กลุ่มของซูหนิงจิงได้ที่นั่งเป็นโต๊ะยาว 8 ที่นั่ง ซึ่งสะดวกกับกลุ่มของพวกเธอไม่น้อย เด็ก ๆ ต่างสั่งอาหารกันอย่างสนุกสนาน ส่วนบรรดาแม่ ๆ ก็ไม่ได้สั่งอะไรเพิ่มมากนัก เพราะกลัวว่าจะกินกันไม่หมด
“คุณซูคะ เห็นเด็ก ๆ บอกว่าหนิงเซียวถ่ายแบบลงนิตยสารด้วย ไม่ทราบว่าคุณซูหางานให้เธอยังไงเหรอคะ”
“อ้อ เรื่องนี้เป็นพี่กู่ที่เห็นแววของหนิงเซียวก่อนมาเรียนที่นี่น่ะค่ะ พี่กู่เป็นผู้จัดการให้กับหนิงเซียวและยังเป็นเลขาคอยช่วยงานดิฉันด้วยค่ะ”
“คุณกู่เก่งมากเลยนะคะที่สามารถหางานในวงการบันเทิงให้หนิงเซียวได้ด้วย เมื่อก่อนพวกเราก็ไม่ค่อยอยากให้ลูกเรียนด้านนี้เท่าไหร่เพราะกลัวเรื่องชื่อเสียง แต่พอเห็นว่าลูก ๆ เลือกเรียนเปียโนเป็นหลักถึงได้เบาใจค่ะ”
“ดิฉันเคยเป็นผู้จัดการดารามาหลายปีน่ะค่ะ พอไปพบหนิงเซียวโดยบังเอิญก็อยากให้ลองเข้าวงการดูเท่านั้นเอง ต้องขอบคุณน้องซูที่อนุญาตให้หนิงเซียวทำงานนะคะ”
“
หลังจากจอดรถและเข้าบ้านกันแล้ว ซูหนิงจิงไม่ลืมส่งข้อความบอกเพื่อนใหม่ทั้งสองของเธอว่าถึงบ้านอย่างปลอดภัย ถึงแม้จะกลับช้าไปสักหน่อยก็เถอะ ด้านหานชิงหนิงกับโจวจี้เหว่ยที่รอข้อความจากเพื่อนใหม่อย่างซูหนิงจิงรีบตอบกลับให้เธอพักผ่อนเพราะตอนนี้ดึกมากแล้วซูหนิงจิงจึงพิมพ์บอกลาทั้งสองคนก่อนจะเข้าห้องนำเครื่องประดับไปเก็บและอาบน้ำพักผ่อนทันที ส่วนซูหนิงเซียวกับกู่ซิงต่างพากันแยกย้ายไปพักผ่อนเช่นเดียวกันสองวันต่อมาหลังอาหารเช้า ซูหนิงจิงพาลูกสาวกับกู่ซิงไปยังสตูดิโอที่รับงานถ่ายแบบเอาไว้ก่อนหน้านี้ ซูหนิงเซียวแต่งตัวด้วยชุดเดรสยาวถึงข้อเท้า พร้อมกับรองเท้าส้นเตี้ยใส่สบายคู่หนึ่ง ธีมการถ่ายแบบวันนี้เป็นแฟชั่นชุดทำงานของผู้ใหญ่ เธอจึงแต่งตัวให้เรียบร้อยเพื่อจะได้เปลี่ยนชุดได้ง่ายๆ ส่วนซูหนิงจิงกับกู่ซิงเองก็ไม่ได้แต่งตัวทางการกันมากนัก พวกเธอใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกระโปรงพลีทและรองเท้าส้นเตี้ยเท่านั้น10 โมงเช้า ทั้งสามคนไปถึงสตูดิโอของลูกค้าก่อ
ซูหนิงเซียวที่เปิดเทอมแล้วไปเรียนตามปกติ ซูหนิงจิงกับกู่ซิงก็ยังคงเรียนรู้เรื่องการตลาดออนไลน์อยู่เช่นเคย จนกระทั่งครบกำหนดสองสัปดาห์ที่ซูหนิงจิงแจ้งแพทริกเอาไว้ว่าเธอกับกู่ซิงจะเข้าไปตรวจดูความคืบหน้าของการก่อสร้าง ทั้งสองจึงเดินทางไปยังโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่ด้วยกันแพทริกที่รับสายของซูหนิงจิงก่อนหน้านี้มายืนรอบริเวณลานจอดรถหน้าทางเข้าโครงการ หลังจากเขาเดินตรวจสอบงานในช่วงเช้าเสร็จ ขณะนี้คนงานและหัวหน้าทีมก่อสร้างกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ถึงแม้จะดูเหมือนโครงการยังคืบหน้าไปไม่มากนัก แต่ก็นับว่ายังคงอยู่ในระยะเวลาตามแผนงานที่ผู้รับเหมาส่งมา ตอนนี้ชั้นหนึ่งเกือบจะสร้างเรียบร้อยแล้วทั้งสามอาคาร เป็นเพราะบริเวณชั้นหนึ่งและชั้นสองนั้นแต่ละห้องใช้สำหรับปล่อยร้านค้าให้เช่า ขนาดของห้องจึงใหญ่กว่าห้องในชั้นอื่น ๆ ไม่น้อย การก่อสร้างจึงง่ายตามไปด้วยซูหนิงจิงกับกู่ซิงมาถึงโครงการในเวลาเกือบ 10 โมงเช้า เธอเห็นแพทริกยืนรออยู่ก็รีบนำรถเข้าไปจอดก่อนจะลงจากรถพร้อมกู่ซิงแล้วเข้าไปทักทายกัน
ซูหนิงจิง กู่ซิงและซูหนิงเซียวต่างใช้เวลาร่วมกันเฉพาะวันหยุด ส่วนวันปกติที่ซูหนิงเซียวต้องไปเรียน ซูหนิงจิงกับกู่ซิงยังคงวางแผนการทำบริษัทให้ซูหนิงเซียวหลากหลายแบบ ที่พวกเธอต้องทำหลายแบบเพราะว่าอยากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบก่อนที่จะเริ่มวางแผนระยะเวลาการก่อตั้งในภายหลังกระทั่งซูหนิงเซียวสอบปลายภาคเสร็จ เธอกับเพื่อนนัดกันไปเที่ยวห้างหลังจากสอบเสร็จสองวัน ซูหนิงจิงกับกู่ซิงที่มัวแต่ทำงานและไม่ค่อยได้ออกไปไหนไม่ปฏิเสธคำชวนของซูหนิงเซียวพวกเธอออกไปซื้อวัตถุดิบทำอาหารที่ห้างใกล้บ้านในช่วงที่ผ่านมาเท่านั้น ตอนนี้เรื่องแผนการทำบริษัทคืบหน้าไปมาก ส่วนใบเสนอราคาที่ซูหนิงจิงขอจากจ้านเกาเรื่องการบริหารโครงการหลังสร้างเสร็จ เธอได้รับมาหลายสัปดาห์แล้ว และยังอนุมัติตามราคาที่จ้านเกาเรียกมาที่ปีละ 1.3 ล้านหยวน ซูหนิงจิงเห็นว่าราคานี้ไม่ได้แพงมากสำหรับการว่าจ้างผู้จัดการโครงการ ช่างประจำ และฝ่ายต้อนรับในแต่ละอาคาร ซูหนิงจิงจึงนัดเซ็นสัญญากับจ้านเกาไปก่อนหน้านี้เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งซูหนิงจิงจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าสำหรับ
ระหว่างที่รอลูก ๆ เลือกเสื้อผ้าอยู่ ซูหนิงจิงสอบถามเรื่องเกี่ยวกับบริษัทของสามีเก่าของเธออย่างอยากรู้จากหานชิงหนิงและโจวจี้เหว่ย“ดิฉันได้ยินสามีบอกว่าตอนนี้ที่นั่นยังไม่ดีขึ้นเลยนะคะ ไม่แน่ว่าอาจจะล้มภายในไม่ถึงปีสองปีนี้ล่ะค่ะ”“สามีดิฉันก็บอกเหมือนกันค่ะ ทำไมอยู่ ๆ คุณซูถึงได้ถามเรื่องนี้ล่ะคะ ทั้งที่คุณไม่ได้เข้าไปบริหารมาตั้งแต่หย่าขาดกับจ้าวไห่ถัง”“ดิฉันแค่อยากรู้สถานการณ์ตอนนี้น่ะค่ะ ว่าบริษัทที่ก่อตั้งมาร่วมกับเขาเป็นอย่างไร ถ้าดิฉันสามารถกลับเข้าไปบริหารและทำให้บริษัทกลับมามั่นคงได้อีกครั้ง ดิฉันก็อยากลองดูสักตั้งค่ะ ดิฉันไม่อยากเห็นบริษัทที่ก่อตั้งมากับมือไปตกอยู่ในมือคนอื่น”“เฮ้อ คุณซูนี่รักบริษัทมากเลยนะคะ ถ้าเป็นดิฉันคงไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกหรอกค่ะ และคงไม่ง่ายนักที่จ้าวไห่ถังจะยอมให้คุณเข้าไปบริหารอีกครั้ง”“จริงอย่างที่ชิงหนิงว่านะคะ จ้าวไห่ถังเห็นแก่
เมื่อไปถึงหน้าร้านแบรนด์ดังที่ซูหนิงจิงซื้อประจำ เธอเป็นคนเดินนำหน้าทุกคนเข้าไปด้านใน พนักงานในร้านที่จำลูกค้าอย่างซูหนิงจิงได้รีบเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม เธอจำได้ว่าคราวก่อนลูกค้ากลุ่มนี้มาแค่สามคน แต่วันนี้กลับมีคนมาเพิ่มอีกถึงสี่คน ทำให้วันนี้เธอกับเพื่อนน่าจะได้รับค่าตอบแทนจากการขายไม่น้อย“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง วันนี้อยากดูชุดแบบไหนคะ”“ขอเป็นชุดลำลองก็แล้วกันค่ะ ช่วงนี้มีแบบใหม่ ๆ มาบ้างหรือเปล่าคะ”“มีค่ะคุณผู้หญิง เชิญด้านนี้เลยนะคะ ส่วนชุดของน้องสาว ดิฉันจะให้เพื่อนพนักงานพาไปดูค่ะ”“ขอบคุณมากค่ะ คุณนำหน้าพวกเราไปได้เลยค่ะ หนิงเซียวรอพี่เขาพาไปดูชุดนะลูก”“ค่ะแม่ แม่พาป้าหานกับป้าโจวไปดูชุดก่อนก็ได้ค่ะ”กลุ่มผู้ใหญ่จึงแยกกับกลุ่มเด็ก ๆ โดยมีพนักงานอีกคนเข้ามาพาซูหนิงเซียวกับเพื่อน ๆ ไปดูชุดคอลเลคชั่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นานที่ราว
กว่าที่ทั้งกลุ่มจะลองชุดเสร็จก็ใช้เวลาไปมากกว่าชั่วโมงครึ่งแล้ว คราวนี้เป็นซูหนิงจิงที่ซื้อมากกว่าเพื่อนอีกสองคน ทั้งสามนำชุดของลูก ๆ ไปคิดเงินพร้อมกันที่เคาเตอร์ พนักงานสองคนช่วยกันคิดเงินและนำสินค้าใส่กล่องอย่างขยันขันแข็งซูหนิงจิงที่ซื้อมากที่สุดในวันนี้ รอให้พนักงานคิดค่าสินค้าของหานชิงหนิง กับลูกสาวก่อน จากนั้นก็รอพนักงานคิดค่าสินค้าของโจวจี้เหว่ยกับลูกเช่นกัน เมื่อถึงคิวของเธอ พนักงานทั้งสองต่างไม่คิดว่าคราวนี้ซูหนิงจิงกับลูกจะซื้อเสื้อผ้ากันคนละมากกว่าสิบชุด เทียบไม่ได้กับราคาของลูกค้าสองคนก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้แพงมากนักจากจำนวนชุดที่ซื้อน้อยกว่า ถึงแม้พนักงานจะบอกว่าไม่แพง แต่ราคาสินค้าทั้งหมดของหานชิงหนิงกับโจวจี้เหว่ยที่จ่ายไปกลับมากถึงเกือบสองแสนหยวน ทั้งที่รวมชุดของลูกไปแล้วพวกเธอซื้อกันเพียงไม่ถึงแปดชุดด้วยซ้ำ นับว่าเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนจ่ายค่าเสื้อผ้าแพงถึงขนาดนี้หานชิงหนิงกับโจวจี้เหว่ยเรียกลูก ๆ มาถือถุงหลายใบที่ใส่กล่องเสื้อผ้าของพวกเธอแล้วไปนั่งรอซูหนิงจิงที่กำลังคิดเงินอยู่ โดยมีซูหนิงเ
มื้อเย็นวันนี้คนทั้งกลุ่มสรุปกันว่าจะกินชาบูเหมือนเดิม ซูหนิงจิงเรียกให้บอดี้การ์ดหาที่นั่งใกล้ ๆ พวกเธอเช่นกัน ส่วนกลุ่มของเธอก็ต่อโต๊ะใหญ่เช่นเคย ที่ซูหนิงจิงให้พวกเขานั่งใกล้ ๆ ก็เพื่อจะได้จ่ายค่าอาหารได้ง่าย ๆ เท่านั้นตอนนี้คนในร้านมีไม่มากนัก คนส่วนใหญ่ที่มาเดินห้างมักจะไปกินกันที่ศูนย์อาหารซึ่งมีราคาถูกมากกว่าจะเข้ามาทานในร้านแบบนี้ กลุ่มของซูหนิงจิงจึงไม่ได้รออาหารที่สั่งนานมากนัก พวกเธอนั่งทานไปคุยไปเบา ๆ อย่างไม่เร่งรีบ เพราะทุกคนเดินซื้อของกันมากกว่าครั้งก่อนจึงทำให้เหนื่อยไม่น้อยกว่าที่คนกลุ่มใหญ่จะทานอาหารเย็นเสร็จก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว พวกเธอที่ไม่ได้รีบร้อนกลับกันนักในวันนี้ ไม่มีใครคิดมากเรื่องเวลาเลยสักนิด เพราะความที่ทุกคนสนิทสนมกันมากขึ้น จึงทำให้เวลาดูผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ“นี่ก็จะสองทุ่มแล้ว คุณซูขับรถกลับดี ๆ นะคะ อย่าลืมว่าถึงบ้านแล้วให้ส่งข้อความมาบอกเราสองคนด้วยค่ะ”“ตกลงค่ะ พวกคุณไม่ต้องกังวลว่าดิฉันจะลืมห
[ อืม ฉันได้ข่าวมาว่าเขาแอบขายหุ้นไปไม่น้อยแล้ว เรื่องนี้จริงหรือเปล่าเหลียงฟาง ][ นี่เป็นเรื่องจริง ผมยังเอาเงินเก็บของตัวเองแอบซื้อหุ้นที่เขาขายไว้เกือบ 20% ด้วยนะ ถ้าบริษัทยังตกต่ำต่อภายในปีหรือสองปีนี้ล่ะก็ เงินทั้งหมดที่ผมลงทุนไปคงสูญเปล่าแล้วล่ะ ][ คุณอย่าเพิ่งกังวลไปเลย ถ้าเขาขายหุ้นไปจำนวนมากขนาดนั้น ตอนนี้เขาน่าจะเหลือหุ้นอยู่ในมือไม่ถึง 20% ฉันคิดว่าเขาน่าจะขายมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ][ เท่าที่ผมรู้ข้อมูล ดูเหมือนว่าจ้าวไห่ถังจะเหลือหุ้นอยู่ประมาณ 17% นะครับ ความจริงผมอยากให้เขาออกแล้วขึ้นมาบริหารงานเองด้วยซ้ำ เพราะหุ้นในมือผมมีมากกว่า เพียงแต่ผมกลัวว่าจะทำให้บริษัทยิ่งหมดความน่าเชื่อถือ ผมเลยยังทำงานในตำแหน่งเดิมอยู่เท่านั้นเอง ][ ฉันขอข้อมูลปัญหาในบริษัทที่คุณรู้เพิ่มเติมได้ไหม คุณเพิ่มเพื่อนในเว่ยป๋อเป็นเบอร์โทรนี้ของฉันได้เลย แล้วส่งข้อมูลมา ฉันขอเวลาสักหนึ่งสัปดาห์เพื่อหาวิธีแก้ไขก่อน แล้วฉันจะติดต่อคุณอีกที ]
ระหว่างอาหารค่ำวันหนึ่ง ซูหนิงเซียวที่กำลังจะกินทอดมันกลับรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารยังไงพิกลจนเธอต้องลุกขึ้นวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ ทำเอาทุกคนแตกตื่นตกใจกันไปหมดเพราะคิดว่าเธอพักผ่อนไม่เพียงพอจากการไลฟ์สดต่อเนื่องกันมานานหลายวัน จ้านเการีบสั่งคนให้เตรียมรถไปโรงพยาบาลทันที เมื่อเห็นซูหนิงเซียวเดินหน้าซีดออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รีบเข้าไปอุ้มเธอและเดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าบ้านโดยไม่รอใครสักคน ทำเอาคนอื่น ๆ ต้องรีบเดินตามเขาไปแทบไม่ทัน บอดี้การ์ดพาทุกคนไปถึงโรงพยาบาลใกล้ ๆ ในเวลาเพียง 20 นาที ซูหนิงเซียวเห็นจ้านเกาจะอุ้มเธอลงไปอีกก็เกิดอายคนในบ้านขึ้นมา เธอจึงขอเดินเองจนจ้านเกาต้องยอมแพ้ภรรยาตัวน้อยและประคองเธอลงจากรถตู้เอง หลังส่งซูหนิงเซียวเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการแล้ว บรรดาผู้อาวุโสที่คาดเดาว่าครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวดีต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่จ้านเกาที่เป็นห่วงภรรยากลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาเอาแต่เดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินเพราะกลัวว่าภรรยาจะเจ็บป่วยร้ายแรง
ในห้องหอที่เป็นห้องของจ้านเกา ซูหนิงเซียวนั่งอยู่ที่เตียงอย่างเขินอาย ก่อนที่จ้านเกาจะจูบหน้าผากภรรยาตัวน้อยของเขาอย่างอ่อนโยน“น้องหนิงเซียวไม่ต้องเครียดมากนะครับ พี่ไม่ทำอะไรน้องก่อนจะเรียนจบแน่นอนครับ เราไปกินข้าวมงคลกันดีกว่า” จ้านเกาจับมือเล็กของซูหนิงเซียวแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างเธอและเริ่มตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้เธอกินไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาอยู่บนโต๊ะอาหารร่วมกับครอบครัว ซูหนิงเซียวอดคิดไม่ได้ว่าทำไมสามีเธอไม่อยากมีอะไรกับเธอ หรือว่าเธอจะไม่สวยพอที่เขาจะหลงใหล จ้านเกาเห็นภรรยาหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดจะถามไม่ได้“น้องหนิงเซียวคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมทำหน้าตาแบบนี้ล่ะ”“เอ่อ… หนูแค่คิดว่าวันนี้หนูไม่สวยพอที่สามีอย่างพี่จ้านจะทำหน้าที่สามีหรือเปล่าน่ะสิคะ เพื่อนหนูบอกว่าเจ้าบ่าวส่วนใหญ่ต้องอดใจไม่ไหวแน่ถ้าเห็นเจ้าสาวนั่งบนเตียง” ซูหนิงเซียวก้มหน้าตอบอย่างอาย ๆ“ฮ่า ฮ่า น้องหนิงเซียวคิดมากเกินไปแล้ว พี่แค่กลัวว่าน้องจะยังไม่พร้อมเท่านั้นเองครับ ถ้าน้องหนิงเซียวอนุญาต พี่ก็จะทำห
ก่อนเวลาตามฤกษ์งามยามดี 10 นาที พิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนนับร้อยคนที่มาในครั้งนี้ จากนั้นเขาจึงเชิญผู้อาวุโสของตระกูลจ้านทั้งสองขึ้นไปนั่งรอบนเวที ไม่นานนักซูหนิงจิงก็เดินมาพร้อมลูกสาวโดยมีกู่ซิงเดินตามหลังพร้อมรอยยิ้มเข้ามาในงาน จ้านเการีบไปยืนรอเจ้าสาวของเขาที่หน้าเวทีก่อนจะรับเธอมาจากซูหนิงจิง เขายังรับปากซูหนิงจิงว่าจะดูแลซูหนิงเซียวเป็นอย่างดี หลังฟังจ้านเกาพูดแล้ว ซูหนิงจิง กู่ซิงก็เดินนำสองเจ้าบ่าว เจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มทำพิธีการในลำดับต่อไป พิธีกรประกาศของรับขวัญเจ้าสาวที่ตระกูลจ้านมอบให้ ทำเอาแขกในงานฮือฮากันไม่น้อย เนื่องจากของขวัญมากมายทั้ง 28 รายการล้วนแต่เป็นของโบราณและมีค่าควรเมือง ไม่รวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเมืองต่าง ๆ ที่ผู้อาวุโสทั้งสองมอบให้อีกหลายแห่ง ซูหนิงเซียวถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาที่คุณตา คุณยายของจ้านเกาเอ็นดูเธอถึงเพียงนี้ หลังจบรายการของขวัญฝ่ายเจ้าบ่าวแล้ว พิธีกรก็ประกาศของรับขวัญเจ้าบ่าวที่ซูหนิงจิงมอบให้เช่นกัน คราวนี้แขกในงานยิ่งส่งเสียงฮือฮาหนักกว่าเมื่อกี้เสียอีก เพราะซูหนิงจิงมอบหุ้นทั้งหมดข
ก่อนถึงงานแต่งสามวัน วันนี้มีข่าวใหญ่ที่สื่อทุกสำนักนำเสนอ จากหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาก่อนหน้านี้ หลังจากตรวจสอบที่มาที่ไปและพบว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นของจริง ตำรวจได้นำส่งหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับนักการเมืองหลายสิบคนที่มีส่วนร่วมในการทุจริตและคอรัปชั่นมาตลอดหลายสิบปี เจียวจิ้งเหอที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่เหงื่อตกหลังจากดูข่าวที่กำลังฉายในทีวี เขาไม่รู้ว่าหลักฐานที่เขาเก็บเอาไว้ทำไมถึงไปอยู่กับตำรวจได้ วันที่ทนายมาทำพินัยกรรมให้กับเขา ทนายก็ไม่ได้บอกว่าหลักฐานหายไป เจียวจิ้งเหอยิ่งดูข่าวก็ยิ่งเครียดจนความดันขึ้นสูงและเครื่องวัดความดันดังเตือนไปยังพยาบาลด้านนอก พวกเธอรีบเข้ามาดูคนไข้ที่กำลังช็อคทันที แต่เสียดายที่ตอนนี้เจียวจิ้งเหอเส้นเลือดในสมองแตกไปจากความเครียดที่เกิดขึ้น หมอรีบเข้ามาดูอาการแล้วก็ได้แต่ต้องรีบพาเขาไปห้องผ่าตัดเพื่อดูดลิ่มเลือดในสมองออกก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้รับข่าวจากโรงพยาบาลในเวลาต่อมา พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลกันอย
สามวันต่อมา จ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง จ้านเกา ซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวและกู่ซิงเดินทางไปลองชุดที่ร้านตามที่จ้านเซียงชิงจองเอาไว้ก่อนหน้านี้ ร้านนี้มีแต่ชุดสวย ๆ และดูหรูหราเหมาะสมกับงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคน ส่วนผู้ใหญ่ต่างก็ดูชุดราตรีแบบต่าง ๆ ที่ร้านนำมาให้ก่อนจะลองชุดกันอย่างสนุกสนาน สองผู้อาวุโสเองก็เลือกชุดแบบโบราณที่ดูเหมาะสมกับวัย กว่าที่ทุกคนจะลองชุดเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายกว่าแล้ว พวกเขาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสักพักใหญ่จึงให้คนขับรถหาร้านใกล้ ๆ เพื่อทานอาหารก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลจ้าน ระหว่างทานอาหาร จ้านหย่งเหอก็ถามถึงเรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอกับหลานชาย“คดียังต้องเลื่อนการสอบพยานนัดแรกออกไปอยู่ครับคุณตา เพราะเจียวจิ้งเหอต้องรักษาตัวมากกว่าสามเดือนครับ”“ฮึ หวังว่าคราวนี้คงไม่มีใครมาช่วยเขาอีกนะ”ซูหนิงจิงไม่อยากให้จ้านหย่งเหอกังวลมากนัก เธอจึงคิดจะบอกถึงเรื่องที่คนของเติ้งโหย่วได้หลักฐานส่งตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหย่งเหอคงไม่สบายใจ
เจียวจิ้งเหอฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันต่อมาหลังจากผ่าตัด หมอตรวจอาการของเขาพบว่าร่างกายช่วงล่างของเขาไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เนื่องจากกระดูกสันหลังและเส้นเลือดเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ เจียวจูกับหลงฮ่าวพอได้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อพวกเขารู้ว่าเจียวจิ้งเหอไม่สามารถใช้ร่างกายช่วงล่างได้อีกก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอก็ยังไม่ได้รับการตัดสิน หากเจียวจิ้งเหอต้องไปอยู่ในคุกข้อหาจ้างวานฆ่าจริง ๆ พวกเขาคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากหมั่นไปเยี่ยมเท่านั้น หลังจากรู้เรื่องว่าต่อไปตัวเองต้องเป็นคนพิการ เจียวจิ้งเหอก็ได้แต่หลับตาลงอย่างปลดปลง เขาไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใครแล้วในตอนนี้ ถึงเขาจะแก้แค้นกลับก็ไม่ช่วยให้เขาสามารถใช้งานร่างกายที่พิการไปแล้วได้อยู่ดี เจียวจูเห็นพ่อของตัวเองเงียบลงไปแบบนี้ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีกจนหลงฮ่าวต้องคอยกอดปลอบเธอเอาไว้ ไม่นานนักเจียวจิ้งเหอก็ลืมตาขึ้นมาเพื่อคุยกับลูกสาวและลูกเขยถึงเรื่องสำคัญ“หลงฮ่าว อาจู พรุ่งนี้เรียกทนายมาหาพ่อที่นี่ด้วยนะ พ่อจะทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกกับหลาน ส่วนเรื่องคดีของพ่อคงอีก
หลงฮ่าวกับเจียวจูรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเกือบ 8 ชั่วโมง กว่าที่หมอจะออกมาบอกว่าเจียวจิ้งเหอพ้นขีดอันตรายแล้ว เพียงแต่ต้องรอดูว่าหลังจากฟื้นขึ้นมา อวัยวะต่าง ๆ ของเจียวจิ้งเหอจะสามารถใช้งานได้เป็นปกติหรือไม่เท่านั้น หมอแจ้งอาการกับญาติเสร็จก็ให้พยาบาลเข็นเตียงของเจียวจิ้งเหอไปยังห้องพิเศษเพื่อรอดูอาการหลังผ่าตัดจนกว่าจะครบ 24 ชั่วโมง จึงจะมั่นใจว่าเขาสามารถพักฟื้นต่อได้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้แต่ต้องกลับไปก่อนและให้คนของเขาคอยเฝ้าดูอาการของเจียวจิ้งเหอแทน พวกเขาจึงจะมาเยี่ยมเจียวจิ้งเหออีกครั้ง เพราะหลงฮ่าวกำลังหาคนในของบริษัทจ้านเกาเพื่อสร้างความเสียหายแต่ก็ยังหาไม่ได้เสียที จ้าวไห่ถังที่รู้ข่าวความวุ่นวายของหกตระกูลก็คิดอยากถอนหมั้นลูกสาว เขาไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนติดคุกติดตะรางอย่างหลงเอ้อหลางอีกต่อไป หลิวอ้ายโหรวที่ยุ่งอยู่กับการพาลูกชายไปทำงานก็ไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของสามี เธอในตอนนี้ไม่อยากให้ลูกชายเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้เช่นกัน หลังอาหารเย็นวันหนึ่ง จ้าวไห่ถังจึงเรียกลูกสาวมาคุยเรื่องนี้“พ่อคิดว่าตระกูลหลงจะให้เราถอนหมั้น
วันนี้เจียวจิ้งเหอมีนัดขึ้นให้การในชั้นศาลนัดแรก เขาให้คนของตนเองเตรียมตัวเดินทางหลังอาหารเช้า ส่วนคนของเติ้งโหย่วก็เตรียมการแล้วเช่นเดียวกัน พวกเขาหาที่กั้นทางเพื่อทำทีเป็นปรับปรุงถนนอยู่ให้เลี่ยงเส้นทางไปยังทางเปลี่ยว ทำให้ขบวนรถสามคันของเจียวจิ้งเหอต้องอ้อมทางไป คนของเติ้งโหย่วที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า พอเห็นขบวนรถของเจียวจิ้งเหอมาถึงก็เตรียมตัวกดระเบิดที่ฝังเอาไว้ใต้พื้นถนนเพื่อทำให้รถเกิดอุบัติเหตุแทนที่จะใช้ปืนกระหน่ำยิงเหมือนตอนที่เจียวจิ้งเหอสั่งลูกน้องไปจัดการจ้านเกา เมื่อรถคันแรกมาถึงบริเวณที่อานุภาพการทำลายล้างของระเบิดสามารถทำได้ หัวหน้ากลุ่มกะจังหวะกดระเบิดตอนที่รถของเจียวจิ้งเหอมาถึงจุดที่ระเบิดถูกวางเอาไว้พอดีบึ้ม!!! เอี๊ยด!!! โครม! รถของเจียวจิ้งเหอพลิกคว่ำในทันที ส่วนรถอีกสองคันที่โดนแรงระเบิดก็กระเด็นไถลไปคนละทิศละทาง คนที่อยู่ในรถต่างมึนงงและหูดับไปเพราะแรงระเบิดชั่วขณะ คนของเติ้งโหย่วอาศัยจังหวะนั้นหลบออกไปจากที่เกิดเหตุโดยหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิดอย่างรู้งาน พวกเข
หลังทานอาหารค่ำ ทุกคนก็มานั่งคุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคนอย่างจริงจังจนได้ข้อสรุปว่าพวกเขาจะจัดงานแต่งงานก่อนซูหนิงเซียวจะเปิดเทอมและขึ้นปีสามเพื่อความสะดวกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งก็เหลือเวลาเตรียมงานไม่ถึงสามสัปดาห์ แน่นอนว่าสัปดาห์นี้ทุกคนยุ่งอยู่กับแผนการล้มหกตระกูลรอง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงจึงให้เริ่มเตรียมงานแต่งในสัปดาห์หน้าแทน โดยพวกเขาจะเรียกเจิ้งเหลียงฮวามาช่วยเรื่องทำบัตรเชิญเหมือนตอนงานหมั้น คืนนั้นกว่าทุกคนจะได้เข้านอนก็เกือบห้าทุ่มแล้ว พวกเขาต่างยิ้มแย้มที่กำลังจะมีงานมงคลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ถึงแม้แต่ละคนจะมีงานล้นมืออยู่ก็ตามที สายวันต่อมา แผนการของซูหนิงจิงทำให้บริษัทใหญ่ทั้งหกไม่มีทางเลือกจนต้องเทขายหุ้นในมือก่อนที่จะขาดทุนไปมากกว่านี้ ซูหนิงจิงโทรหาไป่เฉิงให้เขากว้านซื้อหุ้นทั้งหมดเอาไว้ให้เธอ โดยเธอโอนเงินให้เขาเผื่อเอาไว้ 900 ล้านหยวน ต้องขอบคุณโครงการฟู่ซิงซินที่ขายหมดเร็วจนเธอมีกำไรจากโครงการนี้มากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน ตระกูลทั้งหกที่เกี่ยวพันกับเรื่องของซูหนิงเซียวต่างนัดประชุมเ