ซูหนิงจิงเห็นว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของบริษัทกลางเมืองหลวง เธอจึงชวนซูหนิงเซียวกับกู่ซิงเดินทางกลับก่อนรถจะติด ส่วนอาหารเย็นนั้นค่อยทำกินกันทีหลังก็ไม่น่าจะสายเกินไป
ซูหนิงเซียวกับกู่ซิงที่ช่วยกันถือถุงเสื้อผ้าอยู่ต่างรับคำซูหนิงจิง พวกเธออยากกลับไปพักผ่อนแล้วเหมือนกัน เพราะวันนี้พวกเธอเดินเล่นกันมาเกือบทั้งวันแล้ว
บอดี้การ์ดเข้ามาสอบถามเพื่อจะช่วยถือของให้ซูหนิงจิง แต่เธอกับลูกและกู่ซิงเห็นว่าของพวกนี้ไม่ได้หนักอะไร ทั้งสามจึงไม่รบกวนพวกเขา ซูหนิงจิงแจ้งให้เขาทราบว่าเธอกำลังจะกลับบ้านกันแล้ว บอดี้การ์ดจึงถอยห่างจากกลุ่มของซูหนิงจิงแล้วคอยเดินตามพวกเธอไปที่ลานจอดรถ ก่อนที่ทุกคนจะออกจากห้างไปหลังจากนำของที่ซื้อมาเก็บใส่ท้ายรถ
ซูหนิงจิงพาทุกคนกลับถึงคอนโดตอน 6 โมงเย็นพอดี บอดี้การ์ดที่ตามหลังมาลงจากรถเพื่อไปขอหลักฐานคลิปเสียงจากซูหนิงจิง
“คุณเข้าไปที่ห้องกับพวกเราก่อนนะคะ รอให้ดิฉันกับทุกคนเก็บของก่อนแล้วมาคุยเรื่องนี้กัน”
เค่อหานออกจากห้องแล้วจึงโทรหาผู้จัดการฝ่ายต่าง ๆ เพื่อแจ้งเรื่องตามที่เจ้านายของเขาบอกเอาไว้ เขาได้แต่คิดว่าสองแม่ลูกซูช่างมีอิทธิพลกับเจ้านายเขาไม่น้อย ถึงแม้เจ้านายเขาจะบอกว่ากำไรจากบริษัทตระกูลฟงจะเล็กน้อยก็เถอะ แต่มันก็ได้ถึงหลายสิบล้านหยวนเลยทีเดียว เค่อหานไม่เข้าใจว่าสองแม่ลูกนี่มีอะไรดี ถึงทำให้เจ้านายของเขาทำดีกับพวกเธอมากกว่าคนทั่วไปแบบนี้ จริงอยู่ว่าเขาพอจะรู้เรื่องความสามารถของซูหนิงจิง แต่กับซูหนิงเซียวเขาไม่เห็นว่าเด็กคนนั้นจะดีกว่าผู้หญิงคนอื่นตรงไหน เรื่องนี้เขาคงต้องสอบถามกับบอดี้การ์ดที่ไปดูแลเธออย่างลับๆ ทีหลัง รอให้เรื่องการฟ้องร้องจบลงเสียก่อน เขาจะหาเวลาถามดูให้ได้จ้านเกาที่วันนี้กลับบ้านเร็ว รีบไปนั่งคุยกับตาและยายของเขาเรื่องที่ได้รับของขวัญเมื่อเช้านี้ เขายังโชว์นาฬิกาให้พวกท่านดูพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้าอย่างมีความสุข ทำให้สองตายายได้แต่หันมองหน้ากันก่อนจะคุยกับหลานชาย“หลานแน่ใจนะว่านาฬิกาที่ได้รับมา พวกเธอจะไม่หวังผลตอบแทนทีหลัง”“แน่ใจสิ
“ลูกอยากได้ชุดของเธอเอาไว้ใส่หรือเปล่าล่ะ ถ้าชอบก็ค่อยให้ป้ากู่ติดต่อขอซื้อให้”“จะดีเหรอคะแม่ หนูเพิ่งซื้อเสื้อผ้ามาตั้งเยอะเมื่อไม่นานนี้เอง”“ดีสิลูก จะคิดมากไปทำไม ในเมื่อเสื้อผ้าก็ต้องใส่กันทุกวันอยู่แล้ว ลูกจะได้มีชุดสลับใส่บ้างเวลาไปเรียนยังไงล่ะ”“ถ้าอย่างนั้นหนูต้องรบกวนป้ากู่เรื่องนี้หน่อยนะคะ หนูชอบทุกชุดของคุณหวังค่ะ”“ได้สิ ป้าจะติดต่อซื้อให้นะ ส่วนราคาเดี๋ยวป้าจะแจ้งให้ทราบทีหลังจ๊ะ”“ขอบคุณมากค่ะป้ากู่”ทั้งสามเลิกคุยกันเมื่อมาถึงรถ ซูหนิงจิงแวะที่ร้านอาหารไม่ไกลจากสตูดิโอนักเพราะไม่อยากกลับไปทำอาหารเย็นเอง บอดี้การ์ดทั้งสี่ที่ตามมาก็เข้าไปทานด้วยเช่นเดียวกัน ซูหนิงจิงจึงถือโอกาสจ่ายเงินให้พวกเขาด้วยเช่นเคยหนึ่งเดือนต่อมาช่วงที่ผ่านมาซูหนิ
พวกเธอมาถึงห้างใกล้ ๆ ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ถึงแม้รถจะติดนิดหน่อยก็ตามที ซูหนิงจิงลงจากรถพร้อมลูกกับกู่ซิงเพื่อเข้าไปด้านในห้างและหาร้านอาหารนั่งทานให้เรียบร้อยก่อนเป็นอย่างแรกทั้งสามคนเดินเข้าห้างจากที่จอดรถชั้น 3 และมองหาชั้นที่น่าจะมีร้านอาหาร ปรากฏว่าห้างนี้ร้านอาหารอยู่ที่ชั้น 1 พวกเธอจึงเดินลงบันไดเลื่อนไปยังชั้น 1 ทันที ตอนนี้เป็นเวลา 12.45 แล้ว คนที่มาทานข้าวเริ่มทยอยออกจากร้านอาหารไปไม่น้อย ซูหนิงจิงเลือกร้านอาหารที่ดูน่ากินร้านหนึ่งแล้วเดินนำลูกสาวกับกู่ซิงเข้าร้านไปพวกเธอสั่งอาหารในเมนูอย่างรวดเร็ว หลังจากรออาหารเกือบ 30 นาที พวกเธอก็ได้ทานอาหารเที่ยงกันในเวลาหลังบ่ายโมงแล้ว ทั้งสามคนทานไปคุยไปเพราะกว่าจะได้ทานมื้อเที่ยงเวลาก็ล่วงเลยมานับชั่วโมงแล้ว“วันนี้แม่จะเดินเล่นที่ห้างนี้ต่อไหมคะ”“อืม แม่ว่าจะแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตหน่อยจ๊ะ ของที่บ้านเราใกล้จะหมดแล้ว”“อ่า นั่นสินะคะ หนูก็ลืม
ซูหนิงเซียวเดินไปเปิดประตูรถอีกด้านของโจวเสี่ยวเซียนแล้วสำรวจภายในรถที่โจวเสี่ยวเซียนนำของตกแต่งมาใส่เสียเต็มรถ ภายในเต็มไปด้วยตุ๊กตาที่เธอชอบทั้งนั้น ซูหนิงเซียวได้แต่ยิ้มกับการตกแต่งรถของเพื่อนรัก ที่รถของเธอช่างสมกับเป็นรถของโจวเสี่ยวเซียนผู้ร่าเริงเสียจริง ๆ“รถเธอน่ารักมากเลยนะเสี่ยวเซียน เธอไปหาของพวกนี้มาจากไหนเหรอ”“จะหาจากไหนได้ล่ะนอกจากสั่งทางอินเตอร์เน็ต ของพวกนี้ราคาไม่น้อยเลยนะกว่าที่ฉันจะได้มา ของนำเข้าทั้งนั้นเลย”“โอ้โห เธอนำเข้ามาเลยเหรอเนี่ย ถึงว่าฉันไม่เคยเห็นของตกแต่งแบบเธอมาก่อน แต่ก็ดูเข้ากับเธอดีนะเสี่ยวเซียน”“แน่นอนสิ รถของฉันนี่นา มันก็ต้องน่ารักเหมือนฉัน ฮิ ฮิ”“จ้า จ้า ฉันรู้ว่าเพื่อนฉันน่ารักทั้งคู่ ว่าแต่เธอขับมาพร้อมกับลู่หรงเป็นยังไงบ้าง”“ก็ไม่มีอะไรนะ รถเราคันเล็กเลยมุดผ่านรถติดแถวบ้านมาได้สบายเลย ไม
“ดีเหมือนกันนะลู่หรง ฉันกับเธอต้องได้ตารางเรียนเหมือนกันอยู่แล้ว เราแค่ต้องดูว่าตารางเรียนของหนิงเซียวเป็นยังไงบ้าง พวกเราจะได้มีเวลาไปกินไอศกรีมบ้าง”“พวกเธอนี่นะ ห่วงแต่เรื่องกิน แล้วก็บ่นว่าตัวเองอ้วนอยู่นั่นแหละ”“พวกเราอ้วนขึ้นจริง ๆ นี่นา ใครใช้ให้ช่วงปิดเทอมแม่เอาแต่ให้แม่บ้านส่งของว่างมาให้พวกฉันตอนอ่านหนังสือตลอดเวลาเล่า แล้วขนมพวกนั้นก็อร่อยมากด้วย”“จริงอย่างที่เสี่ยวเซียนว่านั่นแหละ ที่บ้านฉันก็ไม่ต่างกัน น้ำหนักฉันขึ้นตั้ง 2 กิโล”“เฮ้อ เสียดายที่บ้านฉันส่วนใหญ่ชอบกินผลไม้กัน น้ำหนักฉันเลยไม่ขึ้นเลย พวกเธอคิดว่าฉันผอมเกินไปหรือเปล่า”“ไม่นะ ฉันคิดว่าหุ่นนางแบบของเธอพอดีแล้ว ห้ามผอมกว่านี้และห้ามอ้วนกว่านี้”“ฉันก็คิดเหมือนลู่หรงนะ หุ่นเธอพอดีแล้วจริง ๆ หนิงเซียว”“ถ้าอย
หานชิงหนิงกับโจวจี้เหว่ยที่รับสายลูกๆ ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว เธอบอกให้ลูก ๆ รออยู่ที่นั่น พวกเธอจะรีบไปทันที ส่วนซูหนิงจิงเองก็พูดเช่นเดียวกับพวกเธอเช่นกัน ซูหนิงเซียวได้แต่ขอโทษแม่ที่ทำให้เกิดเรื่อง แต่ซูหนิงจิงกลับบอกให้เธอแค่รออยู่ในห้องเท่านั้นอาจารย์ประจำชั้นปีสองที่หัวหน้าชั้นเรียนไปตามหาอยู่ที่ห้องพักพอดี เมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้น อาจารย์ก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน มีอาจารย์หลายคนที่เคยเข้าสังคมและรู้ว่าตระกูลหานกับตระกูลโจวไม่ใช่คนธรรมดา พวกเธอจึงส่งข่าวให้เพื่อนอาจารย์รับรู้มานานแล้วตั้งแต่ที่ทั้งสองคนเข้ามาเรียนที่นี่“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ค่ะอาจารย์ ไม่ทราบอาจารย์จะให้หนูทำยังไงดีคะ”“เฮ้อ กลุ่มของฟ่านเหลียนช่างก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวันจริง ๆ คราวนี้อาจารย์คิดว่าคงยากหน่อยที่จะแก้ไขปัญหา ยังไงก็พาอาจารย์ไปที่ห้องเรียนก่อนก็แล้วกัน อาจารย์คิดว่าป่านนี้ผู้ปกครองของพวกซูหนิงเซียวคงรู้เรื่องกันแล้วล่ะ รอให้พวกเธอมาถึงก่อนค่อยเจรจากันอีกที เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่
“ดิฉันก็คงปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้เหมือนกันค่ะ ลูกสาวดิฉันมีงานถ่ายแบบมาตลอด ถ้ามีคู่แข่งนำเรื่องนี้ออกสู่สาธารณะ คุณคิดว่าลูกสาวดิฉันจะยังมีที่ยืนในวงการอยู่หรือเปล่า และดิฉันขอบอกนักศึกษาทุกคนให้ทราบด้วยนะคะว่า ถึงแม้ดิฉันกับลูกจะไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่ แต่ชื่อเสียงในการทำธุรกิจของดิฉันก็ไม่แพ้ใครเหมือนกันในเมืองหลวงนี้ พวกคุณสามารถตรวจสอบได้ว่าซูหนิงจิงเป็นใคร แล้วการที่ดิฉันจะซื้อของแบรนด์เนมให้ลูกนำมาใช้ที่มหาวิทยาลัย มันก็เป็นเงินส่วนตัวของดิฉันที่หามาเองทั้งนั้น ฉันเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวมาตลอด ถ้าดิฉันไม่ให้สิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก แล้วจะให้ฉันเอาไปให้ใคร คนที่พูดว่าลูกดิฉันมีเสี่ยเลี้ยงคิดเรื่องต่ำ ๆ แบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง”“เอ่อ ผมเข้าใจดีครับว่าเรื่องนี้กระทบกับชื่อเสียงของพวกลูก ๆ คุณมาก เพียงแต่ผมก็อยากให้พวกคุณเห็นใจอนาคตของเด็กอีกกลุ่มสักหน่อยน่ะครับ”“ฮึ แล้วเด็กกลุ่มนั้นคิดที่จะเห็นใจอนาคตลูก ๆ พวกเราหรือเปล่าคะ พวกเธอถึงได้สร้างข่าวแบบนี้ขึ้นมา ดิฉันขอถามแค่คำเดียวว่าหลักฐานที่เด็กกลุ่มนั้นพู
“ฉันก็เหมือนกับคุณนายหานและคุณนายโจวเช่นกัน ลูกสาวที่ฉันเลี้ยงดูมาอย่างดีจนสามารถทำงานถ่ายแบบในวงการมากว่าหนึ่งปี อยู่ ๆ ก็มีคนมากล่าวหาว่าเธอมีเสี่ยเลี้ยงดู พวกเธอคิดว่าคนเป็นแม่อย่างฉันจะรับได้ไหม”กลุ่มของฟ่านเหลียนได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ และก้มหน้าลงอย่างหวาดกลัว พวกเธอไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าของผู้ใหญ่ทั้งสามที่ดูท่าทางเอาเรื่องไม่น้อย จนอาจารย์เห็นว่ากลุ่มของฟ่านเหลียนคงไม่สามารถตอบคำถามได้แน่ ๆ เธอจึงพูดแทน“ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะความอิจฉาเท่านั้นที่ทำให้พวกเธอทำแบบนี้ค่ะ”“ฮึ ถ้าแค่อิจฉาแล้วต้องทำลายชื่อเสียงกันถึงขนาดนี้ ในอนาคตถ้าเด็กพวกนี้มีงานทำ พวกเธอจะไม่ยิ่งสร้างเรื่องมากกว่านี้อีกเหรอคะ นี่ขนาดแค่อิจฉา แต่กลับทำลายชื่อเสียงของลูกดิฉันได้มากถึงขนาดนี้ ถ้าเป็นสื่อที่เล่นข่าวนี้ขึ้นมา ดิฉันรับรองได้ว่าสื่อนั้นจะต้องถูกฟ้องจนล้มละลายแน่นอนค่ะ ดังนั้น ดิฉันยังคงยืนยันที่จะฟ้องต่อค่ะ”“ดิฉันก็จะฟ้องเหมือนกัน
ระหว่างอาหารค่ำวันหนึ่ง ซูหนิงเซียวที่กำลังจะกินทอดมันกลับรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารยังไงพิกลจนเธอต้องลุกขึ้นวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ ทำเอาทุกคนแตกตื่นตกใจกันไปหมดเพราะคิดว่าเธอพักผ่อนไม่เพียงพอจากการไลฟ์สดต่อเนื่องกันมานานหลายวัน จ้านเการีบสั่งคนให้เตรียมรถไปโรงพยาบาลทันที เมื่อเห็นซูหนิงเซียวเดินหน้าซีดออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รีบเข้าไปอุ้มเธอและเดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าบ้านโดยไม่รอใครสักคน ทำเอาคนอื่น ๆ ต้องรีบเดินตามเขาไปแทบไม่ทัน บอดี้การ์ดพาทุกคนไปถึงโรงพยาบาลใกล้ ๆ ในเวลาเพียง 20 นาที ซูหนิงเซียวเห็นจ้านเกาจะอุ้มเธอลงไปอีกก็เกิดอายคนในบ้านขึ้นมา เธอจึงขอเดินเองจนจ้านเกาต้องยอมแพ้ภรรยาตัวน้อยและประคองเธอลงจากรถตู้เอง หลังส่งซูหนิงเซียวเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการแล้ว บรรดาผู้อาวุโสที่คาดเดาว่าครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวดีต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่จ้านเกาที่เป็นห่วงภรรยากลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาเอาแต่เดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินเพราะกลัวว่าภรรยาจะเจ็บป่วยร้ายแรง
ในห้องหอที่เป็นห้องของจ้านเกา ซูหนิงเซียวนั่งอยู่ที่เตียงอย่างเขินอาย ก่อนที่จ้านเกาจะจูบหน้าผากภรรยาตัวน้อยของเขาอย่างอ่อนโยน“น้องหนิงเซียวไม่ต้องเครียดมากนะครับ พี่ไม่ทำอะไรน้องก่อนจะเรียนจบแน่นอนครับ เราไปกินข้าวมงคลกันดีกว่า” จ้านเกาจับมือเล็กของซูหนิงเซียวแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างเธอและเริ่มตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้เธอกินไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาอยู่บนโต๊ะอาหารร่วมกับครอบครัว ซูหนิงเซียวอดคิดไม่ได้ว่าทำไมสามีเธอไม่อยากมีอะไรกับเธอ หรือว่าเธอจะไม่สวยพอที่เขาจะหลงใหล จ้านเกาเห็นภรรยาหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดจะถามไม่ได้“น้องหนิงเซียวคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมทำหน้าตาแบบนี้ล่ะ”“เอ่อ… หนูแค่คิดว่าวันนี้หนูไม่สวยพอที่สามีอย่างพี่จ้านจะทำหน้าที่สามีหรือเปล่าน่ะสิคะ เพื่อนหนูบอกว่าเจ้าบ่าวส่วนใหญ่ต้องอดใจไม่ไหวแน่ถ้าเห็นเจ้าสาวนั่งบนเตียง” ซูหนิงเซียวก้มหน้าตอบอย่างอาย ๆ“ฮ่า ฮ่า น้องหนิงเซียวคิดมากเกินไปแล้ว พี่แค่กลัวว่าน้องจะยังไม่พร้อมเท่านั้นเองครับ ถ้าน้องหนิงเซียวอนุญาต พี่ก็จะทำห
ก่อนเวลาตามฤกษ์งามยามดี 10 นาที พิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนนับร้อยคนที่มาในครั้งนี้ จากนั้นเขาจึงเชิญผู้อาวุโสของตระกูลจ้านทั้งสองขึ้นไปนั่งรอบนเวที ไม่นานนักซูหนิงจิงก็เดินมาพร้อมลูกสาวโดยมีกู่ซิงเดินตามหลังพร้อมรอยยิ้มเข้ามาในงาน จ้านเการีบไปยืนรอเจ้าสาวของเขาที่หน้าเวทีก่อนจะรับเธอมาจากซูหนิงจิง เขายังรับปากซูหนิงจิงว่าจะดูแลซูหนิงเซียวเป็นอย่างดี หลังฟังจ้านเกาพูดแล้ว ซูหนิงจิง กู่ซิงก็เดินนำสองเจ้าบ่าว เจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มทำพิธีการในลำดับต่อไป พิธีกรประกาศของรับขวัญเจ้าสาวที่ตระกูลจ้านมอบให้ ทำเอาแขกในงานฮือฮากันไม่น้อย เนื่องจากของขวัญมากมายทั้ง 28 รายการล้วนแต่เป็นของโบราณและมีค่าควรเมือง ไม่รวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเมืองต่าง ๆ ที่ผู้อาวุโสทั้งสองมอบให้อีกหลายแห่ง ซูหนิงเซียวถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาที่คุณตา คุณยายของจ้านเกาเอ็นดูเธอถึงเพียงนี้ หลังจบรายการของขวัญฝ่ายเจ้าบ่าวแล้ว พิธีกรก็ประกาศของรับขวัญเจ้าบ่าวที่ซูหนิงจิงมอบให้เช่นกัน คราวนี้แขกในงานยิ่งส่งเสียงฮือฮาหนักกว่าเมื่อกี้เสียอีก เพราะซูหนิงจิงมอบหุ้นทั้งหมดข
ก่อนถึงงานแต่งสามวัน วันนี้มีข่าวใหญ่ที่สื่อทุกสำนักนำเสนอ จากหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาก่อนหน้านี้ หลังจากตรวจสอบที่มาที่ไปและพบว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นของจริง ตำรวจได้นำส่งหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับนักการเมืองหลายสิบคนที่มีส่วนร่วมในการทุจริตและคอรัปชั่นมาตลอดหลายสิบปี เจียวจิ้งเหอที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่เหงื่อตกหลังจากดูข่าวที่กำลังฉายในทีวี เขาไม่รู้ว่าหลักฐานที่เขาเก็บเอาไว้ทำไมถึงไปอยู่กับตำรวจได้ วันที่ทนายมาทำพินัยกรรมให้กับเขา ทนายก็ไม่ได้บอกว่าหลักฐานหายไป เจียวจิ้งเหอยิ่งดูข่าวก็ยิ่งเครียดจนความดันขึ้นสูงและเครื่องวัดความดันดังเตือนไปยังพยาบาลด้านนอก พวกเธอรีบเข้ามาดูคนไข้ที่กำลังช็อคทันที แต่เสียดายที่ตอนนี้เจียวจิ้งเหอเส้นเลือดในสมองแตกไปจากความเครียดที่เกิดขึ้น หมอรีบเข้ามาดูอาการแล้วก็ได้แต่ต้องรีบพาเขาไปห้องผ่าตัดเพื่อดูดลิ่มเลือดในสมองออกก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้รับข่าวจากโรงพยาบาลในเวลาต่อมา พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลกันอย
สามวันต่อมา จ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง จ้านเกา ซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวและกู่ซิงเดินทางไปลองชุดที่ร้านตามที่จ้านเซียงชิงจองเอาไว้ก่อนหน้านี้ ร้านนี้มีแต่ชุดสวย ๆ และดูหรูหราเหมาะสมกับงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคน ส่วนผู้ใหญ่ต่างก็ดูชุดราตรีแบบต่าง ๆ ที่ร้านนำมาให้ก่อนจะลองชุดกันอย่างสนุกสนาน สองผู้อาวุโสเองก็เลือกชุดแบบโบราณที่ดูเหมาะสมกับวัย กว่าที่ทุกคนจะลองชุดเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายกว่าแล้ว พวกเขาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสักพักใหญ่จึงให้คนขับรถหาร้านใกล้ ๆ เพื่อทานอาหารก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลจ้าน ระหว่างทานอาหาร จ้านหย่งเหอก็ถามถึงเรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอกับหลานชาย“คดียังต้องเลื่อนการสอบพยานนัดแรกออกไปอยู่ครับคุณตา เพราะเจียวจิ้งเหอต้องรักษาตัวมากกว่าสามเดือนครับ”“ฮึ หวังว่าคราวนี้คงไม่มีใครมาช่วยเขาอีกนะ”ซูหนิงจิงไม่อยากให้จ้านหย่งเหอกังวลมากนัก เธอจึงคิดจะบอกถึงเรื่องที่คนของเติ้งโหย่วได้หลักฐานส่งตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหย่งเหอคงไม่สบายใจ
เจียวจิ้งเหอฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันต่อมาหลังจากผ่าตัด หมอตรวจอาการของเขาพบว่าร่างกายช่วงล่างของเขาไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เนื่องจากกระดูกสันหลังและเส้นเลือดเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ เจียวจูกับหลงฮ่าวพอได้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อพวกเขารู้ว่าเจียวจิ้งเหอไม่สามารถใช้ร่างกายช่วงล่างได้อีกก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอก็ยังไม่ได้รับการตัดสิน หากเจียวจิ้งเหอต้องไปอยู่ในคุกข้อหาจ้างวานฆ่าจริง ๆ พวกเขาคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากหมั่นไปเยี่ยมเท่านั้น หลังจากรู้เรื่องว่าต่อไปตัวเองต้องเป็นคนพิการ เจียวจิ้งเหอก็ได้แต่หลับตาลงอย่างปลดปลง เขาไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใครแล้วในตอนนี้ ถึงเขาจะแก้แค้นกลับก็ไม่ช่วยให้เขาสามารถใช้งานร่างกายที่พิการไปแล้วได้อยู่ดี เจียวจูเห็นพ่อของตัวเองเงียบลงไปแบบนี้ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีกจนหลงฮ่าวต้องคอยกอดปลอบเธอเอาไว้ ไม่นานนักเจียวจิ้งเหอก็ลืมตาขึ้นมาเพื่อคุยกับลูกสาวและลูกเขยถึงเรื่องสำคัญ“หลงฮ่าว อาจู พรุ่งนี้เรียกทนายมาหาพ่อที่นี่ด้วยนะ พ่อจะทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกกับหลาน ส่วนเรื่องคดีของพ่อคงอีก
หลงฮ่าวกับเจียวจูรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเกือบ 8 ชั่วโมง กว่าที่หมอจะออกมาบอกว่าเจียวจิ้งเหอพ้นขีดอันตรายแล้ว เพียงแต่ต้องรอดูว่าหลังจากฟื้นขึ้นมา อวัยวะต่าง ๆ ของเจียวจิ้งเหอจะสามารถใช้งานได้เป็นปกติหรือไม่เท่านั้น หมอแจ้งอาการกับญาติเสร็จก็ให้พยาบาลเข็นเตียงของเจียวจิ้งเหอไปยังห้องพิเศษเพื่อรอดูอาการหลังผ่าตัดจนกว่าจะครบ 24 ชั่วโมง จึงจะมั่นใจว่าเขาสามารถพักฟื้นต่อได้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้แต่ต้องกลับไปก่อนและให้คนของเขาคอยเฝ้าดูอาการของเจียวจิ้งเหอแทน พวกเขาจึงจะมาเยี่ยมเจียวจิ้งเหออีกครั้ง เพราะหลงฮ่าวกำลังหาคนในของบริษัทจ้านเกาเพื่อสร้างความเสียหายแต่ก็ยังหาไม่ได้เสียที จ้าวไห่ถังที่รู้ข่าวความวุ่นวายของหกตระกูลก็คิดอยากถอนหมั้นลูกสาว เขาไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนติดคุกติดตะรางอย่างหลงเอ้อหลางอีกต่อไป หลิวอ้ายโหรวที่ยุ่งอยู่กับการพาลูกชายไปทำงานก็ไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของสามี เธอในตอนนี้ไม่อยากให้ลูกชายเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้เช่นกัน หลังอาหารเย็นวันหนึ่ง จ้าวไห่ถังจึงเรียกลูกสาวมาคุยเรื่องนี้“พ่อคิดว่าตระกูลหลงจะให้เราถอนหมั้น
วันนี้เจียวจิ้งเหอมีนัดขึ้นให้การในชั้นศาลนัดแรก เขาให้คนของตนเองเตรียมตัวเดินทางหลังอาหารเช้า ส่วนคนของเติ้งโหย่วก็เตรียมการแล้วเช่นเดียวกัน พวกเขาหาที่กั้นทางเพื่อทำทีเป็นปรับปรุงถนนอยู่ให้เลี่ยงเส้นทางไปยังทางเปลี่ยว ทำให้ขบวนรถสามคันของเจียวจิ้งเหอต้องอ้อมทางไป คนของเติ้งโหย่วที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า พอเห็นขบวนรถของเจียวจิ้งเหอมาถึงก็เตรียมตัวกดระเบิดที่ฝังเอาไว้ใต้พื้นถนนเพื่อทำให้รถเกิดอุบัติเหตุแทนที่จะใช้ปืนกระหน่ำยิงเหมือนตอนที่เจียวจิ้งเหอสั่งลูกน้องไปจัดการจ้านเกา เมื่อรถคันแรกมาถึงบริเวณที่อานุภาพการทำลายล้างของระเบิดสามารถทำได้ หัวหน้ากลุ่มกะจังหวะกดระเบิดตอนที่รถของเจียวจิ้งเหอมาถึงจุดที่ระเบิดถูกวางเอาไว้พอดีบึ้ม!!! เอี๊ยด!!! โครม! รถของเจียวจิ้งเหอพลิกคว่ำในทันที ส่วนรถอีกสองคันที่โดนแรงระเบิดก็กระเด็นไถลไปคนละทิศละทาง คนที่อยู่ในรถต่างมึนงงและหูดับไปเพราะแรงระเบิดชั่วขณะ คนของเติ้งโหย่วอาศัยจังหวะนั้นหลบออกไปจากที่เกิดเหตุโดยหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิดอย่างรู้งาน พวกเข
หลังทานอาหารค่ำ ทุกคนก็มานั่งคุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคนอย่างจริงจังจนได้ข้อสรุปว่าพวกเขาจะจัดงานแต่งงานก่อนซูหนิงเซียวจะเปิดเทอมและขึ้นปีสามเพื่อความสะดวกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งก็เหลือเวลาเตรียมงานไม่ถึงสามสัปดาห์ แน่นอนว่าสัปดาห์นี้ทุกคนยุ่งอยู่กับแผนการล้มหกตระกูลรอง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงจึงให้เริ่มเตรียมงานแต่งในสัปดาห์หน้าแทน โดยพวกเขาจะเรียกเจิ้งเหลียงฮวามาช่วยเรื่องทำบัตรเชิญเหมือนตอนงานหมั้น คืนนั้นกว่าทุกคนจะได้เข้านอนก็เกือบห้าทุ่มแล้ว พวกเขาต่างยิ้มแย้มที่กำลังจะมีงานมงคลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ถึงแม้แต่ละคนจะมีงานล้นมืออยู่ก็ตามที สายวันต่อมา แผนการของซูหนิงจิงทำให้บริษัทใหญ่ทั้งหกไม่มีทางเลือกจนต้องเทขายหุ้นในมือก่อนที่จะขาดทุนไปมากกว่านี้ ซูหนิงจิงโทรหาไป่เฉิงให้เขากว้านซื้อหุ้นทั้งหมดเอาไว้ให้เธอ โดยเธอโอนเงินให้เขาเผื่อเอาไว้ 900 ล้านหยวน ต้องขอบคุณโครงการฟู่ซิงซินที่ขายหมดเร็วจนเธอมีกำไรจากโครงการนี้มากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน ตระกูลทั้งหกที่เกี่ยวพันกับเรื่องของซูหนิงเซียวต่างนัดประชุมเ