วันต่อมา ยามรุ่งสาง บนกำแพงเมืองมีเสียงตีกลองดังขึ้นมาทุกครั้งที่เสียงดังขึ้น ก็เหมือนทุบตีหัวใจของประชาชน ทำให้หวาดหวั่นอยู่ไม่สุขหยวนตั๋วยืนบนกำแพงเมือง มองไปยังที่ห่างไกลภายในเมืองมีการสาดน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ทั่วบริเวณเหล่ามนุษย์โอสถมีสีหน้านิ่งค้าง แทบไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำอะไร และกำลังจะเผชิญกับอะไรกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่ในประชาชนทั่วไป พวกเขาได้กลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิง ต่างหนีกระเจิง“อย่าเผา! อย่า!”ไม่ต้องคิดก็พอจะรับรู้ถึงจุดจบของพวกเขา ล้วนถูกมนุษย์โอสถข้างนอกกัด…แววตาของหยวนตั๋วเยือกเย็น ในสายตาของเขา ชีวิตของคนไม่ต่างอะไรกับผักปลายามฟ้าสางหยวนตั๋วคำนวนเวลา ขณะที่กำลังจะออกคำสั่งเผาเมือง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา“ช้าก่อน!”เสียงนั้นทำให้คนนิ่งงันหยวนตั๋วมองไปยังทิศทางของเสียง จึงเห็น ท่ามกลางแสงแห่งรุ่งอรุณ ในม่านหมอกจาง ๆ ฮ่องเต้เดินออกมาอย่างมั่นคง“คุณชาย นั่นฮ่องเต้ฉี!” คนสนิทของหยวนตั๋วกล่าวเตือนแน่นอนว่าหยวนตั๋วจำได้ดูเหมือนจะถูกขังไว้นาน เสียงของฮ่องเต้ฉีจึงแหบแห้งอย่างมากมุมปากของเขายกขึ้น“ฝ่าบาท ที่แท้ท่านอยู่ในเมืองฝานหลูนี่เอง ช่างเอื้อให้พว
ณ จวนฉู่อ๋องหยวนตั๋วต้องการวางเพลิงเผาเมือง เซียวม่อจึงรีบเก็บข้าวของ เตรียมหนีไปอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย เพื่อจะไม่ให้โดนผลกระทบไปด้วยในมุมมองของเขา หยวนตั๋วก็คือคนบ้าไม่แน่อาจจะฆ่าเขาไปด้วยพระชายาฉู่อ๋องยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างไร จู่ ๆ ต้องมาหนีตายเช่นนี้ นางจึงกังวล“ท่านอ๋อง ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น? หรือว่าฝ่าบาทพาทหารบุกเข้ามา?”“นังโง่! หยุดพูดได้แล้ว!” เซียวม่อทนฟังคำพูดอัปมงคลเช่นนี้ไม่ได้ เกือบจะฟาดฝ่ามือใส่ฉวีเต้าหยางอาศัยจังหวะชุลมุนพามารดาหนีไปนายหญิงฉวีรู้มาตลอดว่าบุตรชายของตนเองกำลังทำอะไร จึงถามอย่างไม่วางใจ“ฝ่าบาทออกไปจากเมืองชายแดนอย่างปลอดภัยแล้วหรือ?”ฉวีเต้าหยางตอบมารดาไปตามตรง“ตอนนี้ยังไม่รู้“แต่มีฮองเฮาอยู่ด้วย ฝ่าบาทต้องปลอดภัยแน่นอน”เพี้ยะ!เสียงฟาดฝ่ามือของนายหญิงฉวีดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ฉวีเต้าหยางชะงักต่อมาผู้เป็นแม่ก็ตำหนิอย่างแข็งกร้าว“ฝ่าบาทกับฮองเฮายังไม่หนีออกมา แล้วเราจะหนีไปก่อนได้อย่างไร?“ลูกเอ๋ย แม่ไม่กลัวตาย กลัวก็แต่ว่าจะตายอย่างขี้ขลาด“หากเจ้าเป็นลูกของข้า ก็ไม่ควรทำเรื่องรักตัวกลัวตายเช่นนั้น!”ฉวีเต้า
พี่น้องร่วมสายเลือด ย่อมมีความแตกต่างกันทว่าเซียวอวี้คิดไม่ตก มีพ่อเดียวกันแท้ ๆ ไฉนเซียวม่อถึงได้โง่เขลาและชั่วร้ายเพียงนี้!เรื่องวางเพลิงเผาเมืองยังคิดออกมาได้ ตอนนั้นน่าจะฆ่าเขาทิ้งซะ!“ฝ่าบาท พวกเราไปที่เมืองฝานหลูก่อน เพื่อรวมตัวกับฮองเฮาก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ!” จางฉี่หยางย้ำเตือนเขาจำภารกิจของตัวเองได้ขึ้นใจ นั่นคือปกป้องฝ่าบาทให้ดีเมืองฝานหลูยามรัตติกาลฉวีเต้าหยางมาหาเฟิ่งจิ่วเหยียนอีกครั้ง“ฮองเฮา ห้าวันที่ผ่านมา หยวนตั๋วหาน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากมาย วันวางเพลิง ต้องเป็นในสองวันนี้แน่ ๆ”มิใช่ว่าเขาเร่งรัด แต่เป็นเพราะทนเห็น ผู้คนหลายพันหลายหมื่นคนถูกเผาตายไม่ได้จริง ๆ แม้นจะเป็นมนุษย์โอสถเหล่านั้น เขาก็รู้สึกว่าไม่มีความผิดใด ๆเฟิ่งจิ่วเหยียนนิ่งสงบเช่นเคยนางถามเขา “เรื่องที่ข้าให้เจ้าทำ เป็นอย่างไรบ้าง”ฉวีเต้าหยางรีบพยักหน้า“ตามที่ท่านสั่งมา ของสิ่งนั้น ข้าหาเจอในร้านยามาไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่า ของสิ่งนี้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองตรงไปยังเบื้องหน้า สายตาทอดยาว“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรถาม“จำเอาไว้ คืนนี้จงกลับไปที่จวน พาแม่ของเจ้าออกมา พาไปซ่อน
เมื่อเห็นว่าเซียวม่อยังคงลังเลไม่ตัดสินใจ หยวนตั๋วจึงเอ่ยเตือน“เรื่องมนุษย์โอสถสร้างความเดือดร้อนที่ชายแดน บัดนี้เล่าลือไปทั่วแผ่นดินแล้ว”“อีกไม่นานราชสำนักจะต้องส่งคนมาช่วยเหลือฮ่องเต้เป็นแน่”“ท่านอ๋อง ยิ่งท่านยืดเยื้อต่อไป ก็ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อท่าน”“โดยเฉพาะตอนนี้ที่เรายังหาตัวฮ่องเต้ไม่พบ”“ตัดสินใจไม่ได้ในยามที่ควรตัดสินใจ ย่อมมีแต่เสียหาย”เซียวม่อกัดฟันแน่น ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว“ดี! ทำตามที่เจ้าว่า เผาเมืองทิ้งเสีย!”ตราบใดที่เซียวอวี้ตาย ให้ตนเองได้ขึ้นครองบัลลังก์ การเผาเมืองชายแดนทิ้งเพียงไม่กี่แห่งจะนับเป็นอะไรได้?อีกอย่าง มนุษย์โอสถเหล่านั้น เดิมทีก็ต้องตายอยู่แล้วส่วนชาวบ้านที่เหลืออยู่ ก็ถือเสียว่าพวกเขาโชคร้ายที่ถูกเซียวอวี้ลากเข้ามาพัวพันเซียวม่อหาเหตุผลให้ตนเองจนได้ และมอบหมายเรื่องนี้ให้หยวนตั๋วไปจัดการทันทีในใจก็แอบมีความคิดเห็นแก่ตัวเผื่อว่าในอนาคตความลับเกิดแตกขึ้นมา เขาก็จะโยนความผิดทั้งหมดไปให้หยวนตั๋ว แล้วล้างมลทินให้ตัวเองหยวนตั๋วเริ่มลงมือเตรียมการทันทีเขารวบรวมคนของตน สั่งให้พวกเขาเตรียมน้ำมันเพลิงไว้สำหรับเผาเมืองส่วนเซียวม่อรออย
ถึงแม้เซียวอวี้จะไม่ค่อยได้พบหน้าจางฉี่หยาง แต่ก็ยังจดจำเขาได้ในทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใด จางฉี่หยางจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้จากนั้น จางฉี่หยางจึงเอ่ยอธิบาย“พวกกระหม่อมได้เข้าเฝ้าฮองเฮาที่เมืองลี่หย่วนพ่ะย่ะค่ะ”“พระนางมีรับสั่งให้พวกเราตามหายาถอนพิษ เพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือฝ่าบาท”“เดิมทีในแต่ละเมืองก็มีทหารปกติประจำการอยู่ พวกเราก็อาศัยขโมยยาถอนพิษจากพวกเขานี่แหละพ่ะย่ะค่ะ”“แต่หลายวันมานี้ แม้แต่ทหารเหล่านั้นก็กลายเป็นมนุษย์โอสถไปหมดสิ้น ทำให้ไม่สามารถหายาแก้ได้อีก”“นี่คือยาที่พวกกระหม่อมรวบรวมมาได้ ขอฝ่าบาทโปรดเสวยยา แล้วรีบเสด็จออกจากเมืองนี้ไปพร้อมกับกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”เขายื่นกระบอกน้ำให้เซียวอวี้เซียวอวี้เพียงเอ่ยถาม “แล้วฮองเฮาเล่า? นางอยู่ที่ใด?”เขาต้องการยืนยันก่อนว่าจิ่วเหยียนปลอดภัยดีหรือไม่จางฉี่หยางทูลตอบตามความจริง“ฮองเฮาเสด็จไปตามหาตัวการผู้ควบคุมมนุษย์โอสถแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระนางให้พวกกระหม่อมมาช่วยฝ่าบาทก่อน แล้วให้ไปพบกันที่เมืองฝานหลู”แต่ยาถอนพิษนี้เพียงพอสำหรับคนผู้เดียวเท่านั้น กระทั่งคนเดียวก็ยังแทบไม่พอจางฉี่หยางตั้งใจจะทิ้งพี่น้องคนอื่
นับตั้งแต่ที่ทรงทราบว่าองค์หญิงใหญ่หายตัวไป ไทเฮาก็ไม่เคยบรรทมหลับลงอย่างสนิทใจได้เลยสักคืนนางไม่คาดคิดเลยว่า แม้จะส่งคนไปมากมายเพื่อจับตาดูฉีเอ๋อร์ แต่นางก็ยังหนีไปได้อยู่ดีความรักที่ฉีเอ๋อร์มีต่อฮ่องเต้นั้นลึกซึ้งถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?ลึกซึ้งเสียจนไม่ห่วงแม้ความปลอดภัยของตนเอง?กุ้ยหมัวมัวเอ่ยปลอบใจอยู่ข้าง ๆ“ไทเฮาเพคะ อย่าทรงกังวลไปเลย องค์หญิงใหญ่เสด็จออกไปก็มีองครักษ์ติดตามไปด้วย พวกเขาย่อมปกป้ององค์หญิงได้เป็นอย่างดีแน่นอนเพคะ”“อีกทั้งหม่อมฉันได้ยินมาว่า เมืองต่าง ๆ ทางตอนเหนือล้วนปิดประตูเมือง ห้ามราษฎรเข้าออก”“จากการณ์นี้จะเห็นได้ว่า ต่อให้องค์หญิงใหญ่จะหนีออกจากเมืองหลวงไปได้ ก็คงไปไม่ถึงเมืองชายแดนเป็นแน่เพคะ”เมื่อได้ฟังดังนั้น สีพระพักตร์ของไทเฮาก็คลายลงเล็กน้อย“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะต้องตามหาองค์หญิงใหญ่ให้พบโดยเร็วที่สุด!”จะปล่อยให้เด็กคนนั้นทำอะไรตามอำเภอใจต่อไปอีกไม่ได้แล้ว!อายุก็ปาเข้าไปสามสิบกว่าแล้ว ยังไม่มีความหนักแน่นเอาเสียเลย......ชาวบ้านในเมืองหลวงรู้เพียงว่าที่ชายแดนกำลังเกิดเหตุการณ์มนุษย์โอสถอาละวาด แต่หารู้ไม่ว่าสถานการณ์นั้นคับขันเพีย