Share

บทที่ 6

Author: หอมดังเดิม
แค่ชั่วครู่ ลู่เหิงจือก็กลับมาเป็นปกติ

เขามองหญิงสาวที่อ่อนโยนและสวยงามตรงหน้า แล้วถามด้วยเสียงเรียบๆ ว่า "การถอนหมั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เจ้าคิดดีแล้วหรือ? จะไม่เสียใจทีหลังใช่ไหม?"

ซูชิงลั่วพยักหน้า "เจ้าค่ะ ชิงลั่วคิดดีแล้ว จะไม่เสียใจเด็ดขาด"

ดวงตาของลู่เหิงจือเข้มขึ้นเล็กน้อย

ซูชิงลั่วพูด "ท่านสาม ข้ากับลู่เหยียน..."

"เรียกข้าว่าพี่สาม" ลู่เหิงจือพูดแทรกนางขึ้นมาอย่างกะทันหัน เสียงของเขาไพเราะเหมือนน้ำพุใสไหลผ่านก้อนหิน

ซูชิงลั่วงงกับคำพูดที่ไม่มีต้นไม่มีปลายของเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องใส่ใจกับคำที่นางใช้เรียกเขาด้วย

เมื่อหลายปีก่อนในงานเลี้ยงครอบครัว นางเคยเรียกเขาว่าพี่สามตามคนอื่น แต่ตอนนี้นางโตขึ้นแล้ว มีความแตกต่างระหว่างชายหญิง การเรียกอย่างสนิทสนมแบบนั้นรู้สึกไม่เหมาะสมเลย

เหมือนจะเข้าใจความกังวลของนาง ลู่เหิงจือรีบพูดต่อ "ในเมื่อให้ข้าจัดการให้ ยังจะทำตัวห่างเหินกับข้าอีกหรือ?"

ที่แท้เขาหมายถึงอย่างนี้เอง

ซูชิงลั่วไม่คิดมาก จึงรีบเอ่ยปากออกไปว่า "พี่สาม"

เสียงของหญิงสาวใสกังวานและมีความล่องลอยอยู่บ้าง ฟังแล้วไพเราะยิ่งกว่าเสียงนกขมิ้นทองอีก

ลู่เหิงจือมองนางอยู่สักครู่ "พี่สามตกลง"

ซูชิงลั่วตกใจเล็กน้อย "แต่ท่านยังไม่ได้ฟังเหตุผลของข้าเลยนะ..."

"สำคัญเหรอ?" น้ำเสียงของลู่เหิงจือมีความหยิ่งผยอง "ในเมื่อเจ้าต้องการถอนหมั้น เรื่องเหตุผลจะสำคัญอะไร ข้าจะทำให้เจ้าสมหวังเอง"

ซูชิงลั่วอดรู้สึกตกใจไม่ได้

ทำไมเขาถึงเชื่อใจนางเพียงนี้?

หลังจากตกใจ ในใจของนางกลับรู้สึกสับสนอย่างไร้สาเหตุ

ในเวลานี้ซ่งเหวินเข้ามารายงานด้วยความร้อนรน "คุณชาย ท่านยายลู่เป็นลมกะทันหัน ทุกคนกำลังรอคุณชายไปจัดการขอรับ"

จื๋อหยวนเดินตามหลังมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

"ว่าอะไรนะ?"

ซูชิงลั่วรีบร้อนเดินออกไปโดยทันที ด้วยความรีบร้อนนางจึงเหยียบขั้นบันไดพลาดจนเกือบจะล้มลง ขณะที่กำลังจะล้ม นางรู้สึกถึงแรงดึงที่มั่นคงจากด้านหลังทำให้นางตกลงไปในอ้อมแขนของลู่เหิงจือ

นางรู้สึกทั้งอายทั้งโมโห แต่ในพริบตา ลู่เหิงจือก็ปล่อยนางไป เหมือนสุภาพบุรุษ

"อย่าเพิ่งร้อนใจ" เสียงของเขามีพลังนางอย่างที่ทำให้ซูชิงลั่วรู้สึกสงบลงทันที

ลู่เหิงจือสั่งกับซ่งเหวินด้วยเสียงเรียบๆ "เอาป้ายเชิญของข้าไปเชิญหมอหลวงซ่งมาที่จวน"

หมอหลวงซ่ง ซ่งอวี้ เป็นหัวหน้าผู้ดูแลในสำนักหมอหลวง

ซูชิงลั่วรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก แต่ไม่ทันได้กล่าวขอบคุณ ก็ทำความเคารพแล้วรีบไปที่เรือนของท่านยายลู่พร้อมกับจื๋อหยวนทันที

ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ไปถึงแล้ว ส่วนผู้ชายรออยู่ที่ลานนอก

ซูชิงลั่วเข้าประตูไปได้ก็รับจับมือท่านยายลู่ทันที น้ำตาไหลพราก ปากก็เอ่ยเรียกท่านยายไม่หยุด

ท่านยายลู่เหมือนคนที่นอนหลับอยู่ ลมหายใจสม่ำเสมอ ไม่ขยับเขยื้อนกระดุกกระดิก

หมอที่รักษาท่านยายลู่เป็นประจำมาถึงอย่างรวดเร็ว หลังจากจับชีพจรแล้วก็ส่ายหัวและถอนหายใจเดินจากไป

ซูชิงลั่วกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้ออกมา

เยว่เออร์ สาวใช้คนสนิทของท่านยายลู่เข้ามากอดนางไว้ น้ำตาคลอเบ้า "ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ท่านอัครมหาเสนาบดีสั่งให้ไปเชิญหมอหลวงมาแล้ว จะต้องไม่เป็นไรแน่ๆ"

ซูชิงลั่วซบอยู่ในอ้อมกอดของนาง ร้องไห้ไม่หยุด

หมอหลวงซ่งมาถึงอย่างรวดเร็วและสั่งให้ทุกคนออกไป

ซูชิงลั่วทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รอข้างนอกอย่างกังวลใจเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

ฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน หมอหลวงซ่งออกมาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า "สามวันนี้ท่านยายมีอาการวิกฤต ถ้าผ่านไปได้ก็จะพ้นขีดอันตราย แต่ถ้าไม่..."

ซูชิงลั่วกัดริมฝีปากและจิกปลายเล็บเข้าไปในเนื้อแน่น

บรรยากาศในที่นั้นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

เฉียนเหวินหลิง นายหญิงใหญ่ของบ้านสั่งให้คนอื่นๆ กลับไปพักผ่อนกันก่อน ส่วนตัวนางกับสะใภ้คนอื่นจะผลัดกันเฝ้าไข้เอง แต่ซูชิงลั่วไม่ยอม ยืนยันว่าจะอยู่เฝ้าด้วย

นางหลิ่วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องใช้คน ข้าก็จะไม่ปฏิเสธ พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาเปลี่ยนพี่สะใภ้ใหญ่เอง"

พูดจบนางหลิ่วก็เดินกลับไปพักผ่อนทันที

ไม่มีใครคาดคิดว่าในงานเลี้ยงวันเกิดที่รื่นเริงจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้

ผู้ชายในลานโดยการนำของลู่เหิงจือ เมื่อเขาไม่ไปไหน จึงไม่มีใครกล้าออกไปกลัวว่าจะทำให้ยมทูตหน้าตายไม่พอใจในช่วงเวลาสำคัญนี้

ไม่มีใครคาดคิดว่า การเฝ้าไข้ครั้งนี้จะยาวนานไปตลอดทั้งคืน

ตลอดทั้งคืน ซูชิงลั่วไม่ง่วงเลยสักนิด เฝ้าไข้ท่านยายลู่ตลอดเวลา ขณะที่เฉียนเหวินหลิงได้แอบงีบบนเก้าอี้หวายด้านนอกเป็นเวลาสองชั่วโมง

เมื่อคืนนี้หมอหลวงซ่งพักอยู่ที่จวนลู่ เช้ามาจึงได้มาตรวจชีพจรให้ท่านยายลู่อีกครั้ง และยังได้ปรับเปลี่ยนสูตรยาอย่างเคร่งเครียด และกำชับให้คนรับใช้ดูแลปรนนิบัติอย่างระมัดระวัง ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญมาก

นางหลิ่วเดินหาวหวอดเข้ามาและบ่นว่า "รู้แบบนี้เมื่อคืนข้าน่าจะอยู่เฝ้าดีกว่า ข้าเป็นห่วงท่านแม่จนนอนไม่หลับเลย"

เฉียนเหวินหลิงยิ้มเล็กน้อย คร้านจะโต้แย้งกับนาง เพียงพูดว่า "ชิงลั่วเหนื่อยมากแล้วเมื่อคืน รีบกลับไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ"

แม้ซูชิงลั่วจะรู้สึกว่าตัวเองยังไหว แต่เมื่อคิดว่าคืนนี้คงต้องอดนอนอีก จึงลุกขึ้นเตรียมไปนอนที่ห้องพักข้างๆ แต่ก็ได้ยินนางหลิ่วพูดว่า "เดี๋ยวก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับชิงลั่ว พี่สะใภ้ใหญ่ก็อยู่ฟังด้วยสิ"

ซูชิงลั่วรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ทั้งสองคนเดินตามนางหลิ่วไปที่ลานด้านนอก

นางหลิ่วพูดตรงเข้าประเด็น "ข้าจะพูดตรงๆ เลย เกรงว่าตอนนี้ท่านแม่คงไม่ไหวแล้ว ข้าคิดว่าน่าจะจัดงานมงคลเพื่อแก้เคล็ด พรุ่งนี้ก็จัดงานแต่งของเหยียนเออร์กับชิงลั่วซะเลยแล้วกัน บางทีหากท่านแม่ดีใจอาการป่วยอาจจะดีขึ้นก็ได้! ของที่ต้องเตรียมข้าก็เตรียมไว้หมดแล้ว"

เฉียนเหวินหลิงพูดอย่างลังเล "นี่..."

นางหลิ่วรีบพูดต่อ "ข้ารู้ว่ามันอาจจะทำให้ชิงลั่วรู้สึกอึดอัด แต่ชิงลั่วก็เป็นลูกหลานของครอบครัวเราเอง หลังจากแต่งงานข้าจะชดเชยให้ดีแน่นอน จะไม่มีใครกล้าดูถูกนาง นอกจากนี้ชิงลั่วก็เป็นเด็กที่กตัญญู เรื่องนี้มีประโยชน์กับท่านแม่เช่นนี้ นางคงไม่ปฏิเสธแน่"

ซูชิงลั่วกัดริมฝีปากจนเลือดเกือบออก นางหลิ่วช่างร้ายกาจจริงๆ!

ท่านยายกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตขนาดนี้ นางยังมีจิตใจจะพูดเรื่องการแต่งงานของนางกับลู่เหยียนในตอนนี้อีก

นางคงกลัวว่าหากท่านยายเสียชีวิต ตัวนางจะทำทุกอย่างเพื่อถอนหมั้น พลาดโอกาสได้เงินก้อนโต ดังนั้นจึงคิดวิธีนี้ขึ้นมา ใช้ความกตัญญูกดดันนาง

ซูชิงลั่วอดพูดเยาะขึ้นไม่ได้ "ข้าไม่ตกลง"

ในเมื่อนางหลิ่วไร้เมตตา ก็อย่าหาว่านางไร้คุณธรรม

ตอนนี้ท่านยายอยู่ในสภาพเช่นนี้ ซูชิงลั่วไม่กลัวอะไรอีกแล้ว นางตัดสินใจลุยไปเลย

นางพูดด้วยเสียงเย็นชา "ท่านน้ารองคงลืมเรื่องที่ชิงลั่วเคยบอกว่าจะถอนหมั้นกับลู่เหยียนไปแล้วสินะเจ้าคะ"

นางหลิ่วตกใจ รีบพูดขัดนางทันที "เหลวไหล การหมั้นนี้ท่านแม่เป็นคนกำหนดไว้เอง ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ชัดว่าท่านแม่จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่เจ้ากลับกล้าพูดถึงการถอนหมั้นขึ้นมา ทำไมถึงได้อกตัญญูแบบนี้?"

ซูชิงลั่วจ้องตรงไปที่ดวงตาของนางหลิ่ว "หากข้าไม่ถอนหมั้นนั่นแหละถึงจะเป็นการอกตัญญู ท่านยายบอกไว้ว่าท่านแค่หวังอยากให้ข้ามีความสุข"

"ในเมื่อท่านน้าบีบให้ข้าแต่งงานหลายครั้ง ข้าก็คงต้องขอร้องให้ท่านอครมหาเสนาบดีช่วยจัดการให้"

นางหลิ่วสะดุ้ง "เจ้าว่าอะไรนะ?"

ซูชิงลั่วหันหลังแล้วเดินออกไป จื๋อหยวนก็ตามไปติดๆ

เสียงของนางหลิ่วดังขึ้นอย่างร้อนรนจากด้านหลัง "พวกเจ้าขวางนางเอาไว้"

ตอนนี้ผู้ชายที่ลานนอกยังไม่แยกย้าย ยังคงอยู่ในลักษณะเดิมจากเมื่อคืน ลานนอกกับห้องโถงถูกกั้นไว้ด้วยฉากกั้นลม

ถึงมีฉากกั้น แต่ก็สามารถเห็นร่างของลู่เหิงจือได้อย่างรางๆ

เขานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ มือถือจอกชาขึ้นจิบเบาๆ ด้วยท่าทางสง่างาม

เมื่อรู้สึกว่ามีคนเดินมา เขาก็เงยหน้าขึ้น สายตาเหมือนมองทะลุฉากกั้นมาทางนาง

ซูชิงลั่วตัดสินใจทำเรื่องนี้ให้ใหญ่โต ไม่สนใจอะไรแล้ว คุกเข่าลงหลังฉากกั้น พูดเสียงดังว่า "หม่อมฉันซูชิงลั่ว ต้องการถอนหมั้นกับลู่เหยียน แต่นางหลิ่ว ท่านน้ารองขัดขวางหลายครั้ง ขอท่านอัครมหาเสนาบดีช่วยจัดการให้หม่อมฉันด้วย"

ทุกคนในที่นั้นตกใจทันที
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Siranee Rattanarag
ทำไมแทนตัวเองว่าหม่อมฉัน
goodnovel comment avatar
Bhukrumpah Limsaku
ทำไม แทนตัวเองว่า หม่อมชั้น
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status