เกือบสัปดาห์ที่งานของพราวรวีไม่คืบหน้าเลยสักนิด งานแปลที่รับมาก่อนหน้านั้นเสร็จเรียบร้อยและส่งให้ผู้ว่าจ้างจนได้เงินมานอนอยู่ในกระเป๋า แต่งานส่วนตัวที่ต้องแก้ไขและส่งยังไม่ได้เริ่มลงมือเลย
ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเธอพยายามอ่านนิยายของนักเขียนท่านอื่นเพื่อหาแนวทางมาปรับเข้ากับงานของตัวเองแต่มันก็ไร้ประโยชน์เพราะทุกคนก็มีสไตล์ของตัวเอง ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปงานของคงไม่ได้ตีพิมพ์ตามกำหนดแน่ๆ
สมองตันแล้วใครมีไอเดียดีๆ มาเสนอได้นะคะ
พราวรวีโพสต์ไปที่หน้าเพจของตัวเอง จากนั้นก็มีแฟนคลับตามมาให้กำลังใจกันอย่างมากมาย
‘สู้นะคะคุณไรท์’
‘ส่งกำลังใจให้นะคะ’
‘ไรท์คะ หาแฟนสักคนสิคะเผื่อจะได้ไอเดีย’
‘ไรท์อย่ามีแฟนนะคะ มีแล้วปวดหัว แค่ Onenight ก็พอค่ะ’
‘แนะนำ FWB ค่ะ’
‘เปลี่ยนบรรยากาศค่ะไรท์ ออกนั่งชิลๆ เดี๋ยวผู้ก็มาเองค่ะ’
‘อย่าให้รอนานนะคะ หยอดกระปุกรอแล้วจ้า’
พราวรวีอ่านแล้วก็ยิ้มตาม แม้ตอนนี้ตัวเองจะโดดเดี่ยวแต่ก็ยังมีบรรดานักอ่านทั้งหลายคอยให้กำลังใจ ในเมื่อยังมีคนรอคอยงานเขียนของเธอ
“คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ยายพราว” หญิงสาวพูดให้กำลังใจตัวเอง
หญิงสาวกำลังคิดถึง One Night Stand ( ความสัมพันธ์แบบข้ามคืน ) หรือ FWB (ความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมหลับนอนกับเพื่อน เป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่สามารถมีเพศสัมพันธ์กันได้โดยไม่ผูกมัด) ความสัมพันธ์ทั้งสองแบบนี้ค่อนข้างอันตรายสำหรับคนไร้ประสบการณ์อย่างเธอ
“หรือจะไปบาร์โฮสต์ดีนะ” หญิงสาวกำลังสับสนและเธอก็ไม่กล้าไปปรึกษาเรื่องนี้กับใคร เพราะมันดูไม่ดีเท่าไหร่สำหรับสาวโสดอย่างเธอ แต่เพราะอยากทำงานออกมาให้ดีที่สุดพราวรวีก็เลยต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง
แล้วหญิงสาวก็ตัดสินใจไปนั่งชิล เผื่อว่าสมองที่กำลังตื้อๆ อยู่นั้นจะดีขึ้น
เมื่อตัดสินใจได้แล้วพราวรวีก็ขับรถมายังโรงแรมหรูย่านชาญเมือง เลือกโรงแรมที่ผู้เข้าพักส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติเพราะกลัวว่าจะเจอคนรู้จัก
เธอเช็กอินในเวลาหนึ่งทุ่ม จากนั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะลงมายังผับกึ่งบาร์ซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินของโรงแรมหรู
หญิงสาวเลือกนั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์ริมสุด เพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจของคนอื่นจนเกินไป
“รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มถาม
“แนะนำหน่อยสิคะ”
“ขอบแบบไหนครับ”
“ขอแบบเบาๆ ก่อนแล้วกันค่ะ”
“รอสักครู่นะครับ”
จากนั้นบาร์เทนเดอร์ก็หันไปเทส่วนผสมลงในกระบอกเชก รอไม่นานเครื่องดื่มสีสวยก็มาเสิร์ฟตรงหน้า
“เหล้ารัมผสมกับผลไม้ครับ ไม่แรงมากหวังว่าคุณผู้หญิงคงชอบนะครับ”
หญิงสาวรับมาดื่มแล้วรู้สึกถึงความสดชื่นอย่างที่บาร์เทนเดอร์บอก เธอจิบแล้วมองไปรอบๆ บริเวณ วันนี้เป็นวันธรรมดาคนเลยไม่ค่อยมากเท่าไหร่ และส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติและมากันเป็นคู่
“ขอนั่งด้วยคนนะครับ”
“ค่ะ” พราวรวีตอบรับและขยับให้เขาเล็กน้อย
ชายหนุ่มนั่งลงข้างเธอโดยเว้นเก้าอี้ไว้หนึ่งตัว นั้นทำให้เธอไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป เขาหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ด้วยท่าทางสนิทสนม ก่อนจะหันมาชวนเธอคุยอีกครั้ง
“มาคนเดียวเหรอครับ”
“ค่ะ”
“ปกติมาดื่มคนเดียวแบบนี้บ่อยไหมครับ”
“ก็ประมาณหนึ่งค่ะ” พราวรวีจะให้เขารู้ไม่ได้ว่าเธอเพิ่งเคยมาสถานที่แบบนี้คนเดียวเป็นครั้งแรก
พอมีเพื่อนคุยหญิงสาวก็รู้สึกสนุกขึ้น เธอสั่งเครื่องดื่มมาอีกหลายแก้ว ดื่มไปด้วยคุยไปด้วยจนตอนนี้ประคองสติแทบไม่อยู่
ทุกการกระทำของเธออยู่ในสายตาของใครคนหนึ่งตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาแล้ว และพอเห็นว่าหญิงสาวเริ่มจะเมาเขาก็ย้ายที่นั่งมาประกบเธออีกด้าน
“เรากลับกันดีไหมครับ คุณพักที่ไหนเดี๋ยวผมไปส่ง” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้วยในตอนแรกเอ่ยชวน
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจองห้องไว้แล้วกลับคนเดียวได้สบายมากค่ะ” เธอรีบปฏิเสธเพราะถ้าเขาตามขึ้นไปส่งมันคงไม่จบแค่ไปส่งอย่างเดียวแน่แม้อยากมีความสัมพันธ์กับใครสักคนแต่ต้องไม่ใช่ในสภาพที่เธอไม่ค่อยมีสติแบบนี้ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงเอาไปเขียนลงในนิยายไม่ได้แน่ๆ
“ให้ผมไปส่งเถอะครับผมว่าคุณคงเดินไปไม่ถึงห้องแน่ๆ” ชายคนเดิมพยายามเซ้าซี้
“คุณพราว ผมว่าคุณเมาแล้วนะครับ” เสียงเข้มของใครอีกคนทำให้พราวรวีหันไปมองอย่างสงสัยว่าเขาเป็นใครและรู้จักเธอได้ยังไง
“รู้จักชื่อฉันได้ยังไงคะ”
“งอนทีไรหนีมาดื่มคนเดียวทุกทีนะครับ ผมขอโทษคุณด้วยที่เธอรบกวนเวลาส่วนตัวของคุณ ผมคงต้องพาเธอกลับก่อน”
“แน่ใจนะครับว่าคุณรู้จักเธอ” ชายคนแรกถาม เขากำลังได้เหยื่อแล้วเชียวแต่ผู้ชายคนนี้ก็เข้ามาขวาง
“ก็ถามเธอสิครับ ว่าเธอชื่อพราวรวี โยธินกุลหรือเปล่า”
“โอ๊ะ รู้จักทั้งชื่อทั้งนามสกุลของฉันด้วย” พราวรวีมองหน้าเขาอย่างสงสัย เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยรู้จักเขาหรือเปล่า
“รู้จักดีเลยล่ะ กลับกันได้แล้ว ถ้ายังไม่กลับผมจะอุ้มคุณไปจริงๆ นะ”
“เรารู้จักกันเหรอ”
“ถ้าคุณคือพราวรวี โยธินกุล หรือพริบพราว เพื่อนรุ่นน้องของญาดา เราก็รู้จักกัน” เขารีบพูดออกไป แต่ในใจก็กลัวเธอจะไม่เชื่อ
“อ้อ รู้จักทั้งพริบพราวและพี่ดาด้วย งั้นเราก็คงรู้จักกันสินะ”
พอรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้ารู้จักกับเพื่อนรุ่นพี่เธอจึงเดินตามเขาออกมาด้วยสติที่ไม่ค่อยเต็มร้อยเท่าไหร่นัก
“พักห้องไหนครับ”
พราวรวียื่นกุญแจห้องให้เขาแทนคำตอบ ตอนนี้หญิงสาวทรงตัวแทบไม่อยู่จนชายหนุ่มต้องคอยประคอง
พอเข้ามาในลิฟต์เธอก็โถมทั้งตัวเข้ามาจนเขาต้องกอดประคองไว้เพราะไม่อย่างนั้นคงได้คว่ำหน้าลงไปแน่ๆ
คนตัวสูงก้มมองใบหน้าขาวเนียนที่แต่งแต้มสีสันไว้เพียงนิด แล้วรู้สึกว่าตัวเองหัวใจเต้นแรงขึ้น กลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกลิ่นกายหอมกระตุ้นประสาทสัมผัสของเขาให้ตื่นตัวอย่างง่ายดาย ใบหน้าคมก้มลงกดจมูกไปบนแก้มอย่างฉวยโอกาส
ติ๊ง
เสียงลิฟต์ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบยืนตัวตรงอีกครั้ง
“คุณพราวครับ เดินไหวไหม” เขากระซิบข้างหูเบาๆ
“ไหวค่ะ ขอบคุณนะคะ”
คนที่บอกว่าไหวเดินไปเพียงแค่ก้าวเดียวก็สะดุดขาตัวเองจนเกือบจะล้ม ยังดีที่เขาคว้าเอาไว้ได้ทัน
ชายหนุ่มรวบเธอเข้ามาอุ้มไว้ก่อนจะเดินไปตามหมายเลขห้องบนกุญแจที่เธอยื่นให้
“อุ่นจัง แบบนี้หรือเปล่านะที่พระเอกอุ้มนางเอง” คนเมาพึมพำเบาๆ แต่เพราะใกล้ขนาดนี้คนตัวโตเลยได้ยินทั้งหมด
กว่าเขาจะเปิดห้องได้ก็เกือบแย่ เพราะคนที่เมานั้นเอาแต่เกาะคอเขาไม่ยอมปล่อย
ชายหนุ่มอุ้มเธอมาวางบนเตียงในห้องนอนแล้วหันหลังกลับแต่ข้อมือเล็กๆ ก็คว้าไว้จนเขาล้มลงทับไปบนร่างนั้นอย่างไม่ตั้งใจ
“จะกลับแล้วเหรอคะ”
“ครับ”
“อยู่ก่อนได้ไหม”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่อยากรบกวนคุณ”
“เท่าไหร่” คนถามมองเขาด้วยตาปรือจนแทบจะปิด
“อะไรครับ”
“พี่ดาจ้างคุณมาเท่าไหร่”
“พูดอะไรผมไม่เข้าใจ”
“ฉันรู้พี่ดาคงจ้างคุณมาใช่ไหม คงกลัวฉันเขียนอีโรติกไม่ได้อารมณ์ล่ะสิ ไม่เป็นไร Onenight สักครั้งก็ดีเหมือนกันนะ”
“เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว ไม่มีใครจ้างผมมาทั้งนั้น” ชายหนุ่มรีบดันตัวเองลุกขึ้น เขารีบเข้าไปยังห้องน้ำเอาผ้าเช็ดตัวผืนเล็กออกมาเช็ดใบหน้าและท่อนขาของคนเธอ เผื่อว่าความเย็นจะช่วยให้เธอหายเมาได้บ้าง
หญิงสาวที่ถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบงำ ทำให้เธอทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง
เรียวปากอิ่มประกบไปบนริมฝีปากหยักของผู้ชายตัวโต เพียงสัมผัสเขาก็รู้สึกตื่นตัวจนควบคุมตัวเองได้อย่างลำบาก
“นอนกับฉันได้ไหม” เสียงคนเมาพูดเหมือนกำลังละเมอ
“ทำแบบนี้จะไม่เสียใจแน่นะ” เขากระซิบถาม
“ไม่เลย ฉันอยากนอนกับใครสักคน อยากรู้ว่ามันจะรู้สึกดีไหม อยากรู้ว่ามันดียังไง” เสียงนั้นฟังดูจริงจังจนเขาต้องยอมปล่อยไปให้ทุกอย่างเป็นไปตามอารมณ์ปรารถนา
คุณอนงค์รีบเข้ามายังบริษัทหลังจากมีคนส่งข่าวว่าวันนี้กวีวัธน์เข้ามาทำงานและกำลังร่วมประชุมวางแผนสำหรับโครงการใหญ่ที่บริษัทกำลังยื่นซองประมูล“คิดถึงผมเหรอครับแม่” ชายหนุ่มทักทายมารดาที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก“ใครจะคิดถึงลูกไม่รักดีกัน”“อ้าว แล้วมาทำไมครับ”“ก็จะมาดูว่าแกมาทำงานหรือเปล่า”“วันนี้ผมมาทำงานที่นี่ก็เพราะพราวขอร้อง แต่แม่อย่าลืมขอตกลงที่ให้กับเธอนะครับ”“ทวงจริงเลยนะกลัวไม่ได้แต่งหรือยังไง”“คนที่กลัวไม่ได้แต่งคือผมครับไม่ใช่พราว”“เชอะ เบื่อพวกหลงผิด”“แม่ครับ ผมว่าแม่ยอมให้เราแต่งงานกันเถอะห้ามเราเลย ถ้าไม่อย่างนั้นผมกับพราวคง...”“จะทำอะไรอีก แม่ก็ยอมแล้วไง”“ผมไม่แน่ใจว่าแม่จะยอมจริงไหม ถ้าแม่ประกาศว่าเราสองคนจะแต่งงานกันในงานวันเกิดคุณแม่ที่จะถึงในสัปดาห์หน้าผมถึงจะเชื่อครับ”“อย่ามาบังคับแม่นะ”“ผมไม่ได้บังคับ ผมแค่อยากให้มาทำตามสัญญา วันประมูลโครงการสร้างศูนย์ราชการที่ผมเพิ่งประชุมไปเมื่อกี้คือหลังวันเกิดคุณแม่สองวันนะครับ แล้วตอนนี้ตัวเลขทั้งหมดก็อยู่ในมือผม”“นี่แกกล้าขู่แม่”“เปล่าครับ ผมแค่ทวงสัญญาเท่านั้น แม่ครับ คนที่จะแต่งงานและอยู่กับพราวคือผมนะครับ คนอื่นก
คุณอนงค์กลับมาถึงบ้านก็เด็กรับใช้ช่วยยกหนังสือทั้งหมดเขาไปในห้องหนังสือ เธอสั่งไม่ให้ใครเข้ามายุ่งระหว่างที่เธอกำลังอ่านหนังสือหญิงสูงวัยอ่านหนังสือไปได้เพียงไม่กี่หน้าก็ต้องรีบวางเพราะเนื้อหาส่วนใหญ่มันเกินกว่าที่เธอคิดไว้จากที่คิดจะเปิดใจให้กับว่าที่ลูกสะใภ้ก็ต้องเปลี่ยนใจ เธอเชื่อว่าคนที่เขียนแบบนี้ได้ก็คงผ่านประสบการณ์เรื่องแบบนั้นมาอย่างโชกโชนและด้วยเหตุผลนี้กวีวัธน์ถึงได้หลงผู้หญิงคนนี้อย่างหัวปักหัวปำเรื่องนี้คงต้องเรียกลูกชายมาคุยอีกครั้ง เธอจะไม่บังคับให้เขาแต่งงานกับณัฐณิชา แต่ก็ไม่ยอมให้แต่งงานกับพราวรวีเพราะอับอายเกินกว่าจะมีลูกสะใภ้จัดจ้านแบบนั้นกวีวัธน์พาคนรักมาทานอาหารเย็นที่บ้านของมารดาตามคำชวน วันนี้พี่ชาย พี่สะใภ้และหลานสาวทั้งสองคนไม่อยู่บ้าน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงค่อนข้างเงียบและดุอึดอัดกว่าทุกครั้งหลังทานอาหารท่านเรียกให้ทั้งสองคนเข้ามาที่ห้องหนังสือ พราวรวีมองกองหนังสือบนโต๊ะแล้วก็หน้าซีด เธอไม่คิดว่ามารดาของคนรักจะอ่านหนังสือของตัวเอง“แม่มีอะไรจะคุยกับเราเหรอครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย เพราะวันนี้ดูท่าทางมารดาของตนเองเครียดอยู่ไม่น้อย“เรื่องแต่งงาน”“ค
คำว่ารอบเดียวไม่เคยมีจริงสำหรับคู่รักที่เร่าร้อนทั้งสองคน กว่าสงครามตัณหาจะสงบก็เกือบจะเที่ยง“เราไปทานข้าวกันก่อนดีไหมครับ แล้วพี่ค่อยไปส่งพราว”“ได้ค่ะ”ทั้งสองคนมาร้านอาหารที่อยู่ระหว่างทางกลับบ้าน นั่งทานจนอิ่มขณะกำลังจะออกจากร้านชายหนุ่มก็รับโทรศัพท์จากเลขาแจ้งว่ามีเอกสารเร่งด่วนที่ต้องรีบเข้าไปเซ็น“พราวนั่งแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ พี่ไม่ต้องห่วง”“ตรงนี้แท็กซี่ไม่ค่อยผ่าน ถึงจะเรียกรถจากแอปก็คงต้องรออีกหลายนาที พี่ว่าพราวไปกับพี่ก่อนได้ไหม พอถึงบริษัทแล้วก็เอารถพี่กลับบ้านก็ได้”หญิงสาวไม่อยากให้เขาต้องกังวลจึงยอมตามไปที่บริษัทด้วย“ไหนๆ ก็มาถึงแล้วขึ้นไปข้างบนหน่อยไหม”“ไม่ดีกว่าค่ะ พี่ยังต้องทำงาน”“พี่ชักน้อยใจแล้วนะครับทำไมพราวทำเหมือนไม่อยากไปไหนกับพี่ ไม่อยากเข้ามาในโลกของพี่”“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ก็แค่ไม่อยากกวนเวลางาน”“ไม่ได้กวนอะไรเลย นะครับที่รักขึ้นไปด้วยกันนะ”แล้วเขาก็ทำให้พราวรวีใจอ่อนยอมเดินตามเขาไปในบริษัทพราวรวีเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้นเธอมาในฐานะล่าม แต่ครั้งนี้มันเปลี่ยนไปเพราะกวีวัธน์จับมือเธอไปตลอดทาง หญิงสาวจึงกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนอย่างเลี
กวีวัธน์อุ้มคนรักเข้ามาในบ้านที่มืดสนิท เขาวางเธอลงบนโซฟาเพราะตอนนี้เขาเองก็เหนื่อยจนเดินต่อไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นสองไม่ไหวรอจนเริ่มดีขึ้นก็เดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาส่งให้คนรัก ในขณะที่ร่างกายยังเปลือยเปล่าอากาศเย็นจากฝนที่ตกอย่างหนักทำให้พราวรวีเริ่มหนาว ยิ่งได้ดื่มน้ำเย็นเข้าไปเธอก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว“พี่วัธน์คะ พราวหนาว เราขึ้นข้างบนกับเธอค่ะ”“เดินไหวแน่นะครับ ให้พี่อุ้มไหม”“ไหวค่ะ”“มองเห็นไหมให้พี่เปิดไฟดีหรือเปล่า”“ไม่ต้องค่ะ” หญิงสาวรีบร้องห้ามเพราะตอนนี้เธอกับเขาต่างไม่มีเสื้อผ้าด้วยกันทั้งคู่“เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอาเสื้อคลุมมาให้พราวนอนรอตรงนี้ก่อนนะครับ”“พี่วัธน์ พราวไม่อยากอยู่คนเดียว” เธอขยับเข้าใกล้จนความนุ่มหยุ่นสัมผัสกับท่อนแขนของอีกคน“ขอโทษครับ พี่ลืมว่าพราวไม่ค่อยชอบความืด พี่มีวิธีคลายหนาว”กวีวัธน์พลิกให้พราวรวีขึ้นมานั่งบนตัก ร่างที่เปลือยเปล่าแนบชิดอีกครั้ง ท่อนเอ็นร้อนขยายตัวทีละนิดจนพราวรวีรู้สึกว่ามันกำลังดันบั้นท้ายของเธอ“พี่วัธน์ นี่ห้องรับแขก”“จะกลัวอะไรล่ะครับ บ้านของเรามีแค่เรา ในโรงรถก็เคยมาแล้ว”“พี่วัธน์จะหื่นไปถึงเมื่อไหร่”“หื่นจนกว่า
เมื่อเลือกได้แล้วว่าจะดูหนังเรื่องไหนพราวรวีก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาก็ถึงเวลาที่ต้องเข้าไปในโรงหนังพอดี“ทำไมไม่ดูโรงธรรมดาค่ะ”พราวรวีบอกคนข้างที่เลือกโรงหนังแบบวีไอพีซึ่งทีที่นั่งแบบโซฟาตัวโตที่ปรับเอนได้ถึง 180 องศาเพราะเธอคิดว่ามันสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุ“พี่อยากนั่งแบบสบายๆ นี่ครับ” กวีวัธน์รีบบอกอากาศในโรงหนังค่อนข้างเย็นพราวรวีไม่ได้เตรียมเสื้อคลุมมาด้วยจึงได้แต่นั่งกอดแขนตัวเองเพราะความหนาวกวีวัธน์เลยถอดเสื้อตัวนอกมาคลุม ให้และจับมือเธอส่งผ่านไออุ่นจนหญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเพราะเป็นหนังรักโรแมนติก พระนางของเรื่องจึงแสดงความรักต่อกันมากกว่าปกติ มือที่จับอยู่กระชับแน่นมากขึ้น เขาอยากให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไงพอบีบมือเธอแน่นขึ้นหญิงสาวก็หันมามองหน้าเขา เธอขยับเข้าใกล้ก่อนกระซิบเบาๆ“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”“พราวพี่อยากจูบ” เขากระซิบกลับ“นี่มันในโรงหนังนะคะ”“พี่รู้ แต่แถวที่เรานั่งไม่มีใครเลย ข้างหลังก็ไม่มี นะครับขอจูบนิดเดียว”“แต่ อื้ม”เสียงค้านถูกกลืนหายไปเมื่อเขาบดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว ลิ้นสอดเข้ามาหยอกล้อ พราวรวีตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจ พอจูบจนหนำใจเขาก็ป
กวีวัธน์รีบกลับมาบอกข่าวดีกับพราวรวีหลังจากที่มารดาของตนเองกลับไปได้ไม่นาน“พี่วัธน์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เพราะมันยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน“คิดถึงครับ” ชายหนุ่มนั่งลงข้างเธอที่หน้าโซฟา พิงศีรษะลงบนไหล่ แขนโอบเอวบางพลางหอมแก้มคนรักอีกฟอดใหญ่“บอกพราวมาเถอะค่ะ เรื่องคุณแม่ใช่ไหมคะ”“ครับ”“ทะเลาะกับท่านมาหรือเปล่า พราวขอโทษนะคะที่ทำให้พี่กับแม่มีปัญหากัน”“ขอโทษทำไมครับ พี่กับแม่เข้าใจกันดีแล้ว”“จริงเหรอคะ” หญิงสาวดีใจที่ได้ยินแบบนั้น“จริงสิครับ พี่ถึงรีบกลับมาบอกข่าวดีกับพราวไง”“โทรมาบอกก็ได้ไม่เห็นจะต้องเสียเวลามาเลยนี่ค่ะ”“ไม่เสียเวลาเลยพี่จะมารับพราวออกไปข้างนอกด้วยกัน”“ไปไหนคะ”“ไม่พาไปขายหรอกครับ”“รอแป๊บนะคะ พราวขอไปเปลี่ยนชุดก่อน ใส่กางเกงยีนได้ไหมคะ” เพราะไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหนเธอจึงต้องถาม อย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติคนที่จะไปเจอหรือสถานที่“แต่งตัวตามสบายครับ” กวีวัธน์มองคนรักที่เดินหายเข้าไปในห้องนอนด้วยสายตารักใคร่ เขาไม่เคยรักใครมากเท่าพราวรวีมาก่อน แม้กระทั่งพรลภัสเขาไม่ได้รับมากขนาดนี้ ชายหนุ่มแอบขอบคุณอดีตคนรักที่ทิ้งเขาไปในวันนี้ เพราะถ้าอย่างนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกับพร