ทางด้านของน่านฟ้าที่มาถึงฟร์ามสเตย์ตั้งแต่เมื่อวานเช้านี้หญิงสาวและเพื่อนๆจึงพากันตื่นเช้าเพื่อมาชมคนงานเก็บองุ่นหลังจากที่หญิงสาวเที่ยวชมจนอิ่มอกอิ่มใจเธอก็เดินเลี่ยงออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆโดนเดินตามเส้นทางไปเรื่อยๆจนกระทั่งเดินไปถึงบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่งแล้วหยุดนิ่งยืนคิดถึงใครบางคน
"ฮะแฮ่ม" ด้วยความตกใจน่านฟ้ารีบหันกลับมาด้านหลังก็พอว่ามีใครบางคนที่กำลังยืนกอดอกและมองมาที่เธออย่างเอาเรื่อง ด้วยความตกใจบวกกับการทำอะไรไม่ถูกหญิงสาวคิดได้อย่างเดียวว่าเขาจะหาว่าเธอเป็นขโมยหรือเปล่าก่อนจะเอ่ยขอโทษออกไป "เอ่อ....ขอโทษค่ะ คือ..พอดีฉันเอ่อ..." "กำลังจะไปไหนเหรอครับ" วายุภักษ์เอ่ยถามหญิงด้วยน้ำเสียงที่เรียบและบอกไม่ถูกว่าตัวเองมีความรู้สึกอย่างไรที่ได้พูดคุยกับหญิงสาวคนนี้ตามลำพัง "เอ่อ....คือ" น่านฟ้ารู้สึกกระอึกกระอ่วนไม่รู้จะตอบออกไปแบบไหนดีและอีกอย่างหญิงสาวก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะมาเจอกับใครในเวลานี้สิ่งเดียวที่คิดได้ในตอนนี้คือ "คือฉันปวดท้องหนักมากและก็อยากจะเข้าห้องเลยเดินมามาแถวนี้เพื่อที่จะขอเข้าห้องน้ำ" เมื่อพูดจบน่านฟ้ายกมือขึ้นกุมท้องตัวเองเพื่อที่จะให้กับสมบทบาทกับที่เธอบอกไป เฮ้อจะให้เธอบอกไปตรงๆได้ไงละว่ามาตามหาพี่ชายใจดีคนนั้นเมื่อตอนประมาณสิบห้าปีที่แล้วมีหวังโดนหาว่าสร้างเรื่องขึ้นมาแน่ๆคิดถึงก็ไม่กล้าแล้ว "งั้นเชิญครับห้องน้ำอยู่ทางโน้น" "ค่ะ ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวเดินตามหลังวายุภักษ์เพื่อที่จะเข้าห้องน้ำตามที่บอกกับเขาไปตั้งแต่ตอนแรกแม้ในความเป็นจริงแล้วเธอจะไม่ได้มีความรู้สึกว่าตัวเองปวดท้องก็เถอะ "เฮ้อเกือบไปไหมล่ะยัยฟ้า" หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่จะว่าไปผู้ชายคนนี้เขาคือใครกันนะ เขาจะใช่พี่ชายใจดีคนนั้นหรือเปล่าแต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงงั้นพี่ลมก็อยู่ใกล้เธอแค่นี้เองสินะ หญิงสาวต้องหยุดความคิดไว้เพียงแค่นั้นก่อนที่จะพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำดังที่ขอไว้ในตอนแรก หลังจากที่น่านฟ้าเดินเข้าไปห้องน้ำไปได้ไม่นานโทรศัพท์มือถือของวายุภักษ์ก็ดังขึ้น "วาไงวะภาค" "ฉันแค่จะโทรมาบอกแกว่าข้อมูลทุกอย่างของน้องสาวน่านน้ำฉันได้ส่งเข้าเมลแกเรียบร้อยแล้ว" "อืม ขอบใจแกมาก" หลังจากวางสายจากภาคภูมิเป็นที่เรียบร้อยวายุภักษ์ก็เลิกสนใจน่านฟ้าและพาตัวเองเดินขึ้นไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นสองทันที และเปิดดูข้อมูลในเมลที่ได้รับจากภาคภาคภูมิทั้นทีรอแค่เพียงอึดใจเดียวรายละเอียดต่างๆของลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลอัครเสนารักษ์ก็อยู่ตรงหน้า น่านฟ้า อัครเสนารักษ์ อายุ 21-22 ปี ลูกสาวคนเล็กของมานพ อัครเสนารักษ์ จบปริญญาตรีด้านการตลาดด้วยเกียรติอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในย่านกรุงเทพฯแต่สิ่งที่ทำให้วายุภักษ์แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองก็คือสาวน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มที่เขาเพิ่งจะเจอเมื่อกี้อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้แต่เดี๋ยวก่อนนะทำไมชื่อของเธอถึงฟังแล้วมันคุ้นหูนักละอย่าบอกนะว่าเธอคือคนๆเดียวกันกับคนที่เขาเฝ้ารอมาถึงสิบห้าปี "น่านฟ้า" แต่....ไม่มั่งมันคงจะไม่บังเอิญอะไรขนาดนั้นหรอกอาจจะเป็นแค่คนที่ชื่อเหมือนกันก็ได้เพราะคนสมัยนี้ชื่อซ้ำกันก็มีเยอะไม่มีทางที่เธอคนนั้นจะเป็นเด็กน้อยเจ้าของผ้าเช็ดหน้าผื่นนั้นหรอก ชายหนุ่มคิดแบบนั้นเพื่อปลอบใจตัวเองขึ้นมา วายุภักษ์รีบสลัดความคิดเรื่องชื่อของออกไปก่อนจะหันมามองรูปในหน้าจอคอมที่เขาเปิดค้างเอาไว้หญิงสาวในภาพนี้กับคนที่มาขอเข้าห้องน้ำในบ้านของเขาทำไมหน้าตาเหมือนกันยังกับแกะ หรือว่าจะเป็นคนคนเดียวกันเมื่อคิดได้แบบนั้นชายหนุ่มก็รีบปิดหน้าจอคอมก่อนที่จะรีบสาวเท้าลงไปด้านล่างทันที ส่วนทางด้านของน่านฟ้าหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ เธอเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเธอดีใจแค่ไหนที่ได้เจอพี่ชายที่ใจดีคนนั้นอีกครั้ง เขาจะจำเธอได้ไหมนะหญิงสาวเองก็ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไรหรอกว่าเป็นวายุภักษ์จริงๆหรือไม่แต่พอเธอได้เดินสำรวจไปเรื่อยๆมันยิ่งทำให้เธอยิ่งมั่นใจว่าเขาคือพี่ชายที่ใจดีคนนั้น และยิ่งได้เห็นรูปที่วางอยู่มันยิ่งตอกย้ำความชัดเจนขึ้นไปอีกว่ามันใช่หญิงสาวยังจำรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นและสายตาที่ดูเป็นห่วงของคู่นั้นได้เสมอ "ทำอะไร!!!!!!" เสียงที่ดังมาจากข้างหลังมันดังพอที่จะทำให้หญิงสาวตกใจสะดุ้งและรีบวางรูปนั้นลงไว้ที่เดิมก่อนจะหันมามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างรู้สึกผิด "ผมถามว่าคุณคิดจะทำอะไรทำไมไม่ตอบ!!!!" "เอ่อ...ฉันเห็นว่ารูปมันดูอบอุ่นฉันเลยหยิบมันขึ้นมาดูก็เท่านั้นคะ" "เท่านั้นเหรออ!!!!คุณหยิบมันขึ้นมาดูโดยที่คุณยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านนี้นะ!!!ที่บ้านไม่ได้สอนเรื่องมารยาทเลยว่างั้น??" เอ๊ะผู้ชายอะไรใจร้ายจังทำไมต้องทำเสียงดุใส่ด้วยแล้วยังจะมาพูดจาร้ายๆแบบนี้อีกเธอรู้สึกไม่ชอบใจกับคำพูดของคนตรงหน้านักหากเป็นแบบนี้เขาคงไม่ใช่คนเดียวกับพี่ชายใจดีที่เคยช่วยเธอไว้หรอกเมื่อคิดได้แบบนั้นหญิงสาวจึงตอบกลับไปด้วยความไม่พอใจ "เอ๊ะนี้คุณอย่ามาลามปามถึงคนที่บ้านฉันนะฉันผิดฉันขอโทษแต่คนที่บ้านเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยทำไมต้องเอามาเกี่ยวกันด้วย" "ทำไมจะว่าไม่ได้ละ ในเมื่อสิ่งที่ผมพูดมันคือเรื่องจริง" "คุณ!"หญิงสาวมันมามองเขาด้วยสายตาเขียวปัด "ครับ คุณน่านฟ้า อัครเสนารักษ์" "นายรู้ชื่อฉันได้ไง" "ทำไม ผมรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณและครอบครัวของคุณ" "รู้อะไร?!" "ก็รู้ว่าพ่อและพี่ชายสุดที่รักของเธอทำอะไรเลวๆไว้บ้างไง" น่านฟ้านิ่งไปด้วยความตกใจเดี๋ยวนะไอ้ที่ว่าเลวๆเนี้ยมันคืออะไรแล้วพ่อกับพี่น้ำมาเกี่ยวอะไรด้วย "นายกำลังพูดเรื่องอะไร" "ก็เรื่องของพ่อและพี่ชายเลวๆของคุณไง" "ไม่จริง คุณโกหก คุณไม่เคยรู้จักพวกเขาเสียด้วยซ้ำแล้วพวกเขาจะมาทำร้ายคุณได้อย่างไร" "ทำไมผมจะไม่รู้จัก พี่ชายคุณชื่อน่านน้ำ อัครเสนารักษ์" ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับหันหน้ามาหญิงสาวด้วยอารมณ์ที่พร้อมจะแผดเผาทุกคนที่ขวางหน้า "ใช่พี่ชายฉัน แต่พี่ชายฉันไม่น่าจะไปอะไรคุณได้นะ" "ใช่คนอย่างพี่ชายคุณไม่สามารถทำอะไรผมได้หรอกแต่มันทำร้ายน้องสาวบองผมด้วยการทำเธอท้องแล้วไม่รับผิดชอบส่วนพ่อของเธอก็ปกป้องลูกชายซะจนไม่รู้ถูกรู้ผิด" "ไม่จริง ฉันไม่มีวันเชื่อว่าพี่น่านน้ำเป็นคนทำคุณมันโกหก" หญิงสาวตอบกลับอย่างเหลืออด "หึๆ ถ้าๆคุณไม่เชื่อก็กลับไปถามพี่ชายสุดที่รักของคุณดีๆสิว่ามันรู้จักผู้หญิงที่ชื่อ แพรวา หรือเปล่า อ่อแล้วถ้ามันปฏิเสธว่าไม่รู้จักเดี๋ยวผมคนนี้แหละจะทำให้มันนึกออกเอง ให้น้องสาวของมันท้องแบบไม่มีพ่อแบบเธอไง" วายุภักษ์พูดพร้อมบีบไหล่มนของหญิงจนแน่นและใช้สายตาที่แบบโลมเลียอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน เรื่องแบบนี้เขาจะใจอ่อนไม่ได้ "ปล่อยนะ บอกให้ปล่อยไงฉันเจ็บนะ" น่านฟ้าพยายามสลัดออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มแต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ผล ยิ่งหญิงสาวพยายามสลัดมากเท่าไรก็ยิ่งดูเหมือนมันจะไม่เป็นผลนัก "นี้ฉันบอกว่าเจ็บไง ปล่อยได้แล้ว" "เจ็บเหรอแค่นี้มันไม่เจ็บหรอก มันต้องทำมากกว่านี่ถึงจะเรียกเจ็บ" วายุภักษ์ก้มหน้าลงมาชิดกับใบหน้าอันจิ้มลิ้มของหญิงสาวอย่างตั้งใจก่อนที่จมูกโด่งของเขาไปสัมผัสกับจมูกรั้นของเธอ "คุณคิดจะทำอะไร!!!!!!!" หญิงสาวถามออกมาอย่างหวั่นๆด้วยความตกใจกับสีหน้าและแววตาดุดันที่ดูน่ากลัว วายุภักษ์หัวเราะเย้ยหยันในลำคอก่อนที่จะบีบข้อมือเล็กแบบชิดกับผนังทั้งสองข้างและใช้ตัวเองทับบล็อกตัวเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา "แล้วคุณคิดว่าผมจะทำอะไรคุณละ คุณน่านฟ้า" "ไม่...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ" "ปล่อยนะผมปล่อยแน่ แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้" "คุณหมายความว่ายังไง" ในตอนนี้เธอยอมรับว่าเธอกลัวชายหนุ่มตรงหน้ามากเพราะสีหน้าและแววตามันคาดเดาได้ยากว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ "คุณคิดว่าอะไรละ ที่มันสามารถทำให้น้องสาวผมท้องได้"ทางด้าน ของมานพ ตอนนี่เขาตามจับคนร้ายที่ยิงน่านฟ้าได้แล้ว และมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหนมันคือคู่แข่งทางธุรกิจของเขานั้นเองในตอนแรกมันกะจะยิงวายุภักษ์แล้วจะโยนความผิดทุกอย่างให้ มานพ แต่มันดันพลาดตรงที่น่านฟ้าลูกสาวของเขาเอาตัวเองไปเป็นโล่กำบังให้กับวายุภักษ์แต่มันก็สะใจดีในเมื่อเล่นงานคนเป็นพ่อไม่ได้ก็เล่นงานลูกสาวมันแทนก็แล้วกันเลยทำให้ผลออกมาเป็นตามที่เห็น แต่มันคงไม่รู้ว่ามันเล่นผิดคนซะแล้วเพราะวายุภักษ์เองก็ใช่คนธรรมดาที่ไหนเขาคือซาตานดีๆ นี้เองในเมื่อมันกล้าทำกันคนที่เขารักขนาดนี้งั้นมันก็ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกในนี้แล้ว และในตอนนี้คู่แข่งทางธุรกิจของ มานพ ก็ได้หายสาบสูญไปจากโลกนี้อย่างไร้ร่องรอยโดยเหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาก่อนณ โรงพยาบาลเช้าวันรุ่งขึ้นรัชชานนท์มาเยี่ยมน่านฟ้าในขณะที่ชายหนุ่มยกมือขึ้นจะเคาะประตูก็มีเสียงดังลอดออกมาก่อนเสียงที่ดังออกมาจากในห้องนั้นทำให้เขาต้องหยุดชะงัก ร่างบางที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงเริ่มมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย เปลือกตาค่อยๆ กะพริบตาปริบๆ ขึ้นลงเพื่อค่อยปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงหญิงไล่สายตาไปรอบๆ ก่อนจะมาสะดุดกับร่างหนาก็ใครบางคนที
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าพูดเท่าไรก็คงไม่ยอมแน่ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปอุ้มหญิงสาวออกจากเตียงก่อนจะพาเดินออกไปจากห้อง น่านฟ้าพยายามดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของวายุภักษ์แต่ไม่ว่าเธอพยายามดิ้นแค่ไหนก็ไม่สำเร็จ จนวายุภักษ์ต้องพูด ออกมาด้วยน้ำเสียงดุๆ''หากคุณไม่กลัวตกบันไดก็ดิ้นต่อไป''หลังจากที่วายุภักษ์พูดจบน่านฟ้าก็ไม่ดิ้นอีกเลย อีกอย่างเธอกลัวว่าลูกในท้องจะเป็นอัตรายด้วยหากเธอตกลงไปชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวมาถึงรถก่อนจะวางลง''ทำไมถึงไม่อยากไปหาหมอ'' วายุภักษ์ถามออกมาอย่างใจเย็น''ก็ฉันไม่ได้เป็นอะไร อ่อ...ถ้าคิดว่าฉันท้องละก็เสียใจด้วยนะคะเพราะว่าวันไม่มีวันที่จะเป็นความจริง''หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียสั่นๆตอนนี้น้ำตาเธอเริ่มไหลออกมาอีกแล้ว''อื่อ! อื่อ! อื่อ!''mเสียงสะอื้นที่ดังออกมาจากคนตัวเล็กทำให้หัวใจของวายุภักษ์เจ็บปวดยิ่งนัก''น้องฟ้าครับพี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง พี่ยอมรับผิด" ชายหนุ่มก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอยิ่งนัก ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขารักผู้หญิงตรงหน้ามากแค่ไหนเขาไม่อยากเสียเธอไปอีกแล้ว''อื่อ! อื่อ! อื่อ!"ยังคงมีแต่เสียงสะอื้นที่ตอบกลับมาเป็นระยะๆ"น้องฟ้าครับพี่ขอโอกาสอีกครั้งได้ไหมคร
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่น่านน้ำและแพรวาปรับความเข้าใจกันเรียบร้อย พ่อและแม่ของแพรวาต่างก็ยอมรับในตัวของลูกเขยคนนี้แต่กว่าจะยอมรับน่านน้ำใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองอยู่เกือบเดือน ทุกอย่างดูเหมือนจะลงเอ่ยด้วยดีณ โรงพยาบาลxxx น่านฟ้าที่รู้สึกว่าตัวเองจะไม่สบายและมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ พะอืดพะอม เป็นๆหายๆมาสักพักแล้วทานยาก็ไม่หายแถมช่วงนี้เธอยังง่วงนอนบ่อยด้วยหญิงสาวเลยตัดสินใจพาตัวเองมาหาหมอ"เชิญคุณเนตรนภา อัครเสนารักษ์ ที่ห้องตรวจเบอร์ 2 ค่ะ""จากที่หมอดูอาการเบื้องต้นหมอคิดว่าหมอพอจะทราบแล้วว่าคุณเป็นอะไรมาแต่เพื่อความแน่ใจหมอขอตรวจปัสสาวะและเลือดเพิ่มเติมหน่อยนะคะ""ได้ค่ะ"หลังจากที่เจาะเลือดและเก็บตัวอย่างปัสสาวะเสร็จหญิงสาวก็ลงไปนั่งรอผลเลือดร้านคาเฟ่ข้างๆโรงพยาบาลเพราะมันต้องใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงผลเลือดถึงจะออกหญิงสาวจึงสั่งเค้กและน้ำผลไม้ปั่นมาทานเพื่อฆ่าเวลา ณ ห้องตรวจ"คุณเนตรนภา เชิญนั่งค่ะ""คุณค่ะ""ผลตรวจออกมาแล้วนะคะ""ค่ะ""หมอยินดีด้วยนะคะตอนนี้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้สองสัปดาห์แล้วค่ะ""ท....ท้อง!""คะ ต่อไปคุณแม่ทำอะไรต้องระวังตัวด้วยนะคะ ห้ามยกของหนัก พยายามอย่างใส่รองเท้า
หลังจากที่นั่งดื่มกันได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือของรัชชานนท์ดังขึ้นเมื่อหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์แปลกๆชายหนุ่มปิดเสียงแล้ววางลงไว้ที่เดิมบนโต๊ะ"พี่นนท์ทำไมไม่รับสายละคะ""เบอร์แปลกครับพี่เลยไม่รับเพราะนี่มันเป็นเวลาส่วนตัวของพี่ครับ""อ่อ...ค่ะ"ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของรัชชานนท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ"พี่นนท์รับสายก่อนก็ได้ค่ะคนที่โทรมาเขาอาจมีธุระอะไรสำคัญก็ได้""ครับงั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวออกรับไปโทรศัพท์ก่อนนะครับน้องฟ้าห้ามลุกไปไหนคนเดียวนะครับ"หลังจากที่รัชชานนท์ไปรับโทรศัพท์ได้ไม่นานน่านฟ้าก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำทางด้านฝั่งของรัชชานนท์หลังจากที่คุยโทรศัพท์เป็นที่เรียบร้อยชายหนุ่มจึงรีบเดินกลับเข้ามาที่โต๊ะเมื่อไม่เห็นคนตัวเล็กเขาก็ยกหูโทรศัพท์เพื่อจะโทรแต่พนักงานของทางร้านก็เดินมาแจ้งว่าหญิงสาวที่มาด้วยตอนนี้กำลังเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับก่อนจะหันสายตาไปมองโต๊ะข้างๆเลยทำให้เห็นว่าตอนนี้วายุภักษ์ก็ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะ ชายหนุ่มจึงเกิดความรู้สึกเป็นห่วงน่านฟ้าขึ้นมาทันทีในขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้น น่านฟ้าก็เดินกลับมาพอดีแต่สีหน้าของเธอในตอนนี้มันไม่ค่อยดีนัก"พี่นนท์คะเรากลับบ้านกันเถอ
ณ ไร่วายุภักษ์เช้านี้บรรยากาศภายในไร่ ท้องฟ้าสดใสแสงแดดยามเช้าตรู่ค่อยๆ สากกระทบเข้ากับต้นองุ่นนาๆชนิดเสียงร้องของนกยามเช้าร้องกระซิบไปมาทำให้ร่างของใครบางคนที่กำลังหลับไหลต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องของนาฬิกาในเครื่องมือสือสารค่อยๆ ดังขึ้นชายหนุ่มจึงใช้มือควานหาเพื่อจะปิดมัน แล้วนอนต่ออีกหน่อยเพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปเกือบสว่างแล้ว สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะเขาคิดถึงสาวน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มผู้เป็นเจ้าของผ้าเช็ดหน้าที่เขากำลังนอนกอดอยู่ เมื่อวานชายหนุ่มตั้งใจที่จะนอนที่โฮมสเตย์แต่เขานอนไม่หลับเพราะทุกๆ คืนที่ผ่านมาชายหนุ่มมักจะมานั้งดื่มเหล้ากับน้าชาติและคนงานจนเมาแล้วก็หลับไปแต่เมื่อคืนน้าชาติไม่อยู่คนงานก็ลากลับบ้านทำให้ชายหนุ่มเจ้าของไร่ไม่คนนั้งดื่มเหล้าด้วยครั้งจะโทรหาภาคภูมิมันก็เกรงใจ อีกอย่างมันก็ดึกมากแล้วเขาเลยต้องข่มตานอนให้หลับแต่ให้ตายเถอะพยายามข่มตาให้หลับแค่ไหนมันก็ไม่ยอมหลับจนกระทั่งสุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็ต้องขับรถกลับมาบ้านท้ายไร่เพื่อมาเปิดกล่องแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา กอดเพียงแค่นั้นแหละเขาก็หลับมาจนถึงตอนนี้ในเวลาต่อมาเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นก่อ
เวลาต่อมาหลังจากที่น่านน้ำพาน่านฟ้าไปส่งที่ห้องและชายหนุ่มก็ฝากให้แก้วเป็นคนดูแลต่อก่อนที่เขาจะเดินไปคุยกับพ่อในห้องทำงาน“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น“ผมเองครับพ่อ”“อืม”ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปแล้วไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้เป็นพ่อก่อนที่ถามคำถามที่มันค้างคาใจเขามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” พ่อครับ ทำไมพ่อทำแบบนั้นครับ “ชายหนุ่มพยายามบังคับน้ำเสียงที่เปล่งออกไปนั้นไม่ให้สั่นทั้งที่ตอนนี้หัวใจของเขามันเจ็บจนไม่มีเหลือชิ้นดีแล้ว” ทำอะไร “คนเป็นพ่อถามออกมาทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าลูกชายหมายถึงอะไร” พ่อทำแบบนั้นกับเมียและลูกของผมได้อย่างไร! “ชายหนุ่มถามออกมาอย่างเหลืออด” ฉันยังไม่ได้ทำอะไร อีกอย่างที่ฉันทำตั้งหมดก็เพื่อตัวแกเองทั้งนั้น “มานพบอกลูกชายอย่างไม่เดือดร้อน” แต่นั้นมันลูกเป็นผมละครับ “” ลูกแกแล้วทำไมในเมื่อผู้หญิงคนนั้นมันง่ายเองและอีกอย่างมันอาจจะเป็นแผนที่นางนั้นมันคิดจะจับแกก็ได้ “ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังในตัวคนเป็นพ่อมาก“ผมจะบอกกับพ่อเป็นครับสุดท้ายว่าแพรวาคือผู้หญิงที่ผมรักและอยากสร้างครอบครัวด้วย เพราะฉะนั้นพ่อเลิกจับคู่ผมกับหลานสาวคุณป้ากันยาได้เพราะมันไ