สระไท่ยี
ศาลากลางน้ำถูกสร้างขึ้นอย่างวิจิตรสวยงาม ตั้งอยู่ภายในสระน้ำขนาดใหญ่กินพื้นที่นับร้อยหมู่ อากาศเย็นยะเยือกของฤดูหนาวเริ่มแผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ ลมหายใจพ่นออกมาเป็นไอขาวเห็นอย่างชัดเจน แต่ถึงกระนั้นศาลากลางน้ำกลับปรากฏร่างสูงใหญ่ของแม่ทัพแห่งซุยโจว นั่งดื่มสุราอยู่เพียงลำพังเพื่อใช้ความคิดอย่างเงียบๆ
น้ำสุราเทลงในแก้วถูกแม่ทัพหนุ่มยกขึ้นดื่มอย่างรวดเร็วโดยไม่กลัวว่าจะเมามายแม้แต่น้อย ดวงตาเหม่อมองไปทั่วสระน้ำกว้างใหญ่เต็มไปด้วยหมอกขาวที่ลงมาเร็วกว่าปกติทั้งๆ ที่ในยามนี้เพิ่งจะยามโหย่วเท่านั้น “พี่อี้หลาง!”เสียงสตรีเรียกชื่อแม่ทัพแห่งซุยโจวทางด้านหลัง มือที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอยู่ในขณะนั้นหยุดชะงักทันใดครั้นได้ยินเสียงสตรีร้องเรียกชื่อของตัวเอง ก่อนจะเหลียวหลังหันกลับไปมองพร้อมสายตาเห็นร่างอวบอั๋นของญาติผู้น้องยืนถือเหยือกเหล้าอยู่นอกศาลา “เจ้าเองเหรอหลินเอ๋อ...ออกมาข้างนอกทำไมอากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ รีบเข้าไปในงานได้แล้วเดี๋ยวจะพาลเป็นไข้ลมหนาวเอาได้”หลัวอี้หลางตำหนิญาติผู้น้อง “ข้าลืมสุราดอกท้อไว้บนรถม้าจึงให้นางกำนัลส่วนตัวไปเอามาให้“เจ้างดงามมากเลยรู้ไหมสาวน้อย! ข้ายังไม่เคยพานพบสตรีใดแบบนี้มาก่อนเลย งดงามมาก งดงามจริงๆ”หยางผิงเฝ้ายืนชื่นชมมี่อิงด้วยความหลงใหลไม่ขาดปาก พร้อมทรุดกายลงนั่งบนเตียงก้มลงหมายจุมพิตนาง ฮึ่มมม!!! เสียงคำรามเบาๆ อยู่ในลำคอดังออกมาจากร่างของมี่อิงทั้งๆ ที่หมดสติอยู่ในเวลานั้น ทันทีที่หยางผิงหมายแตะต้องกาย มารโลหิตที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในกายสาวน้อยดรุณีผู้นี้นับวันการหล่อหลอมรวมร่างใกล้จะสมบูรณ์เข้าไปอยู่ทุกขณะและมารโลหิตกำลังทำหน้าที่ปกป้องร่างของโฉมสะคราญขึ้นมาทันที วาบบบบ!!! ปานโลหิตที่อยู่บนกลางหน้าผากถูกซุกซ่อนด้วยการวาดอกไม้ทาบทับบนรอยปานที่มีรูปร่างดั่งเปลวไฟ จนลุกโชนสะท้อนแสงวาววับเรืองรองออกมาให้หยางผิงได้เห็นทันที “ปานโลหิต!”หยางผิงเอ่ยชื่อดังกล่าวออกมาทันใด ด้วยบันทึกของราชวงศ์สุยซึ่งรอดพ้นจากการถูกล้มล้างราชบัลลังก์ได้ถูกเก็บรักษาเอาไว้มาเป็นอย่างดีจนมาถึงรุ่นของหยางผิง ดังนั้นตำนานของมารโลหิต หยางผิงจึงล่วงรู้เช่นกันเพียงแต่รายละเอียดที่ล่วงรู้มามีไม่มากนัก ระบุเอาไว้เพียงว่ามารโลหิตจะมีสัญลักษณ์เปลวไฟอยู่ตรงกลางหน้าผาก ไม่ใช่รอยวาดแต่เป็นเปลวไฟที่ทอแสง
จวนสกุลอันร่างสตรีสองนางนอนหมดสติอยู่ในห้องใต้ดินซึ่งใช้เป็นสถานที่เก็บสุราผ่านการหมักบ่มเอาไว้มานานหลายปี จ้าวมี่อิงและฮูหยินสวี่ถูกรมควันจนหมดสติอยู่บนรถม้าของตัวเอง ก่อนจะถูกนำตัวมากักขังเอาไว้ที่จวนสกุลอันตั้งแต่เมื่อวาน และจวบจนกระทั่งเข้าสู่ยามโหย่วของวันนี้ทั้งสองนางก็ยังไม่มีทีท่าว่าฟื้น “อะไรนี่! พวกนางยังไม่ฟื้นอีกเหรอทำไมถึงปล่อยให้หมดสตินานขนาดนี้! ปกติต้องฟื้นตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว แต่นี่อะไรเข้ายามโหย่วแล้วก็ยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมา”เสียงชายฉกรรจ์ราวกับว่าเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนั้นดังอยู่ด้านนอก “หัวหน้าใหญ่มีคำสั่งให้ย้ายพวกนางไปขังไว้ที่คุกใต้ดินป้องกันการตรวจค้นของทางการ เพราะตอนนี้เจ้ากรมอาญามีคำสั่งให้ตรวจค้นบ้านเรือนและจวนคหบดีน้อยใหญ่เพื่อค้นหาพวกนาง เดี๋ยวพวกเจ้ารีบจัดการย้ายพวกนางไปขังที่คุกใต้ดินด้วยนะ!”เสียงสั่งการดังออกไป “รับทราบขอรับ!”บรรดาลูกน้องขานรับทันที ก่อนจะได้ยินเสียงพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง “แต่สำหรับสตรีผู้นี้”พูดพลางชี้ไปที่ร่างของมี่อิง “หัวหน้าใหญ่ให้นำนางไปที่ห้องนอน”กล่าวพร้อมหันกลับไ
ในขณะเดียวกัน จวนดอกเหมยใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมตั้งแต่เช้าจรดค่ำไม่มีทีท่าว่าจะล้างทำความสะอาดให้ปราศจากเครื่องสำอางคเหล่านั้นให้หมดไป ด้วยคนงามเกรงว่าบุรุษที่เฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อจะมาพบนางในสภาพที่ไม่น่าดู ปราศจากความงดงามและจะทำให้มิอาจเหนี่ยวรั้งทำให้หลงใหลในความงามของนางนั้นได้ แป้งผัดหน้าถูกเติมแล้วเติมอีกและเติมอีกเพื่อให้นวลเนียน ขาวผ่องน่าสัมผัสอยู่ตลอดเวลา นิ้วมือกรีดกรายเอื้อมไปหยิบก้อนกลมสีขาวซึ่งเป็นน้ำหอมแห้ง สกัดจากดอกโมลี่ฮวานำมาปั้นเป็นก้อนกลมเพื่อเก็บไว้ได้นาน เวลาใช้ก็นำมาวางลงบนฝ่ามือผสมกับน้ำเพียงเล็กน้อยนำมาแต้มตามจุดที่ต้องการจะส่งกลิ่นหอมยาวนานได้ตลอดวัน คนงามเอียงคอไปมามองรูปโฉมของตัวเองสะท้อนจากกระจกเงาที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างพึงพอใจในความงดงามของนาง ก่อนจะเหลือบสายตามองไปทางประตูตำหนักเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกำลังเดินตรงมาที่ห้องดังกล่าว “อะไรกันนี่อยู่กับข้ามาก็นานพอดู ยังไม่รู้วิธีการเดินเท้าเบาตามแบบฉบับชาววังอีกอย่างนั้นเหรอ เห็นทีต้องส่งนางให้ไปเรียนมารยาทในวังหลวงใหม่เสียแล้ว ปล่อยเอาไว้นานไม่ได้เดี๋ยวผู
“ทุกคนจงเดินถอยห่างออกไปจากบริเวณนี้ให้หมด! ยกเว้นแม่ทัพจางและแม่ทัพหลัวเจ้าทั้งสองอยู่ด้วยกันกับข้าตรงนี้! รวมไปถึงสตรีนางนี้ที่ปลอมตัวเป็นชายให้อยู่ด้วยเช่นกัน!”สุรเสียงของถังเกาจงดุดันเป็นยิ่งนัก ครั้นข้าราชบริพารต่างถอยห่างออกไปจากบริเวณดังกล่าว เหลือเพียงผู้ที่องค์จักรพพรดิรับสั่งเอาไว้เท่านั้นสุรเสียงของถังเกาจงรับสั่งถามสตรีนางนั้นกลับไปทันทีด้วยความอยากรู้ “เจ้าแน่ใจนะว่าสตรีสูงศักดิ์ที่กล่าวออกมานั้น พำนักอยู่จวนดอกเหมยที่ตั้งอยู่นอกเมืองหลวง ถ้าเช่นนั้นล่วงรู้หรือไม่ว่านางมีนามว่าอะไร เพราะภายในจวนนั้นล้วนมีแต่สตรีในระดับสูงเดินทางไปพักผ่อนที่จวนแห่งนั้นหลายนางอยู่ในเวลานี้”รับสั่งถามกลับไปเพื่อเจาะจงให้ล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วสตรีที่ถูกพาดพิงในครั้งนี้แท้จริงเป็นผู้ใดกันแน่ ด้วยเพราะในเวลานี้เหล่าชายาของไต้อ๋องล้วนไปพำนักอยู่ที่จวนดอกเหมยเพื่อชื่นชมดอกไม้นานาพรรณที่กำลังเบ่งบานรับฤดูใบไม้ผลิ สตรีคนดังกล่าวนิ่งคิดอยู่ชั่วขณะก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อจดจำได้ “ข้าน้อยมีโอกาสติดตามหานจงไปที่จวนนั้นหนึ่งครั้ง และได้ยินคนสนิทของนางมักจะใช้คำเรียกแทนชื่อสตรี
ในเวลาต่อมาร่างอันไร้วิญญาณของกลุ่มกบฏต้าสุย ต่างพากันนอนตายเกลื่อนกลาดไปทั่วลานหินขาว กำลังทหารจากหน่วยพยัคฆ์ขาวที่ล้อมรอบอยู่ภายนอก ไล่กวาดต้อนเหล่ากบฏจนมารวมตัวอยู่ภายในบริเวณดังกล่าว พร้อมโอบล้อมรอบกลุ่มกบฏเอาไว้ทั่วทุกทิศทางยากนักที่จะตีฝ่าวงล้อมออกไปได้ โดยมีหลัวอี้หลางเดินนำหน้ากองทหารมาหยุดยืนเคียงข้างจางเย่วฉิน พร้อมพยักหน้าขึ้นลงส่งสัญญาณกลับไปให้ล่วงรู้ว่าแผนที่วางเอาไว้สำเร็จลุล่วงแล้ว พร้อมเสียงของจางเย่วฉินตะโกนก้อง “พวกเจ้าถูกกำลังทหารล้อมจับเอาไว้จนหมดแล้ว! หากยังคิดที่จะต่อสู้อีกมีแต่จะต้องเอาชีวิตมาทิ้งอยู่ตรงนี้ด้วยกันทั้งหมด ยอมจำนนเสียแต่โดยดีจะได้ไม่สูญเสียไปมากกว่านี้! เจ้าจะสู้ไปเพื่อใครในเมื่อหัวหน้าของพวกเจ้ายังถูกข้าสังหารนอนกลายเป็นศพไปแล้ว!!!” คำกล่าวของแม่ทัพใหญ่ทำให้กลุ่มคนกู้ชาติต่างหันกลับมามองหน้ากัน เมื่อเหตุการณ์ถูกตลบหลังจากได้ชัยชนะกลับพ่ายแพ้จนหมดรูป และดูท่าจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่แห่งนี้เสียแล้ว “ยอมจำนนก็ตาย! ไม่ยอมจำนนก็ตาย! มีค่าต่างกันตรงไหน!”เสียงของชายวัยประมาณสามสิบปีตะโกนกลับไปด้วย
ภายในห้องรับรอง“เป็นความจริงหรือนี่!”พระสุระเสียงรับสั่งออกมาทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดออกจากปากขุนพลคู่บัลลังก์ เฮ้อ! เสียงทอดถอนหทัยดังออกมาอย่างแรง “ข้าล่วงรู้ดีว่าไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดของเสด็จพ่อที่ตั้งพระทัยจะทรงมอบราชบัลลังก์นี้ให้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ครองราชย์มาห้าปี ทั้งสงครามกับชนเผ่านอกด่านและกองกำลังต่อต้านล้มล้างต้าถังเพื่อกอบกู้ต้าสุยก็ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ครั้งนี้มุ่งหมายปลิดชีวิตของข้า! แสดงว่าพรรคมารโลหิตแท้จริงแล้วเป็นหนึ่งในผู้ต่อต้านต้าถังกอบกู้แผ่นดินต้าสุย อาศัยชื่อเสียงในยุทธภพบังหน้าไม่ให้ล่วงรู้ตัวตนอันแท้จริง”ถังเกาจงฮ่องเต้รับสั่งออกมา ถ้อยรับสั่งขององค์จักรพรรดิที่เต็มไปด้วยความเข้าใจผิดต่อพรรคมารโลหิตทั้งหมด ทำให้หลัวอี้หลางซึ่งเป็นสายเลือดของพรรคมารโลหิตโดยแท้จริงไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไป “ขอฝ่าบาทพระราชทานอนุญาตกระหม่อมได้มีโอกาสกราบทูลบางอย่างให้ทรงทราบในเรื่องที่พระองค์กำลังเข้าพระทัยเกี่ยวกับพรรคมารโลหิตนี้ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”หลัวอี้หลางตัดสินใจกราบทูลกลับไป และนั่นทำให้ถังเกาจงฮ่องเต้ทรงท