"ไงคะคุณสามี ปลอบใจคนรักเสร็จแล้วหรือไงถึงโผล่หัวกลับมาบ้านได้" เรือนร่างบอบบางขาวนวลเนียนดั่งน้ำนมซุกซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่โคร่งปล่อยชายยาวลงไปคลุมท่อนขาอ่อนเอาไว้
เธอถามพลางเขย่งปลายเท้าหยิบแก้วใสบนเคาน์เตอร์ด้านบน หมุนตัวกลับมาเปิดขวดน้ำส้มรินใส่แก้ว ก่อนจะยกขึ้นกระดกเข้าปากรวดเดียวอย่างไม่มีรักษาภาพลักษณ์กุลสตรีไทย สำหรับคนอื่นอาจคิดว่า เธอเป็นคนเถรตรง ไม่นิยมปั้นน้ำเป็นตัว สร้างภาพให้ดูดี แต่สำหรับเขาที่เนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้ากลับมองว่ามันดูไร้มารยาทต่างหาก! ผู้หญิงอะไรไม่รู้จักเสเเศร้าประจบประแจงเอาเสียเลย แลดูน่ารำคาญลูกหูลูกตา! "ว่าไงคะสามี" เธอเลิกคิ้วถามอีกรอบ ทุกการเคลื่อนไหวกลับดูเย้ายวนเหมือนจงใจให้ท่า เพราะเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่โคร่งที่เธอสวมใส่อยู่ขาวบางจนมองทะลุปรุโปร่งไปถึงด้านใน ฉะนั้นยามที่ร่างอ่อนแอ้นโยกย้ายสายตาเขาดันเหลือบเห็นก้อนกลม ๆ อวบอัดคัดอยู่ด้านในกระดุมแทบปริ "ไปปลอบขวัญกันท่าไหนล่ะ ทำไมถึงได้กลับเอาป่านนี้" หญิงสาวเดินเข้าไปแนบชิด ยกฝ่ามือขึ้นลูบกรอบหน้าหล่อเหลาของสามี แล้วไล้ลากผ่านแผงอกล่ำสั่นผ่านเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมคออกสองสามเม็ด แต่กลับถูกเขาผลักไสไล่ส่ง ขยับออก คล้ายกับเธอเป็นตัวเชื้อโรคที่ต้องแสดงทีท่ารังเกียจจนออกนอกหน้าขนาดนั้น "หยุดทำตัวน่ารังเกียจแบบนี้สักทีเมริสา! รู้รึเปล่าว่าท่าทีของคุณไม่ได้น่ามองเลยสักนิด" ชายหนุ่มเอี้ยวตัวไปทางอื่น "แหม ๆ ใครมันจะน่ามองเท่าแฟนคนสวยของคุณล่ะหึ สำออยนิด สำออยหน่อย ก็มีสามีชาวบ้านรีบวิ่งแจ้นไปประคบประหงมถึงที่ เหอะ! " เมริสากรอกตามองบนด้วยความหมั่นไส้ เธอคือ เม เมริสา ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของคุณเกียรตินคร และคุณพรพรรณ วงศ์สุรสมบัติ นามสกุลเธอ ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะคุณพ่อเป็นถึงซีอีโอบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอีกมากมาย ชนิดที่ว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำงานทำการก็มีเงินผลาญเล่นไปตลอดทั้งชาติ! ชีวิตเธอสุขสบาย เรียกได้ว่า โคตรดี เรียนจบมางานการก็ไม่เคยต้องทำ เอ้อระเหยลอยชายผลาญเงินไปวัน ๆ ช้อปปิ้ง รูดบัตรเครดิต ขึ้นเหนือล่องใต้ บินข้ามประเทศไปเช้าเย็นกลับเป็นว่าเล่น รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นเธอไม่เคยพลาดสักแบรนด์ คุณพ่อคุณแม่ก็ตามใจ สปอยล์เต็มที่เพราะเกิดมาเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนแค่คนเดียว แต่แล้ว ความสุข ก็ถูกกระชากด้วยพันธะสัญญาบ้าบอ คุณพ่อคุณแม่ที่ตามใจเธอทุกอย่าง อยากได้อะไรก็ต้องหามาให้ หรือ ไม่ชอบใจสิ่งไหนก็พาไปพ้นทาง จู่ ๆ ก็ยื่นคำขาดให้เธอเข้าพิธีวิวาห์กับ ธันวา ธนาธิป ลูกชายเพื่อนสนิท เพื่อดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน ได้เกื้อหนุนผลประโยชน์ทางธุรกิจ และเป็นคำมั่นสัญญาของคุณปู่ทั้งสองตระกูลหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เธอเพิ่งออกมาลืมตาดูโลกได้แค่สามเดือน ถึงหน้าตาเขาจะหล่อเหลาเอาการ รูปร่างล่ำสั่น ตั้งแต่หัวจรดเท้าดูดีสมฐานะตระกูลใหญ่ แต่บุคลิกกลับไม่เป็นมิตร หยิ่ง วางมาด เข้าถึงยาก ซ้ำปากคอเราะราย ชอบดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามเธอผ่านสายตาคู่นั้น เธอนี่ปฏิเสธค้านหัวชนฝา คร้านจะดองกับคนพรรค์นี้ แต่หากสำเร็จปัจจุบันก็คงไม่ต้องตกอยู่ในฐานะ เมียตีทะเบียน หรอก คุณพ่อยื่นคำขาด หากเธอไม่ยินยอม ก็อย่าหวังว่าจะได้ทรัพย์สมบัติสักชิ้น!!! สุดท้ายก็ต้องเข้าพิธีวิวาห์อย่างจำใจ พ่อคนนั้นเขาหลงตัวเองคิดว่าเธอสเน่หา อยากได้ผัวใจจะขาด จึงไม่ปฏิเสธความต้องการของผู้ใหญ่ เธออยากตะโกนใส่หู แล้วบอกว่า หยุดมั่นหน้ามั่นโหนกเสียที สำหรับเมริสาแล้ว เงินเท่านั้นที่ เอเวอรี่ติง ธนบัตร อิสรภาพเธอหายไปในชั่วพริบตา ต้องมาตกล่องปล่องชิ้น จดทะเบียนปั้นหน้าสร้างภาพเป็นคู่ผัวตัวเมียที่รักกันปานจะฉีกวานดม ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเขาคุยกับเธอแทบจะนับคำได้ ซ้ำบางสัปดาห์ก็หายหน้าไปไม่บอกไม่กล่าว กลับมาอีกทีก็ทำเหมือนเธอเป็นวิญญาณไร้ตัวตน “เมริสา” ธนาธิปได้ยินเธอพูดละลาบละล้วงลามปามถึงคนรักก็รู้สึกไม่พอใจ คว้าหมับเข้าที่ข้อแขนเล็กแล้วกระชากอย่างแรงจนร่างบอบบางไถลเข้าไปชิด "คุณไม่มีสิทธิไปว่าพิญญาแบบนั้น และที่สำคัญเผื่อคุณหลงลืมไปว่า สามีชาวบ้าน ที่คุณหมายถึงคบหากับพิญญามาก่อน หากไม่มีผู้หญิงแบบคุณเข้ามา บางทีตอนนี้เราสองคนอาจแต่งงานกันไปแล้วก็ได้" ตั้งแต่แต่งงานกันมาสามเดือน นี่เป็นครั้งแรกที่สามีของเธอพูดด้วยประโยคยาวมากกว่าหนึ่งบรรทัดกับเธอ ช่างน่าอัศจรรย์ใจเสียจริง! "แล้วทำไม ผู้หญิงแบบฉัน แบบฉันมันทำไม เหอะ ยังไงเสียตอนนี้ฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณก็แล้วกัน" เมริสาโต้สวนกลับไปอย่างไม่ยอมความ "ฉันรู้ดีว่าคุณกับพิญญาคบหากันมาก่อนที่คุณจะต้องมาจำยอมแต่งงานกับฉันเพราะถูกพ่อแม่บังคับ ซึ่ง!! ฉันเองก็เช่นเดียวกัน อยากแต่งตายล่ะ ผู้ชายพรรค์นี้" "เมริสา ไม่ใช่เพราะคุณอยากแต่งงานกับผมจนตัวสั่นเหรอ ในตอนที่พ่อแม่ผมไปทาบทามสู่ขอคุณกับคุณอา คุณถึงไม่ปฏิเสธ หนำซ้ำยังยิ้มหน้าระรื่นขานรับอย่างเต็มใจเสียอีก" เขายังจำได้ไม่ลืม ตอนนั้นเขาไม่มีทางเลือกจึงต้องยินยอมให้พ่อแม่ทำตามใจ ด้วยคิดว่าอย่างไรเสียผู้หญิงเอาแต่ใจตัวเอง หัวฝรั่งคนนั้นก็ค้านหัวชนฝาปฏิเสธการคลุมถุงชนแน่ ๆ แต่แล้วทุกอย่างกลับผิดคาด เธอยิ้มหน้าระรื่นคล้ายรอคอยเวลานี้มานานแสนนาน ทั้ง ๆ ที่ความจริงเธอสามารถปฏิเสธได้ เพราะใครต่างก็รู้ ลูกสาวคุณอาเกียรตินครคนนี้ เอาแต่ใจ เชื่อมั่นในตัวเองสูง ไปร่ำเรียนถึงเมืองนอกเมืองนานิยมใช้ชีวิตแบบฟากตะวันตก ซ้ำคุณพ่อคุณแม่ยังสปอยล์ไม่เคยทำให้เธอต้องขัดใจเลยสักครั้ง เขาเชื่อว่าหากเธอไม่ยอมซะอย่าง คุณอาเกียรตินคร และคุณอาพรพรรณหรือจะกล้าขัดใจลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน เหอะ เว้นเสียแต่ว่า เธออยากมีผัวจนตัวสั่น! หน้าตาสะสวย แต่นิสัยเสียก็คงไม่มีใครอยากเอาทำเมีย! “แหมมม คุณสาคะ วอนหยุดหลงตัวเองสิบวิเน๊อะ ฉันอยากแต่งงานกับคุณตายแหละ ผู้ชายหน้าตาพรรค์นี้โคตรโหล ฉันไปเดินตลาดสำเพ็ง โยนเหรียญหัวก้อยก็ได้มายกโขยง” เมริสาเดินเข้าไปประจันหน้ายังไม่ไม่มียำเกรง “แถมข้างสารสิบกระสอบ ฉันยังต้องคิดแล้วคิดอีกเลยหากต้องมีผัวแบบคุณ” “แล้วตกลงแต่งกับผมทำไม ทำไมตอนนั้นที่คุณพ่อคุณแม่ผมไปทาบทามสู่ขอ คุณถึงไม่ปฏิเสธ” ธนาธิปเลิกคิ้วถาม พลางกระตุกยิ้มมุมปาก คำพูดของเธอคนนี้ย้อนแย้งโคตร ๆ เมริสากรอกตามองบนด้วยความเอือมระอา แม่อยากกรี๊ดดดดดด ก็หากเธอแต่ง สิ่งที่ได้มันมีมูลค่ามากกว่าข้าวสารสิบกระสอบนั่นยังไงล่ะ มากจนสามารถเลี้ยงดูเธอได้ทั้งชีวิตโดนที่ไม่ต้องกระดิกตัวทำงานให้ปวดสมอง เงินซื้ออีเมริสาไม่ได้หรอก ถ้าไม่มากพอ…ซึ่งกรณีนี้มันมากพอ เธอจึงยอมแลกกับอิสรภาพ “สาระแนเหมือนกันนะคะเนี่ย” เมริสาหลุบตามองไปทางอื่น ให้เขาหมั่นไส้เธออย่างนี่แหละสนุกจะตายไป เผลอ ๆ หากทนไม่ไหวก็คงขอหย่าขาดจากเธอเอง ซึ่งกรณีนี้เธอไม่ผิด คุณพ่อคุณแม่จะมาตำหนิเธอไม่ได้! ดีเสียอีก เธอจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับผู้ชายพรรค์นี้จนครบหนึ่งปีครึ่งตามสัญญา แผนการชั้นยอด!!! ดูสิ ว่าเขาจะสามารถทนกับผู้หญิงแบบเธอได้นานสักแค่ไหน “แล้วที่ฉันมารอคุณเนี่ย เพราะต้องการจะบอกว่า พรุ่งนี้คุณต้องไปร่วมงานวันเกิดคุณป้าจรรยาเพื่อนคุณแม่คุณที่โรงแรม รายละเอียดฉันจะแอร์ดอปให้ ช่วยแสดงบทบาทผัวเมียที่รักกันปานจะฉีกวานดมให้สมจริง เนียน ๆ อย่าโป๊ะแตกก็แล้วกัน ฉันเบื่อที่จะต้องปั้นหน้าตอบคำถามนักข่าวเต็มทีละ” พูดจบเมริสาก็เดินนวยนาดขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันทีหากอยู่กันนานกว่านี้ กูว่าเมริสาต้องเล่นหัวเขาเข้าสักวันแน่! ปากเรียกกู คุณธัน คุณธันวาทุกคำ แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ย้อนแย้งสัส ๆ “ทำไมเมื่อกี้กินแค่นิดเดียว อิ่มเหรอ” ถามคำถามนี้ปุ๊บ สายตาแปลก ๆ ของเมริสาก็เลื่อนขึ้นมามองหน้าเขา ก่อนหัวคิ้วจะขมวดย่นติดกันเล็กน้อย “ปกติคุณไม่เคยแม้แต่จะชายตาแลด้วยซ้ำ แต่นี่สังเกตด้วยว่าฉันกินนิดเดียว เอ๊ะ” แววตากรุ้มกริ่มพร้อมรอยยิ้มเลศนัยกระตุกขึ้นก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาจนปลายจมูกแทบชนกัน “เอ๊ะ หรือได้กันครั้งเดียว คุณหลงฉันแล้วเหรอไง๊” “คงงั้นมั้ง” ธนาธิปไม่ได้หลบหลีกหรือปฏิเสธอย่างที่เมลิสาคิด ในทางกลับกันเขายื่นหน้าเข้าไปซ้ำยังทำสายตากรุ้มกริ่มใส่เธออีกด้วยทำให้คนที่คิดจะกลั่นแกล้งเมื่อครูต้องรีบถอยเสียเอง “บ้า” ใบหน้าเธอแดงก่ำ หลุบความขวยเขินอย่างบอกไม่ถูก บ้าชะมัดกะว่าจะเป็นเสือไล่ตะครุบเหยื่อให้กลัวเล่นแท้ ๆ แต่ดันโดนเขาหลอกกลับเสียได้!! จะว่าไปตั้งแต่ที่ธนาธิปตาสว่างจากผู้หญิงคนนั้นเขาก็ดูสดใสไม่เก๊กครึ้มหรือทำตัวเข้าถึงยากเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ธนาธิปหัวเราะเล็กน้อยให้กับท่าทีตื่นตูมของเมริสา ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนโผงผางตรงไปต
คุณผกาวรรณเข้าไปดึงหูลูกชายตัวดีของหล่อนก่อนจะลากพามันเข้าไปด้านในสะบัดตัวให้ทิ้งลงบนโซฟานุ่มพร้อมจ้องมอง ท้าวสะเอวอย่างคาดโทษ“ตาธันแกคิดอะไรอยู่ถึงได้พาผู้หญิงคนนั้นเข้าบ้านห๊ะ! แกควรจะให้เกียรติเมียแกบ้าง! ไม่ใช่ทำอะไรประเจิดประเจิดประเจ้อขนาดนี้ โอ๊ย! อกอีแป้นจะแตก ทั้งลูก ทั้งผัวไม่ได้เรื่องสักคน!!!” มาถึงยังไม่ทันจะพูดจะจา หรือดื่มน้ำสักแก้ว ผกาวรรณก็เหวใส่ลูกชายเสียงดัง ซึ่งมันเป็นภาพธนาธิปเองก็คุ้นตาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แม่เขาเป็นคนแบบนี้แหละ แรง ๆ ตรงไปตรงมา ปากกล้า คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น ถึงได้เอาคุณพ่อที่เคยเป็นคาสโนวาตัวพ่อควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอยู่หมัดมาจนถึงทุกวันนี้ยังไงล่ะ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลด้วยมั้งที่คุณแม่ของเขา ทั้งรัก ทั้งเอ็นดู แม่หนูเมริสาอะไรนั่นหัวปักหัวปำ เพราะมีลักษณะนิสัย กิริยาท่าทางที่ละม้ายคล้ายกันละมั้งตอนอยู่อยู่กับเมลิสากูรู้สึกเหมือนอยู่กับแม่ยังไงก็ไม่รู้ อบอุ่นฉิบหาย!!! ฉิบหายแล้ว เหลือแต่อบอุ่น!“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพิญมาได้ยังไง” คราวนี้เขาพูดจริง ไม่ได้โกหกเหมือนครั้งก่อน ที่มักนัดเจอกับพิรญาแล้วบอกว่าบังเอิญเจอ แต่หนนี้เขาไม่รู้มาก่อนล
หลังจากที่พูดคุยตกลงกับธนาธิปเรื่องการสวมบทบาทการเป็นผัวเมียปลอม ๆ อีกระดับหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ปกติมันก็ไม่ได้เป็นผัวเมียกันจริง ๆ อยู่แล้ว ก็ได้กลับขึ้นมาบนห้องนอนแล้วนั่งคิดทบทวนกับตัวเองว่ารับปากไปเพื่ออะไรวะ?ตอนนี้เธอก็สุขสบายอยู่แล้วเราแค่วันที่จะได้เซ็นใบหย่าเท่านั้น เมริสาเอ้ยหาเหาใส่หัวชัด ๆ !ปิ้ง!! จู่ ๆ ข้อความจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น...เป็นแอ็กเคานต์ส่วนตัวของรติมาเพื่อนที่เป็นดาราสาวซึ่งหูตากว้างขวางอยู่ในแวดวงสังคมบันเทิงเด้งข้อความเข้ามา pv.rosese : -send photo- pv.rosese : พ่อมึงใช่ปะ หน้าคุ้น ๆ กูว่าใช่ เมริสาเองจั๊บ : มึงเจอที่ไหน pv.rosese : ภูเก็ต กูมาเที่ยวที่ภูเก็ตกับผู้แล้วบังเอิญเจอคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายพ่อมึงไม่มีผิด pv.rosese : มากับผู้หญิงว่ะ pv.rosese : พ่อกับแม่มึงมาฮันนีมูนกันที่นี่เหรอวะ โรแมนติกโคตร อีดอกกก ได้ห้องพักที่วิวดีที่สุดของโรงแรมด้วย เมริสาเองจั๊บ : กูโทรหาแม่แป๊บ ...เมริสามีลางสังหรณ์ใจแปลก เธอสันนิษฐานว่าผู้หญิงที่รติมาหมายถึงอาจจะไม่ใช่แม่ของเธอหรือเปล่าเพราะหากแม่ไปจริงๆก็คงจะโทรมาหาเธอแล้ว กริ้งง...my mom (เม ว่าไงลูก) เสี
เมื่อกลับมาจากห้องของเมริสา ชายหนุ่มเองก็สับสนไม่ต่างไปจากเธอ เขาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนนุ่มด้วยความคิดมากมายตีปนกันมั่วไปหมดภายในสมอง ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนลอยเข้ามาเป็นฉาก ๆ ยังคงวนเวียนตามหลอกหลอนไม่เลิกราเน้นย้ำว่ามันคือความจริงที่ระหว่างเขาและเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยกันยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นต่างฝ่ายต่างก็เมามายไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น เพราะสำหรับชีวิตแต่งงานของพวกเขาแล้วหนทางไปต่อมันมองไม่เห็น ไม่มี รู้เพียงแค่อีกเจ็ดเดือนข้างหน้าก็จะได้หย่าขาดเป็นอิสระจากพันธะที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตั้งขึ้นมาเขาตั้งใจว่าจะคุยกับเธอให้รู้เรื่องเสียวันนี้ แต่เธอกลับหลบหน้าไม่พูดไม่จา ...ผ่านไปประมาณสองวันหลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้นเขาก็ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้กับเมริสาอีกเลย เพราะดูเหมือนเธอจะจงใจหลบหน้า ไม่พูดไม่จาและไม่มาให้เขาพบเจอ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็กลับมานอนบ้านทุกคืน เมริสารู้ดีว่าเขาจะกลับจากทำงานช่วงประมาณหกโมงเย็นและเข้านอนไม่เกินสี่ทุ่มเธอจึงเล่นกลับเอาเที่ยงคืนเพื่อเลี่ยงที่จะไม่ได้เจอะเจอหน้ากัน "เม" แต่คราวนี้เขาซัด
แสงแดดสีทองสดใสยามรุ่งอรุณสาดส่องกระทบกระจกบานใหญ่ทะลุเข้ามาด้านใน ตกลงบริเวณปลายเตียงนุ่มโดนเท้าเล็ก ๆ ที่โผล่พ้นผ้านวมผืนใหญ่ออกมาได้รับความร้อนระอุจนต้องรีบขดกลับขึ้นไป แล้วขยุกขยิกตัวไปมาเล็กน้อย แต่ก็พริ้มตาหลับตาเพราะอาการหนักอึ้งจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงหน่วงอยู่ในศีรษะบวกกับอาการเหนื่อยล้าด้วยกิจกรรมรักอันเร่าร้อนที่เพิ่งจบลงเมื่อตอนตีสามกว่าฝ่ามือนุ่มนิ่มของเมริสาพาดขึ้นมาวางบนหน้าท้องที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อลอนเรียงมัดเป็นกลม ก้อนใหญ่ราวกับขนมปัง ใบหน้านอนซบอยู่บนอกอกแกร่งกำยำ มีผ้านวมสีขาวผืนหนาปกปิดเรือนร่างเปลือยเปล่าเอาไว้ไม่ให้ดูอนาจารจนเกินไป ถึงแม้เมื่อคืนมันจะผ่านการสัมผัสจากริมฝีปากหยักมาแล้วทุกจุดก็ตาม..."อื้อ..." ส่วนธนาธิป นอนหงาย ส่งแขนแกร่งข้างหนึ่งโอบรอบร่างบางเอาไว้อย่างรักใคร่ พริ้มตาหลับเข้าสู่ภวังค์นิทราเพราะความเหนื่อยล้าเต็มที เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยรอยคิสมาร์กที่อีกฝ่ายทำเอาไว้มากมาย"ฮือ..." เมื่อเริ่มรู้สึกตัว หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันโดยอัติโนมัติเพราะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาดไปจากทุก ๆ วัน ทำไมวันนี้หมอนในห้องเธอถึงได้แข็งโป๊ก! ท
อ้าว! คราวนี้แม่งหลอกด่ากูจริง ๆ ไอ้สัส คือกูสามารถโกรธคนเมาได้ไหมวะ? "เอ้าา โช้นนนนนนน" เมริสาชูแก้วไวน์ขึ้นแล้วเลื่อนลงมากระดกเข้าปาก "กินดิ คออ่อนเหรองายยย ห๊า" ธนาธิปยินคำสบประมาทเช่นนั้นก็ยอมความไม่ได้ ยกแก้วไวน์ของตนขึ้นมากระดกเข้าปากแข่งกับเมริสาจนผ่านไปขวดที่เท่าไรต่อเท่าไรแล้วก็ไม่รู้...รู้สึกตัวอีกทีตอนที่ศีรษะมันหนักอึ้ง ดวงตาพร่ามัว เดินโซซัดโซเซคล้ายกับบ้านหมุน ส่วนเมริสาเองก็ไม่ได้ต่างกัน เผลอ ๆ อาการหนักกว่าเขาด้วยซ้ำ "เม ลุกขึ้นไปนอนบนห้องดิ้" "อื้อ! เสือกรายยยอะ" เมริสาที่กำลังนอนฟุบอยู่บนอกแกร่งกำยำของธนาธิปแหงนหน้าขึ้นไปสบถถ้อยคำหยาบโดนใส่หน้าเขา "เมมม ปายยยนอนดีดี ดิ้" ธนาธิปดึงแขนเรียวยาวของเมริสาขึ้นมาพาดบ่า ก่อนจะพากันเดินโซซัดโซเซขึ้นไปชั้นบนของบ้าน "อยากจะเมาห๊ายยลืมเธอ ลืมความรักที่แสนห่วย วู้วววว ความร๊ากกกกก" เมริสาแหกปากร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีตลอดทาง เขาก็ต้องรับภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงแบกร่างของเธอขึ้นไปจนถึงด้านบนให้จนได้! ภาระกูชัด ๆ ! เขาหลอกด่าอยู่ในใจโดยไม่ได้ออกเสียงออกมา ไม่เช่นนั้นเมริสาที่กำลังอยู่ในสภาพเมามายหัวราน้ำแบบนี้คงตบหัวเขาเข้าสักผ
เอาจริง ตอนนี้เขาไม่รู้จะอึ้งกับอะไรก่อนดี ระหว่างมุมมองแปลกใหม่ในตัวเมริสาที่เขาไม่เคยได้สัมผัส เช่น การสบถถ้อยคำหยาบโลนออกมา หรือ เรื่องราวในอดีตที่เธอเคยพบเจอมา… เขาเคยคิดว่าชีวิตตัวเองโคตรเพอร์เฟ็กต์ที่สุด แต่พอได้มาทำความรู้สึกกับเมริสาเธอกลับเลยในสิ่งที่เขามี เขาเป็นขึ้นไปในอีกระดับหนึ่งที่เขาหรือแม้กระทั่งคนอื่น ๆ ก็คงถีบตัวเองขึ้นไปถึงจุดนั้นได้ยาก…เมริสาเรียนจบจากต่างประเทศด้วยปริญญาสองใบ มีคุณพ่อคุณแม่ที่ทั้งรัก ทั้งเข้าใจ หวงแหวน และตามใจเธอทุกอย่าง ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะยากเย็นแค่ไหนพวกเขาก็พร้อมซัพพอร์ตหากเป็นความต้องการของลูกสาว ทรัพย์สินเงินทองไม่ต้องพูดถึง ตระกูลนั้นร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ลำพังเพียงหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่ถืออยู่ของบริษัทดังระดับโลกซึ่งตั้งอยู่ ณ ประเทศอังกฤษก็เฉลี่ยเดือนละหลายร้อยล้าน และที่สำคัญเธอไม่ต้องทำการทำการอะไรสักอย่าง ลอยชายช็อปปิ้งไปวัน ๆลูกคุณหนูสัส ๆ แต่เขาเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าอดีตเธอโคตรแย่ เจอกับความสัมพันธ์เหี้ย ๆ เหตุผลในการบอกเลิกแบบคนเห็นแก่ตัว จนกระทั่งคิดจะฆ่าตัวตาย หากในวันนั้นคุณอาทั้งสองขึ้นไปไม่ทัน ก็คงไม่มีเมริสามานั่ง
ปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่าจะเจ็บแค่ครั้งนี้ ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายจะไม่เสียเวลากับผู้หญิงพรรค์นั้นอีก... ไอ้เรื่องโกหกนอกใจมันไม่ควรมีอยู่แล้วในชีวิตคู่ แต่นี่ถึงขั้นนอกกาย เขาแม่งโคตรรับไม่ได้และที่สำคัญพิรญาไม่ได้นอกกายเขาด้วยการไปนอนกับผู้ชายแค่คนเดียวแต่เป็นผู้ชายมากหน้าหลายตาไม่ซ้ำราย ยิ่งกว่านั้นหนึ่งในชู้รักคือเพื่อนสนิทของเขา...พอกันที! ชายหนุ่มสูดลมเข้าปอดลึก ๆ แม้ในใจจะยังรู้สึกเจ็บกับความผิดหวังที่เพิ่งไปเจอมาไม่หาย เพราะบาดแผลมันยังสดและคงจะใช้เวลาสักพักกว่าจะหายดี อาจเป็นเดือน เป็นปี ไม่สามารถคาดเดาได้ บางทีอาจมีใครสักคนที่เข้ามาทำให้แผลเขาสมานเร็วกว่าเดิมก็ได้ ธนาธิปนั่งกินข้าวต้มกุ้งที่เมริสาซื้อให้จนหมดเกลี้ยง ก่อนจะขึ้นไปบนห้องนอนเพื่ออาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดการเก็บพวกรูปภาพรวมถึงสิ่งของต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพิรญาเก็บใส่ในกล่องจนหมดก่อนจะเดินกลับลงด้านล่าง "เฟื่อง เอากล่องนี้ไปเผาทิ้งอย่าให้เหลือซาก" ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจจากผู้หญิงแบบนั้นก็จงตัดให้ขาดอย่าให้เหลือแม้แต่ความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน..."ค่ะคุณธัน" เฟื่องไม่ได้ละลาบละล้วงเรื่องของเจ้านายจนเกินหน
ส่วนภาพที่เหลือก็เป็นภาพของพิรญาที่กำลังนัวเนียกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าเลยสักรูปเดียว วินาทีนั้นหยาดน้ำอุ่นคล่อหน่วยจนทัศนวิสัยพร่ามัวแล้วค่อย ๆ เอ่อทะลักพร่างพรูออกมาอาบสองพวงแก้มอย่างยากเกินกว่าจะกัดฟันขมกลั้นเอาไว้ไหว หมดสิ้นแล้ว...เขารู้สึกเหมือนแม่ง ไม่เหลืออะไรสักอย่างไม่มีแรงแม้กระทั่งพิมพ์ข้อความถามออกไปด้วยซ้ำว่าเจ้าของแอ็กเคานต์มีจุดประสงค์อะไร ตอนนี้ร่างกายเขามันอ่อนล้าหมดเรี่ยวแรงแม้แต่หายใจยังโรยริน...ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกคอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ฝืนทนกล้ำกลืนรับเอาความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายยัดเยียดให้ไม่ไหวเพราะมันรุนแรงทรมานเหลือเกินราวกับถูกควักหัวใจออกมาบีบเล่นให้แหลกละเอียดคามือ เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลยว่าชีวิตรักของผู้ชายที่โคตรเพอร์เฟคทั้งหน้าตา รูปร่าง ฐานะ ครอบครัว หน้าที่การงาน อย่างเขาจะต้องเจอกับเหตุการณ์โคตรผิดหวังแบบนี้ ที่ผ่านมาเขาทั้งรัก ทั้งไว้เนื้อเชื่อใจและทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนนั้น แต่ท้ายสุดแล้วกลับต้องมารู้ความจริงว่าเธอตอบแทนเขาด้วยการโกหกหลอกลวงและหักหลังแทงข้างหลังเขาอย่างเลือดเย็น ประโยคที่ว่า 'กูคบกับมันเพราะกูต้องการให้ตัวเองสุขสบายเนาะ