สวนดอกไม้มีพระสงฆ์วัยกลางคนรูปหนึ่งยืนรออยู่ “ท่านคุรุ” ดอกเตอร์ธีระตรงเข้าไปยกมือพนมไหว้และค้อมศีรษะ ธีราและจามิลเดินไปยกมือไหว้ตามอย่างดอกเตอร์ธีระ คุรุกันปะพยักหน้าก่อนเอ่ยถาม “เตรียมตัวพร้อมหรือยัง?” “พร้อมครับ” จามิลเป็นคนตอบ “ถ้าเช่นนั้นก็ตั้งจิตนึกถึงสถานที่ที่จะไปให้มั่นคง แล้วเจ้าทั้งสองคนจะไปถึงที่นั่น” ท่านคุรุกล่าวช้าๆ “ครับ” จามิลรับคำพลางพนมมือและโค้งคำนับอีกครา แล้วหันไปเอ่ยกับดอกเตอร์ธีระ “ดอกเตอร์ ผมลานะครับ” “ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ” ดอกเตอร์ธีระกล่าว ยื่นมือให้จามิลจับ ทั้งสองจับมือกันกระชับมั่น “ผมฝากลูกสาวด้วยนะจามิล” ผู้สูงวัยกว่าเอ่ยเสียงแผ่วต่ำ “ครับ ผมจะดูแลเธออย่างดีที่สุด” หนุ่มผู้อ่อนวัยกว่ารับคำหนักแน่น “ฝากความคิดถึงท่านอาจารย์ด้วยนะศิษย์พี่” เณรคังเอ่ย “อย่าลืมบทสวดที่ท่านอาจารย์สอนละ” คนเป็นศิษย์พี่เอ่ย “ผมไม่ลืมแน่นอนครับ” เณรคังรับคำด้วยรอยยิ้มแจ่มใส “คุณธีรากราบลาคุณพ่อสิครับ” จามิลพูดเตือนหญิงสาว หญิงสาวร้องไห้โฮพร้อมกับ
ที่นี่ ตอนแรกที่พ่อมาถึงที่นี่และรู้ตัวว่ากลับไม่ได้พ่อแทบคลั่งตาย แต่สภาพอากาศของที่นี่ค่อยๆ ชะล้างความทุกข์ ความเศร้าโศกออกจากใจ คนที่นี่ยังมีลักษณะของคนอยู่ประการหนึ่งก็คือต้องสูดลมหายใจ แต่อากาศของที่นี่มีคุณสมบัติพิเศษ สามารถชะล้างอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง ความเศร้าโศกต่างๆ นานาให้หมดไป จึงไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ชั่วนิรันดร” เอ่ยถึงตรงนี้ดอกเตอร์ธีระได้พาธีราและจามิลมาถึงกระท่อมที่พัก กระท่อมก่อด้วยทับทิมสกัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมเหมือนอิฐบล็อก “นี่คือบ้านของพ่อ” ดอกเตอร์ธีระเอ่ย “ที่จริงคนที่นี่ไม่จำเป็นต้องสร้างบ้านก็ได้ เพราะที่นี่ไม่มีฝนตก ไม่มีแดดออก ไม่มีพายุ ไม่มีร้อน ไม่มีหนาว แต่พ่อยังชอบความเป็นส่วนตัวอยู่” เมื่อธีราและจามิลเดินเข้าไปในกระท่อมก็เห็นเณรคังกำลังนั่งขัดสมาธิ หลับตาพริ้มอยู่บนตั่งที่เป็นพลอยไพลินทั้งก้อน “คัง” จามิลเรียกเบาๆ เณรคังลืมตา ดวงตาสดใสเปี่ยมสุข ก่อนโห่ร้องเบาๆ “ศิษย์พี่!” แล้วผุดลุกจากที่นั่ง เดินเข้ามาหาพลางพูดด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่กับคุณผู้หญิงที่สวยเหมือนพระโพธิสัตว์มาถึงจนได้ พวกเราจะได้อยู่พร้อมห
สายฟ้าแปรสภาพเป็นสายรุ้งโค้งยาวทอประกายระยิบระยับ ปลายหนึ่งจรดเมฆเหนือยอดเขา อีกปลายหนึ่งทอดมายังพื้นเบื้องหน้าธีรา “ณ ที่สายรุ้งจรดเมฆา” จามิลพูดพึมพำอย่างอดตื่นตะลึงไม่ได้ “ไป” ราชฤาษีรับสั่งเพียงคำเดียว จามิลได้สติ รีบคว้าข้อมือของธีราพาวิ่งขึ้นไปบนสายรุ้ง แรกๆ ธีราไม่มั่นใจว่าจะขึ้นมาบนสายรุ้งได้ แต่ก็ต้านแรงดึงของจามิลไม่ได้ พอเท้าสัมผัสสายรุ้งก็รู้สึกถึงพลังที่ยกร่างขึ้นไป กานตะกระโจนตามมาติดๆ แต่กลับถูกราชฤาษียกพระหัตถ์ผลักกระดอนไปราว 20 เมตร สุรเสียงทุ้มลึกดังแว่ว “เจ้ายังไม่ได้ประลองฝีมือกับเราเลย” หลิง หลง รินเซน และต้าต่างพยายามไต่ขึ้นบนสายรุ้ง แต่สายรุ้งกลับกลายเป็นเพียงความว่างเปล่าที่จับต้องไม่ได้ กิ๊กิ๊คืบคลานไปถึงเชิงสายรุ้งเป็นตัวสุดท้าย ทว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจไต่ขึ้นไปบนสายรุ้งได้จึงส่งเสียงร่ำร้อง “ขอข้าไปด้วย ข้าอยากเป็นคน” “ก็รีบไปสิ” ราชฤาษีรับสั่งพลางยกพระบาทเตะกิ๊กิ๊ลอยโด่งขึ้นไปอยู่กลางสายรุ้งตามหลังสองหนุ่มสาว กิ๊กิ๊รีบกระดึ๊บ ๆ คืบคลานตามธีรากับจามิลอย่างไม่คิดชีวิต
“งาม…ทุ่งแห่งนี้งาม ปานสรวงสร้างสวยสล้าง พันธุ์พฤกษา ธาราใสแสงแดดอุ่น อาบทุ่งงาม อร่ามไพรปุยเมฆน้อย ลอยพลิ้วไป ในฟากฟ้า งามจับตา ดุจฉากฝัน สวรรค์สวาท ใจเจียนขาด ยามจากคู่ เสน่หา ได้โปรดหวน คิดถึง คืนกลับมา แนบอุรา รักพิสิฐ นิจนิรันดร์” จบเพลง หญิงสาวแหงนหน้ามองกำแพงอัคคี ทันใด… ครืน! เงาร่างๆ หนึ่งเดินทะลุกำแพงอัคคี ไฟทั้งหมดทั้งมวลถูกดึงดูดเข้าสู่ร่างนั้น ปรากฏชายหนุ่มฉกรรจ์เรือนร่างสูงใหญ่แข็งแรง กล้ามเนื้อทั่วร่างงดงามตึงเปรี๊ยะ ดวงหน้าคมเข้ม หล่อเหลาชนิดหาคนเทียบได้ยากแม้มีหนวดเครารกครึ้ม รวมแล้วเป็นความงามอย่างชายที่คมเข้มที่สุด “องค์จักรเพชร” เสียงเล็ดลอดจากริมฝีปากงามของนางกินรีเบา ๆ แล้วนางก็ทรุดกายลงกราบกับพื้น นี่หรือราชฤาษี! ถ้าทรวงอกของเขาไม่สะท้อนตามลมหายใจเข้าออก คงจะดูเหมือนประติมากรรมชิ้นเอก เหมือนเทวรูปศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคนเป็นๆ ขนาดนุ่งเพียงผ้าหยักรั้งสีน้ำตาลเข้ม และคล้องผ้าผืนแคบยาวสีเดียวกันคาดเฉวียงไหล่เท่านั้นยังสง่าผึ่งผายขนาดนี้ ถ้าเขาสวมเกราะนักรบจะงามสง่าขนาดไ
“ทั้งหมดคงมีราคาเฉียดพันล้าน” หล่อนกระซิบบอกหลง หัวหน้าลูกหาบ “นี่คือคุณเกศประภา” ธีราพูดแนะนำ “ผมจามิลเป็นผู้นำทางครับ” จามิลเอ่ยพลางค้อมศีรษะ ทว่าพอกานตะเดินเข้ามาใกล้เกศประภามีทีท่าตื่นตกใจพลางพูดพึมพำ “นาคราช” พร้อมกับปีกแก้วกางพึ่บจากกลางหลังเตรียมทะยานตัวบินหนี แต่กานตะกลับว่องไวราวงูฉกรีบคว้าข้อมือนางไว้ “ข้าเป็นนาคราชก็จริง แต่ไม่ทำอันตรายเจ้า จงเก็บปีกเจ้าเสียเถอะ” เกศประภาจำใจต้องทำตามที่เขาบอก พอนางหุบปีก กานตะก็ปล่อยมือพลางแนะนำตัว “ข้าชื่อกานตะ” เกศประภากวาดตามองคณะเดินทางแล้วถามว่า “พวกเจ้าจะไปเข้าเฝ้าองค์จักรเพชรทั้งหมดนี่เลยรึ” “ใช่ค่ะ” ธีราตอบ “เราเกรงว่าหากไปกันมากนักจะไม่ได้เฝ้าองค์จักรเพชร” กินรีผู้เลอโฉมเอ่ย “พวกเรามาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันซี จะมาคัดฉันออกตอนนี้ไม่ได้นะ” หลิงพูดจาโวยวาย เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงของหล่อนอยู่ที่ทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาลในกันเดน “ฉันยังไม่ทันบอกว่าจะคัดใครออก” ธีราพูดน้ำเสียงเย็นชา หลิงเลยหุบปากเงียบ และถอยไปยืนหลังกานตะ
“ทิพย์มณี” ธีราทวนคำเบาๆ ก่อนจะออกความเห็น “ชื่อเหมือนคนไทย” “เจ้ารู้จักนางรึ” กินรีผู้เลอโฉมถาม “ไม่” หญิงสาวส่ายหน้า “แค่ฟังชื่อเหมือนคนไทยเท่านั้น แต่การจะตามหาคนๆ หนึ่งจะต้องมีนามสกุลด้วย” “นามสกุลคืออะไร” กินรีถามด้วยสีหน้างุนงง “ทิพย์มณี น่าจะเป็นชื่อตัว แล้วต่อจากชื่อตัวก็จะเป็นชื่อวงศ์ตระกูล เรียกว่านามสกุล” หญิงสาวอธิบาย กินรีส่ายหน้าพลางพูด “ข้าไม่รู้หรอกว่าทิพย์มณีมีนามสกุลอะไร รู้แต่ว่านางเป็นคนงามมาก และนางก็เป็นที่รักแห่งองค์จักรเพชร จนพระองค์ต้องออกบวชเมื่อนางทอดทิ้งพระองค์ไป” “องค์จักรเพชรออกบวช” หญิงสาวคิดปะติดปะต่อแล้วฉุกคิด “ราชฤาษี เขาคือราชฤาษี” ธีราตัดสินใจถามตรงๆ “ถ้าเช่นนั้นคุณคงจะเป็นกินรีเกศประภา” กินรีผู้เลอโฉมอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนยอมรับ “ใช่ ข้าเอง” “โธ่เอ๊ย! แล้วมาทำเป็นอมพะนำอยู่ได้” รินเซนพูดแทรกด้วยความขัดใจ เกศประภาเชิดหน้าก่อนถามเสียงเย็น “พวกเจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอะไร” “ก็แค่ต้องการให้เจ้าพาพวกเราไปหาราชฤาษีเท่านั้น” รินเซนชิงตอบ “พวกเ
เวลานี้จะหวังพึ่งพาอาศัยวิษณุคงไม่ได้แล้ว คนที่พึ่งพาได้ในตอนนี้มีอยู่เพียงสองคนเท่านั้นคือกานตะกับจามิล หล่อนไม่อยากทำให้ชายหนุ่มคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้เกลียดชัง ทว่าการณ์กลับกลายเป็นว่า… “ที่คุณหลิงพูดมาก็น่าคิด วิทยาธรอาจจะหลอกพวกเรา” ธีราพูดขึ้น จามิลดูออก หญิงสาวหวาดระแวงก็เพราะเรื่องร้ายๆ ที่เผชิญยังตามหลอกหลอนจิตใจอยู่ ธีราจึงยังไม่สดชื่นและเข้มแข็งดังเดิม ในขณะที่กานตะไม่ได้กระตือรือร้นอยากไปกันเดน ที่เขามากับคณะเดินทางก็เพราะจุดประสงค์อื่นต่างหาก “ผมว่าการไปสระอโนดาตเป็นหนทางที่ดีที่สุด ดีกว่าที่พวกเราจะเดินทางกันอย่างสะเปะสะปะไร้จุดหมาย” จามิลพูดน้ำเสียงหนักแน่น หวังให้ทุกคนมีความมั่นใจ “แล้วกินรีก็อาจจะมีเบาะแสอะไรให้แก่พวกเรา” “งั้นก็ตกลงตามนี้” ธีราพูดพร้อมพยักหน้า นึกขึ้นได้ว่ามีคนๆ หนึ่งเงียบเสียงตลอดการสนทนา ถ้าไม่ถามความเห็นของเขาบ้าง เขาอาจจะนึกน้อยใจได้ จึงหันไปถาม “คุณเห็นด้วยไหมคะคุณกานตะ?” “ข้าเห็นด้วย” กานตะพูด เกือบพลั้งปากถามตอนท้ายว่า ‘หรือไม่เจ้าใส่ใจด้วยรึ’ แต่ยั้งปากไว้ทัน เขายังมีจามิลเป็นคู่แข่งคน
กานตะไม่คิดเลยว่าไส้เดือนยักษ์จะผลักภาระน่าอึดอัดใจมาให้ตนก็ถลึงตาใส่ แต่เจอเข้ากับสายตาของหญิงสาวและคนอื่นที่มองมาทางเขา ทำให้นาคราชหนุ่มจำใจตอบว่า “นารีผลเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นทั้งพืชและสัตว์ เมื่อนางสุกเต็มที่ ถูกปลิดจากขั้วด้วยมนตราที่ถูกต้อง นางจะมีลมหายใจ มีชีวิต มีเลือดเนื้ออย่างคนได้นานเป็นระยะเวลาเจ็ดวัน อย่างที่รู้ๆ กัน ผู้ชายแย่งชิงนารีผลกันเพราะความใคร่ แต่ผู้ใดก็ตามที่จะเสพสมกับนางนารีผลจะต้องกำกับมนตรานางเสียก่อน” เอ่ยถึงตรงนี้กานตะก็หยุดพูด ธีรานึกสังหรณ์ใจจึงถามต่อ “ถ้าไม่มีมนตรากำกับจะเป็นอย่างไร?” “ผู้ชายคนนั้นจะถูกนางสูบขวัญวิญญาณไปนะสิ แล้วผู้ชายคนนั้นก็จะกลายเป็นคนปัญญาอ่อน ไม่รับรู้เรื่องราวใดใดทั้งสิ้น” กานตะตอบ “หา!” รินเซนอุทานลั่น “ลักษณะที่ว่ามาเหมือนพ่อของฉันเปี๊ยบเลย” “ส่วนนารีผลที่สูบขวัญวิญญาณของคนไปก็จะกลายเป็นคนที่มีชีวิตยืนยาวเท่ากับคนจริง ๆ คนหนึ่งทีเดียว” กิ๊กิ๊เล่าต่อจนจบ “มีทางช่วยเหลือคนที่ถูกนารีผลสูบขวัญวิญญาณไปไหม?” รินเซนรีบถามอย่างสนใจ “มีทางเดียว ฆ่านารีผลที่สูบขวัญวิญญาณนางนั้นเสี
“ใช่ เพราะไส้เดือนยักษ์กิ๊กิ๊บอกว่ามีฤาษีไปเฝ้านารีผล พวกเราก็เลยคิดว่าอาจจะได้พบราชฤาษีที่นั่นก็เป็นได้” จามิลตอบ “ถ้าเช่นนั้นพวกท่านก็คิดผิดแล้ว ราชฤาษีไม่สนใจนารีผลหรอก แม้แต่กินรีธิดาแห่งภัทรานครที่สวยหยาดฟ้ามาดิน ซึ่งเฝ้าติดตามท่าน ท่านยังไม่ใส่ใจเลย” สิงขรเอ่ย จามิลหันไปสบตาธีรา คำตอบของสิงขรคล้ายดั่งจะรู้ร่องรอยของราชฤาษีแต่ยังไม่บ่งชี้ชัดว่าที่ใด จึงถามตรงๆว่า “ท่านรู้ที่อยู่ของราชฤาษีหรือไม่?” “ไม่” สิงขรส่ายหน้าดิกพลางว่า “ราชฤาษีไปมารวดเร็วปานสายลม พลังฝีมือแกร่งกล้าดุจสายฟ้า อารมณ์มุทะลุดุดัน มีวิทยาธรมากมายที่บาดเจ็บล้มตายลงเพราะคิดจะลองดี” “พูดอย่างนี้เจ้าคงเคยพบเห็นราชฤาษีแล้วใช่หรือไม่?” กานตะคาดคะเน “ถูกต้อง ข้าเคยพบราชฤาษีมาแล้วครั้งหนึ่ง” สิงขรยอมรับด้วยสีหน้าสีตา บ่งบอกว่าเป็นการพบที่เขาอดหวาดกลัวไม่ได้ “ราชฤาษีมีอายุเท่าไร มีลักษณะเช่นไร?” จามิลถามต่อ “ราชฤาษีอยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ รูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง กล้ามเนื้อแน่นเปรี๊ยะทั่วร่าง ผมเผ้าหนวดเคราดำสนิท ดวงตาคมกริบ จมูกโด่งเป็นสัน แม้ดวงหน้าจะมีหน