋ยวพี่ไปเคลียร์ค่าอาหารก่อนนะ ฟ้าไปรอพี่ที่นอกร้านได้เลย"
กวินที่นั่งดูทั้งสองคนสนทนากันอยู่ เมื่อเห็นฟ้าใสลุกเดินออกไป เขาก็ลุกตาม ในจังหวะที่ทั้งสองกำลังเดินผ่านประตู ก็มีคณะทัวร์เดินเข้ามาในร้านพอดี ทำให้ทางออกแคบลงทั้งสองเลยต้องเเจมส์ยดกัน
"ขอโทษค่ะ เชิญคุณก่อนเลย"
ด้วยความที่เป็นเด็กดี มีมารยาทฟ้าใสจึงไม่รอช้าที่จะเสียสละให้คนอื่นไปก่อน
"ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณก่อนเลย"
กวินผายมือให้ฟ้าใสเดินออกไปก่อน
"เชิญคุณก่อนเลยค่ะ"
"งั้นออกพร้อมกัน"
เมื่อฟ้าใสยังดื้อไม่ยอมออกไปก่อน กวินจึงยืนซ้อนด้านหลังของฟ้าใสแล้วเอามือเกาะไหล่
"คุณจะทำอะไร จะมาเเจมส์ยดฉันทำไมคะ"
ฟ้าใสทักท้วงขึ้นทันทีเมื่อเห็นการกระทำของกวิน ส่วนกวินก็ไม่ได้พูดอะไรแต่ออกแรงดันไหล่เธอเล็กน้อย จึงทำให้ทั้งคู่ออกไปด้านนอกได้พร้อมกัน
"ในที่สุดก็ได้เจอกันสักทีนะ"
"คุณว่าไงนะคะ"
"ไม่มีอะไร"
ฟ้าใสรู้สึกงงกับการกระทำของกวิน ซึ่งตอนนี้ก็ออกจากร้านมาแล้ว แต่ทำไมยังเกาะไหล่เธอไม่ยอมปล่อย
"เอ่อ คุณคะ"
"หือ ว่าไง"
"คุณปล่อยฉันก่อนได้มั้ยคะ"
"อ้อ ได้สิ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะจับสักหน่อย"
"งั้นฉันขอตัวนะคะ"
พูดจบฟ้าใสก็กำลังจะเดินไปที่ลานจอดรถ แต่วิภาดาเรียกไว้
"จอดรถไว้ที่นี่ก่อนมั้ย เดี๋ยวพี่ไปส่งที่คอนโด มือเราเจ็บอยู่"
"อ๋อไม่เป็นไรค่ะ แผลนิดเดียวเอง"
แล้วฟ้าใสก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่ออยู่ๆ กวินก็จับมือเธอขึ้นมาพลิกดู
"คุณทำอะไรของคุณเนี่ย" ฟ้าใสรีบดึงมือกลับ
ฟ้าใสแปลกใจกับท่าทีของคนตรงหน้า ถ้าให้ลองนึกดู เธอก็ยืนยันได้ว่าไม่เคยเจอและไม่เคยรู้จักกับผู้ชายคนนี้มาก่อน แต่ทำไมผู้ชายคนนี้ทำเหมือนกับว่านี่ไม่ใช่การเจอกันครั้งแรก
"สวัสดีค่ะ บังเอิญจังเลยนะคะ"
"สวัสดีครับคุณวิ"
"พี่วิรู้จักเขาด้วยเหรอ" ฟ้าใสกระซิบ
"เพื่อนเฮียน่ะ" วิภาดาตอบให้ได้ยินกันแค่สองคน และไม่ลืมที่จะยื่นทิชชู่ที่หยิบออกมาจากร้านให้ฟ้าใส
กวินกับแอนดริวต่างก็เป็นนักเรียนนอก ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยม พอเรียนจบก็ชวนกันไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ พอจบกลับมา ทางบ้านก็ยกกิจการให้พวกเขาดูแล กวินกับแอนดริวถือเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่เพียงเข้ามาบริหารธุรกิจได้ไม่นาน ก็เป็นที่ยอมรับจากนักธุรกิจอาวุโสมากมาย
"ไม่ทราบว่า" ขณะพูดกวินก็ปรายตามองไปทางฟ้าใส ทำให้วิภาดารู้ในทันทีว่ากวินต้องการจะพูดอะไร
"อ๋อ นี่ฟ้าใสค่ะ เป็นรุ่นน้องวิเอง"
"ส่วนนี่คุณกวิน เพื่อนเฮียดริว"
"ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณฟ้าใส"
"สวัสดีค่ะคุณกวิน เรียกฟ้าใสเฉยๆ ก็ได้ค่ะ"
"อ๋อ ถ้างั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะคับฟ้าใส"
วิภาดาแอบตกใจอยู่ไม่น้อย เมื่อฟังดูน้ำเสียงของกวินที่พูดกับฟ้าใส มันเป็นเสียงประมาณเย้าแหย่อีกคน บวกกับเหตุการก่อนหน้าที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันก่อนเธอจะออกมาถึง ตอนแรกก็ยังคิดว่าทั้งคู่รู้จักกัน
"ไม่ทราบว่าวันนี้คุณวินมาทานข้าวกับลูกค้าเหรอคะ"
"เปล่าหรอกครับคุณวิ ผมมาทานข้าวกับกิ่งนะครับ"
"อ้าวเหรอคะ แล้วคุณกิ่งไปไหนแล้วละคะ"
"อ๋อ พอดีเขามีงานด่วนเลยขอตัวกลับไปก่อนหน้านี้นะครับ"
วิภาดาก็เป็นคนนึงที่ทราบดีว่ากวินมีคู่หมั้นที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีให้หมั้นหมาย แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทั้งคู่หมั้นกันตั้งนานแล้วทำไมยังไม่แต่งงานกันสักที เพราะปกติแอนดริวก็ไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวของเพื่อนๆ ให้วิภาดาฟังเท่าไหร่ ซึ่งวิภาดาก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามด้วยเช่นกัน
"งั้นวิขอตัวกลับก่อนนะคะ"
"ครับ ฝากบอกแอนดริวด้วยนะครับ ว่าผมรอรับโทรศัพท์อยู่ ผมโทรไปเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะรับสายผมเลย"
"ช่วงนี้คงจะยุ่งๆ นะค่ะ เดี๋ยวกลับมาจากฮ่องกงวิจะบอกให้นะคะ"
"ขอบคุณครับ"
"พี่วิ ฟ้าขอตัวก่อนนะ พอดีวันนี้จะกลับบ้านค่ะ"
"เอ้า ทำไมไม่บอกพี่ล่ะ ว่าจะกลับบ้าน พี่จะได้ไม่ชวนเรามาทานข้าว แบบนี้แล้วจะถึงตีเท่าไหร่เนี่ย น่าตีจริงๆ เลย"
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฟ้าขับไปเรื่อยๆ พรุ่งนี้วันหยุดด้วย ตื่นสายคงไม่เป็นไร"
"แต่มันดึกมากแล้วนะ ต้องขับรถตั้ง 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน กลับพรุ่งนี้เช้าดีกว่ามั้ย"
"ฟ้าขับได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะ ถึงบ้านแล้วฟ้าโทรหานะคะ"
"โอเคๆ พี่รู้ว่าห้ามไปเราก็ไม่ฟังหรอก ดื้อออกอย่างนี้"
ฟ้าใสเป็นคนดื้อเงียบคนนึง หากเธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปไหน หรือทำอะไร ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความคิดของเด็กสาวคนนี้ได้ หลายครั้งทุกคนใกล้ตัวต่างก็บ่นในความดื้อรั้นของฟ้าใสอยู่ไม่น้อย
"เอ้า คุณวิน วิคิดว่าคุณจะไปแล้วซะอีก"
กวินที่ยืนฟังบทสนทนาของทั้งคู่ตั้งแต่แรก ก็พยายามคิดตาม และก็สงสัยว่าบ้านฟ้าใสอยู่ที่ไหน หากจะเอ่ยถามออกไปก็กลัวจะเสียมารยาท เพราะเพิ่งทำความรู้จักกัน
"อ๋อยังครับ เผื่อมีอะไรที่ต้องการให้ผมช่วย"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ"
"ถ้าอย่างนั้น ผมก็ขอตัวก่อนนะครับ"
ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปที่รถของตน ด้านฟ้าใสที่ขับรถออกมาได้ประมาณสัก10 นาทีก็รู้สึกได้ว่ามีรถตามหลังมา เธอมองไม่ถนัด เพราะเป็นเวลากลางคืน ฟ้าใสเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วรถ แต่รถคันหลังก็ยังตามมาไม่ห่าง
"จะเปิดไฟสูงทำไมเนี่ย"
เมื่อไฟสูงสาดส่องเข้ามาตรงกระจกมองข้างและกระจกมองหลัง จนฟ้าใสต้องเลี้ยวเข้าไปจอดในปั๊ม เพราะคิดว่าคงจะปลอดภัย จู่ๆก็มีรถสปอร์ตคันหรูขับตามเข้ามาจอดข้างๆ เธอจึงหันมองด้วยความสงสัย
'ก็ดูรวยอยู่นะ มีรถสปอร์ตขับ คงจะไม่ใช่โจร แต่จะขับตามมาทำไมกัน'
แล้วเจ้าของรถก็เปิดประตูลงมาจากรถ ก็ทำให้ฟ้าใสแปลกใจอีกครั้ง เท่านั้นยังไม่พอเขายังเดินมาเคาะกระจกรถของเธออีก กระจกจึงถูกเลื่อนลง
"ไหนว่าจะขับเรื่อยๆ ไงครับ"
'เพราะใครกันล่ะ' ฟ้าใสได้แต่คิดในใจทั้งที่อยากตะโกนใส่หน้า เพราะเมื่อกี้ทำเธอตกใจจนสั่นไปหมด
"ก็ฉันคิดว่า มีคนขับรถตามมาไงละคะ แถมยังสาดไฟสูงใส่ฉันอีก"
"เลยเหยียบไม่คิดชีวิตงั้นเหรอ"
"ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ปกติฉันขับเร็วกว่านี้อีก"
"ชอบความเร็วเหรอ"
"ก็ไม่เชิงค่ะ พอดีมีเพื่อนเป็นนักแข่งรถ"
สมัยเรียนมหาลัย ฟ้าใสเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ รวมไปถึงนักแข่งรถที่ฟ้าใสพูดถึงด้วย เขามักจะลากเธอไปสนามแข่งกับเขาเวลาที่มีซ้อม บางทีก็คะยั้นคะยอให้เธอลองขับ จนเป็นที่มาของคำว่า ปกติฉันขับเร็วกว่านี้
"แล้วสนใจขับรถสปอร์ตมั้ยครับ"
"ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากทำรถคุณพัง"
"ขับดุขนาดนั้นเชียว"
"บ้านคุณไปทางนี้เหรอคะ" ฟ้าใสพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
"ใช่ครับ"
กวินโกหกฟ้าใส เพราะจริงๆ แล้วบ้านของเขาต้องไปอีกทางนึง เพราะเขาอยากขับตามฟ้าใสไปเรื่อยๆ แต่ไม่คิดว่าฟ้าใสจะรู้ตัวเร็วขนาดนี้
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ"
"ครับ ขับรถดีๆนะครับ"
"ขอบคุณค่ะ คุณก็เช่นกัน"
ทั้งสองก็แยกย้ายกัน ส่วนกวินก็เลี้ยวกลับไปเส้นทางกลับบ้านของเขา ซึ่งก็ทำให้ฟ้าใสแปลกใจ เพราะตั้งแต่ขับออกจากปั๊มก็ไม่เห็นรถของกวินอีกเลย
'ไหนว่านี่คือทางกลับบ้าน'
หลังจากที่กวินขอฟ้าใสแต่งงานในวันนั้นกวินก็กลับมาเป็นคนเดิมที่ไม่ว่าฟ้าใสจะอยู่ที่ไหนที่ตรงนั้นก็จะมีกวิน เขากลัวฟ้าใสจะไปไหนไม่บอกเขา แม้จะรู้สึกอึดอัดไปบ้าง แต่ฟ้าใสก็ชอบ เพราะอย่างน้อยฟ้าใสก็รับรู้ได้ว่ากวินยังรักเธออยู่"พี่วินคะ กลับไปทำงานเถอะ เดี๋ยวเที่ยงค่อยมารับฟ้าไปทานข้าวนะ"กวินจะมาส่งฟ้าใสที่บริษัททุกเช้า แล้วค่อยไปทำงาน แต่วันนี้เขางอแงเป็นพิเศษ เพราะเมื่อเช้าฟ้าใสไม่ยอมรออาบน้ำพร้อมเขา"ไม่วันนี้พี่จะนั่งรอฟ้าอยู่ที่นี่""มึงโดนปลดจากบอร์ดผู้บริหารแล้วเหรอ"แอนดริวที่เดินผ่านเห็นกวินวอแวฟ้าใสไม่เลิกก็นึกหมั่นไส้"ใครจะกล้าปลดกู""พ่อมึงไง งานการไม่ทำแบบนี้ ก็ว่าไม่นาน""มึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีแล้ว กูก็อยากกลับไปทำงานเหมือนกัน แต่กูจะเอาเมียกูไปด้วย"แอนดริวตวัดสายตาไปมองกวินทันที เรื่องนี้คือปัญหาใหม่ของ แอนดริวที่เขาต้องรับมือจากกวิน เพราะตั้งแต่กวินขอฟ้าใสแต่งงานและฟ้าใสตอบตกลง กวินก็มาที่บริษัททุกวัน เพื่อมาบอกกับแอนดริวว่าเขาจะให้ฟ้าใสลาออกไปทำงานกับเขา"ไอ้วิน มึงจะใจดำกับกูไปถึงไหน"คราวก่อนก็ครั้งหนึ่งที่กวินพยายามหลอกล่อให้ฟ้าใสไปทำงานให้เขา พอมาตอนนี้ก็เอาอีก
"พี่วิน"ฟ้าใสที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องก็เห็นกวินนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟา"หืม ว่าไง"กวินตอบกลับโดยไม่ได้เงยหน้าไปมองฟ้าใส"ทำอะไรอยู่คะ""คุยกับเพื่อน ฟ้ามีอะไรหรือเปล่า"ช่วงนี้กวินดูแปลกๆ เขาติดโทรศัพท์ บางวันก็กลับบ้านดึกและไม่โทรมาบอกฟ้าใสล่วงหน้า พอฟ้าใสถามก็มักจะบอกว่าคุยเรื่องงาน มีนัดกับลูกค้า"วันนี้ฟ้าขอออกไปหาพี่เค้กนะคะ""อืม...ไปสิ"ปกติกวินจะต้องพูดว่าขอไปด้วย หรือไม่ก็ค่อยไปได้ไหม วันนี้ยังไม่ว่าง เขาอยากพาไปเอง แต่วันนี้เขาดูไม่สนใจอะไรเลย ด้วยความน้อยใจที่มันสะสมมาหลายวันแล้ว ฟ้าใสจึงหยิบกุญวิวรถแล้วเดินออกไปจากห้องทันทีเมื่อฟ้าใสออกไปเขาก็วางโทรศัพท์ลงก่อนจะยกยิ้ม ทุกอย่างที่เขากับเพื่อนๆ วางแผนไว้เป็นไปตามแผนทุกอย่าง เมื่อสามสี่วันมานี้เขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจฟ้าใส เพราะเขาอยากจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานฟ้าใส เขาเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว รอแค่เจ้าสาวของเขาเท่านั้นฟ้าใสขับรถออกมาเรื่อยๆ ตอนแรกเธอตั้งใจจะไปหาสลิลลา แต่เธอก็เปลี่ยนใจขับรถไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ตลอดทางฟ้าใสเอาแต่คิดว่า ถ้าวันหนึ่งกวินหมดรักเธอขึ้นมาล่ะ เธอจะทำยังไง เธอจะอยู่ได้ไหมหากไม่มีกวิน จนเกือบหนึ่ง
กวินปลุกฟ้าใสตั้งแต่เช้า เขารู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปนี้ เรื่องราวที่เหมือนเป็นไดอารี่เล่มเล็กๆ ของเขา ไดอารี่ที่เขาปล่อยให้มันว่างเปล่ามาเกือบสองปี ตั้งแต่นี้ไปเขาจะเขียนมันต่อให้สมบูรณ์"พี่วินจะรีบไปไหนคะ""ต้องรีบสิ เดี๋ยวจะเลยเวลานะ""เวลาอะไรคะ""เหอะน่า ไปขึ้นรถกัน"ฟ้าใสที่ยังคงสงสัยกับท่าทีของกวินตั้งแต่เมื่อคืน ดูกวินจะตื่นเต้นออกนอกหน้าไปหน่อย แม้เธอจะพยายามถามสักเท่าไหร่ กวินก็ไม่ยอมบอกกวินขับรถออกไปจนถึงถนนเส้นหนึ่ง เขากะเวลาให้มันพอเหมาะเหมือนทุกๆ เช้าที่เขาไปทำงาน เนื่องจากเป็นเช้าวันจันทร์ผู้คนจึงพลุกพล่าน ฟ้าใสรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ เธอจำได้ว่าตอนสมัยเรียนเธอเดินผ่านมันประจำ ฟ้าใสกวาดสายตาไปเรื่อยๆ จนสะดุดตาเข้ากับใครคนหนึ่ง"พี่วินจอดรถก่อนค่ะ"กวินจึงเลี้ยวเข้าไปจอดตรงฟุตบาทตามคำร้องขอของฟ้าใสทันที ส่วนฟ้าใสก็ไม่รอช้าลงจากรถแล้ววิ่งไปหายายแก่ๆ ที่กำลังเข็นรถซึ่งเธอก็คุ้นเคยดี"มาค่ะยาย ฟ้าช่วยนะ""อ้าวมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ยายคิดถึงมากเลยนะ"คุณยายหันมาเห็นฟ้าใสก็จำได้ทันที เด็กสาวในวันนั้นกับวันนี้ดูไม่เปลี่ยนไปเลย ความน่ารักสดใส แววตาที่มีแต่
ฟ้าใสถูกกวินอุ้มมาวางไว้บนที่นอนอย่างเบามือ เหมือนกับกลัวว่าคนตัวเล็กของเขาจะบอบช้ำ กวินค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อฟ้าใสทีละเม็ดจนหมด สายตาที่จ้องใบหน้าหวานนั้นอย่างไม่วางตา ทำให้ฟ้าใสเขินจนตัวแดงไปหมด"พะ...พี่วินคะ""หืม""อย่าจ้องกันแบบนี้สิ"ฟ้าใสเอามือมาปิดบนอกที่ไร้สิ่งปกปิดของตัวเองอย่างเขินอาย"ทำไม เขินพี่หรือไง""ก็พี่วินเล่นมองกันแบบนี้ ฟ้าก็ต้องเขินสิ""ยังไม่ชินอีกเหรอ หืม"กวินที่ก้มลงเอาหน้ามาใกล้ฟ้าใส จ้องไปในดวงตาคู่ใสที่เขาตกหลุมรักทุกครั้งที่มอง ฟ้าใสก็จ้องกลับอย่างไม่วางตา"เรื่องแบบนี้ใครมันจะชินกันละคะ"ฟ้าใสก็เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อของกวินเช่นกัน กวินได้แต่ยิ้มให้กับการกระทำนั้น ถึงฟ้าใสจะไม่เจนจัดเรื่องแบบนี้ แต่กวินรู้ว่าฟ้าใสกำลังเรียนรู้จากเขา และทุกครั้งที่ฟ้าใสอัพเลเวลของตัวเอง กวินก็จะตื่นเต้นทุกครั้งเช่นกันกวินค่อยๆ จูบหน้าผากมน ไล่ลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เปลือกตาสองข้าง"ต่อไปตานี้ต้องมีไว้มองพี่แค่คนเดียวนะครับ"ฟ้าใสพยักหน้า"แก้มนี้ก็ของพี่ จมูกนี้ก็ของพี่ คางนี้ก็ของพี่ ทั้งหมดบนหน้านี้เป็นของพี่"กวินจูบไปตามส่วนต่างๆ ที่เขาพูดก่อนจะมาหยุดตรงปากอวบอิ่มคล้าย
ในตอนเย็นของวันเดียวกันฟ้าใสตัดสินใจกลับไปที่บ้านของกวินอีกครั้ง เธอจะไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปมากกว่านี้ เธออยากทำอะไรเพื่อกวินบ้าง"เชิญด้านในค่ะ คุณผู้ชายรออยู่"ฟ้าใสเดินเข้าไปยังห้องรับแขกอีกครั้ง เธอไปหยุดอยู่ตรงหน้าผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของกวิน เธอยกมือไหว้อย่างนอบน้อมอีกครั้ง ไม่มีการเชิญแขกนั่ง แต่ฟ้าใสก็ไม่คิดที่จะนั่งอยู่แล้ว เธอแค่ต้องการมาพูดอะไรสักอย่างแล้วก็ไป"กลับมา มีธุระอะไร""ฟ้าขอโทษที่เสียมารยาทออกไปเมื่อตอนเช้า แต่ที่ฟ้ากลับมา ฟ้าจะมาพูดเรื่องคุณกวินค่ะ""ว่ามาสิ""ฟ้าไม่รู้ว่าที่ฟ้ากำลังจะทำมันถูกมั้ย มันจะดูเห็นแก่ตัวหรือเปล่า คุณกวินเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคทุกอย่างคุณท่านเลี้ยงเขามาอย่างดี แต่เขาดันมารักผู้หญิงแบบฟ้า ซึ่งฟ้าก็เข้าใจที่คุณท่านจะไม่ชอบฟ้า เพราะคนเป็นพ่อแม่ ก็อยากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกอยู่แล้ว จริงๆ ฟ้าก็กลัวมาตลอด ฟ้าพยายามหนีเขา ฟ้าไม่กล้าที่จะคิดกับเขาไปมากกว่าคนรู้จัก เพราะฟ้ารู้ตัวดีว่าฟ้าก็ไม่คู่ควร แต่จะเป็นอะไรไหมคะ ถ้าฟ้าจะขอให้เราได้รักกัน""เธอรักลูกชายฉันจริงๆ เหรอ ต่อไปเขาจะไม่มีอะไรเลยนะ""ฟ้าไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง คุณกวิน
ด้านฟ้าใสเมื่อออกจากบ้านของกวินเขาก็ตรงไปหาสลิลลาที่ร้าน แม้เป็นวันอาทิตย์แต่ร้านก็ยังคงเปิด เมื่อเห็นสภาพของฟ้าใสสลิลลาจึงเลือกที่นั่งที่เป็นมุมอับของร้าน เพื่อไม่ให้ลูกค้าตกใจ ฟ้าใสเลือกที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้สลิลลาฟัง"ดีขึ้นหรือยัง"ฟ้าใสเอาแต่พยักหน้า ทั้งที่น้ำตายังคลออยู่เต็มหน่วย"พี่โทรหาคุณเจมส์แล้วนะ เดี๋ยวก็คงมา ฟ้าอยากถามอะไรถามเขาได้เลยนะ""พี่เจมส์จะไม่บอกคุณกวินใช่มั้ยคะ ว่าฟ้าอยู่ที่นี่""ไม่หรอกพี่สั่งไว้แล้ว"ไม่ใช่แค่กวินที่ปวดใจ ฟ้าใสก็ปวดใจเช่นกัน เธอไม่รู้ต้องทำไง ถ้าเลือกเห็นแก่ตัวแล้วให้กวินทิ้งทุกอย่างเพื่อมาหาเธอ เธอทำไม่ได้หรอก"เบบี๋"ฟ้าใสหันไปมองตามเสียง กลับเป็นเจษฎาที่เป็นคนเรียก"เจษมาได้ไง""ตอนพี่เค้กโทรไป เราก็อยู่กับพี่เจมส์ พอรู้เรื่องก็เป็นห่วง เลยขอตามมาด้วย"เจษฎาเดินเข้าไปกอดปลอบเพื่อนเบาๆ เขารู้ว่าตอนนี้ฟ้าใสอ่อนแอ เพราะไม่อย่างนั้นฟ้าใสไม่ปล่อยน้ำตานองหน้าแบบนี้หรอก นี่แสดงว่ากลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว"เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"ฟ้าใสจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่บ้านของกวินให้จอมพลกับเจษฎาฟังอีกครั้ง"พ่อพูดแบบนั้นจริงเหรอ""ค่ะ""ปกติพ่







