บอดี้การ์ดทั้งสี่ปล่อยให้ซูหนิงจิงและกู่ซิงเข้าไปในห้องเหลียงฟาง ส่วนพวกเขานั้นยังเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องเพื่อให้พวกเธอมีความเป็นส่วนตัวก่อนที่ทนายฮวงจะมาถึง
“หนิงจิง คุณแน่ใจนะว่าจ้าวไห่ถังจะยอมรับข้อตกลงของคุณ”“อืม ถ้าเขาไม่เห็นแก่บริษัท เขาก็คงไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงที่ฉันเสนอหรอกนะ ฉันหวังว่าเขาจะตกลงตามข้อเสนอ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงต้องเสียเวลาในการขึ้นศาลซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก และตอนนี้ภรรยาของเขายังถูกฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทจากฉันกับจ้านเกา ฉันคิดว่าเขาคงไม่อยากเสียเงินไปมากกว่านี้”“อ้อ ถ้าอย่างนั้นผมคิดว่าคนเห็นแก่เงินอย่างจ้าวไห่ถังคงไม่ปฏิเสธข้อตกลงของคุณแน่ ๆ” 10 นาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ของซูหนิงจิงก็ดังขึ้น เธอบอกให้เหลียงฟางออกไปรับฮวงไหลแทนเธอ เพราะไม่อยากให้ข่าวการมาของเธอไปถึงหูจ้าวไห่ถังเร็วนัก เหลียงฟางใช้เวลาไม่นานก็พาฮวงไหลเข้ามาในห้องก่อนจะชวนทุกคนไปยังห้องประชุมใหญ่ชั้นบน ซึ่งระหว่างทางเขาโทรแจ้งหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งจ้าวไห่ถังให้เข้าร่วมประชุมด้จ้าวไห่ถังกลับถึงบ้านก่อนเที่ยงวันเกือบหนึ่งชั่วโมง หลิวอ้ายโหรวที่ไม่ได้ไปไหนแปลกใจไม่น้อยที่เห็นสามีขนของกลับมาบ้านเวลานี้ เธอรอให้เขาวางกล่องของลงก่อนจะถามเขาอย่างสงสัย“นี่คุณเอาอะไรมาเยอะแยะคะ แล้ววันนี้คุณไม่ทำงานเหรอ?”“เฮอะ ของพวกนี้ผมเอามาจากห้องทำงานผมนั่นแหละ ตอนนี้ซูหนิงจิงเข้ายึดตำแหน่งประธานบริษัทไปแล้ว ผมยังจะมีหน้าทำงานอยู่ที่นั่นต่อได้ยังไงกัน หลังจากนี้คุณก็อย่าใช้เงินเปลืองนักก็แล้วกัน เสื้อผ้า เครื่องสำอางก็ไม่ต้องขนซื้อมาเหมือนเมื่อก่อนอีก เงินเดือนที่ผมจะได้ลดลงมาจากเดิมเกินครึ่งแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าเงินห้าหมื่นหยวนต่อเดือนจะพอจ่ายค่าคนใช้พวกนี้ไหม ไม่แน่ผมอาจจะต้องให้คนออกสักสองสามคน เหลือไว้แค่คนทำอาหารกับทำความสะอาดแค่สองคนพอ รอให้ลูกกลับมาผมจะบอกเรื่องนี้กับพวกเขาเอง” จ้าวไห่ถังพูดอย่างหนักใจ“อ้าว แล้วคุณปล่อยให้นังหนิงจิงไล่คุณออกได้ยังไงล่ะคะ ก็ไหนตอนที่หย่ากัน นังนั่นมันบอกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทของคุณอีกน่ะ ทำแบบนี้มันไม่ผิดสัญญาหย่าร้างกับคุณเหรอคะ แล้วคุณทำไมไม่หาทนายมาฟ้องเรียกค่าเสี
คืนนั้นหลังจากหลิวอ้ายโหรวคุยกับจ้าวไห่ถังเรื่องจะให้ลูกสาวไปทำงานในวงการบันเทิง จ้าวไห่ถังรู้ว่าลูกสาวเขาเรียนไม่ค่อยเก่งแต่แรก เขาจึงไม่คัดค้านอะไร เช้าวันต่อมาระหว่างทานอาหาร หลิวอ้ายโหรวบอกจ้าวลี่ลี่ว่าจะให้ทำงานในวงการบันเทิง ทำให้จ้าวลี่ลี่ที่เคยดูถูกพวกดาราที่เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอไม่ก่อนไม่พอใจทันที“หนูไม่ทำหรอกนะคะแม่ ถ้าหนูไปทำงานในวงการบันเทิง ตระกูลหลงจะไม่ดูถูกหนูเหรอคะ หนูยังไม่อยากถูกถอนหมั้นจนเสียหน้าคนในวงสังคมนะ” จ้าวลี่ลี่พูดอย่างไม่พอใจ“เอ๊ะ แค่ทำงานงานวงการบันเทิงใครเขาจะดูถูกแกกัน เมื่อก่อนฉันก็ทำงานในวงการบันเทิงมาก่อน ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครในสังคมดูถูกฉันสักนิด ไม่รู้ล่ะ ถ้าแกไม่ทำงานก็ไม่ต้องขอเงินพ่อแกไปซื้อเสื้อผ้าอีก” หลิวอ้ายโหรวยื่นคำขาด“นี่คุณจะเสียงดังทำไมกัน ถ้าลูกไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนี่นา คุณก็หัดอยู่บ้านซะบ้างจะได้ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ใช่หาแต่เรื่องออกไปซื้อของไม่จำเป็นพวกนั้นอยู่ตลอด ลูกก็ด้วยนะลี่ลี่ เลิกซื้อได้แล้วเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางพวกนั้น พ่อเห็
จ้าวหลงเฉิงที่เริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่สองเดือนก่อน ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นจากละครที่แสดงเป็นน้องชายนางเอกเมื่อเดือนที่แล้ว เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับคัดเลือกให้แสดงบทนี้แต่แรก นี่เป็นเพราะหลิวอ้ายโหรวยอมจ่ายเงินสนับสนุนละครเรื่องนี้มากถึงสองล้านหยวนจนลูกชายได้รับคัดเลือกให้ร่วมแสดง หลังจากนี้หลิวอ้ายโหรวที่ทำให้ลูกชายมีชื่อเสียงมากขึ้นก็ไม่ต้องเสียเงินอีก ถึงแม้เธอจะจ่ายค่าชดเชยไปถึงสิบล้านหยวนแล้วก็ตาม แต่เธอยังมีเงินที่เหลือจากการจำนองที่ดินอยู่หลายล้านหยวน เธอจึงสามารถนำเงินมาต่อยอดให้ลูกชายเข้าวงการบันเทิงได้อย่างเต็มตัว จ้าวลี่ลี่เห็นน้องชายเริ่มดังก็ชักจะอยากเข้าวงการบันเทิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จ้าวไห่ถังไม่อนุญาตให้เธอไปยุ่งเกี่ยวกับวงการบันเทิงเหมือนจ้าวหลงเฉิง เขารู้ดีว่าผู้หญิงที่เข้าวงการมักจะถูกเอาเปรียบ ต่างกับผู้ชายที่ไม่ว่าจะได้รับบทอะไรก็ไม่เสียหายเหมือนดาราหญิง และเขามั่นใจแล้วว่าหลิวอ้ายโหรวจะสามารถดูแลลูกชายของเขาได้เป็นอย่างดี จ้าวลี่ลี่จึงทำได้แค่ตั้งใจเรียนให้มากขึ้นเพื่อจะได้รีบจบการศึกษาแล้วหางานทำ &n
ซูหนิงเซียวไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เธอมัวแต่รีบเข้าห้องน้ำจนกระทั่งสบายท้องแล้วจึงออกมาด้านนอก แต่กลับพบกลุ่มของหลงเอ้อหลางรอเธออยู่ ซูหนิงเซียวขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เธอไม่คิดว่าจะมาเจอคนพวกนี้อีกในงานของมหาวิทยาลัยของเธอ“พวกคุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง นี่มันห้องน้ำผู้หญิงนะ”“ฮึ ถ้าเราไม่เข้ามาแล้วจะได้แก้แค้นเธอเมื่อไหร่กัน”“นั่นสิ เธอทำพวกเราเสียเงินไม่น้อยเลยนะคราวก่อน วันนี้อย่าหวังว่าจะหนีรอดจากพวกเราไปได้เลย”“จับเธอ!!!” หลงเอ้อหลางไม่ยอมเสียเวลาพูดมากเหมือนเพื่อน เขากลัวว่าวิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิงที่สุด เพื่อนของหลงเอ้อหลางสามคนดาหน้าเข้าไปเตรียมล็อกแขนซูหนิงเซียวและปิดปากไม่ให้เธอร้องขอความช่วยเหลือได้ง่าย ๆ แต่ขณะที่พวกเขากำลังยื่นมือเข้าไป ซูหนิงเซียวก็เตะพวกเขาจนลงไปกองกับพื้น“โอ้ย! นังบ้า ฤทธิ์เยอะนักนะ พวกแกเข้าไปอีก คราวนี้ฉันจะช่วยด้วย” หลงเอ้อหลางเรียกเพื่อนอีกสองคน ซูหนิงเซียวพยายามต่อสู้กับหลงเอ้อหลางตามที่เธอ
ก่อนที่หลงเอ้อหลางจะหายเจ็บและลงมือกับซูหนิงเซียวอีกครั้ง กำลังตำรวจและบอดี้การ์ดที่มาถึงก่อนรีบเข้าไปช่วยเหลือซูหนิงเซียวหลังจากจับกุมเพื่อนทั้งห้าคนของเขา หลงเอ้อหลางที่ถูกจับกุมด่าทอต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างสาดเสียเทเสียเหมือนคนบ้า เขาไม่คิดว่าตำรวจจะมาเร็วถึงขนาดนี้ก็ยิ่งโกรธแค้นซูหนิงเซียวมากขึ้นไปอีก เขายังไม่ได้ล้างแค้นเธอเลยแต่กลับถูกจับเสียแล้ว ตอนนี้เขาไม่สนใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เขามั่นใจว่าคุณตาจะต้องช่วยเขาออกไปได้แน่ อีกอย่างเขายังไม่ได้ทำอะไรซูหนิงเซียว เขาจึงไม่สนใจว่าตำรวจพวกนี้จะตั้งข้อหาอะไรเขา ซูหนิงเซียวที่ถูกฉีกทึ้งเสื้อผ้ารีบม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่ม โชคดีที่หลงเอ้อหลางไม่ได้มัดมือมัดเท้าเธอเอาไว้ ทำให้เธอยังพอที่จะต่อกรกับเขาได้จนกระทั่งความช่วยเหลือมาถึง แต่ด้วยความดีใจที่รอดพ้นจากเงื้อมมือคนเลว ซูหนิงเซียวก็ร้องไห้อย่างสุดจะกลั้น เธออับอายไม่น้อยที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ จ้านเกามาถึงก็ตรงเข้าไปต่อยหลงเอ้อหลางจนล้มลงไปกองกับพื้น แต่หลงเอ้อหลางที่บ้าไปแล้วกลับหัวเราะออกมาแล้วเยาะเย้ยจ้านเกาเร
ซูหนิงจิงกับกู่ซิงเดินทางมาถึงบ้านตระกูลจ้านก่อนเวลาอาหารเที่ยงหนึ่งชั่วโมง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงยังคงนั่งรอพวกเธออยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนหลานชายพวกเขาก็ไปอยู่เป็นเพื่อนซูหนิงเซียวที่ห้องด้านบนพร้อมกับแม่บ้านหลังจากทักทายกันเสร็จแล้ว ทั้งสี่คนก็เดินขึ้นไปห้องของซูหนิงเซียวโดยมีพ่อบ้าน แม่บ้านช่วยกันยกกระเป๋าของพวกเธอตามขึ้นไปด้วย ระหว่างทางซูหนิงจิงยังได้รับการปลอบโยนจากสองผู้อาวุโสจนเธอใจชื้นขึ้นบ้างหลังจากที่กังวลมาตลอดตั้งแต่ทราบเรื่องของลูกสาว เมื่อซูหนิงจิงเห็นลูกของเธอกำลังนั่งอยู่บนเตียงคุยกับจ้านเกาที่นั่งเก้าอี้ข้างเตียงเข้า น้ำตาของเธอก็รื้นขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะรีบเดินเข้าไปกอดซูหนิงเซียวเอาไว้อย่างแสนรักที่เตียงอีกด้านหนึ่ง คนอื่น ๆ เห็นซูหนิงจิงที่เข้มแข็งมาตลอดเป็นเช่นนี้ก็เข้าใจได้ว่าเธอคงเป็นห่วงลูกมาก จ้านหย่งเหอไม่อยากรบกวนสองแม่ลูก เขาจึงชวนทุกคนไปนั่งที่ห้องรับแขกบนชั้นสองรอให้ซูหนิงจิงพูดคุยกับลูกสาวสักพักก่อนเพื่อคลายความเป็นห่วง ซูหนิงเซียวที่ได้รับอ้อมกอดอุ่นจากแม่ของเธอก็สะอื้นขึ้นมาอีกคร
ด้านหลงเอ้อหลางกับพวกที่ถูกคุมขังอยู่กลับไม่มีความสุขนัก พวกเขาถูกพ่อด่ากันอีกครั้ง แถมครั้งนี้ยังไม่ได้รับการประกันตัวเพราะเป็นคดีร้ายแรง ทำให้ทั้งหกคนถูกฝากขังที่ศาลก่อนจะถึงวันนัดสืบพยานครั้งแรกในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า บรรดาแม่ ๆ ของพวกเขาต่างร้อนรนที่ลูกต้องเข้าไปอยู่ในคุกแบบนี้ พวกเธออาละวาดจนสามีแทบจะทนไม่ไหว ยิ่งกับหลงฮ่าวที่ได้รับรายงานเรื่องทั้งหมดจากบอดี้การ์ดด้วยแล้ว เขายิ่งโมโหมากขึ้นไปอีกจนไม่คิดจะช่วยอะไรลูกชาย“คุณไม่คิดจะหาทางช่วยเอ้อหลางเลยหรือยังไง เขาเป็นลูกชายของคุณนะ!”“ฮึ แล้วใครใช้ให้มันไปลักพาตัวคู่หมั้นจ้านเกาล่ะ คุณคิดว่าผมจะช่วยอะไรได้ ในเมื่อนี่เป็นคดีร้ายแรง”“คุณก็ไปบอกไอ้จ้านเกานั่นไม่ให้มันเอาเรื่องลูกชายฉันสิ”“นี่คุณคิดว่าเขาจะยอมง่าย ๆ เหรอ? คุณก็รู้ว่าเขาเกลียดผมมากแค่ไหนน่ะ”“ฮึ คุณมันไม่ได้เรื่อง ฉันไปให้พ่อฉันช่วยลูกก็ได้ คอยดูนะ ฉันจะจัดการไอ้จ้านเกานั่นให้ดู!” เจียวจูเดินปึงปังออกจากบ้านไปอย่างไม่เหลียวหลังมามองว่าสามีของเธอมี
วันนี้กว่าที่จ้านเกาจะเสร็จจากงานในบริษัท เวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบจะสามทุ่มแล้ว เขาเก็บเอกสารส่งให้เค่อหานนำไปเก็บเพื่อส่งต่อให้บริษัทในเครือวันพรุ่งนี้ ก่อนที่จะออกจากห้องทำงานไปพร้อมบอดี้การ์ดส่วนตัวตามปกติ คนของเจียวจิ้งเหอเฝ้าดูกิจวัตรประจำวันของจ้านเกามาสองวันแล้ว วันนี้พวกเขาจึงคิดจะลงมือโดยดักซุ่มรอที่ทางผ่านกลับบ้านตระกูลจ้านซึ่งขณะนี้ไม่ค่อยมีรถผ่านไปมา พวกเขาจอดรถแอบเอาไว้ที่ซอยใกล้กับถนนใหญ่ ก่อนที่จะไปซุ่มรอที่หลังต้นไม้ริมทางทั้งสี่คน แต่ละคนเตรียมปืนออโตเมติกสมรรถนะสูงมาก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขารับงานมาจากเจ้านายแล้วจึงต้องทุ่มสุดตัว ขบวนรถของจ้านเกามาถึงจุดที่คนของเจียวจิ้งเหอดักรออยู่ในอีก 30 นาทีต่อมา ขณะที่รถทั้งสองคันกำลังจะผ่านทางไป กลุ่มกระสุนแถวแรกก็สาดเข้าใส่รถทั้งสองคันอย่างไม่สนใจว่าใครจะบาดเจ็บล้มตาย คนขับเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเร่งเครื่องให้ผ่านทางอันตรายไปโดยเร็ว ถึงแม้รถทั้งสองคันจะกันกระสุนได้ก็จริง แต่ปืนที่คนร้ายใช้กลับสามารถส่งคมกระสุนเจาะทะลุผ่านกระจกรถได้อย่างไม่ลำบาก แต่ยิ่งขับไปด้านหน้ามากเท่า
ระหว่างอาหารค่ำวันหนึ่ง ซูหนิงเซียวที่กำลังจะกินทอดมันกลับรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารยังไงพิกลจนเธอต้องลุกขึ้นวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ ทำเอาทุกคนแตกตื่นตกใจกันไปหมดเพราะคิดว่าเธอพักผ่อนไม่เพียงพอจากการไลฟ์สดต่อเนื่องกันมานานหลายวัน จ้านเการีบสั่งคนให้เตรียมรถไปโรงพยาบาลทันที เมื่อเห็นซูหนิงเซียวเดินหน้าซีดออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รีบเข้าไปอุ้มเธอและเดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าบ้านโดยไม่รอใครสักคน ทำเอาคนอื่น ๆ ต้องรีบเดินตามเขาไปแทบไม่ทัน บอดี้การ์ดพาทุกคนไปถึงโรงพยาบาลใกล้ ๆ ในเวลาเพียง 20 นาที ซูหนิงเซียวเห็นจ้านเกาจะอุ้มเธอลงไปอีกก็เกิดอายคนในบ้านขึ้นมา เธอจึงขอเดินเองจนจ้านเกาต้องยอมแพ้ภรรยาตัวน้อยและประคองเธอลงจากรถตู้เอง หลังส่งซูหนิงเซียวเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการแล้ว บรรดาผู้อาวุโสที่คาดเดาว่าครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวดีต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่จ้านเกาที่เป็นห่วงภรรยากลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาเอาแต่เดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินเพราะกลัวว่าภรรยาจะเจ็บป่วยร้ายแรง
ในห้องหอที่เป็นห้องของจ้านเกา ซูหนิงเซียวนั่งอยู่ที่เตียงอย่างเขินอาย ก่อนที่จ้านเกาจะจูบหน้าผากภรรยาตัวน้อยของเขาอย่างอ่อนโยน“น้องหนิงเซียวไม่ต้องเครียดมากนะครับ พี่ไม่ทำอะไรน้องก่อนจะเรียนจบแน่นอนครับ เราไปกินข้าวมงคลกันดีกว่า” จ้านเกาจับมือเล็กของซูหนิงเซียวแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างเธอและเริ่มตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้เธอกินไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาอยู่บนโต๊ะอาหารร่วมกับครอบครัว ซูหนิงเซียวอดคิดไม่ได้ว่าทำไมสามีเธอไม่อยากมีอะไรกับเธอ หรือว่าเธอจะไม่สวยพอที่เขาจะหลงใหล จ้านเกาเห็นภรรยาหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดจะถามไม่ได้“น้องหนิงเซียวคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมทำหน้าตาแบบนี้ล่ะ”“เอ่อ… หนูแค่คิดว่าวันนี้หนูไม่สวยพอที่สามีอย่างพี่จ้านจะทำหน้าที่สามีหรือเปล่าน่ะสิคะ เพื่อนหนูบอกว่าเจ้าบ่าวส่วนใหญ่ต้องอดใจไม่ไหวแน่ถ้าเห็นเจ้าสาวนั่งบนเตียง” ซูหนิงเซียวก้มหน้าตอบอย่างอาย ๆ“ฮ่า ฮ่า น้องหนิงเซียวคิดมากเกินไปแล้ว พี่แค่กลัวว่าน้องจะยังไม่พร้อมเท่านั้นเองครับ ถ้าน้องหนิงเซียวอนุญาต พี่ก็จะทำห
ก่อนเวลาตามฤกษ์งามยามดี 10 นาที พิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนนับร้อยคนที่มาในครั้งนี้ จากนั้นเขาจึงเชิญผู้อาวุโสของตระกูลจ้านทั้งสองขึ้นไปนั่งรอบนเวที ไม่นานนักซูหนิงจิงก็เดินมาพร้อมลูกสาวโดยมีกู่ซิงเดินตามหลังพร้อมรอยยิ้มเข้ามาในงาน จ้านเการีบไปยืนรอเจ้าสาวของเขาที่หน้าเวทีก่อนจะรับเธอมาจากซูหนิงจิง เขายังรับปากซูหนิงจิงว่าจะดูแลซูหนิงเซียวเป็นอย่างดี หลังฟังจ้านเกาพูดแล้ว ซูหนิงจิง กู่ซิงก็เดินนำสองเจ้าบ่าว เจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มทำพิธีการในลำดับต่อไป พิธีกรประกาศของรับขวัญเจ้าสาวที่ตระกูลจ้านมอบให้ ทำเอาแขกในงานฮือฮากันไม่น้อย เนื่องจากของขวัญมากมายทั้ง 28 รายการล้วนแต่เป็นของโบราณและมีค่าควรเมือง ไม่รวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเมืองต่าง ๆ ที่ผู้อาวุโสทั้งสองมอบให้อีกหลายแห่ง ซูหนิงเซียวถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาที่คุณตา คุณยายของจ้านเกาเอ็นดูเธอถึงเพียงนี้ หลังจบรายการของขวัญฝ่ายเจ้าบ่าวแล้ว พิธีกรก็ประกาศของรับขวัญเจ้าบ่าวที่ซูหนิงจิงมอบให้เช่นกัน คราวนี้แขกในงานยิ่งส่งเสียงฮือฮาหนักกว่าเมื่อกี้เสียอีก เพราะซูหนิงจิงมอบหุ้นทั้งหมดข
ก่อนถึงงานแต่งสามวัน วันนี้มีข่าวใหญ่ที่สื่อทุกสำนักนำเสนอ จากหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาก่อนหน้านี้ หลังจากตรวจสอบที่มาที่ไปและพบว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นของจริง ตำรวจได้นำส่งหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับนักการเมืองหลายสิบคนที่มีส่วนร่วมในการทุจริตและคอรัปชั่นมาตลอดหลายสิบปี เจียวจิ้งเหอที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่เหงื่อตกหลังจากดูข่าวที่กำลังฉายในทีวี เขาไม่รู้ว่าหลักฐานที่เขาเก็บเอาไว้ทำไมถึงไปอยู่กับตำรวจได้ วันที่ทนายมาทำพินัยกรรมให้กับเขา ทนายก็ไม่ได้บอกว่าหลักฐานหายไป เจียวจิ้งเหอยิ่งดูข่าวก็ยิ่งเครียดจนความดันขึ้นสูงและเครื่องวัดความดันดังเตือนไปยังพยาบาลด้านนอก พวกเธอรีบเข้ามาดูคนไข้ที่กำลังช็อคทันที แต่เสียดายที่ตอนนี้เจียวจิ้งเหอเส้นเลือดในสมองแตกไปจากความเครียดที่เกิดขึ้น หมอรีบเข้ามาดูอาการแล้วก็ได้แต่ต้องรีบพาเขาไปห้องผ่าตัดเพื่อดูดลิ่มเลือดในสมองออกก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้รับข่าวจากโรงพยาบาลในเวลาต่อมา พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลกันอย
สามวันต่อมา จ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง จ้านเกา ซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวและกู่ซิงเดินทางไปลองชุดที่ร้านตามที่จ้านเซียงชิงจองเอาไว้ก่อนหน้านี้ ร้านนี้มีแต่ชุดสวย ๆ และดูหรูหราเหมาะสมกับงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคน ส่วนผู้ใหญ่ต่างก็ดูชุดราตรีแบบต่าง ๆ ที่ร้านนำมาให้ก่อนจะลองชุดกันอย่างสนุกสนาน สองผู้อาวุโสเองก็เลือกชุดแบบโบราณที่ดูเหมาะสมกับวัย กว่าที่ทุกคนจะลองชุดเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายกว่าแล้ว พวกเขาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสักพักใหญ่จึงให้คนขับรถหาร้านใกล้ ๆ เพื่อทานอาหารก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลจ้าน ระหว่างทานอาหาร จ้านหย่งเหอก็ถามถึงเรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอกับหลานชาย“คดียังต้องเลื่อนการสอบพยานนัดแรกออกไปอยู่ครับคุณตา เพราะเจียวจิ้งเหอต้องรักษาตัวมากกว่าสามเดือนครับ”“ฮึ หวังว่าคราวนี้คงไม่มีใครมาช่วยเขาอีกนะ”ซูหนิงจิงไม่อยากให้จ้านหย่งเหอกังวลมากนัก เธอจึงคิดจะบอกถึงเรื่องที่คนของเติ้งโหย่วได้หลักฐานส่งตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหย่งเหอคงไม่สบายใจ
เจียวจิ้งเหอฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันต่อมาหลังจากผ่าตัด หมอตรวจอาการของเขาพบว่าร่างกายช่วงล่างของเขาไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เนื่องจากกระดูกสันหลังและเส้นเลือดเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ เจียวจูกับหลงฮ่าวพอได้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อพวกเขารู้ว่าเจียวจิ้งเหอไม่สามารถใช้ร่างกายช่วงล่างได้อีกก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอก็ยังไม่ได้รับการตัดสิน หากเจียวจิ้งเหอต้องไปอยู่ในคุกข้อหาจ้างวานฆ่าจริง ๆ พวกเขาคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากหมั่นไปเยี่ยมเท่านั้น หลังจากรู้เรื่องว่าต่อไปตัวเองต้องเป็นคนพิการ เจียวจิ้งเหอก็ได้แต่หลับตาลงอย่างปลดปลง เขาไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใครแล้วในตอนนี้ ถึงเขาจะแก้แค้นกลับก็ไม่ช่วยให้เขาสามารถใช้งานร่างกายที่พิการไปแล้วได้อยู่ดี เจียวจูเห็นพ่อของตัวเองเงียบลงไปแบบนี้ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีกจนหลงฮ่าวต้องคอยกอดปลอบเธอเอาไว้ ไม่นานนักเจียวจิ้งเหอก็ลืมตาขึ้นมาเพื่อคุยกับลูกสาวและลูกเขยถึงเรื่องสำคัญ“หลงฮ่าว อาจู พรุ่งนี้เรียกทนายมาหาพ่อที่นี่ด้วยนะ พ่อจะทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกกับหลาน ส่วนเรื่องคดีของพ่อคงอีก
หลงฮ่าวกับเจียวจูรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเกือบ 8 ชั่วโมง กว่าที่หมอจะออกมาบอกว่าเจียวจิ้งเหอพ้นขีดอันตรายแล้ว เพียงแต่ต้องรอดูว่าหลังจากฟื้นขึ้นมา อวัยวะต่าง ๆ ของเจียวจิ้งเหอจะสามารถใช้งานได้เป็นปกติหรือไม่เท่านั้น หมอแจ้งอาการกับญาติเสร็จก็ให้พยาบาลเข็นเตียงของเจียวจิ้งเหอไปยังห้องพิเศษเพื่อรอดูอาการหลังผ่าตัดจนกว่าจะครบ 24 ชั่วโมง จึงจะมั่นใจว่าเขาสามารถพักฟื้นต่อได้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้แต่ต้องกลับไปก่อนและให้คนของเขาคอยเฝ้าดูอาการของเจียวจิ้งเหอแทน พวกเขาจึงจะมาเยี่ยมเจียวจิ้งเหออีกครั้ง เพราะหลงฮ่าวกำลังหาคนในของบริษัทจ้านเกาเพื่อสร้างความเสียหายแต่ก็ยังหาไม่ได้เสียที จ้าวไห่ถังที่รู้ข่าวความวุ่นวายของหกตระกูลก็คิดอยากถอนหมั้นลูกสาว เขาไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนติดคุกติดตะรางอย่างหลงเอ้อหลางอีกต่อไป หลิวอ้ายโหรวที่ยุ่งอยู่กับการพาลูกชายไปทำงานก็ไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของสามี เธอในตอนนี้ไม่อยากให้ลูกชายเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้เช่นกัน หลังอาหารเย็นวันหนึ่ง จ้าวไห่ถังจึงเรียกลูกสาวมาคุยเรื่องนี้“พ่อคิดว่าตระกูลหลงจะให้เราถอนหมั้น
วันนี้เจียวจิ้งเหอมีนัดขึ้นให้การในชั้นศาลนัดแรก เขาให้คนของตนเองเตรียมตัวเดินทางหลังอาหารเช้า ส่วนคนของเติ้งโหย่วก็เตรียมการแล้วเช่นเดียวกัน พวกเขาหาที่กั้นทางเพื่อทำทีเป็นปรับปรุงถนนอยู่ให้เลี่ยงเส้นทางไปยังทางเปลี่ยว ทำให้ขบวนรถสามคันของเจียวจิ้งเหอต้องอ้อมทางไป คนของเติ้งโหย่วที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า พอเห็นขบวนรถของเจียวจิ้งเหอมาถึงก็เตรียมตัวกดระเบิดที่ฝังเอาไว้ใต้พื้นถนนเพื่อทำให้รถเกิดอุบัติเหตุแทนที่จะใช้ปืนกระหน่ำยิงเหมือนตอนที่เจียวจิ้งเหอสั่งลูกน้องไปจัดการจ้านเกา เมื่อรถคันแรกมาถึงบริเวณที่อานุภาพการทำลายล้างของระเบิดสามารถทำได้ หัวหน้ากลุ่มกะจังหวะกดระเบิดตอนที่รถของเจียวจิ้งเหอมาถึงจุดที่ระเบิดถูกวางเอาไว้พอดีบึ้ม!!! เอี๊ยด!!! โครม! รถของเจียวจิ้งเหอพลิกคว่ำในทันที ส่วนรถอีกสองคันที่โดนแรงระเบิดก็กระเด็นไถลไปคนละทิศละทาง คนที่อยู่ในรถต่างมึนงงและหูดับไปเพราะแรงระเบิดชั่วขณะ คนของเติ้งโหย่วอาศัยจังหวะนั้นหลบออกไปจากที่เกิดเหตุโดยหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิดอย่างรู้งาน พวกเข
หลังทานอาหารค่ำ ทุกคนก็มานั่งคุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคนอย่างจริงจังจนได้ข้อสรุปว่าพวกเขาจะจัดงานแต่งงานก่อนซูหนิงเซียวจะเปิดเทอมและขึ้นปีสามเพื่อความสะดวกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งก็เหลือเวลาเตรียมงานไม่ถึงสามสัปดาห์ แน่นอนว่าสัปดาห์นี้ทุกคนยุ่งอยู่กับแผนการล้มหกตระกูลรอง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงจึงให้เริ่มเตรียมงานแต่งในสัปดาห์หน้าแทน โดยพวกเขาจะเรียกเจิ้งเหลียงฮวามาช่วยเรื่องทำบัตรเชิญเหมือนตอนงานหมั้น คืนนั้นกว่าทุกคนจะได้เข้านอนก็เกือบห้าทุ่มแล้ว พวกเขาต่างยิ้มแย้มที่กำลังจะมีงานมงคลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ถึงแม้แต่ละคนจะมีงานล้นมืออยู่ก็ตามที สายวันต่อมา แผนการของซูหนิงจิงทำให้บริษัทใหญ่ทั้งหกไม่มีทางเลือกจนต้องเทขายหุ้นในมือก่อนที่จะขาดทุนไปมากกว่านี้ ซูหนิงจิงโทรหาไป่เฉิงให้เขากว้านซื้อหุ้นทั้งหมดเอาไว้ให้เธอ โดยเธอโอนเงินให้เขาเผื่อเอาไว้ 900 ล้านหยวน ต้องขอบคุณโครงการฟู่ซิงซินที่ขายหมดเร็วจนเธอมีกำไรจากโครงการนี้มากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน ตระกูลทั้งหกที่เกี่ยวพันกับเรื่องของซูหนิงเซียวต่างนัดประชุมเ