[4]
เมียข้าอย่าแตะ
++++++++++++
รุ่งเช้าวันใหม่
ชมจันทร์ยังคงลงมาทำหน้าที่ของเธออย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ทำอย่างไรได้ล่ะ มาอาศัยบ้านเขาอยู่มันก็ต้องทนๆ กันไป ความจริงเธอจะหนีไปอยู่ที่อื่นก็ได้ แต่ทว่าคงหนีบุพการีผู้แสนดีของเธอไม่พ้น อย่างน้อยๆ อยู่กับทัศเทพ บารมีของเขาก็ยังช่วยเธอให้รอดพ้นจากคนทั้งสองที่พยายามจะขายลูกกินอยู่ร่ำไป
ร่างอรชรของแม่เลี้ยงสาว หยิบจับข้าวของอยู่ในส่วนของครัวแบบฝรั่งที่มุมหนึ่งของคฤหาสน์เทพมณี เธอต้องเตรียมกาแฟไว้ให้ลูกเลี้ยงเทวดาเฉกเช่นทุกวัน
“นี่หล่อน ฉันขอกาแฟแก้วสิ”
คำสั่งนั้นดังมาจากร่างเย้ายวนของสตรีนางหนึ่งซึ่งเป็นคู่นอนของทัศเทพ พักนี้มีมาบ่อยแต่ไม่ค่อยซ้ำหน้านัก เจ้าหล่อนก้าวลงบันไดมาด้วยท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง ไม่บอกก็รู้ว่าเมื่อคืนผ่านศึกรักมากี่สมรภูมิ
แม่เลี้ยงคนงามปรายตามองเหยียดๆ
“ขอโทษ อยากได้ก็ทำเอง ฉันไม่ใช่คนใช้” ตอกกลับขณะรอผงกาแฟที่กำลังบดออกมาจากเครื่อง เธอต้องชงกาแฟให้ตัวเองก่อน ดื่มแล้วจะได้มีกำลังวังชาปะทะฝีปากกับผู้หญิงของลูกเลี้ยง
“เอ้า? แล้วหล่อนเป็นใครยะ! มาอยู่ที่บ้านของที่รักของฉันได้ยังไง!” แม่สาวแซ่บที่นมโตเท่าลูกมะพร้าว ขึ้นเสียงสูงถามไถ่
คนถูกถามต้องละมือจากเครื่องบดกาแฟมาปกป้องแก้วหูของตัวเอง
“ฉันเป็นใครน่ะเหรอ อยากรู้ก็ถามที่รักของเธอดูสิ”
ชมจันทร์สะบัดหน้าตอบ ไม่ชอบใจเลยที่ต้องมาคอยรบรากับพวกบรรดาที่รักของเขา ยิ่งเมื่อเห็นเนื้อตัวของสาวเจ้าที่โผล่พ้นชุดนอนสุดวาบหวิวออกมา มันก็ยิ่งปวดใจ ร่องรอยที่ตีตราบนเนินอกนั่นมันคล้ายกับของเธอไม่มีผิด คงเพราะมันเกิดจากผู้ชายคนเดียวกัน
แม่เลี้ยงคนงามหันหลังให้แม่สาวทรงโต เธอจัดการชงกาแฟใส่แก้วแล้วยกมันขึ้นกระดกเสียเกือบครึ่งราวกับว่าเป็นน้ำเปล่า น่าดีใจนักที่มันทำให้เธอกระปรี้กระเปร่าพร้อมรบ
“มีอะไรเหรอพิงค์กี้”
เสียงทุ้มอย่างอารมณ์ดีของบุรุษในชุดนอนผ้าไหมสีนิลสนิท ดังขึ้นขณะที่เจ้าตัวเดินลงมาจากชั้นบนด้วยท่าทางโรยแรงไม่แพ้กัน
“ก็คุณคนนี้สิคะ พิงค์กี้ขอแค่กาแฟสักแก้วเธอก็ไม่ยอมทำให้ ตอนนี้พิงค์กี้อยากดื่มกาแฟมากๆ เลยนะคะ ดื่มแล้วมันจะได้สดชื่น เราจะได้ขึ้นไปต่อบนนั้นกันอีกสักยกสองยกไงคะ ที่รักขา...”
สาวสวยทำตาหวานเยิ้มส่งให้ ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าหมายถึงเรื่องอะไร แล้วเขารึจะกล้าปฏิเสธ เขาเดินลงไปหาหล่อนที่เชิงบันได โอบเอวคอดของหล่อนไว้แล้วจ้องไปยังชมจันทร์
“เอ้า? ยืนเฉยอยู่ทำไมล่ะคุณแม่เลี้ยง ชงกาแฟให้พิงค์กี้สิ”
“อยากได้ก็ชงเอง” ชมจันทร์โต้คืน หน้าตึงเมื่อเห็นเขาเอาใจแต่คู่ขา
ทัศเทพส่ายหน้าน้อยๆ เดินลงมาหาชมจันทร์แล้วหยิบถ้วยกาแฟของหล่อนมาดื่มรอหน้าตาเฉย
“นี่! นั่นมันแก้วของฉันนะ!” ว่าเขาเสียงเขียว
“เรื่องมาก! ชงกาแฟเดี๋ยวนี้!”
เขาสั่งอีกหน ขยับไปชิดร่างเย้ายวนในชุดสูททำงานที่แสนจะมิดชิด ขัดใจชะมัด!
“คุณเทพขา พิงค์กี้ง่วงจัง ฮ้าว...” สาวทรงโตยกมือขึ้นปิดปากหาวหวอดๆ
ชมจันทร์เลี่ยงการคุกคามของลูกเลี้ยงจอมหื่นด้วยการนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งในครัว
“จันทร์! ชงกาแฟให้พิงค์กี้ซะ”
ใบหน้าสวยเชิดใส่ ทำไมเขาต้องรังแกเธออย่างนี้ด้วย ไม่คิดถึงจิตใจกันบ้างเลย มีอย่างที่ไหนให้ผู้หญิงคนนั้นมาสั่งเธอยิกๆ ทั้งที่เธอไม่ใช่คนรับใช้ แค่ต้องคอยปรนนิบัติพัดวีเขาคนเดียวก็แทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว
“จันทร์!” เขาเรียกอีก แต่ชมจันทร์ยังทำเมิน
“โอเค! ฉันชงเองก็ได้” ทัศเทพหมดความอดทนที่จะร้องขอ กะอีแค่เครื่องชงกาแฟทำไมเขาจะใช้มันไม่เป็น
“ที่รักขา พิงค์กี้ไปรอบนห้องนะคะ” สาวทรงโตบอกแล้วขึ้นบันไดไป
“ครับๆ คนสวย เดี๋ยวกาแฟตามไปจ้า” เขาร้องไล่หลังสาวเจ้า ก่อนจะหันมาสนใจเครื่องชงอีกรอบ มันจะยากสักแค่ไหนกันเชียว ปกติถ้าชมจันทร์ไม่ว่างก็จะเป็นสาวใช้ที่คอยชงกาแฟให้เขา แต่วันนี้ไม่รู้หายหัวไปไหนกันหมด กาแฟสำเร็จรูปมันก็ไม่อร่อย ต้องกาเฟสดแบบนี้เท่านั้น
“สาวใช้ก็ไม่รู้หายหัวไปไหน” เขาบ่นพึมพำ ตักกาแฟที่ถูกบดเป็นผงใส่ด้ามชงแล้วกดให้แน่นอีกนิดด้วยแท็มเปอร์ ก่อนจะใส่ด้ามชงเข้ากับเครื่อง นิ้วชี้ของชายหนุ่มชี้ซ้ายทีขวาทีที่หน้าเครื่อง เอาละสิ กดปุ่มไหนดี
“สาวใช้กับแม่ครัวลากลับบ้านหมด เหลือแค่เด็กส้ม ตอนนี้คงซักผ้าอยู่หลังบ้าน หัดใส่ใจคนในบ้านบ้างก็ดีนะคะคุณลูกเลี้ยง”
แม่เลี้ยงว่าให้ เห็นท่าทางเก้กังของเขาอยู่หน้าเครื่องชงกาแฟแล้วชักกลัว เขาจะใช้เป็นไหม เครื่องมันเก่าแล้วด้วย
“เธอก็ใส่ใจไปสิ เธอเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี่”
เขาโต้กลับ ตัดสินใจกดปุ่มเล็กๆ ปุ่มหนึ่งบนหน้าเครื่อง ก่อนที่เสียงทำงานของเครื่องจะเกิดขึ้นแล้วมีน้ำกาแฟสีดำๆ ไหลออกมา ทัศเทพยิ้มกริ่ม
“ว้าว! ชงได้แล้วนี่ ดีเลย ฉันจะได้เลิกชงให้ ชงจนจะเปิดร้านขายได้อยู่แล้ว”
“มีน! น้าแพรวไม่อยากเล่น มานี่เดี๋ยวนี้!” กวินขึ้นเสียง นึกเสียใจที่บุตรชายที่รักไปกวนใจแพรวรุ้งให้หล่อนรำคาญ“ม่าย! ปะป๊าเฉียงดัง มินไม่หาปะป๊า มินกัว ฮึกๆ น้าพะ...แพว ฮึก! มินกัว ปะป๊าจาตีมิน ฮือออ...”“มีนา!”กวินเริ่มหัวเสียเมื่อเจ้าหนูผู้เอาแต่ใจออกฤทธิ์ในเวลาที่ไม่สมควร“จะตะคอกทำไม! อยู่ใกล้กันแค่นี้!”แพรวรุ้งตวาดกลับ นึกสงสารเจ้าหนูตัวแสบขึ้นมา เธอไปอุ้มเอาเจ้าร่างตุ้ยนุ้ยขึ้นแนบอก ทว่าด้วยร่างกายที่ไม่ปกติบวกกับน้ำหนักตัวของเจ้าหนู ทำให้เธอถึงกับเซ จะล้มมิล้มแหล่“คุณ!” กวินรีบเข้าไปโอบทั้งสองไว้ ก่อนที่จะเสียหลักล้มลงไปให้เจ็บตัว“เอามือออกไปจากก้นฉัน!” แพรวรุ้งร้องลั่น เพราะเขาไม่ยอมปล่อย แถมยังบีบมันเน้นๆ ราวกับมันเขี้ยว“มีน! ปะป๊าจับก้นน้าแพรว” แพรวรุ้งหาแนวร่วม“อาลายนะ! ปะป๊า นี่แน่ะๆๆ มินจาฟ้องแม่ ป่อยนะ! ฮึบๆๆ”หนูน้อยผลักบิดาที่โอบตนกับน้าแพวเอาไว้ มือป้อมๆ ทั้งผลักทั้งทุบบิดาของตัวเอง“
แพรวรุ้งตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่เช้าด้วยสภาพอิดโรยเต็มที วันนี้มีถ่ายแบบเครื่องเพชรอีกชุดใหญ่ๆ ให้ตายเถอะ! เมื่อวานเธอว่าจะขอให้ช่างแต่งหน้าโปะแป้งหนาๆ ที่ซีกแก้ม มันคงพอลบรอยฝ่ามือเขาได้ แต่ตอนนี้เธอคิดว่าควรยกเลิกงานไปเลยดีกว่า เพราะรอยคิสมาร์กที่เขาทำไว้มันเกลื่อนอยู่ทั่วเนื้อตัวของเธอจนยากจะทาแป้งปกปิด“ตื่นแล้วหรือยะยัยคุณแพรว”เสียงเจ๊แจงโผล่หน้ามาทักทาย เจ๊คนงามร่างถึกอยู่ในชุดเสื้อผ้าทะมัดทะแมงประหนึ่งกำลังจะเดินทางไกล แถมยังลากกระเป๋าเดินทางใบโตติดมือมาด้วย“เจ๊! แต่งตัวจะไปไหน” แพรวรุ้งร้องถามอย่างใคร่รู้ อย่าบอกนะว่าจะย้ายกอง แต่ถ้าย้ายก็ดีนะ เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแล้ว“เอ้า? เจ๊ก็จะกลับกรุงเทพน่ะสิ เรื่องมากจริงๆ บริษัทนี้ เดี๋ยวให้ถ่ายที่ทะเล เดี๋ยวน้ำตก นี่ให้ยกกองกลับไปที่สตูดิโออีกรอบ แถมยัง...”“อะไรเจ๊ บอกมาไวๆ”“อ่า...คือว่า เขาเปลี่ยน...เปลี่ยนตัวนางแบบน่ะ เป็นเด็กใหม่ของเจ๊เอง แหะๆ” เจ๊แจงบอกอย่างเกรงๆ“ได้ไง!? แล้วแพรวล่ะ!”&
“โอ...กวิน ละ...เลือด นั่นเลือด ฉันกะ...กะ...กลัว”“อย่ากลัวเลยที่รัก ไม่มีอะไร ครั้งแรกอาจจะเจ็บไปบ้าง เชื่อผม แพรว...ผมขอโทษ”กวินอ่อนโยนทั้งแววตา น้ำเสียง และการกระทำ เขาดันหล่อนให้เอนไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วเริ่มสอดแทรกแก่นกายเข้าออกเป็นจังหวะ ปากก็เฝ้าเลียไล้ดูดชิม รสชาติของหล่อนช่างหวานล้ำ วางปากลงไปที่ใดก็น่าจูบ น่าดูดไปหมด แล้วเขาจะอดใจไหวได้ยังไง จูบได้เลยจูบ ดูดได้ก็ดูดไปทั่ว ทั้งซอกคอ แผ่นหลัง ทั้งท่อนแขน ปากเขาแตะไปที่ใด ก็ได้ฝากรอยทิ้งไว้จนลายพร้อย ส่วนล่างก็ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน สวมสอดเข้าออกเร็วพลัน จนได้ยินเสียงครางกระเส่าแว่วมาเริ่มแรกแพรวรุ้งเจ็บเจียนตาย ทว่าพอเขาทำเร็วขึ้น ถี่ขึ้น มันกลับทำให้เธอสุขอย่างประหลาด มันเจ็บปวดระคนซ่านเสียว ยิ่งเมื่อเขารั้งเอวเธอเข้าไปใกล้แล้วเร่งแรงกระแทกกระทั้น มันก็ทำให้เธอครางระงม แรงกระแทกนั้นยังส่งให้มวลน้ำอุ่นรอบตัวกระเพื่อมถี่ๆ แล้วในที่สุดมันก็กระฉอกออกไปนอกอ่าง“กวิน อา...” แพรวรุ้งครางกระเส่า เริ่มแลเห็นปลายรุ้งงามอีกครั้ง เธอแอ่นอกแอ่นสะโพกเข้าหาแก่นกายและฝ
[5]ผมแต่งงานกับคุณไม่ได้________________เวลา 20:00 นาฬิการ่างสูงใหญ่ของกวิน ก้าวเข้ามาภายในห้องพักของแพรวรุ้งอย่างเงียบเชียบ ในห้องกว้างมีแสงไฟจากหัวเตียงส่องเพียงรำไร มันช่วยพรางกายจนเขาเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงมุมห้องได้อย่างง่ายดาย ในอ้อมแขนของแพรวรุ้งมีร่างตุ้ยนุ้ยของมีนา ทั้งสองกำลังหลับอยู่บนเตียงใหญ่ เจ้าลูกชายตัวดีหลับอย่างเป็นสุขในอ้อมแขนของคนที่เขาเพิ่งตบหน้าไปหยกๆ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนผู้หญิงคนนี้มีกี่หน้ากันนะ มีกี่ตัวตนกันแน่ บางครั้งหล่อนก็วี้ดว้ายเสียงดังน่ารำคาญ ไม่มีเหตุผล และเอาแต่ใจเป็นที่สุด แต่สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้มันกลับต่างออกไป หล่อนช่างดู...อบอุ่นและอ่อนโยน“อือ...เหนียวตัวจังเลย ไม่ไหวแล้ว หลับไปก่อนนะเจ้าหนู น้าแพรวขอไปวิ่งผ่านน้ำแป๊บเดียว” แพรวรุ้งปรือตามาพึมพำ รู้สึกเหนียวตัวแม้ว่าในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ลมทะเลทำให้เนื้อตัวเหนียวหนึบจนต้องลุกมาอาบน้ำ“ซกมก” กวินพึมพำกับตัวเอง&
“มานี่มาคนเก่ง”แพรวรุ้งอ้าแขนรอ เจ้ามีนตัวแสบขยับเข้าไปหาแล้วคล้องแขนเล็กๆ กับคอเรียวของนางแบบสาวที่บิดาให้เขาเรียกว่า น้าแพรว“ง่วงแล้วทำไมไม่นอนฮึ ปะป๊ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่พาหนูมีนจอมแสบของน้านอนดีๆ” ถามพลางกอดพ่อหนูผู้น่ารักแล้วอุ้มขึ้นไปนั่งด้วยกันที่ปลายเตียง“ปะป๊าบอกว่าถ้าน้าแพวไม่ยกโทษให้ คืนนี้ปะป๊าจาไม่ให้มินนอนด้วย มินขอนอนห้องน้าแพวนะ” พ่อหนูออดอ้อน แก้มยุ้ยๆ น่ารักน่าหยิกเป็นที่สุด“ได้เลย แต่มีนต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่เอาเจ้าเขียดสีเขียวๆ มาใส่น้าแพรว”“โอเคคับผม อกหน้าแพวอุ่นจัง”หนูน้อยรับคำแล้วค่อยๆ ผล็อยหลับในท่าที่ยังนั่งอยู่บนตักของแพรวรุ้ง น้าแพรวก็กอดมีนาไว้ กันมิให้เจ้าหนูร่วงหล่น“ทำเป็นนางงามรักเด็กไปได้” เจ๊แจงแขวะ“ชู่ว์...เจ๊อย่ามาชักใบให้เรือเสียนะ ฉันก็อยากเป็นคนดีบ้างจะทำไมฮึ”“ก็ไม่ทำไมหรอกย่ะ แค่ไม่ชินเท่านั้นเอง”เจ๊แจงจีบปากจีบคอตอกกลับ แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว
คนสวยตาเขียวขุ่น ใบหน้าเนียนใสที่ปราศจากเครื่องสำอาง ทำให้กวินอดใจไม่ไหวก้มลงแตะปลายจมูกกับพวงแก้มสาวไปหนึ่งที“นี่! กล้าดียังไงมาหอมแก้มฉัน! ตาบ้าเอ๊ย! นี่แน่ะๆๆ”แพรวรุ้งดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่งทั้งทุบตีแผ่นอกหนาอยู่ปึกๆ จนเหนื่อยหอบถึงได้เพลามือ ขณะที่กวินไม่ทุกข์ร้อน ยังคงอุ้มหล่อนเดินลุยน้ำต่อไปถึงแม้ว่าพ้นผิวน้ำขึ้นมาแล้วเขาก็ยังไม่ยอมวาง“วางฉันลงได้แล้ว” เป็นแพรวรุ้งเสียเองที่เริ่มกระดากเพราะสายตาหลายสิบคู่ของเหล่าคนงานที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ พวกเขาต่างจ้องมองมาด้วยสายตาใคร่รู้“ไม่วาง อยากอุ้ม นึกเสียว่ากำลังแข่งขันยกน้ำหนักก็ไม่เลว”เขาแกล้งแซวทั้งที่เจ้าหล่อนตัวเบาราวปุยนุ่น“ปากหมา!” แพรวรุ้งโพล่งออกไปแล้วก็ต้องรีบวาดเรียวแขนรอบคอเขาเมื่ออยู่ๆ พ่อจอมหื่นก็ปล่อยร่างเธอลงแบบปัจจุบันทันด่วน เธอรีบถอยห่างเมื่อเท้าแตะพื้นทราย“ตัวเองนั่นแหละปากหมา! เป็นถึงลูกคุณหญิงคุณนายพูดจาไม่น่าฟังเอาเสียเลย มิน่าถึงไม่มีใครเอา ดีนะที่คุณวาเขาเลือกคุณมุก ไม่อย่างนั้นคงเจริญตายละที่ได