LOGIN“รับผิดชอบบ้าอะไร! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!” ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร แต่วินาทีนี้รู้เพียงอย่างเดียวว่าต้องหลุดจากอ้อมแขนที่แข็งแกร่งราวคีมเหล็กนี้ให้ได้
“หึ... ไม่ง่ายแบบนี้สิ ถึงจะสนุก” เขายกมุมปากเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนฉันสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมเย็นๆ
“ได้โปรด... ปล่อยข้าวไปเถอะ อย่าทำอะไรข้าวเลย... อึก” ฉันเงยหน้าขึ้นอ้อนวอน น้ำเสียงสั่นเครือจนแทบเป็นลม ตอนนี้ความกลัวถาโถมเข้ามาจนรู้สึกเหมือนกำลังจะร้องไห้
“เอาล่ะ วันนี้ฉันจะปล่อยเธอไปก่อน... แต่ครั้งหน้าเธอไม่รอดแน่” เขาพูดเรียบๆ แต่แววตาเย็นยะเยือกจ้องมองมาอย่างน่าหวาดหวั่น ก่อนสายตาคมกริบจะเลื่อนลงไปสำรวจซอกคอและหน้าอกของฉัน
จ๊วบ!!!
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้หายใจ เขาก็ฉวยโอกาสก้มลงซุกไซ้ซอกคออย่างหื่นกระหายและรุนแรง
“ฮือ!! ปล่อยนะข้าวเจ็บ!!” ฉันร้องประท้วงด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง มันเจ็บแปลบเหมือนเนื้อกำลังจะฉีกขาด แต่เขาไม่สนใจเสียงร้องต้านของฉันเลยแม้แต่น้อย และไม่ยอมถอนริมฝีปากออกไป
“ฝากไว้ก่อน... วันหลังจะมาเอาคืน” ในที่สุดเขาก็ผละปากออก มองหน้าฉันอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะยกนิ้วขึ้นปาดคราบเลือดจางๆ บนริมฝีปากของตัวเอง
“แล้วเจอกันนะ... สาวน้อย” เขาใช้จมูกเกลี่ยลงบนแก้มของฉันอย่างคุกคาม ก่อนจะประกบปากจูบอีกครั้งอย่างหนักหน่วงและยาวนาน
“ถ้าเธอกล้ากัดฉันอีก... ฉันจะเอาเธอวันนี้” เขาผละปากออก พูดด้วยเสียงแหบพร่าพลางจ้องดุ ฉันได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ ร่างกายชาวาบไปหมดเพราะคำขู่ที่น่ากลัวนั้น
“อย่าทำอะไรข้าวเลยนะ เราไม่เคยรู้จักกัน ข้าวไม่เคยไปทำอะไรให้คุณ...” ฉันพูดเสียงสั่น น้ำตาคลอเบ้าจนแทบจะไหลออกมา
“อีกหน่อยเธอก็รู้จักฉันเอง...” เขาใช้นิ้วเกลี่ยริมฝีปากฉันไปมาอย่างจงใจ
“น่าเสียดายที่เธอไม่มีประสบการณ์ ไม่อย่างนั้นคงสนุกกว่านี้เยอะ” เขาพูดเหยียดหยาม พลางเลื่อนมือลูบไล้ขาของฉัน แล้วค่อยๆ ขึ้นมาที่แผ่นหลัง ก่อนที่มืออุ่นร้อนจะสอดเข้ามาภายในเสื้อของฉันอย่างรวดเร็ว
“ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรข้าวไง! อึก!” น้ำตาของฉันไหลทะลักออกมาเองอย่างห้ามไม่ได้
“กลัว?” เขาเลิกคิ้วถาม จ้องหน้าฉันด้วยความหงุดหงิด
“.....” ฉันพยักหน้ายอมรับ มือของเขากำลังเลื่อนเข้าใกล้หน้าอกแล้ว ตอนนี้ร่างกายฉันสั่นเทาจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับ ได้แต่ยืนนิ่งให้เขาลวนลาม
“แค่จับ... ไม่ได้จะเอา กลัวอะไร?” เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน จ้องหน้าฉันอย่างไม่สบอารมณ์
“ฮือ!! อึก! ปล่อยนะ!!” ฉันพูดเสียงสะอื้น พยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้เมื่อเขากำลังบีบเค้นหน้าอกของฉันอย่างรุนแรง
“หึ” เขายิ้มมุมปากอย่างพอใจที่เห็นฉันหวาดกลัว ก่อนจะประกบปากจูบฉันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้จูบหนักหน่วงเหมือนก่อนหน้า ทว่าฉันก็ต้องนิ่วหน้าเพราะแรงบีบเค้นที่หน้าอกนั้นรุนแรงจนรู้สึกเหมือนจะแตกสลายคามือเขา
ฉันยืนนิ่ง น้ำตาไหลพราก... ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้ด้วย!
“หยุดร้อง... น่ารำคาญ” เขาปล่อยริมฝีปากฉันเป็นอิสระ ก่อนจะพูดอย่างอารมณ์เสีย
“ไปนอน!!” เขาปล่อยตัวฉันให้เป็นอิสระและสั่งเสียงแข็ง ฉันรีบถอยห่างจากตัวเขาทันที
“ออกไปสิ!!” ฉันปาดน้ำตาแล้วไล่ให้เขาออกไปจากห้อง
“ฉันบอกว่าไม่เอา... ไม่ได้บอกว่าจะไป” เขาพูดเรียบๆ จ้องหน้าฉันอย่างไม่พอใจ
“ทะ... ทำอะไร?” ฉันถามเขาที่จู่ๆ ก็ถอดเสื้อและกางเกงออก เหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียว
แววตาเย็นชาเหลือบมองมาที่ฉัน ก่อนที่เขาจะเดินไปที่เตียงและทิ้งตัวลงนอนอย่างถือวิสาสะ
“จะนอนดีๆ... หรือจะให้ฉันเอาเธอตอนนี้” เขาชะโงกหน้าพูดดุ ฉันยืนมองเขาด้วยความหวาดกลัว
“ขะ... ข้าวจะไปนอนข้างนอก” ฉันพูดตะกุกตะกัก แล้วหันหลังเดินออกจากห้อง
“อ่ะ! ว้าย!!”
แต่ไม่ทัน... ร่างของฉันถูกกระชากลงไปนอนบนเตียงอย่างแรง ทั้งที่เท้ายังไม่ทันก้าวพ้นประตูห้องด้วยซ้ำ
“จะนอนดีๆ หรือจะให้ฉัน......” เขาเท้าศอกลงบนที่นอน มืออีกข้างลูบไล้แก้มฉันอย่างช้าๆ สายตาเย็นชาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสายตาหื่นกระหายมองมาที่หน้าอกของฉัน
ฉันไม่พูดอะไร ได้แต่หลับตาปี๋รอรับชะตากรรม
“หึ...” เขาเค้นเสียงหัวเราะ ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงเขาพลิกตัวนอนลงข้างๆ แต่ฉันก็ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตา ได้แต่นอนตัวแข็งทื่อ กลั้นหายใจ กลัวว่าเขาจะทำอะไรบ้าๆ กับฉันอีก
ตอนเช้า..
“เฮือก!!!” ฉันสะดุ้งสุดตัว ดีดตัวลุกขึ้นสำรวจตัวเองทันที
“เฮ้อ... ยังอยู่ครบ” ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก เสื้อผ้ายังอยู่ครบทุกชิ้น และไม่มีร่องรอยของการมีอะไรเกิดขึ้นบนเตียง แถมตอนนี้เขาก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว
ฉันเดินหาเขาจนทั่วห้องจนแน่ใจว่าเขาออกไปแล้วจริงๆ จึงค่อยไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียน
แต่เมื่อส่องกระจกเห็นรอยแดงช้ำที่ลำคอตัวเองแล้ว ฉันต้องตกใจจนมือสั่น ฉันรีบใช้รองพื้นปกปิดรอยที่เขาทำไว้ แต่ก็ต้องทาทับซ้ำหลายรอบกว่าจะปิดรอยได้มิด
“แล้วเขาเป็นใครกัน...” ฉันได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเอง พร้อมทั้งคิดหาวิธีว่าถ้าเขากลับมาทำร้ายอีกครั้ง ฉันจะทำอย่างไรดี!
“พี่เขาจะมาดูแลธุรกิจแทนพ่อสักระยะ เพราะพ่อต้องไปรักษาตัวที่อเมริกา” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด ฉันเองก็พอจะรู้ว่าพ่อไม่สบาย แต่ไม่คิดว่าอาการจะหนักขนาดนี้“ในเมื่อข้าวตัดสินใจจะดูแลบริหารงานแทนพ่อ พ่อก็เบาใจ แต่ข้าวยังเด็กและยังเรียนไม่จบ พ่อเลยให้พี่เขามาช่วยดูแลระหว่างที่พ่อไม่อยู่” พ่อยิ้มให้อย่างอบอุ่นฉันพูดอะไรไม่ออก ที่พูดออกไปแบบนั้นก็เพราะแค่อยากเอาชนะผู้หญิงคนนั้น ซึ่งตอนนี้เธอก็กำลังยิ้มอย่างพึงพอใจแปลกๆ พ่อเป็นคนไม่ไว้ใจใครง่ายๆ คนที่ท่านเลือกมาดูแลงานและสอนฉัน คงต้องเป็นคนดีและเก่งกาจจริงๆ ฉันจึงคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีปัญหาอะไร“ค่ะ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงข้าวนะคะ” ฉันยิ้มให้พ่อเพื่อให้ท่านสบายใจจะได้ไม่ต้องคิดมาก“ขอโทษครับที่ผมมาช้า”ฉันตัวแข็งทื่อทันทีที่ได้ยินเสียง... เสียงนี้มัน... เหมือนกับเสียงเขาคนนั้น! หรือฉันจะคิดมากและกลัวเขาจนได้ยินเสียงใครก็เป็นเขาไปหมด?“นี่ไงข้าว คนที่จะมาทำงานและสอนข้าว”ฉันหันหน้าไปมองและยกมือไหว้ แต่แล้วก็ต้องตกใจจนเบิกตากว้าง... เขาจริงๆ!“สวัสดีครับคุณลุง” เจเคทักทายพ่อฉันก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากมองมาที่ฉันอย่างเย็นชา เขาไ
หลายวันผ่านไป“ข้าว เลิกเรียนแล้วไปดูหนังกันมั้ย”“ไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้ข้าวมีนัดทานข้าวกับพ่อ”“ว้า เสียดายจัง” ทอฝันทำหน้าเศร้าทันที“ไว้วันเสาร์เราไปดูหนังกันนะ ข้าวเลี้ยงเอง” ฉันเดินไปนั่งข้าง ๆ ทอฝัน“จริงนะ” ทอฝันยิ้มดีใจใหญ่ คือตั้งแต่วันนั้นฉันก็ไม่ออกไปไหนเพราะกลัวเจอผู้ชายคนนั้นอีก แต่ก็ยังดีที่ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้เจอเขาอีก และตอนนี้ฉันก็เปลี่ยนรหัสห้องเปลี่ยนคีย์การ์ดเรียบร้อยแล้วเลิกเรียนฉันเดินออกมาพร้อมทอฝัน ก่อนจะเดินไปเรียกแท็กซี่เพื่อไปหาพ่อ ทีแรกฝันจะไปส่งแต่มันอยู่คนละทางกับทางไปคอนโด เกรงใจทอฝันเลยนั่งแท็กซี่ไปเอง“สวัสดีครับ คุณใบข้าวใช่มั้ยครับ” ทันทีที่ถึงร้านพนักงานในร้านก็เดินเข้ามาหาทันที“ใช่ค่ะ” ฉันตอบสั้น ๆ“เชิญทางนี้ครับ คุณภูษิตรอคุณอยู่” วันนี้พ่อทำตัวแปลก ๆ เพราะปกติเวลานัดทานข้าวพ่อต้องให้ฉันเลือกร้านเอง แต่วันนี้พ่อเลือกร้าน และร้านนี้ก็ดูดีดูหรูมากฉันเดินตามพนักงานเข้าไปในร้าน ระหว่างที่เดิน ๆ อยู่ฉันรู้สึกเหมือนมีใครกำลังมองอยู่ตลอด แต่พอหันไปมองก็ไม่เห็นใคร“ถึงแล้วครับ”“ห้องนี้เหรอคะ?” ฉันจ้องหน้าถามพนักงาน“ครับ ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวนะครั
“รับผิดชอบบ้าอะไร! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!” ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร แต่วินาทีนี้รู้เพียงอย่างเดียวว่าต้องหลุดจากอ้อมแขนที่แข็งแกร่งราวคีมเหล็กนี้ให้ได้“หึ... ไม่ง่ายแบบนี้สิ ถึงจะสนุก” เขายกมุมปากเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนฉันสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมเย็นๆ“ได้โปรด... ปล่อยข้าวไปเถอะ อย่าทำอะไรข้าวเลย... อึก” ฉันเงยหน้าขึ้นอ้อนวอน น้ำเสียงสั่นเครือจนแทบเป็นลม ตอนนี้ความกลัวถาโถมเข้ามาจนรู้สึกเหมือนกำลังจะร้องไห้“เอาล่ะ วันนี้ฉันจะปล่อยเธอไปก่อน... แต่ครั้งหน้าเธอไม่รอดแน่” เขาพูดเรียบๆ แต่แววตาเย็นยะเยือกจ้องมองมาอย่างน่าหวาดหวั่น ก่อนสายตาคมกริบจะเลื่อนลงไปสำรวจซอกคอและหน้าอกของฉันจ๊วบ!!!ยังไม่ทันที่ฉันจะได้หายใจ เขาก็ฉวยโอกาสก้มลงซุกไซ้ซอกคออย่างหื่นกระหายและรุนแรง“ฮือ!! ปล่อยนะข้าวเจ็บ!!” ฉันร้องประท้วงด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง มันเจ็บแปลบเหมือนเนื้อกำลังจะฉีกขาด แต่เขาไม่สนใจเสียงร้องต้านของฉันเลยแม้แต่น้อย และไม่ยอมถอนริมฝีปากออกไป“ฝากไว้ก่อน... วันหลังจะมาเอาคืน” ในที่สุดเขาก็ผละปากออก มองหน้าฉันอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะยกนิ้วขึ้นปาดคราบเลือดจางๆ บนริมฝีปา
“ฝันดีนะคะแม่...”ฉันกระซิบผ่านรูปถ่ายของแม่เหมือนเช่นทุกคืนก่อนนอน แต่วันนี้ความรู้สึกมันต่างออกไป เรื่องราวแย่ๆ ที่เพิ่งเจอมาทำให้ความโหยหาในอ้อมกอดของแม่ทวีความรุนแรงขึ้น ฉันกอดกรอบรูปแนบอกอยู่นาน ก่อนจะจำใจวางมันลงที่เดิมแล้วเอื้อมมือไปปิดไฟฉันพยายามข่มตานอน แต่ความหวาดระแวงทำให้สมองไม่ยอมหยุดคิด แม้จะย้ำกับตัวเองว่าล็อกห้องดีแล้ว และระบบรักษาความปลอดภัยของคอนโดนี้ก็แน่นหนา แต่ความรู้สึกเหมือนมีใครบางคนจับตามองอยู่ตลอดเวลามันทำให้ฉันข่มตาไม่ลงตึก! ตึก!ท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากด้านนอกห้อง ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าประตูห้องนอน... หัวใจฉันเต้นรัวเร็วขึ้นทันที“ฉันไม่ได้หูฝาดแน่...” ฉันดีดตัวลุกจากเตียง รีบเดินไปเปิดไฟและคว้าของใกล้มือมาถือไว้ป้องกันตัวแกร๊ก!ฉันกลั้นใจเปิดประตูออกไปช้าๆ กวาดสายตามองไปรอบห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า... ไม่มีใคร? หรือฉันจะคิดมากไปเองจริงๆ“เหมียว~”“ออเดรย์!” ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นเจ้าแมวน้อยขี้อ้อนเดินนวยนาดเข้ามาหา“แอบหนีมาเที่ยวห้องพี่ข้าวอีกแล้วนะ พี่ฟ้าไม่อยู่ล่ะสิ” ฉันอุ้มเจ้าเหมียวขึ้นมา เจ้าออเดรย์เป็นแมวข
วันต่อมาณ ห้างสรรพสินค้า“เมื่อไหร่พี่ชายข้าวจะกลับอ่ะ...” ทอฝันเดินเอียงไหล่มากระแทกฉันเบาๆ ทำท่าบิดตัวเขินอายม้วนต้วนทันทีที่เอ่ยถึง ‘พี่ครินต์’ “อีก 6 เดือน” ฉันตอบกลับเรียบๆ แสร้งทำเป็นไม่สนใจอาการระริกระรี้ของเพื่อนสาว ทอฝันปลื้มพี่ชายฉันมาตั้งแต่พี่เขาเรียนหมอปี 1 จนตอนนี้พี่ครินต์อายุ 25 เข้าไปแล้ว ความคลั่งไคล้ของนางก็ยังไม่ลดลงเลย “แล้วพี่ครินต์มีแฟนหรือยังอ่ะ” ยัยตัวดีเอานิ้วมาจิ้มๆ ที่ต้นแขนฉัน ยืนบิดไปบิดมาไม่เลิก จะเขินอะไรเบอร์นั้นแม่คุณ “ไม่รู้สิ... น่าจะมีแล้วมั้ง ไม่ได้ถามเหมือนกัน” ฉันแกล้งตอบพลางลอบสังเกตสีหน้าเพื่อน พอได้ยินแบบนั้นหน้าตาที่ยิ้มแย้มเมื่อกี้ก็จ๋อยสนิททันตาเห็น ฉันต้องกัดริมฝีปากกลั้นขำแทบตาย “ล้อเล่นน่า! พี่ครินต์เรียนหนักจะตาย จะเอาเวลาที่ไหนไปมีแฟน อีกอย่างถ้าพี่ครินต์มีแฟน พี่ต้องบอกฉันก่อนอยู่แล้ว” ฉันรีบเฉลยเมื่อเห็นทอฝันทำหน้าเหมือนโลกจะแตก “พูดจริงนะ! งั้นฉันก็ยังมีโอกาสสิ!” ทอฝันตาโต หูผึ่งขึ้นมาทันที“...ยัยบ๊องเอ๊ย” ฉันย่นจมูกใส่เพื่อนก่อนจะออกเดินต่อ ทอฝันนี่อาการหนักจริง เคยบอกอยากเป็นหมอตามพี่ครินต์ แต่พอนางเห็นเลือดก็จะเป็นลม เลยต
“แล้วพ่อล่ะ... พ่อเหลือลูกแค่คนเดียวนะข้าว”“ข้าวรักพ่อนะคะ พ่อมาหาข้าวได้ตลอดถ้าพ่อคิดถึง แต่ให้ข้าวกลับไปอยู่กับพ่อ... ข้าวคงทำไม่ได้” ฉันตอบเสียงแผ่ว “ข้าวขอโทษจริงๆ ค่ะ”“โอเค พ่อเข้าใจ... เอาไว้ข้าวพร้อมจะกลับเมื่อไหร่ค่อยบอกพ่อนะ พ่อรอข้าวเสมอ”“พ่อรักข้าวนะลูก...” พ่อเดินเข้ามาใกล้ สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด“พ่อมันโง่เองที่ยอมปล่อยข้าวกับแม่ไปในวันนั้น” น้ำเสียงของพ่อสั่นเครือจนน่าใจหาย“เมื่อก่อนข้าวยอมรับว่าข้าวโกรธพ่อมาก แต่ตอนนี้ข้าวไม่ได้โกรธพ่อแล้วค่ะ... แต่ข้าวแค่ไม่อยากเจอหน้าผู้หญิงคนนั้น พ่อเข้าใจข้าวนะคะ”“พ่อเข้าใจ... พ่อจะรอ รอวันที่ข้าวโตพอที่จะกลับไปดูแลธุรกิจที่เป็นของข้าวเองนะลูก”สิ้นคำพูด พ่อก็ดึงฉันเข้าไปกอด... “พ่อรักข้าวนะ”“ข้าวก็รักพ่อค่ะ...” ฉันพูดเสียงเบาหวิว ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นกอดตอบท่านฉันกอดพ่อไว้แน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดกลั้น อ้อมกอดของพ่อยังคงอุ่นเหมือนตอนที่ฉันยังเด็ก แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ความรู้สึกนี้ฉันจำได้ไม่เคยลืม มันคืออ้อมกอดที่ฉันโหยหามาตลอดหลายสิบปี“พ่อดูแลตัวเองด้วยนะคะ อย่าทำงานหนักจนลืมดูแลสุขภาพ” ฉันผละ







