คฤหาสน์ครอบครัววิคเตอร์
ร่างเล็กกะพริบตามองความใหญ่โตของบ้านครอบครัวคู่หมั้นผ่านรั้วสูง เธอว่าบ้านเธอใหญ่มากแล้ว แต่หลังนี้ทำบ้านสวยของเธอเป็นกระต๊อบหลังน้อยไปเลย ไม่ต้องบอกก็รู้ถึงความร่ำรวยอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
ขณะที่กำลังลังเลสองจิตสองใจว่าควรเข้าไปดีหรือไม่ ประตูเหล็กหนาก็ขยับเลื่อนตัวออกราวกับรับรู้การมาถึงของหญิงสาว อันดามันสูดหายใจเรียกขวัญกำลังใจตัวเองอีกครั้ง วันนี้นอกจากมากินข้าวพร้อมครอบครัวฝ่ายชายแล้ว เธอก็อยากมาเจรจาบางอย่างกับชายหนุ่มด้วย
เธอรู้ว่าวิคเตอร์ก็ไม่เต็มใจหมั้นหมายเช่นกัน หากทั้งคู่พูดคุยตกลงกันได้ เธอก็เพียงนอนกระดิกเท้ารอเวลาเพื่อให้พ่อแม่กลับมา แล้วสัญญาหมั้นหมายทั้งคู่ก็จะสิ้นสุดลง
มือน้อยหักเลี้ยวพวงมาลัย นำรถสปอร์ตสีดำลูกรักเข้าไปจอดภายในพื้นที่รอบคฤหาสน์หลังใหญ่ ตลอดทางที่ขับผ่านรายล้อมไปด้วยสวนสวยสไตล์ยุโรป ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดไปอีกประเทศ ร่างเล็กมองซ้ายมองขวาหาจุดจอดรถ จนมีลุงยามเดินมาโบกมือให้ไปจอดยังลานจอดรถข้างตัวบ้าน
"คุณอันดามันใช่ไหมครับ"
"อ๋อ ชะ...ใช่ค่ะ"
"คุณนายกับคุณท่านรออยู่ด้านในแล้วครับ เชิญเข้าไปได้เลย"
"ขอบคุณค่ะ" เธอค้อมศีรษะให้คนสูงวัยกว่า หยิบเพียงกระเป๋าถือใบเล็กติดมือลงมาเท่านั้น
หญิงสาวสำรวจไปทั่วอาณาบริเวณกว้างกว่า 3 ไร่ เดินไปตามทางเดินหินสีเทาเข้ม ผ่านประตูโค้งบานใหญ่เพื่อเข้าสู่ตัวคฤหาสน์ ด้านในถูกตกแต่งไว้อย่างวิจิตรบรรจง เครื่องเรือนและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนนำเข้าจากต่างประเทศ ฝาผนังก็เรียงรายด้วยภาพวาดสวยงาม แต่ประหลาดบ้าง ขณะยืนเก้ๆ กังๆ สำรวจภายในอยู่นั้น เสียงหวานทรงอำนาจก็เรียกสติหญิงสาวกลับมา
"สวัสดีอีกครั้งนะจ๊ะหนูอัน"
"สวัสดีค่ะน้าโซเฟีย" ร่างเล็กยกมือไหว้ พยายามรีดเร้นความทรงจำสมัยประถมตอนเรียนมารยาทผู้ดีเพื่อไหว้ให้นอบน้อมที่สุด "เรื่องเมื่อวานอันต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำตัวเสียมารยาทลงไป"
"น้าอะไรกัน เรียกฉันว่าแม่ได้แล้ว อีกหน่อยก็จะมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว" ร่างสูงโปร่งฉีกยิ้มหวานให้ พลางเดินมาคล้องแขนสะใภ้ที่ตนหมายตา
"คะ...ค่ะ"
โซเฟีย แม้อายุจะเข้าสู่เลข 5 แล้ว แต่เธอก็ยังมีความสดสวยไม่เปลี่ยนแปลง กาลเวลาไม่อาจลดเลือนความงามเธอได้ ใบหน้าโฉบเฉี่ยว มั่นใจ ของสาวลูกครึ่งแสดงเด่นชัดบนหน้า จมูกโด่งเกินกว่าสาวชาวไทย ริมฝีปากหนาได้รูปเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสหรูสีขาวให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพบราชินีแสนใจดีแต่ทรงอำนาจ
คุณนายเจ้าของบ้านลอบมองอนาคตลูกสะใภ้ด้วยแววตาพึงพอใจ ขณะชวนคนตัวเล็กคุยระหว่างทางเดินไปห้องรับแขก ผลการเรียนอันดามันยอดเยี่ยม เป็นเด็กกิจกรรม และสิ่งที่โซเฟียชื่นชอบมากที่สุดก็คือสถานะครอบครัวที่ใกล้เคียงกัน บริษัทผลิตสื่อโฆษณาของสิมิลันก็เอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจครอบครัวเธอ อีกทั้งยังเป็นรุ่นน้องมหาวิทยาลัยที่สนิทสนมกัน แม้คนตัวเล็กจะดื้อรั้นไปบ้างแต่ก็เป็นคนมีความสามารถ การหมั้นหมายครั้งนี้มีแต่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย เธอไม่มีทางปล่อยสาวคุณภาพแบบนี้ให้หลุดมือไปง่ายๆ แน่นอน
อันดามันแอบขนลุกวาบอย่างไม่มีสาเหตุกับสายตามาดมั่นของมารดาคู่หมั้น เหมือนตัวเองกำลังจะตกเป็นเหยื่อของเธอยังไงไม่รู้
"หนูอันนั่งเล่นในห้องนี้ก่อนสักครู่นะจ๊ะ แม่ขอไปดูความเรียบร้อยอีกหน่อย"
"ได้ค่ะ"
วันนี้คนตัวเล็กพยายามวางตัวให้เรียบร้อยที่สุด ไม่ใช่เพื่อประจบเอาใจอีกฝ่าย แต่เธอมีบางอย่างอยากจะเจรจากับโซเฟียด้วย
เธอนั่งรออยู่ในห้องรับแขกกว้าง พื้นบ้านปูด้วยหินอ่อนอย่างดีช่วยให้ตัวบ้านรู้สึกเย็นสบายแม้ไม่เปิดแอร์ ภายในประดับด้วยงานศิลปะทั้งรูปภาพ งานปั้น แจกันดอกไม้รูปทรงแปลกๆ บ่งบอกถึงรสนิยมเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี ขณะที่กำลังชื่นชมการแต่งบ้านอยู่นั้น สายตาก็เหลือบเห็นร่างสูงใหญ่ของชายคนหนึ่งเดินผ่านกระจกระเบียงนอกบ้านที่เปิดอ้าไว้ ร่างบางไม่รอช้าลุกพรวดกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไปทันที
"นี่! นี่เดี๋ยวนายน่ะ! คุยกันก่อน" เธอตะโกนร้องเรียกอีกฝ่ายไปด้วย
ร่างสูงใหญ่ชะงักฝีเท้าหมุนตัวกลับมา ขมวดคิ้วแปลกใจที่เห็นคนตัวเล็กเดินป้วนเปี้ยนในบ้านของตน
เธอใช้มือป้องตากันแสงแดดที่ส่องตรงเข้ามา แหงนหน้ามองคนตัวสูง แดดยามเย็นสีส้มจัดเป็นฉากหลังทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มมืดจนมองรายละเอียดได้ไม่ชัด แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ รีบพูดสิ่งที่ต้องการออกไปทันที
"นี่ ฉันรู้นะว่านายไม่เต็มใจหมั้น และฉันเองก็ด้วย เลยอยากมาคุยให้รู้เรื่องก่อน"
"อ่าฮะ ว่าไง"
ร่างสูงกระตุกยิ้ม ล้วงกระเป๋าพยักหน้ารับโดยดี ท่าทางว่าง่าย ขี้เล่นทำให้หญิงสาวตงิดใจขึ้นมา แต่เธอปัดข้อสงสัยทิ้งไป มองจากรูปร่างสูงใหญ่ก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายคือคู่หมั้นตนแน่นอน
"เราสองคนจะไม่วุ่นวายก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ต่างคนต่างอยู่ หลังแม่ฉันกลับมาจะถอนหมั้นทันที เข้าใจ๊?"
"เธอนี่น่ารักกว่าที่คิด"
"ฮะ?" ร่างเล็กขมวดคิ้ว ไม่สบอารมณ์กับคำชมที่ได้รับ
"แต่เรื่องถอนหมั้นคงไม่ง่ายแบบนั้น อย่าดูถูกแม่ของฉันเชียว"
"เดี๋ยวแม่ฉันจัดการเอง เธอรับปากฉันไว้แล้ว ระหว่างนี้นายก็อยู่ให้ห่างฉันด้วยแล้วกัน ถ้าไม่อยากถูกหักกระดูก"
"เอาจริงดิ ตัวแค่นี้?"
ร่างสูงโน้มกายลงมาใกล้ เพื่อสำรวจร่างกายคนตัวเล็ก อันดามันถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ถึงรู้ว่าเขาไม่ใช่วิคเตอร์คู่หมั้นของเธอ
"เอ๊ย! นายเป็นใครเนี่ย" เธอกระเด้งกายถดหนีมองใบหน้าเจ้าเล่ห์อย่างหวาดระแวง
"อะไรกัน ที่เขาลือว่าเมื่อวานเธอแฮงก์หนักคือเรื่องจริงสินะ ถึงไม่ได้สังเกตอะไรในงานเลย"
"แล้วมันเกี่ยวอะไร"
"งั้นขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ฉันคาเตอร์ น้องชายไอ้วิคเตอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก"
"..."
ร่างเล็กอยากจะทุบหัวตัวเองจริงๆ ที่ดันปล่อยไก่ทำเรื่องหน้าแตกตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้าน ระบายลมหายใจก่อนจะมองมือที่ถูกส่งมาทักทายด้วยความลังเล
แต่ในขณะที่กำลังเอื้อมไปจับ น้ำเสียงฉุนเฉียวก็ขัดจังหวะเสียก่อน
"มายืนทำอะไรกันตรงนี้!"
เธอหันกลับมาก็พบร่างหนาสูงใหญ่ราวกำแพงหินยืนหน้านิ่วกอดอกจ้องมาด้วยแววตากดดันอยู่ด้านหลัง ส่วนหนุ่มอีกคนที่เธอคุยด้วยก็ยกยิ้มอารมณ์ดีตอบกลับให้แทน
"ทักทายพี่สะใภ้อยู่ ตัวเล็กน่ารักน่าฟัดไปหมดเลย" เขาพูดพลางยิ้มกว้างจนตาหยี
"กวนตีนแล้ว... ส่วนเธอหยุดอ่อยน้องชายฉันด้วย"
"ไอ้นี่! ใครอ่อยวะ อย่ามาพูดหมาๆ" คำสบประมาทของคู่หมั้นหนุ่มทำเธอควันออกหู กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายลงมาเตรียมเอาเรื่องเต็มที่
วิคเตอร์ตกใจเล็กน้อยกับเรี่ยวแรงของเธอ แต่ก็คิดว่าเพราะตนเองคงไม่ทันระวังตัวมากกว่า แอบหงุดหงิดกับคำพูดและท่าทางห้าวๆ เหมือนนักเลง สองสายตาสบประสานอย่างไม่มีใครยอมใคร จนคาเตอร์ต้องมาช่วยแยกทั้งคู่ออกก่อนจะได้ลงมือลงไม้กันจริงๆ
"แหม พี่ชายหึงคู่หมั้นเหรอเนี่ย หัดพูดจาดีๆ กับผู้หญิงหน่อยสิ"
"ไม่ต้องเสือก เอาเรื่องตัวเองให้รอดเถอะ" วิคเตอร์ตอบ แล้วปัดมือบางออกจากคอเสื้อ ยืดกายยืนเต็มความสูง ทำให้เห็นว่าหญิงสาวมีความสูงไม่ถึงอกเข้าด้วยซ้ำ ยิ่งมองเธอก็ยิ่งขัดใจไปหมด
"หึ กูก็อุตส่าห์หวังดี งั้นคุยกันเอง อย่าตีกันก่อนอาหารแล้วกัน" คาเตอร์ยักไหล่ไม่สนใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปตามจุดหมายแรกก่อนถูกอันดามันรั้งตัวไว้
วิคเตอร์หลุบมองคนตัวเล็กทิ้งท้ายอย่างไม่ชอบใจ เตรียมเดินเข้าบ้าน แต่เธอก็กระชากแขนเอาไว้ก่อน
"ฉันยังไม่จบเรื่องกับนาย!"
"เพิ่งรู้ว่าเธอมีสิทธิ์ออกคำสั่งใส่ฉัน" ร่างสูงแสยะยิ้มร้ายพร้อมสะบัดแขนออกจากการจับกุม ส่งสายตาท้าทายมาให้
"ฉันจะคุยเรื่องการหมั้น"
"ว่ามาสิ"
"ระหว่างที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ห้ามนายมาวุ่นวายหรือคิดล่วงเกินฉันเด็ดขาด"
"ฉันมากกว่าที่ต้องพูดคำนั้น เธอต้องย้ายมาอยู่กับฉันเป็นเดือน อย่าหลงเสน่ห์ฉันก็แล้วกัน... แล้วเลิกมั่นหน้าได้แล้ว เธอไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด" ร่างสูงว่าพร้อมกวาดสายตาประเมินคนตัวเล็กอีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้า
วันนี้เธอสวมกางเกงขายาวห้าส่วนสีน้ำตาลเข้ม เสื้อด้านในสีขาวคลุมทับด้วยเสื้อสูทตัวใหญ่สีน้ำตาลลายตารางดูเป็นทางการ ขับเน้นภาพลักษณ์สาวห้าวเด่นชัด ใบหน้าสวยหยาดเยิ้มแสนยั่วยวนบึ้งตึงดูอารมณ์เสียไม่ใช่น้อย ความประทับใจในตัวคู่หมั้นติดลบ
"เหอะ! ไม่แน่ก็ไม่ต้องไปอยู่"
"ทำได้?" ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามกลับในท่ากวนประสาท
"แม่นายดูใจดีออก ฉันจะคุยเรื่องนี้กับเธอเอง แล้วถ้าฉันไม่ต้องย้ายไปอยู่ด้วย ต่อไปก็อย่าโผล่หน้าให้เห็นก็แล้วกัน ฉันแค่รอแม่ฉันกลับก็จะถอนหมั้นทันที"
"หึ ประเมินแม่ฉันต่ำไปหน่อยหรือเปล่า"
"..."
ใจเธอแกว่ง เริ่มไม่มั่นใจเมื่อเห็นรอยยิ้มร้ายกาจของชายหนุ่ม เพราะในความรู้สึกเธอ โซเฟียก็ดูเป็นคนใจดีน่าเคารพและเอ็นดูเธอมากทีเดียว การเจรจาต่อรองจึงไม่น่าจะเป็นปัญหา
"แล้ววันนี้ก็อย่าได้ตามฉันกลับคอนโดแล้วกัน"
วิคเตอร์สบประมาททิ้งท้ายและเดินจากไป ปล่อยให้คนตัวเล็กยืนกระฟัดกระเฟียดตามลำพัง จนแม่บ้านเดินมาตามให้ไปรับประทานอาหารเย็นได้แล้ว
อันดามันและวิคเตอร์ช่วยกันพาลูกแฝดอาบน้ำเตรียมเข้านอน ก่อนจะจูงมือกันกลับห้องของตัวเอง บรรยากาศในห้องเงียบเชียบมีเพียงแค่แสงไฟจากภายนอกลอดเข้ามาผ่านหน้าต่างบานใหญ่เท่านั้น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มไปตั้งแต่เย็นทำให้ทั้งคู่ตกอยู่ในอาการกรึ่มเล็กน้อย ดวงตาหยาดเยิ้มฉ่ำวาวของหญิงสาวช้อนมองสามีอย่างสื่อความหมาย ก่อนจะเป็นฝ่ายพาเขามายังเตียงกว้างริมฝีปากของทั้งคู่ถูกดึงดูดเข้าหากันอัตโนมัติ ไม่ต้องมีสัญญาณหรือคำบอกกล่าวใดๆ ก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย ลมหายใจชายหนุ่มปั่นป่วน รวบร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อนกอดแนบแน่น บรรจงถ่ายทอดความรู้สึกมากล้นให้อกให้เธอรับรู้ผ่านจุมพิตหวานซาบซ่านร้อนแรงท่อนแขนบางก็โอบรอบลำคอเขาเอาไว้ แหงนหน้าสุดความสามารถเพื่อตอบสนองรสจูบจากสามีที่สูงกว่าเกินฟุตกลีบปากฉ่ำนุ่มขบเม้มหยอกล้อกันไปมา ก่อนที่เรียวลิ้นทั้งคู่จะกระหวัดเกี่ยวรั้น รุกไล้ไล่ต้อนกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใครหัวใจเธอเต้นเร็วขึ้นจากทั้งฤทธิ์แอลกอฮอล์และอาการตื่นตัววาบหวามตอนนี้ เพียงแค่ลิ้นร้อนแทรกลึกเข้ามากวาดต้อนตักตวงน้ำลายใสในโพรงปาก ท้องน้อยเธอก็วูบหวิวเสียวสะท้านขึ้นมาจนต้องจิกขยุ้ม
สัปดาห์ต่อมากลุ่มเพื่อนของวิคเตอร์เหมือนว่าจะเหงาอยากหาเรื่องเจอกัน จึงได้นัดรวมตัวกันที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของวิคเตอร์ในเย็นของวันเสาร์ ทำให้ทั้งวันอันดามัน ต้องเตรียมสถานที่ คือสวนข้างบ้านเอาไว้รองรับเพื่อนฝูงและบรรดาลูกๆ ของพวกเขา อันดามันไม่ใช่แม่บ้านแม่เรือนนัก อาหารส่วนใหญ่จึงโทรสั่งเอา พวกข้าวผัด น้ำแกง และพวกซีฟู้ด บาบีคิวของสดทั้งกุ้ง หอย ปู เอาไว้ให้หนุ่มๆ ได้ปิ้งย่างเป็นกับแกล้มส่วนของเด็กๆ ก็ได้เตรียมพวกขนม น้ำหวานและอาหารรสอ่อนเอาไว้ให้ ทั้งของทอด สปาเกตตีหมูสับ จนกระทั่งเกือบบ่าย 3 โมง มิลินและไคโรก็เดินทางมาถึงเป็นคู่แรกพร้อมน้องมีอาและมาติน เด็กทั้งคู่ท่าทางสดใสร่าเริงฉีกยิ้มกว้างทักทายเจ้าของบ้าน ก่อนจะแยกไปหาลูกแฝดของเธอที่เล่นน้ำคลายร้อนยังสระว่ายน้ำข้างบ้าน ไคโรและวิคเตอร์จึงตามออกไปดูความปลอดภัย ปล่อยให้สองสาวเม้าท์กันตามประสาสาวๆ“นี่เมื่อวานลินหมักซี่โครงหมูไว้ด้วย ตั้งใจเอามาย่างเย็นนี้” มิลินเอ่ยพลางชูถุงในมือให้ดู ความเป็นแม่บ้านแม่เรือนทำให้หญิงสาวชอบเข้าครัว และทดลองทำอาหารเมนูใหม่ๆ เสมอ ผิดกับเจ้าของบ้านที่ทอดไข่ยังไม่สุก“ดีๆ
หลังจากรู้ความจริงว่าทุกอย่างที่คิดตลอดหลายวันเป็นแค่ความเพ้อเจ้อของตัวเองเท่านั้น ทำให้เธอถูกวิคเตอร์ไล่กลับไปทำงานก่อน ซึ่งเธอก็สลดพอที่จะไม่โต้เถียงอะไรสามีต่อ ขณะขับรถกลับบริษัทก็ได้โทรไปอัปเดตเรื่องราวหน้าแตกให้กลุ่มเพื่อนฟัง และแน่นอนทุกคนพร้อมใจกันหัวเราะเยาะเธอ และเทคะแนนสงสารไปทางวิคเตอร์จนหมดยิ่งทุกคนได้รู้ว่าเธอทำอะไรเขาบ้างก็รุมด่าประณามเสียร่างเล็กหูชา กับความใจร้อนไม่คิดหน้าคิดหลังของเธอ เมื่อถึงบริษัทก็ได้โทรย้ำกับม่านฟ้าภรรยาคนสวยของน้องสามีว่าช่วยไปรับลูกแฝดของเธอให้ตรงเวลา และระวังอย่าให้ลูกๆ เธอคลาดสายตา ไม่เช่นกันบ้านคุณปู่อาจจะเละได้ อีกฝ่ายรับคำขันแข็ง แต่พอคิดอีกทีว่าวันนี้ลูกจะไปอยู่ในความดูแลของคุณอาตัวป่วนก็อ่อนใจ หวังว่าโซเฟียและคาร์ลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ในบ้านได้ ไม่ต้องโทรเรียกรถดับเพลิงมากลางดึกอีกอารมณ์หญิงสาวเปลี่ยนจากเคร่งเครียดเป็นเบิกบานใจ เฝ้าจับตามองนาฬิการอคอยเวลาเลิกงานด้วยใจจดจ่อ มุมปากบางคลี่ยิ้มหวานขณะเซ็นกองเอกสารมากมายอย่างมีความสุขผิดจากทุกวันแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึงเมื่อโทรศัพท์มือถือที่วางคว่ำไว้บนโต๊ะส่งเสียงร้อง คุณแม่คนสว
เครื่องยนต์รถยุโรปราคาแพงส่งเสียงกึกก้องขณะสาวคนขับเหยียบคันเร่งตามด้วยความร้อนใจ เมื่อรถของคนเป็นสามีนำหายไปไม่เห็นฝุ่น เส้นทางที่เขากำลังมุ่งหน้าไปทำโทสะในตัวคุณแม่ลูกแฝดพุ่งสูง เพราะนั่นคือเส้นทางไปโรงแรมวิลล์พาราไดซ์สายตาคุกรุ่นจ้องมือถือสลับกับท้องถนนเบื้องหน้า ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะมีความอดทนอดกลั้นนั่งรอในรถร่วม 3 ชั่วโมงอันดามันผ่อนความเร็วลงทิ้งระยะห่างมากขึ้นเมื่อใกล้ถึงจุดหมาย ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์จากเพลิงโทสะ เมื่อสัญญาณ GPS จอดนิ่งยังลานจอดของโรงแรม ก่อนที่มันจะเริ่มเคลื่อนไหวช้าๆ ร่างเล็กมองซ้ายมองขวาระมัดระวังไม่ให้ผู้เป็นสามีสังเกตเห็นรถยนต์ของตน ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดเช่นเดียวกันหญิงสาวรื้อหาหมวกหรือแว่นกันแดดที่จะพอช่วงอำพรางสายตาของสามีได้ ก่อนจะคว้ากระเป๋าบีบมือถือในมือแน่นมุ่งดิ่งสู่ตัวโรงแรมเธอกวาดสายตาไปมาท่ามกลางแขกมากมายที่เดินกันขวักไขว่เพื่อมองหาร่างที่ดูคุ้นตา ก่อนจะเห็นชายร่างสูงสวมเชิ้ตขาวเดินหายไปยังลิฟต์ อันดามันไม่รอช้าวิ่งตรงไปทันที ภายในอกบีบรัดแน่น อึดอัด จุกเสียด หวาดกลัวกับความจริงที่เผชิญแต่ก็ไม่ต้อง
สองวันต่อมาร่างสูงใหญ่ของหนุ่มเจ้าของบ้านนั่งไขว่ห้างสายตาจับจ้องไอแพดอยู่ในห้องนั่งเล่นใหญ่กลางบ้านด้วยท่าทางเคร่งเครียดจริงจัง โดยก็มีลูกแฝดทั้งสองของเขาวิ่งวนรอบโซฟาหนังสีครีม ในมือทั้งคู่ถือปืนอัดลมที่ทำจากพลาสติก คนพี่หลบหลังโซฟาโผล่หน้าออกมาจ่อปืนของเล่นไปทางน้องสาว ส่วนอีกคนก็หลบอยู่มุมเสา เมื่อเสียงปังๆ ออกจากปากพี่ชายเงียบไป เธอก็ชะโงกตัวออกไปยิงบ้าง ก้มตัวหมอบคลานไปตามพื้นหินอ่อนเพื่อที่จะได้เข้าประชิดตัวพี่ชาย ที่ใช้คุณพ่อตัวใหญ่เป็นเกราะกำบังอย่างขี้โกง"ปัง ปัง""ปัง!""นี่แน่ะ อเล็กซ์ถูกจับได้แล้ว" ร่างเล็กกระโดดโถมตัวทับพี่ชาย ซึ่งเขาก็ยกปืนของเล่นยิงสวนกลับในเวลาเดียวกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะล้มกลิ้งลงไปบนพื้นพร้อมกัน"ปัง ปัง ปัง!" อเล็กซ์ตะโกนเลียนแบบเสียงปืนย้ำไปทางน้องสาวที่คร่อมร่างเขาไว้"อเล็กซ์แพ้แล้ว ทิ้งปืนซะ!""ไม่! แอลต่างหากโดนยิง แอลแพ้!""ว้ายยย แต่แอลไม่ตาย แบร่ๆ นี่แน่ะๆ อเล็กซ์นั่นแหละแพ้"คนน้องดื้อดึงไม่รับความจริง ใช้ท่อนแขนเล็กป้อมรัดมือก่ายขาพี่ชายให้ยอมจำนนอย่างขี้โกง จนคนพี่ต้องตะโกนร้องฟ้องพ่อที่นั่งอ่านเอกสารอยู่"ป๊าาาาา! แอลขี้โกงอีกแล้ว!""อเล
Zonic Pubแม้เวลาจะผ่านไปหลายปี แต่ผับแห่งนี้ก็ยังได้รับความนิยมจากกลุ่มวัยรุ่นไม่เคยเปลี่ยน ลีโอได้ทำการปิดปรับปรุงรีโนเวทร้านใหม่เพื่อให้ดูทันสมัยขึ้น แต่โซนวีไอพีชั้นสองที่เป็นเหมือนจุดขายของร้านก็ยังคงมีอยู่ เพิ่มเติมคือความหรูหราและราคาค่าเปิดโต๊ะที่แพงหูฉีกกว่าเดิมแต่นั่นก็ยิ่งทำให้บรรดาลูกคนรวยมีเงินจับจองไม่เคยว่างเว้น เป็นการประกาศศักดาถึงฐานะไปในตัวกลุ่มชายหนุ่มทั้งห้าที่อายุเข้าสู่เลข 3 กันแล้ว นั่งล้อมวงบนโซฟาหนังอย่างดี พูดคุยกันสนุกสนานไม่ต่างจากสมัยยังเป็นวัยรุ่น กาลเวลาที่ผ่านพ้นยิ่งส่งเสริมให้พวกเขาดูหล่อเหลามีเสน่ห์ขึ้นอีกเท่าตัว ทุกท่วงท่าการขยับร่างกายแต่ละที ทำหัวใจสาวๆ วัยละอ่อนด้านล่างเคลิบเคลิ้ม แย่งกันส่งสายตาเป็นสัญญาณเชิญชวน แต่ก็ไม่มีใครในโต๊ะให้ความสนใจ"ไง~ ได้ข่าวลูกยกพวกตีกันเหรอ" ไคโรนั่งไขว่ห้างแสยะยิ้มร้ายแซวเพื่อนที่ตัวใหญ่สุดในกลุ่มอย่างล้อเลียน ทำให้ลีออนและโอนิกซ์ที่ไม่รู้ข่าวหันมามองด้วยความสนใจ"ถามจริง ลูกมึงแสบขนาดยกพวกตีกันตั้งแต่เด็กเลยเหรอ" ลีออนขมวดคิ้วถามกลับด้วยท่าทางจริงจัง ไอ้เรื่องอเล็กซ์แอลลี่แสบซนแก่นแค่ไหน เขาเองก็ทร
รถยุโรปเลี้ยวเข้ามาจอดยังหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่สีขาวตัดดำสวยสะกดตา เด็กๆ เปิดประตูรถวิ่งกรูกันเข้าบ้านด้วยพลังงานเต็มเปี่ยมต่างจากผู้เป็นแม่ที่ถอนหายใจรอบที่ร้อยของวัน แล้วก้มเข้าไปหยิบแฟ้มงานยังเบาะหลังก่อนจะปิดประตูรถที่ลูกๆ เปิดทิ้งเอาไว้ ก้าวตามหลังเด็กน้อยทั้งสองเข้าบ้าน"ปะป๊า~ เย้ๆๆๆๆ วันนี้ปะป๊ากลับบ้านเร็ว เรามาเล่นอะไรกันดีคะ"เสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวดังขึ้นด้วยท่าทางร่าเริงลอยมาให้ได้ยินก่อนที่อันดามันจะเข้าบ้านด้วยซ้ำ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบสามีตัวใหญ่อุ้มลูกสาวชูสุดมือหมุนตัวไปมาให้ร่างเล็กลอยวืดกลางอากาศ แอลลี่หัวเราะคิกคักเสียงใสชอบใจ ทำให้อเล็กซ์เริ่มอิจฉา กระตุกชายเสื้อบิดาอยากเล่นบ้าง"ป๊า อเล็กซ์อยากลอยบ้าง""ได้สิครับ""ปะป๊าไม่เอา~ แอลยังไม่อยากลง ให้อเล็กซ์รอก่อน""แต่อเล็กซ์ก็อยากให้ปะป๊าอุ้มลอยบ้างนี่น่า"ลูกแฝดสองคนเริ่มถกเถียงกันทำให้วิคเตอร์ตัดสินใจย่อตัวลง อุ้มลูกทั้งสองนั่งบนบ่าแกร่งกำยำคนละข้าง พร้อมช้อนประคองหลังของทั้งคู่แน่นระมัดระวังไม่ให้ลูกคนใดคนหนึ่งร่วงตกลงมาอันดามันวางข้าวของในมือกอดอกมองสามพ่อลูกนิ่งๆ ด้วยแววตาลึกล้ำยากจะสื่อความหมาย ห
แชท 'สมาคมแม่บ้าน'Andaman: ใครว่างบ้าง ฉันโดนเรียกพบผู้ปกครองอีกแล้ว นี่กะว่าจะรอแฝดเลิกเรียนเลยCLEO: เอ้า! มีเรื่องอะไรอีก LinLin: ลินกำลังออกจากบ้านไปรับมีอากับมาตินพอดีเลย อันอยู่ร้านไหนเดี๋ยวไปเจอAndaman: ยกพวกตีกันAndaman: @LinLin นั่งอยู่คาเฟ่บีข้างโรงเรียนPraeWa: ถามจริง? เด็ก 5 ขวบเนี้ยนะCLEO: ช็อกจ้า! ให้เดาไหมว่าใครแกนนำAndaman: ไม่ต้องสืบ มีอยู่คนเดียวPraeWa: สงสารนะ แต่ทำไมพี่แอบขำ 55555Ivy: เฮ้ย! น้องแอลลี่เหรอ ยังไงกันอันดามันเลยต้องนั่งเล่าวีรกรรมแสบของลูกแฝดให้กลุ่มบรรดาเมียๆ ของเพื่อนสามีฟัง ถือเป็นการระบายอารมณ์ไปในตัว สุดท้ายมิลินและแพรวาก็ออกปากว่าเดี๋ยวแวะเข้ามาหา คลีโอติดธุระเรื่องงานจึงฝากมิลินรับลูกเธอกลับมาให้ด้วย ส่วนไอวี่ต้องไปรับลูกสาวอีกที่หนึ่งจึงไม่สะดวกมาหาลูกๆ ของมิลินและคลีโอเรียนอยู่อนุบาลเดียวกับลูกเธอ แต่เรียนคนละห้องและคนอยู่ละชั้น ส่วนน้องอัศวินลูกของแพรวากับโอนิกซ์เข้าชั้นประถมไปแล้วจึงเลิกเรียนช้ากว่าเด็กอนุบาล คุณแม่สุดสวยจึงพอมีเวลาว่างแวะมาเจอสาวๆ ในแก๊งได้บ้างหลังจากสั่งกาแฟเย็นดื่มให้รู้สึกสดชื่นขึ้นบ้าง
MD Agencyอันดามันในวัย 28 ปี สวยสะพรั่งเต็มที่ เธอยังคงตัดผมสั้นประบ่าเช่นเดิม ใบหน้าสวยจัดยังคงดูไม่ต่างจาก 5 ปีก่อนแม้แต่น้อย หญิงสาวสวมเสื้อสูทสีเทาเข้มคู่กับกางเกงขายาวเอวสูงดูสง่าผ่าเผยเหมาะกับตำแหน่งที่ได้รับ เอวบางคอดกิ่วไม่เหมือนคนที่เคยผ่านการท้องลูกแฝดมาก่อน คุณแม่สุดเปรี้ยวนั่งอยู่ในห้องทำงานยังชั้นบนสุดของบริษัท ตอนนี้เธอเข้ามารับตำแหน่งรองประธานบริษัทโฆษณาเต็มตัวแล้ว โดยสิมิรันเริ่มส่งไม้ต่อให้ลูกสาวดูแลกิจการ ส่วนตัวเธอเองก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ดูแลสามีที่ต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิตหลังเข้ารับการผ่าตัดเมื่อหลายปีก่อนอนาคตประธานบริษัทรุ่นใหม่ไฟแรงนั่งเคร่งเครียดอยู่กับตัวเลขมากมายจนเริ่มเวียนหัว ยอมรับตามตรงว่าเธอชอบทำงานใช้แรง ออกสถานที่จริงมากกว่าอุดอู้อยู่แต่ในห้องทำงาน จ้องเอกสารที่มีแต่ตัวหนังสือหลายสิบเท่า แต่งานก็คืองาน อันดามันต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าเธอสามารถดูแลบริษัทของมารดาได้โดยไม่มีปัญหาในขณะที่วุ่นวายเช็กทวนบัญชีอยู่นั้นโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็ส่งเสียงร้อง ทำให้ดวงตากลมโตต้องยอมละจากงานตรงหน้า ก่อนจะขมวดคิ้ว ตงิดใจแปลกๆ เมื่อเห็นรายชื่อคุณครูของคู่แฝดโ