“คุณหล่อเหมือนพระเอกนิยายของฉันมาก” ใบหน้าหวานยื่นเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นผสมไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ
“ผมไม่ใช่พระเอกในนิยาย ผมมีตัวตนจริงๆ”
“ฉันรู้ ฉันถึงอยากให้คุณนอนกับฉัน ถ้าคุณไม่รังเกียจ” ใบหน้าสวยแดงระเรื่อไปจนถึงใบหูไม่รู้เพราะว่าเมาหรือเพราะเธอกำลังอายกันแน่
คนที่นกเขาไม่ขันมานานกลับรู้สึกถึงความตื่นตัวจนแทบจะกระโจนเข้าใส่
กวีวัธน์จุมพิตแผ่วเบาไปบนเรียวปากอิ่ม ปลายลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากที่เผยอรับเขาเมื่อถูกเขาปลุกเร้า ด้วยความชำนาญ ฝ่ามือหนาเคลื่อนไปตามร่างระหงก่อนจะถอดเดรสสีหวานออกโดยที่อีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
หญิงสาวรู้สึกว่าร่างกายของตนเองร้อนขึ้นทีละนิด ทุกจุดที่มือหนาเลื่อนผ่านสร้างความเสียวซ่านในแบบที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน
“คุณสวยมากนะพราว” เขากระซิบเสียงแหบพร่าฝ่ามือเคลื่อนนวดคลึงสองเต้าขนาดพอเหมาะ บีบเคล้นราวกับเป็นเจ้าของ ก่อนมือหนาจะเอื้อมไปปลดตะขอชั้นในแบบเกาะอกออกแล้วโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
“อื้อ ดีจัง”
เสียงหวานใสร้องครางเมื่อเขาลากลิ้นเปียกชื้นไปบนยอดเต้างาม ก่อนจะครอบครองด้วยปากร้อน ดูดดึงอย่างเร่าร้อน
“แบบนี้นี่เอง คุณเก่งจัง เรื่องต่อไปฉันจะให้คุณเป็นพระเอก อื้อ..”
คำพูดถูกกลืนหายเมื่อเขาโน้มตัวขึ้นมามอบจูบเร่าร้อน ริมฝีปากบดขยี้จนแทบมอดไหม้ ความเสียวแผ่ซ่านไปทั่วทุกจุด
“อ๊ะ”
พราวรวีสะดุ้งสุดตัวเมื่อฝ่ามือร้อนของคนตัวโตกว่ากรีดไปยังกลางกายสาวอย่างแผ่วเบา ปลายนิ้วยาวลากไล้ไปยังกลางกลีบกุหลาบดอกตูม หญิงสาวรู้สึกปั่นป่วนไปทั่วท้องน้อย ร่างกายปิดเร่า แอ่นสะโพกเข้าหาอย่างยั่วยวน
ชั้นในตัวบางถูกถอดออกทางเรียวขาสวย กวีวัธน์นวดคลึงไปตามเรียวขา ปากร้อนจุมพิตต้นขาด้านในก่อนจะกดจมูกลงไปบนกลีบกุหลาบอย่างหลงลืมตัว
“สวยที่สุด”
เขาไม่เคยทำแบบนี้ให้คนรักหรือคู่นอนคนไหนมาก่อน แต่เพราะเธอเป็นคนพิเศษ เป็นคนที่ทำให้ความเป็นชายของเขาผงาดขึ้นมาอีกครั้ง เขาจึงไม่คิดรังเกียจร่างกายเธอเลยสักนิด
“อื้อ คุณ...”
หญิงสาวดิ้นพล่านเมื่อรู้สึกถึงความชื้นแฉะลากผ่านส่วนสงวนที่ไม่เคยมีใครเห็น ความรู้สึกตอนนี้มันทั้งเขินอายและเสียดเสียวอย่างบอกไม่ถูก นักเขียนสาวเผลอครางหวานเมื่อลิ้นอุ่นร้อนของเขาลากไปตามกลีบกุหลาบครั้งแล้วครั้งเล่า
“ดีไหม ให้ทำต่อหรือเปล่า”
“อื้อ..มันดีกว่าที่คิด”
พราวรวีตอบไปตามที่ใจคิด สองมือจิกผ้าปูที่นอนแน่น ความเสียวที่เขามอบให้มันมากจนเธอเริ่มจะทนไม่ไหว
ตาคมกริบมองร่างที่นอนดิ้นพล่านด้วยสายตาราวกับจะกลืนกินเธอลงไปทั้งตัว
นิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปยังกลางกายของเธอทีละนิด มันคับแน่นจนเขาแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่เขาคิดว่าคงไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ เพราะคงไม่มีผู้หญิงคนไหนชวนผู้ชายที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกมานอนด้วยแบบนี้
“อ๊ะ!”
หญิงสาวสะดุ้งเมื่อนิ้วยาวของเขาเข้ามาจนลึก เธอรู้สึกเจ็บแต่พอเขาขยับความเจ็บก็หายไปแต่เปลี่ยนมาเป็นความเสียวซ่านได้อย่างประหลาด
เมื่อรู้สึกว่าช่องทางมันคับแน่น คนที่รู้ขนาดของตัวเองดีก็เลยต้องเตรียมความพร้อมกับเธอให้มากขึ้นอีกนิด
ปากร้อนของเขาก้มไปสัมผัสกลีบกุหลาบอีกครั้ง พร้อมขยับนิ้วยาวเข้าออก ปลายลิ้นตวัดเลียจุดกระสันจนร่างที่อยู่บนที่นอนดิ้นพล่าน
“อื้อ”
เสียงหวานครางประท้วงเมื่อชายหนุ่มดึงมือออกจากช่องทางรักที่คับแน่น
“ใจเย็นครับคนสวย”
ชายหนุ่มบอกเสียงสั่น พลางรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองอย่างรวดเร็วและไม่ลืมที่จะหยิบถุงยางอนามัยที่มักพกติดตัวไว้ตลอดสวมไปบนท่อนเอ็นที่ผงาดง้ำ
เขาทับทาบลงมาบนตัวเธออีกครั้งพร้อมปากร้อนที่จูบบดเบียด ฝ่ามือร้อนก็บีบคลึงเต้างามกระตุ้นอารมณ์รัญจวนจนรู้สึกถึงความเสียวที่เพิ่มขึ้น
“อ๊ะ! เจ็บ”
หญิงสาวดันตัวเขาออกแต่แรงอันน้อยนิดของเธอก็ไม่อาจทำอะไรคนตัวโตได้
“เดี๋ยวมันจะดีขึ้น เชื่อผม คุณจะมีความสุข”
เธอพยักหน้าก่อนจะครางกระเส่าอีกครั้งเมื่อเขาจูบพรมยังซอกคอขาว ขบเม้นจนขึ้นรอยแดงไปทั่วเนินอก
ใช้จังหวะที่เธอกำลังเผลอสอดแทรกตัวตนเข้าไปทีละนิด แต่กว่าจะผ่านเข้ามาได้จนสุดเธอก็เจ็บจนน้ำตาล่วง
“คุณไม่เคย”
เขาถามอยากแปลกใจ เพราะนิยายของพริบพราวที่เขาอ่านมันทำให้เขาคิดว่าเธอคงผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้ว นั่นเท่ากับสิ่งที่เธอเขียนขึ้นมานั้นก็แค่จินตนาการไปเอง
“อือ”
หญิงสาวตบอย่างอายๆ
“ผมจะทำให้ครั้งแรกของคุณมีความสุขที่สุดเชื่อใจผมนะ”
กวีวัธน์ทั้งดีใจและภูมิใจที่เขาเป็นผู้ชายคนแรกของหญิงสาวตรงหน้า
แล้วเขาก็ทำได้อย่างที่พูดเพราะทุกจังหวะที่เคลื่อนเข้าออกมันทำให้คนไร้ประสบการณ์ได้แต่ครางหวานหลอมละลายไปกับบทรักของคนตัวโต
ร่างกายของเธอร้อนจนแทบระเบิด ไม่คิดว่าการร่วมรักมันจะเต็มไปด้วยหลากอารมณ์แบบนี้ ทั้งสุข ทั้งเสียวทั้งทรมาน ชายตรงหน้าพาเธอล่องลอยไปยังดินแดนที่เต็มไปด้วยความสุข
เสียงหวานครางกระเส่ารู้สึกราวกับทุกอย่างกำลังจะแตกดับตรงหน้า
“พราว เรียกชื่อผม เรียกผมวัธน์ ได้โปรดผมอยากได้ยิน”
“อือ คุณวัธน์ ฉันไม่ไหวแล้ว อื้อ ...”
หญิงสาวกรีดร้องด้วยความสุขสม ช่องทางรักตอดรัดอย่างรุนแรง พราวรวีกอดเขาแน่นร่างกายของเธอกระตุกอย่างรุนแรง สมองขาวโพลนไปหมด สติไม่รับรู้อะไรนอกจากความสุขที่ได้รับการเติมเต็มเป็นครั้งแรก
กวีวัธน์เองก็เริ่มทนไม่ไหว เขาขยับสะโพกกระแทกเข้าออกอย่างรุนแรงก่อนจะคำรามลั่นเมื่อพบพานกับความสุขเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือน
เสียงหอบหายใจของคนทั้งสองดังไปทั่วห้อง กวีวัธน์กอดเธอไว้อย่างหวงแหน
เมื่อพายุตัณหาสงบลงคนตัวเล็กก็หลับไปอย่างง่ายดายไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรือเพราะง่วงกันแน่
พราวรวีรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอปรับสายตาให้เข้ากับแสงสลัวในตอนเช้า เพราะผ้าม่านบังแสงทำให้ทั้งห้องยังไม่สว่างมากนัก
สมองกำลังประมวลผลว่าเมื่อคืนเธอกลับมาที่ห้องยังไงและเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใบหน้าหวานร้อนผ่าวเมื่อคิดได้ว่าเมื่อคืนเธอขึ้นมาบนห้องนี้กับผู้ชายที่เจอกันครั้งแรก ผู้ชายที่พี่ญาดาจ้างมา
“ตื่นเช้าจัง”
เสียงกระซิบที่ข้างใบหูทำเธอต้องรีบหันกลับไปมอง
“คุณ”
เธอตกใจที่เห็นผู้ชายตัวโตไม่สวมเสื้อนอนอยู่ข้างๆ ท่อนแขนของเขาพาดมากลางตัวของเธอและรู้สึกได้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลยสักชิ้น
คนตัวโตที่ถูกปลุกให้ตื่นส่งยิ้มมาให้ก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบบนเรียวปากอิ่มอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
ร่างกายของเธอชาหนึบทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าเพราะเมาค้างหรือถูกเขามอมเมาด้วยรสจูบกันแน่ หญิงสาวจึงตอบสนองได้อย่างน่าอาย
ร่างกายไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด ยิ่งเขาขยับเข้าใกล้เธอไม่ขยับหนี หากแต่กลับขยับเข้าไปบดเบียดเขาอย่างคนขาดสติ
“จูบคุณหวานจัง ผมชักติดใจแล้วสิ”
“อื้อ ปล่อยก่อน พอแล้ว”
“ต่ออีกนิดนะครับ ผมยังไม่อิ่มเลย”
แต่ไฟปรารถนาที่เขาเป็นคนจุดขึ้นก็แผดเผาเธอจนแทบหลอมละลาย
สองมือฟอนเฟ้นเต้างามอย่างย่ามใจ ทำให้เธอแอ่นลำตัวเข้าหา ยิ่งเขาใช้ปากร้อนดูดดุนเธอก็ครางกระเส่า ร่างกายกำลังเรียกร้องบางอย่างที่มันมากกว่านั้น
กวีวัธน์คร่อมเหนือร่างคนตัวเล็กก่อนจะค่อย สอดความเป็นชายเข้าไปทีละนิด
“อื้อ เบาหน่อย”
หญิงสาวครางประท้วงแต่พอเข้าไปได้จนสุดเธอก็อยากให้เขารุนแรงขึ้นอย่างน่าอาย
บทรักรับอรุณทำให้ทั้งสองสุขไปอีกครั้ง พราวรวีเหนื่อยจนลุกไม่ขึ้น
“ผมมีประชุมเช้า แล้วเจอกันนะครับพราว” ชายหนุ่มห่มผ้าให้กับคนที่นอนหมดแรงก่อนจะจุมพิตไปยังไรผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่ออย่างแผ่วเบา
อันที่จริงเขาอยากอยู่กับเธออีกสักนิด แต่เพราะวันนี้มีประชุมสำคัญจึงต้องรีบไปอย่างเสียดาย
หญิงสาวหลับลึกไปอีกนับชั่วโมง พอตื่นมาก็รีบเข้าห้องน้ำทันที
“รอยแบบนี้สินะ” มือเรียวแตะเบาที่รอยแดงเล็กๆ บนเนินอก ร่องรอยที่ชายคนนั้นฝากไว้ไม่ได้มีแค่รอยเดียว แต่มันมีอยู่ทั้งร่างขาวของเธอจนนึกโมโห เพราะคงต้องสวมเสื้อผ้ามิดชิดไปอีกหลายวัน
ใบหน้าหวานร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคน ความรู้สึกครั้งแรกมันต่างจากที่เธอเขียนอยู่มาก ความรู้สึกราวกับกำลังลอยอยู่บนดินแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความหฤหรรษ์ ความรู้สึกที่ร่างกายถูกเติมเต็มเป็นครั้งแรก
พราวรวีพยายามนึกภาพและจดจำให้ได้มากที่สุด แต่คงเพราะความเมาทำให้บางอย่างมันดูเลือนลาง
เธอพอจะจำใบหน้าหล่อๆ ของเขาได้ ถ้าเจอที่ไหนคงต้องรีบหลบ นอกจากจะหล่อถูกใจจนเก็บเอาไปเป็นพระเอกนิยายคนต่อไปแล้ว เขาคนนั้นยังเอวดุเหมือนพระเอกคนก่อนๆ ของเธอไม่ผิดเพี้ยน
เขาทำให้เธอมีความสุขครั้งแล้วครั้งเล่าจนเธอหมดแรง ตาคู่สวยเบิกกว้าง เมื่อนึกถึงบทรักครั้งสุดท้ายตอนเช้า เขาไม่ได้สวมถุงยาง
หญิงสาวรีบวิ่งมาดูปฏิทินในโทรศัพท์แล้วก็ถอนหายใจเพราะอีกไม่เกินสองวันก็จะถึงรอบเดือนของเธอแล้ว เรื่องท้องก็ตัดทิ้งไป เหลือแค่เรื่องโรคติดต่อ ถ้าจะไปตรวจตอนนี้ก็คงไม่รู้เรื่อง ทางที่ดีควรถามเขาคนนั้นไปตรงๆ ไปเลยว่าเขาเคยตรวจเลือดบ้างหรือเปล่า
คุณอนงค์รีบเข้ามายังบริษัทหลังจากมีคนส่งข่าวว่าวันนี้กวีวัธน์เข้ามาทำงานและกำลังร่วมประชุมวางแผนสำหรับโครงการใหญ่ที่บริษัทกำลังยื่นซองประมูล“คิดถึงผมเหรอครับแม่” ชายหนุ่มทักทายมารดาที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก“ใครจะคิดถึงลูกไม่รักดีกัน”“อ้าว แล้วมาทำไมครับ”“ก็จะมาดูว่าแกมาทำงานหรือเปล่า”“วันนี้ผมมาทำงานที่นี่ก็เพราะพราวขอร้อง แต่แม่อย่าลืมขอตกลงที่ให้กับเธอนะครับ”“ทวงจริงเลยนะกลัวไม่ได้แต่งหรือยังไง”“คนที่กลัวไม่ได้แต่งคือผมครับไม่ใช่พราว”“เชอะ เบื่อพวกหลงผิด”“แม่ครับ ผมว่าแม่ยอมให้เราแต่งงานกันเถอะห้ามเราเลย ถ้าไม่อย่างนั้นผมกับพราวคง...”“จะทำอะไรอีก แม่ก็ยอมแล้วไง”“ผมไม่แน่ใจว่าแม่จะยอมจริงไหม ถ้าแม่ประกาศว่าเราสองคนจะแต่งงานกันในงานวันเกิดคุณแม่ที่จะถึงในสัปดาห์หน้าผมถึงจะเชื่อครับ”“อย่ามาบังคับแม่นะ”“ผมไม่ได้บังคับ ผมแค่อยากให้มาทำตามสัญญา วันประมูลโครงการสร้างศูนย์ราชการที่ผมเพิ่งประชุมไปเมื่อกี้คือหลังวันเกิดคุณแม่สองวันนะครับ แล้วตอนนี้ตัวเลขทั้งหมดก็อยู่ในมือผม”“นี่แกกล้าขู่แม่”“เปล่าครับ ผมแค่ทวงสัญญาเท่านั้น แม่ครับ คนที่จะแต่งงานและอยู่กับพราวคือผมนะครับ คนอื่นก
คุณอนงค์กลับมาถึงบ้านก็เด็กรับใช้ช่วยยกหนังสือทั้งหมดเขาไปในห้องหนังสือ เธอสั่งไม่ให้ใครเข้ามายุ่งระหว่างที่เธอกำลังอ่านหนังสือหญิงสูงวัยอ่านหนังสือไปได้เพียงไม่กี่หน้าก็ต้องรีบวางเพราะเนื้อหาส่วนใหญ่มันเกินกว่าที่เธอคิดไว้จากที่คิดจะเปิดใจให้กับว่าที่ลูกสะใภ้ก็ต้องเปลี่ยนใจ เธอเชื่อว่าคนที่เขียนแบบนี้ได้ก็คงผ่านประสบการณ์เรื่องแบบนั้นมาอย่างโชกโชนและด้วยเหตุผลนี้กวีวัธน์ถึงได้หลงผู้หญิงคนนี้อย่างหัวปักหัวปำเรื่องนี้คงต้องเรียกลูกชายมาคุยอีกครั้ง เธอจะไม่บังคับให้เขาแต่งงานกับณัฐณิชา แต่ก็ไม่ยอมให้แต่งงานกับพราวรวีเพราะอับอายเกินกว่าจะมีลูกสะใภ้จัดจ้านแบบนั้นกวีวัธน์พาคนรักมาทานอาหารเย็นที่บ้านของมารดาตามคำชวน วันนี้พี่ชาย พี่สะใภ้และหลานสาวทั้งสองคนไม่อยู่บ้าน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงค่อนข้างเงียบและดุอึดอัดกว่าทุกครั้งหลังทานอาหารท่านเรียกให้ทั้งสองคนเข้ามาที่ห้องหนังสือ พราวรวีมองกองหนังสือบนโต๊ะแล้วก็หน้าซีด เธอไม่คิดว่ามารดาของคนรักจะอ่านหนังสือของตัวเอง“แม่มีอะไรจะคุยกับเราเหรอครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย เพราะวันนี้ดูท่าทางมารดาของตนเองเครียดอยู่ไม่น้อย“เรื่องแต่งงาน”“ค
คำว่ารอบเดียวไม่เคยมีจริงสำหรับคู่รักที่เร่าร้อนทั้งสองคน กว่าสงครามตัณหาจะสงบก็เกือบจะเที่ยง“เราไปทานข้าวกันก่อนดีไหมครับ แล้วพี่ค่อยไปส่งพราว”“ได้ค่ะ”ทั้งสองคนมาร้านอาหารที่อยู่ระหว่างทางกลับบ้าน นั่งทานจนอิ่มขณะกำลังจะออกจากร้านชายหนุ่มก็รับโทรศัพท์จากเลขาแจ้งว่ามีเอกสารเร่งด่วนที่ต้องรีบเข้าไปเซ็น“พราวนั่งแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ พี่ไม่ต้องห่วง”“ตรงนี้แท็กซี่ไม่ค่อยผ่าน ถึงจะเรียกรถจากแอปก็คงต้องรออีกหลายนาที พี่ว่าพราวไปกับพี่ก่อนได้ไหม พอถึงบริษัทแล้วก็เอารถพี่กลับบ้านก็ได้”หญิงสาวไม่อยากให้เขาต้องกังวลจึงยอมตามไปที่บริษัทด้วย“ไหนๆ ก็มาถึงแล้วขึ้นไปข้างบนหน่อยไหม”“ไม่ดีกว่าค่ะ พี่ยังต้องทำงาน”“พี่ชักน้อยใจแล้วนะครับทำไมพราวทำเหมือนไม่อยากไปไหนกับพี่ ไม่อยากเข้ามาในโลกของพี่”“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ก็แค่ไม่อยากกวนเวลางาน”“ไม่ได้กวนอะไรเลย นะครับที่รักขึ้นไปด้วยกันนะ”แล้วเขาก็ทำให้พราวรวีใจอ่อนยอมเดินตามเขาไปในบริษัทพราวรวีเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้นเธอมาในฐานะล่าม แต่ครั้งนี้มันเปลี่ยนไปเพราะกวีวัธน์จับมือเธอไปตลอดทาง หญิงสาวจึงกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนอย่างเลี
กวีวัธน์อุ้มคนรักเข้ามาในบ้านที่มืดสนิท เขาวางเธอลงบนโซฟาเพราะตอนนี้เขาเองก็เหนื่อยจนเดินต่อไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นสองไม่ไหวรอจนเริ่มดีขึ้นก็เดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาส่งให้คนรัก ในขณะที่ร่างกายยังเปลือยเปล่าอากาศเย็นจากฝนที่ตกอย่างหนักทำให้พราวรวีเริ่มหนาว ยิ่งได้ดื่มน้ำเย็นเข้าไปเธอก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว“พี่วัธน์คะ พราวหนาว เราขึ้นข้างบนกับเธอค่ะ”“เดินไหวแน่นะครับ ให้พี่อุ้มไหม”“ไหวค่ะ”“มองเห็นไหมให้พี่เปิดไฟดีหรือเปล่า”“ไม่ต้องค่ะ” หญิงสาวรีบร้องห้ามเพราะตอนนี้เธอกับเขาต่างไม่มีเสื้อผ้าด้วยกันทั้งคู่“เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอาเสื้อคลุมมาให้พราวนอนรอตรงนี้ก่อนนะครับ”“พี่วัธน์ พราวไม่อยากอยู่คนเดียว” เธอขยับเข้าใกล้จนความนุ่มหยุ่นสัมผัสกับท่อนแขนของอีกคน“ขอโทษครับ พี่ลืมว่าพราวไม่ค่อยชอบความืด พี่มีวิธีคลายหนาว”กวีวัธน์พลิกให้พราวรวีขึ้นมานั่งบนตัก ร่างที่เปลือยเปล่าแนบชิดอีกครั้ง ท่อนเอ็นร้อนขยายตัวทีละนิดจนพราวรวีรู้สึกว่ามันกำลังดันบั้นท้ายของเธอ“พี่วัธน์ นี่ห้องรับแขก”“จะกลัวอะไรล่ะครับ บ้านของเรามีแค่เรา ในโรงรถก็เคยมาแล้ว”“พี่วัธน์จะหื่นไปถึงเมื่อไหร่”“หื่นจนกว่า
เมื่อเลือกได้แล้วว่าจะดูหนังเรื่องไหนพราวรวีก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาก็ถึงเวลาที่ต้องเข้าไปในโรงหนังพอดี“ทำไมไม่ดูโรงธรรมดาค่ะ”พราวรวีบอกคนข้างที่เลือกโรงหนังแบบวีไอพีซึ่งทีที่นั่งแบบโซฟาตัวโตที่ปรับเอนได้ถึง 180 องศาเพราะเธอคิดว่ามันสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุ“พี่อยากนั่งแบบสบายๆ นี่ครับ” กวีวัธน์รีบบอกอากาศในโรงหนังค่อนข้างเย็นพราวรวีไม่ได้เตรียมเสื้อคลุมมาด้วยจึงได้แต่นั่งกอดแขนตัวเองเพราะความหนาวกวีวัธน์เลยถอดเสื้อตัวนอกมาคลุม ให้และจับมือเธอส่งผ่านไออุ่นจนหญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเพราะเป็นหนังรักโรแมนติก พระนางของเรื่องจึงแสดงความรักต่อกันมากกว่าปกติ มือที่จับอยู่กระชับแน่นมากขึ้น เขาอยากให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไงพอบีบมือเธอแน่นขึ้นหญิงสาวก็หันมามองหน้าเขา เธอขยับเข้าใกล้ก่อนกระซิบเบาๆ“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”“พราวพี่อยากจูบ” เขากระซิบกลับ“นี่มันในโรงหนังนะคะ”“พี่รู้ แต่แถวที่เรานั่งไม่มีใครเลย ข้างหลังก็ไม่มี นะครับขอจูบนิดเดียว”“แต่ อื้ม”เสียงค้านถูกกลืนหายไปเมื่อเขาบดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว ลิ้นสอดเข้ามาหยอกล้อ พราวรวีตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจ พอจูบจนหนำใจเขาก็ป
กวีวัธน์รีบกลับมาบอกข่าวดีกับพราวรวีหลังจากที่มารดาของตนเองกลับไปได้ไม่นาน“พี่วัธน์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เพราะมันยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน“คิดถึงครับ” ชายหนุ่มนั่งลงข้างเธอที่หน้าโซฟา พิงศีรษะลงบนไหล่ แขนโอบเอวบางพลางหอมแก้มคนรักอีกฟอดใหญ่“บอกพราวมาเถอะค่ะ เรื่องคุณแม่ใช่ไหมคะ”“ครับ”“ทะเลาะกับท่านมาหรือเปล่า พราวขอโทษนะคะที่ทำให้พี่กับแม่มีปัญหากัน”“ขอโทษทำไมครับ พี่กับแม่เข้าใจกันดีแล้ว”“จริงเหรอคะ” หญิงสาวดีใจที่ได้ยินแบบนั้น“จริงสิครับ พี่ถึงรีบกลับมาบอกข่าวดีกับพราวไง”“โทรมาบอกก็ได้ไม่เห็นจะต้องเสียเวลามาเลยนี่ค่ะ”“ไม่เสียเวลาเลยพี่จะมารับพราวออกไปข้างนอกด้วยกัน”“ไปไหนคะ”“ไม่พาไปขายหรอกครับ”“รอแป๊บนะคะ พราวขอไปเปลี่ยนชุดก่อน ใส่กางเกงยีนได้ไหมคะ” เพราะไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหนเธอจึงต้องถาม อย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติคนที่จะไปเจอหรือสถานที่“แต่งตัวตามสบายครับ” กวีวัธน์มองคนรักที่เดินหายเข้าไปในห้องนอนด้วยสายตารักใคร่ เขาไม่เคยรักใครมากเท่าพราวรวีมาก่อน แม้กระทั่งพรลภัสเขาไม่ได้รับมากขนาดนี้ ชายหนุ่มแอบขอบคุณอดีตคนรักที่ทิ้งเขาไปในวันนี้ เพราะถ้าอย่างนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกับพร