LOGINในช่วงวันหยุดสองวันที่ผ่านมา ฟ้าใสอาสาไปเฝ้าน้องชายที่โรงพยาบาล เพื่อให้แม่ได้พักผ่อน เนื่องจากน้องชายมีโรคประจำตัว ต้องเข้าออกโรงพยายาบาลบ่อยๆ ทุกคนในครอบครัวจึงดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษมาตลอด ทำให้ฟ้าใสซึ่งเป็นพี่โตต้องดูแลตัวเองมาตลอด เพราะแม่ต้องทำงานไปด้วยและดูแลน้องไปด้วย
ฟ้าใสเป็นเด็กกำพร้า พ่อของเธอเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เธอ 7 ขวบ ซึ่งตอนนั้นน้องชายก็ยังเล็กอยู่ แม่มักจะบอกฟ้าใสเสมอว่า ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่แม่ไม่รัก จริงๆ แล้วแม่รักลูกทั้งสองคนมาก แต่ที่แม่ต้องแบ่งเวลาให้น้องมากกว่า เพราะน้องไม่สบาย ส่วนเธอก็เข้าใจ เพราะนอกเหนือจากเวลางานแล้ว ฟ้าใสก็ยกเวลาทั้งหมดให้ครอบครัวเช่นกัน
"วันนี้พี่กลับก่อนนะ พรุ่งนี้พี่ต้องทำงาน"
"ไม่อยากให้พี่ไปเลยครับ"
"อย่างอแงกับพี่สิสกาย"
จริงๆ แล้ว สกายเป็นเด็กฉลาด แต่เนื่องด้วยไม่สบายอยู่บ่อย ๆ จึงทำให้เขาต้องหยุดเรียนเป็นประจำ ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ทำให้สกายเข้ารับการรักษาได้แค่ในโรงบาลของรัฐ ซึ่งโรคที่สกายเป็น หากจะให้ดีต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ซึ่งค่าใช้จ่ายก็สูงมากด้วย
"เดี๋ยววันหยุดพี่จะกลับมาหาใหม่นะ สกายอย่าดื้อกับแม่และคุณหมอนะ ถ้าหายดีเมื่อไหร่ พี่สัญญาว่าจะพาไปเที่ยว"
"ครับ ผมจะรีบหายแล้วเราจะไปเที่ยวด้วยกันนะ รักพี่นะ"
"พี่เติมน้ำมันรอเลย" ฟ้าใสใช้มือโอบกอดน้องไว้แล้วลูบหลังเบาๆ
"ฟ้าไปแล้วนะแม่ อย่าลืมพักผ่อนเยอะๆ นะคะ รักแม่นะ"
"แม่ก็รักฟ้าเหมือนกันนะลูก อย่าหักโหม อย่าทำงานจนดึก อย่าลืมพักผ่อน กินข้าวให้ตรงเวลาด้วยนะ"
เพราะมีกันแค่สามคน ทำให้พวกเขาไม่ลืมที่จะบอกรักกัน ทำทุกๆ วันให้เหมือนเป็นวันสุดท้าย ฟ้าใสเป็นคนที่รักครอบครัวมาก เธอปฏิเสธความรักจากภายนอกมาตลอด ไม่ว่าใครจะเข้ามาจีบ เธอก็ไม่เคยสนใจ เพราะคิดอยู่เสมอว่า เธอมีแม่ มีน้องที่ต้องรับผิดชอบ หากเธอเอาเวลา เอาความรักไปให้คนอื่น แม่กับน้องจะทำอย่างไร
ฟ้าใสขับรถกลับมาจากบ้านที่ต่างจังหวัด เมื่อมาถึงกรุงเทพ ก็ไม่ลืมที่จะแวะไปนั่งดื่มกาแฟร้านโปรดของเธอ ที่พอว่างเว้นจากงานในทุกๆ เย็น เธอก็จะแวะไปนั่งดื่มกาแฟ และคุยกับเจ้าของร้านอยู่เสมอ
"สวัสดีดีค่ะ เชิญด้านในก่อนค่ะ"
พนักงานในร้านกล่าวต้อนรับในทันทีเมื่อฟ้าใสเดินเข้าไปในร้าน เธอเลือกที่นั่งใกล้กระจก เพราะเธอชอบมองบรรยากาศนอกร้านที่มีสวนดอกไม้อยู่ใกล้ๆ มันทำให้รู้สึกสบาย และสดชื่นในเวลาเดียวกัน
"อ้าวน้องฟ้าใส เมื่อกี้เข้ามาพี่ไม่ทันมอง ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีคะ"
"สวัสดีค่ะที่มิลล์ ฟ้าขอเป็นเอสเพรสโซเย็นหวานน้อย กับเค้ก สตอเบอรี่ 1 ชิ้นนะคะ"
"ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ เดียวพี่บอกคุณเค้กให้ว่าน้องฟ้าใสมานะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ดูท่าทางแล้วคงจะกำลังวุ่นวาย ลูกค้าเยอะแบบนี้ปล่อยให้พี่เค้กทำงานไปเถอะค่ะ"
ฟ้าใสนั่งมองไปยังเคาน์เตอร์ที่ตอนนี้เจ้าของร้านคนเก่งกำลังวุ่นอยู่กับการลงมือชงกาแฟให้ลูกค้าด้วยตัวเอง จนไม่มีเวลาเงยหน้ามามองลูกค้าในร้าน เนื่องจากพนักงานลาป่วย
ฟ้าใสรู้จักกับเค้ก หรือ สลิลลา ตั้งแต่สมัยเรียน เพราะฟ้าใสเข้ามาเรียนที่มหาลัยในกรุงเทพ ค่าใช้จ่ายในครอบครัวจึงเพิ่มขึ้น ฟ้าใสเลยหางานพาร์ทไทม์ทำในขณะเลิกเรียน ซึ่งก็คือร้านแห่งนี้ เดิมร้านนี้เป็นของพี่สาวของสลิลลา และสลิลลาก็มักจะมาช่วยพี่สาวที่ร้านบ่อยๆ ตอนหลังเลิกเรียน จึงทำให้ทั้งคู่รู้จักกัน หลังจากนั้นไม่นาน พี่สาวของสลิลลาก็แต่งงานแล้วย้ายไปอยู่กับแฟนที่ต่างประเทศ จึงยกร้านนี้ให้สลิลลาดูแลต่อ
ทุกครั้งที่มานั่งอยู่ในร้าน มันทำให้ฟ้าใสคิดถึงวันเก่าๆ ความทรงจำมากมายเกิดขึ้นที่นี่ ตลอด 4 ปีที่เป็นนักศึกษา และตลอด 1 ปีกว่าที่เริ่มทำงานประจำ ทุกอย่างดีไปหมดเพราะทุกคนที่ฟ้าใสเจอใจดีกับฟ้าใสเสมอทำให้เธอรู้สึกว่าโลกนี้มันสวยงาม และน่าอยู่
"เหม่ออะไรอยู่คะคุณลูกค้า"
"เอ้า พี่เค้ก สวัสดีค่ะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ เชิญนั่งก่อนสิ"
"ก็ตั้งแต่เห็นมีคนนั่งยิ้มคนเดียวนั่นแหละ"
"มาร้านนี้แล้วไม่รู้เป็นไง อารมณ์ดีทุกทีเลยค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นก็มาบ่อยๆ นะ"
"นี่ยังไม่บ่อยอีกเหรอคะ"
"แล้วหายไปไหนมาสองวัน"
"กลับบ้านค่ะ"
"น้องกับแม่เป็นไงบ้าง"
"แม่สบายดีค่ะ ส่วนน้องตอนนี้ก็นอนอยู่โรงพยาบาล"
"เป็นอะไรมากหรือเปล่า"
"ดีขึ้นแล้วค่ะ อีกวันสองวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว"
ทั้งสองก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนฟ้าใสขอตัวกลับ เพราะต้องรีบไปเตรียมรายละเอียดการประชุมในวันพรุ่งนี้
หลังเลิกประชุมฟ้าใสก็เข้าไปคุยรายละเอียดงานเพิ่มเติมกับแอนดริว เพราะลูกค้าที่ติดต่อมาต้องการให้ฟ้าใสเป็นคนออกแบบคอลเล็คชั่นใหม่ให้กับแบรนด์ของเขา
"คุณต้องการทีมงานเพิ่มมั้ย"
"ไม่เป็นไรค่ะ ทีมที่ทำกันอยู่ก็พอแล้วค่ะ"
"แต่ผมมองว่าระยะเวลาที่ลูกค้าต้องการให้เสร็จมันเร็วไปนะ คุณจะทำทันเหรอ"
"คุณดริวสบายใจได้ค่ะ ฟ้าเอาอยู่"
"ผมรู้ว่าคุณเก่ง ทุกคนในทีมก็เก่ง แต่พวกคุณต้องห่วงสุขภาพด้วยนะ มนุษย์อย่างเราไม่มีอะไหล่เปลี่ยนเหมือนเครื่องจักรหรอกนะครับ"
"ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง ถ้าไม่ไหวฟ้าจะบอก"
ฟ้าใสเป็นคนที่เก่งและมีไหวพริบ เข้ามาทำงานได้เพียงแค่ปีกว่าๆก็สามารถโชว์ฝีมือการออกแบบให้เป็นที่ประจักษ์แก่เจ้านายและพนักงานในบริษัท โดยการออกแบบเสื้อผ้าให้ลูกค้ารายใหญ่ ที่ทุกคนต่างเอือมระอาทุกครั้งที่มาใช้บริการ เพราะความเนียบและความเอาแต่ใจของหล่อน แต่ฟ้าใสก็สามาทำให้ลูกค้ารายนี้พึงพอใจในผลงานได้ไม่ยากเลย แอนดริวจึงวางใจให้รับโปรแจ็คงานใหญ่อยู่หลายๆงาน ซึ่งไม่เคยทำให้ผิดหวัง จนตอนนี้มีลูกค้าติดงอมแงม ไม่รู้ติดบริษัทหรือติดดีไซน์เนอร์คนเก่งกันแน่
กริ๊งๆๆ
"ว่าไงครับคุณเลขา"
'คุณกวินมาแล้วค่ะ'
"ให้เข้ามาได้เลย"
เมื่อได้ฟังบทสนทนาฟ้าใสก็พอจะเดาออกว่ามีแขกมาขอพบแอนดริว ฟ้าใสจึงเก็บเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะเพื่อเตรียมตัวออกไป
"วันนี้มาถึงนี่ได้นะ"
"ว่างพอดี"
ฟ้าใสที่ยืนเก็บของอยู่เมื่อได้ยินเสียงก็หันไปมอง แล้วรีบหันกลับมาเก็บของต่อ
"อ้าว! ฟ้าใส คุณทำงานอยู่ที่นี่เหรอ"
กวินแปลกใจที่เห็นฟ้าใสอยู่ที่นี่ เพราะเขาก็มาหาแอนดริวอยู่หลายครั้ง แต่ไม่เคยเจอฟ้าใสสักครั้ง
"สวัสดีค่ะ คุณกวิน ใช่ค่ะ" ฟ้าใสทักทายตามมารยาท
"นี่รู้จักกันเหรอ"
"เพิ่งรู้จักเมื่อ 3 วันที่แล้ว" ปรายตามามองฟ้าใสที่ยังเก็บของบนโต๊ะอยู่
"ฉันขอตัวก่อนนะคะ"
ฟ้าใสรีบหอบเอกสารออกไปเพื่อนั่งทำงานต่อ เธอไม่อยากเสียเวลา เพราะงานทุกงานของเธอต้องแข่งกับเวลา
"มองตามขนาดนั้นเลย"
"ก็เปล่า กูแค่แปลกใจ"
สรรพนามถูกเปลี่ยนไปเมื่อบุคคลที่สามออกไป ทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากก็จริง แต่กวินและแอนดริวก็ให้เกียรติกันเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น
"คนนี้พนักงานดีเด่นของกูเลยนะ เพชรของบริษัทเลย"
"ยังไง"
"ก็คนที่กูเคยเล่าให้ฟังไง ว่าเอาแม่ป้าเจ้าอารมณ์คนนั้นซะอยู่หมัดเลย"
เรื่องนี้แอนดริวเคยเล่าให้กวินฟังเมื่อตอนที่ฟ้าใสเข้ามาทำงานในช่วงแรกๆ กวินก็พอจะนึกออกเพราะ เป็นมันเรื่องพิเศษมากสำหรับ แอนดริว ตลอดเวลาที่แอนดริวมารับช่วงต่อ เขาสามารถรับมือได้หมดกับทุกปัญหา ยกเว้นเรื่องแม่ป้าลูกค้าวีไอพีคนนี้ ที่ทำแอนดริวปวดหัวอยู่หลายปี จนต้องไประบายให้กวินฟังอยู่บ่อยๆ
"ที่มึงบอกว่าออกแบบยังไงก็ไม่ถูกใจใช่มั้ย แล้วมึงจะเทหลายรอบแล้ว"
"พอมาเจอฟ้าใสนะ ติดงอมแงมเลย ออกแบบยังไง คือถูกใจแม่ป้าไปซะหมด เกือบสองปีมานี้บริษัทกูสงบมาก"
"กูต้องขอยืมตัวพนักงานมึงหน่อยแล้ว"
"ไม่ได้ๆๆ มึงจะยืมตัวใครก็ได้ แต่ไม่ใช่ฟ้าใส"
"เอ้า ถ้าไม่ใช่ฟ้าใส แล้วกูจะยืมตัวไปทำไมวะ ต้องฟ้าใสเท่านั้น"
"ไอ้วินนี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น บริษัทมึงก็มีพนักงานออกแบบ แล้วมายุ่งอะไรกับพนักงานของกู"
"ใครว่ากูเล่น"
แอนดริวเริ่มหน้าถอดสี เพราะเขารู้ดีว่ากวินเป็นคนยังไง ถ้าต้องการอะไร เขาก็จะทำทุกวิธีเพื่อให้ได้มาโดยไร้ข้อกังขา
"ไม่นะมึงหยุดความคิดบ้าๆ ของมึง กูไม่มีทางให้ไปเด็ดขาด กูได้ตัดเพื่อนกับมึงก็งานนี้"
"หวงขนาดนั้นเลย"
"เพชรของบริษัทกูไง มึงเข้าใจมั้ยว่าเพชร กว่ากูจะหาเจอ"
"ถ้ากูขอซื้อเพชรเม็ดนี้ต่อ"
"กูไม่ขาย ต่อให้มึงเสนอราคามาสูงแค่ไหนกูก็ไม่ขาย"
"มึงก็คอยดูละกัน"
'งานหินแล้วกู เหี้ยวินเอ้ยย กูปวดตับกับมึงจริงๆ' แอนดริวทำได้แค่เอามือกุมขมับ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาฟ้าใสยังคงเข้าไปทำงานที่บริษัทของแอนดริวปกติ แต่ที่แปลกไปคือมีกวินที่เข้ามาวอแวอยู่ไม่ห่าง โดยใช้งานเป็นข้ออ้างในการขอพบฟ้าใส ทำให้ตอนนี้ฟ้าใสรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ตอบตกลงรับงานไป"ฟ้า ทำงานกับคุณวินเป็นไงบ้าง""เหนื่อยค่ะพี่วิ นี่ผ่านไปแค่อาทิตย์เดียว ฟ้าเหมือนจะตายเลย""ทำไมล่ะ""คุณกวินนิสัยเหมือนเด็กๆ เลย เอาแต่ใจด้วย ชอบใช้งานฟ้า ดูแล้วมันไม่เกี่ยวกับงานเลย ทำให้ฟ้าเสียเวลามากเลยค่ะ""คุณวินเนี่ยนะ นิสัยเหมือนเด็กๆ"วิภาดาทวนคำที่ฟ้าใสพูดอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าฟังไม่ผิด เพราะปกติในแวดวงธุรกิจ หรือในกลุ่มคนที่ทำงานกับกวินจะรู้กันดีว่ากวินเป็นคนที่จริงจังกับงานมาก ในเวลางานห้ามทำอย่างอื่น"ใช่ค่ะ ฟ้าคิดไว้ว่าหลังจากเสร็จงานชิ้นนี้แล้ว ฟ้าก็จะไม่ทำงานให้คุณกวินแล้วค่ะ""แล้วคุณวินจะยอมเหรอ"วิภาดาสังเกตุเห็นว่าฟ้าใสคงจะเหนื่อยมากจริงๆ เพราะตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา ไม่ว่างานจะหนักแค่ไหน ฟ้าใสก็ไม่เคยบ่น สู้ทุกงาน แต่มาทำงานกับกวินแค่อาทิตย์เดียวฟ้าใสกลับถอดใจซะแล้ว"ฟ้าก็ต้องไปคุยกับเขาอีกที""แล้ววันก่อนได้เซ็นสัญญากันไว้หรือเปล่า""เซ็นค่ะ ฟ้าเสนอไปสามเดือน ตอนแร
และตอนนี้ทั้ง 5 คนก็มายืนอยู่หน้าร้านที่ฟ้าใสคุ้นเคย ก่อนหน้านี้ที่เจอกันที่ลานจอดรถ ฟ้าใสพยายามปฏิเสธ เพราะอยากเร่งงานให้เสร็จ แต่กวินก็คะยั้นคะยอและลากเธอขึ้นรถของเขาไป ต่อหน้าต่อตาเพื่อนทั้งสอง รวมไปถึงวิภาดาด้วย ฟ้าใสจึงเสนอร้านกาแฟร้านนี้ เพราะอยู่ไม่ไกลจากบริษัท แถมยังได้ช่วยหาลูกค้าให้สลิลลาอีกด้วยจริงๆ แล้ววันนี้หลังเลิกงาน ฟ้าใสตั้งใจจะแวะมาหาสลิลลาที่ร้าน เพราะเธอไม่ได้แวะมาสองวันแล้ว เนื่องจาก ต้องเร่งงานที่จะต้องเสนอลูกค้า"อ้าวน้องฟ้า วันนี้ทำไมมาไวจัง""ฟ้ามากับคุณดริวค่ะ""อ๋อๆ สวัสดีค่ะ เชิญนั่งก่อนนะคะ"หลังจากทุกคนนั่งลงและสั่งเครื่องดื่มกับเบเกอร์รี่เรียบร้อยแล้ว สลิลลาจึงขอตัวไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นต่อ"ดูท่าทางเบบี๋จะสนิทกับเจ้าของร้านนะ""ใช่ค่ะพี่เจมส์ ฟ้ากับพี่เค้กรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ เมื่อก่อนฟ้าเคยทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่""อ๋อ คงจะเป็นขนมจากร้านนี้แน่เลย ที่เจษชอบซื้อกลับไปฝากพี่ แต่พอเรียนจบก็ไม่เห็นซื้อไปฝากอีกเลย สงสัยเพราะเบบี๋ไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว มันเลยไม่มา""แต่มันเปลี่ยนมาเที่ยวที่บริษัทกูแทน" เมื่อจบประโยคของแอนดริว ก็ทำให้ทุกคนต่างหัวเราะออกมา
หลายวันแล้ว ที่กวินก็ยังคงแวะเวียนไปยังบริษัทของแอนดริวอยู่บ่อยๆ จนแอนดริวต้องมานั่งกุมขมับตัวเองอยู่ในห้องทำงานหลังจากที่กวินกลับไปแล้วทุกครั้ง"เป็นอะไรคะ""เฮียปวดหัวกับไอ้วิน""คุณวินทำไมคะ""มันมาป่วนเฮียได้ทุกวัน จะมาเอาตัวฟ้าใสไปทำงานด้วยให้ได้""ได้ไง คุณวินก็นะ หรือคุณวินจะแค่แกล้งเฮียเล่น""เฮียไม่รู้ว่าต้องทำไง เหมือนงานนี้มันจะเอาจริง""วันก่อนที่วิแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน วิก็รู้สึกว่าคุณวินดูแปลกๆ นะคะ""ยังไง""คุณวินดูสนใจฟ้าใสเป็นพิเศษ""มันจะทำอะไรของมัน"แอนดริวก็จนปัญญาที่จะคิด เพราะทุกครั้งที่มากวินจะมีข้อเสนอมากมาย มาหลอกล่อแอนดริว เพราะเป็นเพื่อนสนิทกัน แอนดริวจึงรู้วิธีการรับมือและเอาตัวรอดมาได้ตลอด แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรับมือกับเพื่อนคนนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน"ทำไมคุณไม่ถามไปตรงๆ ละคะว่าทำไมต้องเป็นฟ้าใส""เฮียเคยถามแล้ววิ มันบอกว่า อยากได้คนเก่งๆ ไปทำงานด้วย"ทั้งแอนดริวและวิภาดา ต่างก็คิดว่าถ้ากวินต้องการหาคนเก่งจริงๆ คงจะหาได้ไม่ยากและที่สำคัญทีมออกแบบของบริษัทกวินเองก็เป็นทีมที่มีคุณภาพภาพ และเก่งๆทั้งนั้น แต่ทำไมต้องมาเจาะจงว่าต้องเป็นฟ้าใสเท่านั้น
ในช่วงวันหยุดสองวันที่ผ่านมา ฟ้าใสอาสาไปเฝ้าน้องชายที่โรงพยาบาล เพื่อให้แม่ได้พักผ่อน เนื่องจากน้องชายมีโรคประจำตัว ต้องเข้าออกโรงพยายาบาลบ่อยๆ ทุกคนในครอบครัวจึงดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษมาตลอด ทำให้ฟ้าใสซึ่งเป็นพี่โตต้องดูแลตัวเองมาตลอด เพราะแม่ต้องทำงานไปด้วยและดูแลน้องไปด้วยฟ้าใสเป็นเด็กกำพร้า พ่อของเธอเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เธอ 7 ขวบ ซึ่งตอนนั้นน้องชายก็ยังเล็กอยู่ แม่มักจะบอกฟ้าใสเสมอว่า ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่แม่ไม่รัก จริงๆ แล้วแม่รักลูกทั้งสองคนมาก แต่ที่แม่ต้องแบ่งเวลาให้น้องมากกว่า เพราะน้องไม่สบาย ส่วนเธอก็เข้าใจ เพราะนอกเหนือจากเวลางานแล้ว ฟ้าใสก็ยกเวลาทั้งหมดให้ครอบครัวเช่นกัน"วันนี้พี่กลับก่อนนะ พรุ่งนี้พี่ต้องทำงาน""ไม่อยากให้พี่ไปเลยครับ""อย่างอแงกับพี่สิสกาย"จริงๆ แล้ว สกายเป็นเด็กฉลาด แต่เนื่องด้วยไม่สบายอยู่บ่อย ๆ จึงทำให้เขาต้องหยุดเรียนเป็นประจำ ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ทำให้สกายเข้ารับการรักษาได้แค่ในโรงบาลของรัฐ ซึ่งโรคที่สกายเป็น หากจะให้ดีต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ซึ่งค่าใช้จ่ายก็สูงมากด้วย"เดี๋ยววันหยุดพี่จะกลับมาหาใหม่นะ สกายอย่าดื้อ
ด้านฟ้าใสเมื่อกลับมาถึงโต๊ะก็เจอกับวิภาดาที่ยืนทำหน้าตื่นอยู่ เพราะก่อนหน้านี้หลังจากเสร็จธุระที่ห้องน้ำ แอนดริวโทรเข้ามาพอดี วิภาดาเลยไปคุยโทรศัพท์นอกร้าน จู่ๆ รถพยาบาลก็ขับเข้ามาจอดตรงบริเวณหน้าร้าน และมีพยาบาลกับบุรุษพยาบาลวิ่งเข้ามาในร้าน วิภาดาเลยวิ่งกลับเข้ามาในร้านเพื่อดูว่ามีใครเป็นอะไร แต่กลับไม่พบฟ้าใสบนโต๊ะอาหาร จึงทำให้ตกใจ"ฟ้าเป็นอะไรมั้ย""ฟ้าไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พอดีคุณลุงเขามีอาการชักเกร็ง ฟ้าเลยเข้าไปช่วย""แล้วนี่เลือดใคร"วิภาดายกแขนของฟ้าใสขึ้นมาดู เพราะมีรอยเลือดอยู่ตรงบริเวณปลายแขนเสื้อของฟ้าใส เมื่อพลิกไปพลิกมาก็พบว่ามีบาดแผลอยู่ตรงบริเวณนิ้ว คงเกิดจากตอนที่เอามือกวาดเศษจานที่แตก"คงจะโดนตอนที่ไปช่วยคุณลุงค่ะ""แล้วไม่รู้สึกเจ็บเลยเหรอ แผลก็ไม่ได้เล็กมากนะ""เมื่อกี้คงจะตกใจค่ะ เลยไม่ทันได้สังเกตุ""จริงๆ เลยนะเรา เวลาช่วยคนอื่นไม่เคยระวังตัวเลย ไปเดี๋ยวพี่พาไปทำแผล""ไม่เป็นไรค่ะ ในรถฟ้ามีกล่องยาอยู่ ล้างแผลติดพลาสเตอร์ก็ได้แล้วค่ะ""งั้นกลับกันเลยดีกว่า ฟ้าจะได้พักผ่อนด้วยเดี๋ยวพี่ไปเคลียร์ค่าอาหารก่อนนะ ฟ้าไปรอพี่ที่นอกร้านได้เลย"กวินที่นั่งดูทั้งสองคนสนทนากัน
"บอสกำลังมา" สาวรุ่นใหญ่ตำแหน่งสอดส่องที่คนในแผนกร่วมกันตั้งฉายาให้วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในแผนก"เก็บเร็ว!!"ทุกคนกุลีกุจอเก็บเครื่องสำอางค์ และรวมไปถึงสิ่งของต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน กวาดลงไปในลิ้นชักภายในพริบตาพนักงานในบริษัทแห่งนี้ต่างรู้ดีว่า บอสของพวกเขาไม่ชอบให้ทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานในเวลางาน"สวัสดีค่ะบอส""สวัสดีครับบอส"พนักงานทุกคนต่างลุกขึ้นกล่าวทักทายในขณะที่เจ้านายของพวกเขาเดินผ่านแผนกออกแบบของตนปกติ บริษัท จะมีลิฟท์เพื่อขึ้นตรงไปยังชั้นผู้บริหาร ซึ่ง วิน หรือกวิน จะเลือกใช้เวลาที่เขามีงานด่วนเร่งรีบเท่านั้น ทำให้ทุกๆ วันที่เขาเข้าบริษัท กวินจึงเลือกที่จะเดินผ่านแผนกออกแบบ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยก่อนจะขึ้นไปยังห้องทำงานของตัวเองแต่ใช่ว่าบอสคนนี้ จะไม่สนใจอะไรเลย เขาไม่ได้เมินเฉยต่อคำทักทายของพนักงาน ทุกครั้งเขาจะหันไปยิ้มอ่อนๆ และผงกหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายกลับ ด้วยเหตุนี้พนักงานในบริษัทไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยสาวใหญ่ ต่างหลงไหลในความหล่อของเขา จนอยากจะเอาทั้งตัวและหัวใจใส่พานให้กวินไป"วันนี้ผมมีนัดที่ไหนหรือเปล่า คุณริน" เมื่อถึงห้องทำงานเขาก็นั่งลงเปิดแฟ้มเอ







