Share

บทที่ 13

Penulis: จิ้งจอกเหลวไหล
##บทที่ 0013

##บนรถ

เยี่ยชิวพูดขึ้นมาว่า “แม่ครับ ขอโทษนะครับ วันนี้แม่ต้องเจอเรื่องแย่ๆ เพราะผม”

“เจ้าลูกโง่ พูดอะไรแบบนั้นน่ะ” เฉียนจิ้งหลันกล่าวว่า ”ลูกเจอเรื่องอะไรตั้งมากมายในโรงพยาบาล ทำไมจะต้องปิดบังแม่ด้วย ถ้าวันนี้แม่ไม่ไปที่โรงพยาบาล ลูกคิดจะปิดบังแม่ไปถึงเมื่อไหร่กันล่ะ?”

“ผมแค่ไม่อยากให้แม่เป็นห่วงครับ”

“เชื่อฟังแม่สักหน่อยเถอะ อย่าฝืนตัวเองอีก ถ้าลูกไม่อยากอยู่ในโรงพยาบาลนี้แล้ว ก็ย้ายไปที่โรงพยาบาลอื่นกัน ส่วนเรื่องจางลี่ลี่ถ้าเธอนิสัยเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่เด็กสาวที่จิตใจดีงามคนนั้นอีกต่อไป ลูกเลิกกับเธอก็ดีแล้ว”

“อืม”

“คุณจ้าวมาหาลูกถึงที่นี่น่าจะมีเรื่องสำคัญ แม่ไม่รบกวนเวลาของพวกคุณแล้ว จอดรถข้างหน้าเลยค่ะฉันจะลง”

หลังจากรถจอดสนิทแล้ว เยี่ยชิวก็ประคองเฉียนจิ้งหลันลงจากรถ

“คุณจ้าวคะ วันนี้รบกวนคุณแล้ว” เฉียนจิ้งหลันกล่าวอย่างเกรงใจ

“คุณน้าไม่ต้องเกรงใจครับ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง” จ้าวอวิ๋นก็ตอบกลับอย่างสุภาพเช่นกัน

เฉียนจิ้งหลันหันไปกำชับเยี่ยชิว “อย่ากลับดึกนักล่ะ แม่จะทำกับข้าวไว้รอลูกที่บ้าน วันนี้แม่จะทำเต้าหู้ผัดพริกเสฉวนของโปรดของลูกด้วย”

“เข้าใจแล้วครับ”

หลังจากรถเคลื่อนตัวออกมาแล้ว เยี่ยชิวก็พูดขึ้นมาด้วยความเกรงใจ “แม่ผมก็เป็นแบบนี้แหละครับ ค่อนข้างขี้บ่น ขอโทษด้วยนะครับคุณจ้าวที่ต้องให้เห็นเรื่องน่าอายแบบนี้”

“ก็ดีออกนะครับ”

ดีเหรอ?

เยี่ยชิวมองจ้าวอวิ๋นด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง

จ้าวอวิ๋นไม่พูดอะไรและตั้งใจขับรถต่อไปเงียบๆ

ตลอดทางมีเพียงความเงียบ

บรรยากาศภายในรถค่อนข้างจะกดดันเล็กน้อย

เยี่ยชิวอยากจะหาเรื่องชวนคุยหลายครั้ง

เมื่อเวลาผ่านไปยี่สิบนาทีเต็มๆ จ้าวอวิ๋นก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน “คุณหมอเยี่ย คิดว่าคุณน่าจะกำลังสงสัยมากเลยสินะครับ?”

“ใช่ครับ” เยี่ยชิวไม่ได้ปฏิเสธ

“ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามมาเถอะครับ ขอแค่เป็นเรื่องที่ผมตอบได้ ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”

“ราชามังกรคือใครครับ?” เยี่ยชิวเริ่มถาม

คำถามนี้ติดอยู่ในใจของเขามาตลอดทาง

“ราชามังกรคือผู้ปกครองโลกใต้ดินของเจียงโจวครับ! เขาเคยเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งบนทำเนียบพยัคฆ์ด้วย!” จ้าวอวิ๋นกล่าวต่อว่า “อันที่จริงแล้ว คุณเคยเจอกับราชามังกรมาแล้วนะ”

“คงเป็นคุณปู่ที่สวมชุดคอจีนที่อยู่กับคุณวันนั้นสินะครับ?” เยี่ยชิวถาม

“ใช่ครับ”

เป็นเขาจริงๆ ด้วย!

เมื่อวานตอนที่เยี่ยชิวพบกับชายชราในชุดคอจีน เขาก็สัมผัสได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนธรรมดา ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคาดการณ์ได้ถูกต้อง

“ราชามังกรคือชื่อจริงเหรอครับ?” เยี่ยชิวถามต่อ

“ไม่ใช่ครับ เป็นแค่ฉายาเท่านั้น” จ้าวอวิ๋นตอบ “ชื่อจริงของราชามังกรคือหลงเชียนชิว ในยุทธภพผู้คนต่างเรียกขานเขาว่าราชามังกร”

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้

“ขอถามละลาบละล้วงหน่อยได้ไหมครับ คุณจ้าวเป็นอะไรกับราชามังกรเหรอครับ?” เยี่ยชิวอยากรู้ตัวตนของจ้าวอวิ๋น

“ผมเป็นบอดี้การ์ดคนสนิทของราชามังกรครับ”

“ถ้างั้นคุณก็ต้องมีวรยุทธ์ที่ร้ายกาจมากเลยสินะ?”

จ้าวอวิ๋นเพียงยิ้มบางๆ แต่ไม่ยอมตอบคำถาม

รถแล่นเข้าไปในพื้นที่ใจกลางเมือง จากนั้นก็วิ่งเข้าสู่เส้นทางบนภูเขาที่เงียบสงัดแห่งหนึ่ง เยี่ยชิวมองออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วถามว่า “พวกเราจะไปที่เขาเมฆหมอกเหรอครับ?”

“อืม ราชามังกรอาศัยอยู่บนเขาเมฆหมอกครับ”

เยี่ยชิวตกตะลึง

ใจกลางเมืองเจียงโจว มียอดเขาสูงเหนือระดับน้ำทะเลห้าร้อยเมตรอยู่ลูกหนึ่ง มีชื่อเรียกว่าเขาเมฆหมอก ภูเขาลูกนั้นมีธรรมชาติที่งดงามและทิวทัศน์ที่ตระการตา

ในช่วงแรกของการก่อตั้งประเทศ ที่แห่งนี้เป็นพื้นที่สาธารณะ ต่อมาก็ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นเขตของมหาเศรษฐีระดับสูงทั้งหลาย มีเพียงผู้มีอิทธิพลระดับสูงสุดของเจียงโจวเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์อาศัยอยู่บนเขาเมฆหมอก

สิบห้านาทีผ่านไป

คฤหาสน์หลังโอ่อ่าที่ยังคงกลิ่นอายของความเป็นจีนโบราณหลังหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตาของเยี่ยชิว มันตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไผ่ที่เขียวชอุ่ม ดูสันโดษและเงียบสงบ

รถเคลื่อนที่ตรงขึ้นไปยังจุดสูงสุดบนยอดเขา ในที่สุดรถหรูก็จอดลงที่ด้านหน้าคฤหาสน์ที่มีกลิ่นอายโบราณแห่งหนึ่ง

“คุณหมอเยี่ย พวกเรามาถึงแล้วครับ” จ้าวอวิ๋นบอก

เยี่ยชิวผงกศีรษะเบาๆ เขาลงจากรถมาก็เห็นว่าด้านหน้าคฤหาสน์มีเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่สี่นาย แต่ละคนมีร่างกำยำแข็งแรง สายตาคมกริบดุดัน

กลิ่นอายรอบๆ ตัวเจ้าหน้าที่ทั้งสี่คนนั้นคล้ายคลึงกับบรรยากาศรอบตัวจ้าวอวิ๋น แตกต่างตรงที่บรรยากาศของจ้าวอวิ๋นเข้มข้นกว่ามาก

“พี่จ้าว!”

เมื่อเห็นจ้าวอวิ๋น บอดี้การ์ดทั้งสี่คนก็ทักทายด้วยความเคารพ

“คนนี้คือเยี่ยชิว แขกที่ราชามังกรเชิญมา” จ้าวอวิ๋นชี้มาทางเยี่ยชิว

บอดี้การ์ดทั้งสี่คนมองเยี่ยชิวแวบหนึ่งแล้วรีบขยับหลบไปข้างๆ

“คุณหมอเยี่ย เชิญตามผมมาทางนี้ครับ” จ้าวอวิ๋นเดินนำทางอยู่ด้านหน้า

เยี่ยชิวก้าวผ่านประตูใหญ่ ก่อนจะเห็นลานกว้างที่มีพื้นที่มากถึงหลายร้อยตารางเมตรปรากฏสู่สายตา ภายในมีศาลาจีนตั้งริมน้ำ บ่อเลี้ยงปลาและภูเขาจำลอง แล้วยังมีพืชพรรณแปลกตาหลากหลายชนิด ให้บรรยากาศเหมือนเป็นบ้านพักตากอากาศหลบร้อน

ตรงกลางของลานกว้าง มีต้นอู๋ถงขนาดใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง คาดว่าน่าจะมีอายุนับร้อยปีแล้ว กิ่งก้านใบแผ่ขยายเป็นพุ่มใหญ่

ใต้ต้นอู๋ถงมีโต๊ะหินสี่เหลี่ยมตั้งอยู่

บนโต๊ะตัวนั้นมีกระดาษคัดอักษรวางอยู่เต็มไปหมด

ราชามังกรกำลังคัดอักษรอยู่

“ตอนที่ราชามังกรกำลังคัดอักษรไม่ชอบให้ใครเข้าไปรบกวน คุณเยี่ยช่วยเดินเบาๆ หน่อยนะครับ” จ้าวอวิ๋นกระซิบเตือน

เยี่ยชิวพยักหน้ารับ

ทั้งสองเดินไปถึงข้างกายราชามังกร เยี่ยชิวชะโงกหน้าไปมอง เห็นประโยคหนึ่งถูกเขียนไว้บนกระดาษ

“ข้าพึงปรารถนาจะกอบกู้เอกราชเพื่อองค์จักรพรรดิ เพื่อธำรงชื่อเสียงอันดีงามไว้หลังชีวาวาย น่าเสียดายที่กลายเป็นคนผมขาวเสียแล้ว”

ลายเส้นพู่กันคดเคี้ยวดุจมังกรงู ลงน้ำหนักจนหมึกซึมทะลุด้านหลังกระดาษ ภายในตัวอักษรเหล่านั้นยังแฝงจิตแห่งการฆ่าฟันอันไร้เทียมทานเอาไว้ด้วย

“ตัวอักษรก็งดงามอยู่หรอก แต่น่าเสียดาย...”

เยี่ยชิวหลุดปากพูดออกไป

“น่าเสียดายอะไรเหรอ?” ราชามังกรถามเสียงเรียบ

“น่าเสียดายที่จิตสังหารรุนแรงเกินไป”

แกร๊ก!

ราชามังกรวางพู่กันในมือลงแล้วเงยหน้าขึ้น สายตาจับจ้องเยี่ยชิวที่เพิ่งมาถึง

พริบตานั้น

เยี่ยชิวก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกสัตว์ร้ายสุดยิ่งใหญ่จับจ้อง ขนทั่วร่างลุกเกรียวขึ้นมาพร้อมกัน

จ้าวอวิ๋นเห็นแบบนั้นก็รีบบอกว่า “เยี่ยชิว ยังไม่รีบขอโทษท่านราชามังกรอีก”

“นายรู้จักการคัดอักษรด้วยเหรอ?” ราชามังกรชิงเอ่ยถามก่อนที่เยี่ยชิวจะขอโทษ

“พอจะรู้อยู่บ้างครับ”

ในบรรดาการสืบทอดของบรรพชนตระกูลเยี่ย มีความรู้ที่เกี่ยวกับการคัดอักษรอยู่ไม่น้อยเลย

“เมื่อกี๊เธอบอกว่าจิตสังหารมันรุนแรงเกินไป คิดว่ามโนภาพตอนที่ฉันคัดตัวอักษรพวกนี้มันไม่ถูกต้องเหรอ?” ราชามังกรถามอีกครั้ง

เยี่ยชิวทำเป็นใจแข็งตอบกลับไปว่า “บทกวีนี้ประพันธ์ขึ้นโดยซินชี่จี๋ เขาคือแม่ทัพต่อต้านราชวงศ์ผู้เลื่องชือในสมัยซ่งใต้ เขาพยายามจะทวงคืนผืนดินที่สูญเสียไปอย่างสุดกำลัง แต่กลับถูกกีดกันและขัดขวาง ไม่ได้รับมอบหมายภารกิจใดเป็นเวลานาน ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างว่างเปล่าเกือบยี่สิบปี”

“กวีบทนี้ ซินชี่จี๋ประพันธ์ขึ้นมาขณะอาศัยอย่างโดดเดี่ยวในซิ่นโจว ด้วยความรู้สึกหมองหม่น”

“ในบทกวีของเขาแสดงออกถึงปรารถนาอันแรงกล้าที่จะฆ่าฟันศัตรูเพื่อตอบแทนชาติบ้านเมือง สร้างชื่อเสียงและคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่ แต่ทว่า ประโยค ‘น่าเสียดายที่กลายเป็นคนผมขาวเสียแล้ว’ หมายถึงซินชี่จี๋ไม่อาจทำเพื่อประเทศชาติได้อีกแล้ว บรรยายถึงความอัดอั้นตันใจ ความเจ็บปวดและความเดือดดาลที่ยากจะบรรยายด้วยคำพูดได้!”

“แต่ตัวอักษรที่คุณเขียนมันคมกริบเหมือนปลายตะขอ จิตสังหารรุนแรง ตรงกันข้ามกับสภาพจิตใจของผู้ประพันธ์อย่างสิ้นเชิง มันเต็มไปด้วยพลังยิ่งใหญ่ราวกับพยัคฆ์ร้ายที่พร้อมกลืนกินศัตรู มันทำให้ผมนึกถึงบทกวีหนึ่งของโจโฉที่บอกว่า ม้าแก่เพียงกาย ใจหมายพันลี้ นักรบแก่เพียงปี องอาจกล้าหาญไม่เสื่อมคลาย”

ราชามังกรจ้องมองเยี่ยชิวด้วยสายตาล้ำลึกดุจก้นเหว แม้จะไม่พูดอะไร แต่บรรยากาศรอบตัวอันยิ่งใหญ่ของเขายังคงมีอยู่เหมือนเดิม

เยี่ยชิวหวั่นวิตกอย่างหนัก หน้าผากของเขามีเหงื่อผุดซึมออกมา

ผ่านไปราวสองนาทีเต็มๆ ราชามังกรก็หัวเราะออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “เยี่ยชิว นายยอดเยี่ยมมาก”

หลังได้ยินประโยคนั้น เยี่ยชิวก็พรูลมหายใจอย่างโล่งอก

จากนั้น ราชามังกรก็ถามเขาอย่างเป็นมิตรว่า “เยี่ยชิว ฉันให้จ้าวอวิ๋นไปเชิญนายมา คงไม่ได้รบกวนการทำงานของนายหรอกนะ?”

“ไม่เลยครับ”

“งั้นก็ดีแล้ว” ราชามังกรเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า พูดออกมาอย่างหนักแน่นว่า “เยี่ยชิว ฉันเชิญตัวนายมาเพราะมีเรื่องบางอย่างอยากขอให้นายช่วย”

“เรื่องอะไรเหรอครับ?” เยี่ยชิวถาม

“ฉันอยากขอให้นายช่วยรักษาฉันหน่อย” ราชามังกรเอ่ย “ฉันกำลังจะตาย”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • แพทย์เทวดาสะท้านภพ   บทที่ 40

    เจียงโจวมีภูเขาที่มีชื่อเสียงสองลูก หนึ่งในนั้นคือภูเขาเมฆหมอกที่เต็มไปด้วยคนมีอำนาจและร่ำรวย อีกลูกหนึ่งคือภูเขาหนานซานที่รกร้างไร้ผู้คนขณะนี้บนยอดเขาหนานซาน ลูกน้องของจ้าวอวิ๋นกำลังใช้พลั่วขุดหลุมอย่างแข็งขันขณะที่เหลยหู่ ถูกมัดอย่างแน่นหนา คุกเข่าอยู่ต่อหน้าเยี่ยชิวเพื่ออ้อนวอนขอความเมตตา"คุณเยี่ย ได้โปรดอย่าฆ่าผมเลยครับ เรื่องทั้งหมดนี้เป็นคำสั่งของกัวเส้าชง กัวเส้าชงบอกว่าถ้าผมฆ่าคุณกับแม่ของคุณได้ เขาจะให้ผมห้าล้านบาท"แม้ว่าเหลยหู่จะตัวใหญ่ล่ำสัน มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า ดูเหมือนคนดุร้ายใจเหี้ยม แต่ตอนนี้เขากลัวจนตัวสั่นระริก"เขาบอกให้แกฆ่าคน แกก็ฆ่า ถ้าเขาบอกให้แกกินขี้ แกก็จะกินใช่ไหม?" เยี่ยชิวพูดด้วยสีหน้าเย็นชา"คุณเยี่ย ถ้าคุณปล่อยผมไป ตั้งแต่นี้ต่อไป ผมจะรับใช้คุณเหมือนวัวเหมือนม้า ไม่สิ ผมจะเป็นหมาของคุณก็ได้ โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง..." เหลยหู่ถึงกับเลียนเสียงหมาเห่า"อยากเป็นหมาของฉัน แกยังไม่มีคุณสมบัติพอ" เยี่ยชิวตัดสินใจขุดรากถอนโคนเพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมาภายหลัง"คุณเยี่ย คุณใช้ชีวิตอยู่กับแม่เพียงลำพัง แม่ของคุณก็รักคุณมาก คุณเคยคิดถึงใจเธอบ้างไหม? ถ้าคุณฆ่าผม คุณก

  • แพทย์เทวดาสะท้านภพ   บทที่ 39

    ตอนนั้นเยี่ยชิวไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ไม่คิดว่ากัวเส้าชงจะลงมือรวดเร็วขนาดนี้ เพื่อจะฆ่าตนเอง นอกจากจะเรียกพวกนักเลงมาแล้ว ยังลักพาตัวแม่เขามาอีกเยี่ยชิวหันไปมองเฉียนจิ้งหลันแวบหนึ่ง เฉียนจิ้งหลันเอ่ยทั้งน้ำตา “ชิวเอ๋อร์ สัญญากับแม่ อย่าฆ่าคนนะลูก อย่าทำเรื่องผิดกฎหมายได้ไหมลูก?”“ได้” เยี่ยชิวยอมปล่อยมือเหลยหู่เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ เขาล้มไปนอนกองกับพื้นเยี่ยชิวช่วยแกะเชือกที่มัดมือมัดเท้าของเฉียนจิ้งหลันออก ก่อนจะช่วยจัดทรงผมให้เฉียนจิ้งหลันเล็กน้อย บอกด้วยความรู้สึกผิดว่า “แม่ครับ เป็นความผิดของผมเอง แม่ต้องพลอยติดร่างแหมาด้วย”“แม่ไม่เป็นไร” เฉียนจิ้งหลันลุกขึ้นยืนโดยมีเยี่ยชิวช่วยประคองตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าอันเร่งรีบจำนวนหนึ่งก็ดังมาจากด้านนอกสองวินาทีต่อมา จ้าวอวิ๋นก็ปรากฏตัวจ้าวอวิ๋นสวมชุดดำทั้งตัว ใบหน้าเคร่งขรึมดุดัน ด้านหลังของเขามีผู้ชายร่างกายบึกบึนติดตามมาสี่คนเมื่อเห็นว่าเยี่ยชิวกับเฉียนจิ้งหลันปลอดภัยดี จ้าวอวิ๋นก็พรูลมหายใจอย่างโล่งอกจากนั้น เขาก็กวาดตามองสถานการณ์โดยรอบเมื่อเห็นว่ามีคนนอนสลบเกลื่อนพื้นอยู่สิบกว่าคน จ้าวอวิ๋นก็มีสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด เขา

  • แพทย์เทวดาสะท้านภพ   บทที่ 38

    เยี่ยชิวมองเหลยหู่ด้วยสายตาเย็นเยียบ ถามอย่างไร้ความปรานี“บอกมา แกอยากตายยังไง?”นับตั้งแต่วินาทีที่เหล่ยหู่ตบหน้าเฉียนจิ้งหลัน เยี่ยชิวก็คิดจะฆ่าเขาทิ้งนานแล้วเหล่ยหู่รู้สึกหวาดกลัวเยี่ยชิวจับใจ แต่ยังทำเป็นปากแข็ง เขากล่าวอย่างชั่วร้ายว่า “ไอ้เด็กเวร แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”“ไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย” เยี่ยชิวตอบ “กล้าแตะต้องแม่ฉัน จุดจบมีเพียงอย่างเดียว คือตาย”“แกจะฆ่าฉันเหรอ?” เหลยหู่หัวเราะขึ้นมาเสียอย่างนั้น “อย่าบอกนะว่านายไม่รู้ การฆ่าคนเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะ?”เพี๊ยะ!เยี่ยชิวปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเหลยหู่ราวกับภูตผี ก่อนจะตบหน้าเหลยหู่อย่างแรงเหลยหู่ถึงกับตัวแข็งทื่อ เขายังไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะถูกตบหน้า อีกทั้งคนที่ตบเขายังเป็นแค่ผู้ช่วยพยาบาลตัวเล็กๆ ที่ไม่มีพื้นเพอะไรเลยด้วย!นี่มันเป็นเรื่องที่...น่าอับอายขายหน้าที่สุด!โกรธ! เขาเดือดดาลมาก!เหลยหู่รู้สึกว่าในอกของเขามีเพลิงโทสะกำลังลุกไหม้ เขาแทบอยากจะสับเยี่ยชิวเป็นพันๆ หมื่นๆ ชิ้น“แกไม่รู้หรือไงวะว่าฉันเป็นใคร?” เหลยหู่ตะเบ็งเสียงถาม“ฉันไม่สนใจหรอกว่าแกจะเป็นใครมาจากไหน ฉันจะถามอีกครั้ง แกอยากตายแบบไ

  • แพทย์เทวดาสะท้านภพ   บทที่ 37

    อย่างไรก็ตาม ไม้เบสบอลหยุดชะงักกลางอากาศ เมื่ออยู่ห่างจากศีรษะของเยี่ยชิวประมาณยี่สิบเซนติเมตรชายหนุ่มพยายามเพ่งมอง จึงพบว่าปลายอีกด้านของไม้เบสบอลถูกเยี่ยชิวใช้มือจับไว้"โอ้ ตอบสนองเร็วดีนี่" ชายหนุ่มยิ้มแล้วออกแรงดึงแต่ไม้เบสบอลในมือของเยี่ยชิวเหมือนมีแม่เหล็กดูดเอาไว้ ไม่ว่าชายหนุ่มจะออกแรงแค่ไหน ก็ไม่สามารถขยับมันได้แม้แต่น้อย“มีเรี่ยวแรงอยู่แค่นี้กลับกล้าโผล่หัวมาคนแรก ชอบเป็นตัวประกอบหรือไง?”เยี่ยชิวออกแรงที่ข้อมือเล็กน้อย ไม้เบสบอลก็ถูกเขาแย่งมาอยู่ในมือแทน จากนั้นเขาก็หวดไม้กลับไปที่หน้าอกของชายหนุ่มปัง!ร่างของชายหนุ่มลอยกระเด็นออกไป ชนกระแทกพื้นที่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร เลือดพุ่งออกจากปากและหมดสติไปทันทีนี่...ความตกตะลึงปรากฏในแววตาของทุกคนโดยเฉพาะกัวเส้าชงที่มองเยี่ยชิวเหมือนเห็นผี โพล่งด้วยความตกใจว่า "เขาแข็งแรงขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"สีหน้าของเหลยหู่มืดครึ้มลงอย่างเห็นได้ชัดแต่ใครจะรู้ว่า ตัวเยี่ยชิวเองก็ตกใจเช่นกันการตีครั้งนี้ เขาใช้แรงเพียงห้าส่วน ก็ทำให้ชายหนุ่มกระเด็นออกไปและหมดสติได้ งั้นถ้าใช้แรงเต็มสิบส่วน จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?เกรงว่าจะฟ

  • แพทย์เทวดาสะท้านภพ   บทที่ 36

    เยี่ยชิวรีบมาที่นี่มาก เขาจึงยังใส่ชุดผู้ช่วยพยาบาลอยู่ ประกอบกับรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาและสะอาดเกลี้ยงเกลา ทำให้มองเผินๆ แล้วเหมือนนักเรียนคนหนึ่ง ทว่าตัวเขาในยามนี้ มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะ แววตาสองข้างทอประกายเย็นชา"พี่เหลย เขามาแล้ว" กัวเส้าชงพูดพร้อมรอยยิ้มเหลยหู่หันไปมอง เห็นเยี่ยชิวเดินเข้ามาในตึกร้าง จึงปล่อยผมของเฉียนจิ้งหลัน แค่นเสียงเย็นชาแล้วบอกว่า "เดี๋ยวจัดการลูกชายเธอเสร็จแล้ว ฉันจะมาจัดการเธอต่อ"เฉียนจิ้งหลันเห็นเยี่ยชิวก็ตะโกนเสียงดังว่า "ชิวเอ๋อร์ รีบหนีไป พวกเขาคิดจะฆ่าลูก”"จัดการ!"เหลยหู่กลัวว่าเยี่ยชิวจะหนี จึงออกคำสั่งทันควัน พวกลูกน้องที่ถือไม้กระบองก็รีบวิ่งเข้าไปล้อมเยี่ยชิวไว้เยี่ยชิวไม่สนใจคนพวกนี้ สายตาของเขาจดจ้องที่ใบหน้าของเฉียนจิ้งหลัน ถามด้วยความเป็นห่วงว่า "แม่ครับ แม่เป็นอย่างไรบ้าง?""แม่ไม่เป็นไร ชิวเอ๋อร์ รีบหนีไปซะ พวกเขาจะฆ่าลูก..."เพี๊ยะ!เหลยหู่ตบหน้าเฉียนจิ้งหลันฉาดหนึ่งแล้วด่าว่า “ถ้ายังไม่เลิกโวยวาย ฉันจะฆ่าเธอด้วย”ทันใดนั้น สายตาของเยี่ยชิวก็เบนไปทางร่างของเหลยหู่แทน เขาเอ่ยเสียงเย็นเยียบว่า “กล้าตบแม่ฉันเหรอ แกตายแ

  • แพทย์เทวดาสะท้านภพ   บทที่ 35

    "กรี๊ด!" เฉียนจิ้งหลันตกใจรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเหลยหู่ ถามอย่างเสียขวัญว่า "คุณเป็นใคร? คุณคิดจะทำอะไร?"เหลยหู่หัวเราะในลำคอก่อนพูดว่า "ไม่ต้องกลัว ที่นี่ปลอดภัยมาก แค่คุณยอมเชื่อฟังผม ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยเอง""คุณเป็นใครกันแน่?" เฉียนจิ้งหลันถามเสียงแข็งเมื่อสังเกตเห็นว่ามีชายอีกสิบกว่าคนกำลังยืนถือไม้กระบองอยู่ เธอก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา"อีแก่ แกจำฉันไม่ได้แล้วเหรอ?" กัวเส้าชงหันหน้ากลับมา มองเฉียนจิ้งหลันอย่างเย็นชา"หมอ...หมอกัว? ทำไมเป็นคุณล่ะคะ? ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?" เฉียนจิ้งหลันประหลาดใจมาก"ทำไมฉันถึงอยู่ที่นี่? ฮ่าๆๆ ถามได้ดีมาก ฉันจะบอกความจริงให้ฟังก็ได้ ฉันกำลังรอลูกชายสุดที่รักของเธออยู่""รอเยี่ยชิว? หมอกัว คุณรอเยี่ยชิวทำไมคะ?" เฉียนจิ้งหลันยังไม่เข้าใจสถานการณ์"เดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละ" ใบหน้าของกัวเส้าชงปรากฏแววอำมหิตเฉียนจิ้งหลันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เธอพยายามดิ้นรนและตะโกนว่า "ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ""แจ้งตำรวจ?" กัวเส้าชงแสยะยิ้มด้วยความสมเพช "แกอยู่ในสภาพแบบนี้ จะมีปัญญาแจ้งตำรวจงั้นเหรอ?"ทั้งมือและเท้าของเฉียนจ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status