“ว้าว! ชงได้แล้วนี่ ดีเลย ฉันจะได้เลิกชงให้ ชงจนจะเปิดร้านขายได้อยู่แล้ว”
ชมจันทร์ว่าประชด เพ่งมองไปยังคนที่กำลังเฝ้ารอน้ำกาแฟกลิ่นหอม ทว่าดูเหมือนด้ามชงของเขาจะมีปัญหา น้ำกาแฟที่หยดลงมาถึงขาดช่วง
“จันทร์! มันไม่เข้าล็อกมาดูซิ”
เขาปิดสวิซต์เพื่อดึงด้ามชงออกมา ก่อนจะยัดมันเข้าไปในเครื่องอีกครั้งเพื่อให้เครื่องทำงานอีกรอบ แต่ทำยังไงก็ไม่เข้าเสียที
“จันทร์...มาดูหน่อย โธ่เอ๊ย! หน้าเครื่องนี่ร้อนจริงๆ แล้วฉันต้องใช้น้ำกาแฟเท่าไหร่ล่ะ”
เขาชี้ลงถ้วยใบเล็กซึ่งรองน้ำกาแฟไว้ ชมจันทร์เห็นแล้วส่ายหน้า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากาแฟหนึ่งแก้วต้องใช้น้ำกาแฟกี่ออนซ์
“เครื่องมันก็เอาแต่ใจเหมือนเจ้าของมันนั่นแหละ มันเก่าแล้วก็ต้องมีพังบ้างอะไรบ้าง” เธอแขวะเบาๆ เครื่องชงกาแฟมันเก่าแล้ว ดีเท่าไหร่ที่มันอยู่มาได้ตั้งหกเจ็ดปี
“จันทร์ มาทำให้หน่อย มันยัดไม่เข้าเนี่ย” เขาวอนขออีกครั้ง
“ไม่”
ชมจันทร์ตอบจริงจัง ทัศเทพหัวเสีย ยัดด้ามชงเข้าเครื่องอย่างกระแทกกระทั้น
“ก็ได้!” เขาหมดสิ้นความอดทน เปิดสวิตช์ให้เครื่องทำงานทั้งที่ตำแหน่งด้ามชงไม่เรียบร้อย ยังผลให้น้ำเดือดจัดพุ่งกระฉูดออกมาจากตัวเครื่องพร้อมๆ กับกากกาแฟกระเด็นรดมือเขาเต็มๆ
“โอ๊ย! บ้าฉิบ!” เขาสบถลั่น รีบปิดสวิตซ์เครื่องทันใด มือขาวสลัดแรงๆ ปวดแสบปวดร้อนบนหลังมือที่เริ่มแดงขึ้นทีละนิด
“คุณเทพ!” ชมจันทร์โผเข้าไปดูคนที่โดนน้ำร้อนลวก เครื่องชงกาแฟเครื่องนี้มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอรู้ดี แต่ทัศเทพไม่รู้ เพราะเธอแท้ๆ เขาถึงเจ็บตัว เพราะทิฐิบ้าๆ บอๆ ของเธอแท้ๆ
แม่เลี้ยงคนงามดึงมือของทัศเทพไปรองใต้ก๊อกน้ำเย็น เธอเปิดน้ำสะอาดให้มันราดบนหลังมือของเขา แล้วผละไปหายาทาในตู้ลอยเหนือเตาไฟฟ้า
“ล้างพอแล้ว มานี่เร็วเข้า” เธอร้องสั่ง จับเขานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมที่เธอนั่งอยู่เมื่อครู่ แล้วบรรจงทายาแก้น้ำร้อนลวกให้อย่างตั้งอกตั้งใจ
ทัศเทพรู้สึกสั่นไหวที่หัวใจอย่างประหลาด ยามเมื่อริมฝีปากของชมจันทร์ออกแรงเป่าลมลงบนหลังมือเขาให้คลายอาการเจ็บแสบ
“จันทร์...” เขาครางชื่อหล่อน ใบหน้างามอยู่ห่างเพียงคืบจนเขาอดใจไม่ไหว
ฟอด!
ชมจันทร์แก้มร้อนผ่าวเมื่อเขาหอมแก้มเธอหน้าด้านๆ
“คุณเทพ!?”
“หายกัน” เขาแก้ต่าง
“เจ้าเล่ห์นักนะ น่าจะปล่อยให้น้ำร้อนลวกให้ตายไปเลย”
“ใจร้าย” เขาโอดเสียงอ่อย รวบเอวบางมากอด บังคับให้หล่อนนั่งลงบนตัก
“ปล่อยสิ อยากกินกาแฟไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวฉันชงให้เอง ปล่อย!”
“ไม่ ตอนนี้อยากกินนมสดๆ ครับคุณแม่เลี้ยง”
“คุณเทพ!”
ชมจันทร์แหวออกมาอย่างเหลืออด เมื่อคืนยังไม่พอหรืออย่างไร ทั้งนมทั้ง...
“ฉันรู้นะว่าคิดอะไรอยู่ สายตาเธอมันฟ้อง”
เขาหรี่ตามองวงหน้าแดงเรื่อของหล่อน ชมจันทร์ตาลุกวาว
“ฟ้องเฟิ้งอะไรกัน ปล่อยนะ ฉันจะรีบเข้าบริษัท”
“นี่มันวันอาทิตย์” เขาแก้ไขความเข้าใจผิดของคนขยัน
“แต่ฉันมีนัดกับลูกค้า” เธออธิบาย
ทัศเทพหน้าตึง ทำไมต้องนัดวันอาทิตย์
“ลูกค้าที่ไหน?”
“ท่านฮัสเซ็น”
หญิงสาวตอบ ทัศเทพละมือจากการโอบกอดอย่างสุดเซ็ง ตาแก่พุงพลุ้ยหน้าแขกนั่นอีกแล้ว
ชมจันทร์รีบลุกจากตักเขาเมื่อสบโอกาส
“ทำไมไม่ให้คนอื่นไป นี่มันวันอาทิตย์นะ” งานนี้ลูกเลี้ยงมีงอน งอนที่เจ้าหล่อนจะไม่อยู่บ้าน งอนที่หล่อนจะออกไปกับตาแก่พุงพลุ้ยนั่น
“ก็ท่านใจดีชวนไปเที่ยว คุณจะให้ฉันปฏิเสธเหรอ ท่านฮัสเซ็นเป็นลูกค้ารายใหญ่เลยนะ คุณก็รู้”
“แต่ฉันไม่ชอบ! ที่เธอไปไหนมาไหนกับเขา”
ทัศเทพเริ่มหัวเสีย อาการเจ็บที่หลังมือแทบปลาสนาการไปสิ้น
“แล้วจะทำยังไงล่ะคุณเทพ จะให้ฉันโกหกว่าไม่สบายแล้วไปเที่ยวกับคุณแทนเหรอ” ชมจันทร์ประชดแบบพาลๆ ทว่ากลับเป็นการชี้โพรงให้กระรอกจอมหื่น
“ใช่! เธอต้องไปเที่ยวกับฉันวันนี้” สายเขาดูเจ้าเล่ห์อย่างคนมีแผนการ
“ฮะ? ไปเที่ยวเนี่ยนะ เพี้ยนหรือเปล่าคุณ ฉันอยู่ที่นี่มาเป็นชาติคุณเพิ่งมาชวนฉันเที่ยวเนี่ยนะ”
“อือฮึ! ทำไมล่ะ ก็ฉันเพิ่งอยากเที่ยวนี่นา” ตอบหน้าตาย ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้แม่เลี้ยงสาวโดยที่หล่อนไม่รู้ตัว
“คุณเทพ!” ชมจันทร์ร้องลั่นเมื่อเขาคว้าเอวบางของเธอไปกอดอีกครั้ง
“ชู่ว์...อยากให้เด็กส้มมาเห็นหรือไง ตามมานี่เดี๋ยวนี้เลย” เขาพูดเบาๆ กึ่งลากกึ่งจูงสาวเจ้าที่ดิ้นรนขัดขืนไปตลอดทาง ให้เข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ข้างๆ ห้องรับแขก
“ไม่!”
“ไม่มีทางรอดไงชมจันทร์ ก่อนจะไปเที่ยวมาให้ฉันชื่นใจซะดีๆ”
ปัง!
ประตูห้องน้ำปิดลงเสียงดังสนั่น
“อย่านะ อื้อออ...” ชมจันทร์ไม่มีโอกาสขัดขืนเมื่อลูกเลี้ยงจอมหื่นตะโบมจูบจนเธออ่อนระทวย แต่เดี๋ยวก่อน ที่อ่อนระทวยไม่ใช่เพราะสมยอมหรอกนะ
“คุณเทพขา...” เธอร้องเสียงกระเส่า วอนขอบางอย่างจากเขาด้วยการแอ่นอกเข้าหาฝ่ามือร้อนผ่าว เขาปลดกระดุมเสื้อเธออย่างรวดเร็วแล้วครอบครองพุ่มทรวงข้างหนึ่งด้วยมืออุ่นร้อนราวกับเป็นเจ้าของก็มิปาน
“โอ...จันทร์...จันทร์” ทัศเทพครางเสียงแผ่ว ทำไมหล่อนต่อติดไวขนาดนี้ ปลายจมูกโด่งคมซุกไซ้ที่ซอกคอขาวผ่องเนิ่นนาน ก่อนจะลากไล้ปากกับจมูกไปที่ปลายถันสีชมพูระเรื่อน่าขบเม้มเป็นที่สุด
“คุณเทพ เจ็บ!” ชมจันทร์ร้องบอกเมื่อเขาขบที่ยอดอกกัน
“จันทร์ เธอ...ไม่ขัดขืน” ทัศเทพเป็นงง แต่ฝ่ามือก็ไม่ยอมผละจากเนื้อตัวของสาวเจ้า มันน่าอัศจรรย์ใจนักที่ชมจันทร์ยอมเขาแต่โดยดี
“มีน! น้าแพรวไม่อยากเล่น มานี่เดี๋ยวนี้!” กวินขึ้นเสียง นึกเสียใจที่บุตรชายที่รักไปกวนใจแพรวรุ้งให้หล่อนรำคาญ“ม่าย! ปะป๊าเฉียงดัง มินไม่หาปะป๊า มินกัว ฮึกๆ น้าพะ...แพว ฮึก! มินกัว ปะป๊าจาตีมิน ฮือออ...”“มีนา!”กวินเริ่มหัวเสียเมื่อเจ้าหนูผู้เอาแต่ใจออกฤทธิ์ในเวลาที่ไม่สมควร“จะตะคอกทำไม! อยู่ใกล้กันแค่นี้!”แพรวรุ้งตวาดกลับ นึกสงสารเจ้าหนูตัวแสบขึ้นมา เธอไปอุ้มเอาเจ้าร่างตุ้ยนุ้ยขึ้นแนบอก ทว่าด้วยร่างกายที่ไม่ปกติบวกกับน้ำหนักตัวของเจ้าหนู ทำให้เธอถึงกับเซ จะล้มมิล้มแหล่“คุณ!” กวินรีบเข้าไปโอบทั้งสองไว้ ก่อนที่จะเสียหลักล้มลงไปให้เจ็บตัว“เอามือออกไปจากก้นฉัน!” แพรวรุ้งร้องลั่น เพราะเขาไม่ยอมปล่อย แถมยังบีบมันเน้นๆ ราวกับมันเขี้ยว“มีน! ปะป๊าจับก้นน้าแพรว” แพรวรุ้งหาแนวร่วม“อาลายนะ! ปะป๊า นี่แน่ะๆๆ มินจาฟ้องแม่ ป่อยนะ! ฮึบๆๆ”หนูน้อยผลักบิดาที่โอบตนกับน้าแพวเอาไว้ มือป้อมๆ ทั้งผลักทั้งทุบบิดาของตัวเอง“
แพรวรุ้งตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่เช้าด้วยสภาพอิดโรยเต็มที วันนี้มีถ่ายแบบเครื่องเพชรอีกชุดใหญ่ๆ ให้ตายเถอะ! เมื่อวานเธอว่าจะขอให้ช่างแต่งหน้าโปะแป้งหนาๆ ที่ซีกแก้ม มันคงพอลบรอยฝ่ามือเขาได้ แต่ตอนนี้เธอคิดว่าควรยกเลิกงานไปเลยดีกว่า เพราะรอยคิสมาร์กที่เขาทำไว้มันเกลื่อนอยู่ทั่วเนื้อตัวของเธอจนยากจะทาแป้งปกปิด“ตื่นแล้วหรือยะยัยคุณแพรว”เสียงเจ๊แจงโผล่หน้ามาทักทาย เจ๊คนงามร่างถึกอยู่ในชุดเสื้อผ้าทะมัดทะแมงประหนึ่งกำลังจะเดินทางไกล แถมยังลากกระเป๋าเดินทางใบโตติดมือมาด้วย“เจ๊! แต่งตัวจะไปไหน” แพรวรุ้งร้องถามอย่างใคร่รู้ อย่าบอกนะว่าจะย้ายกอง แต่ถ้าย้ายก็ดีนะ เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแล้ว“เอ้า? เจ๊ก็จะกลับกรุงเทพน่ะสิ เรื่องมากจริงๆ บริษัทนี้ เดี๋ยวให้ถ่ายที่ทะเล เดี๋ยวน้ำตก นี่ให้ยกกองกลับไปที่สตูดิโออีกรอบ แถมยัง...”“อะไรเจ๊ บอกมาไวๆ”“อ่า...คือว่า เขาเปลี่ยน...เปลี่ยนตัวนางแบบน่ะ เป็นเด็กใหม่ของเจ๊เอง แหะๆ” เจ๊แจงบอกอย่างเกรงๆ“ได้ไง!? แล้วแพรวล่ะ!”&
“โอ...กวิน ละ...เลือด นั่นเลือด ฉันกะ...กะ...กลัว”“อย่ากลัวเลยที่รัก ไม่มีอะไร ครั้งแรกอาจจะเจ็บไปบ้าง เชื่อผม แพรว...ผมขอโทษ”กวินอ่อนโยนทั้งแววตา น้ำเสียง และการกระทำ เขาดันหล่อนให้เอนไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วเริ่มสอดแทรกแก่นกายเข้าออกเป็นจังหวะ ปากก็เฝ้าเลียไล้ดูดชิม รสชาติของหล่อนช่างหวานล้ำ วางปากลงไปที่ใดก็น่าจูบ น่าดูดไปหมด แล้วเขาจะอดใจไหวได้ยังไง จูบได้เลยจูบ ดูดได้ก็ดูดไปทั่ว ทั้งซอกคอ แผ่นหลัง ทั้งท่อนแขน ปากเขาแตะไปที่ใด ก็ได้ฝากรอยทิ้งไว้จนลายพร้อย ส่วนล่างก็ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน สวมสอดเข้าออกเร็วพลัน จนได้ยินเสียงครางกระเส่าแว่วมาเริ่มแรกแพรวรุ้งเจ็บเจียนตาย ทว่าพอเขาทำเร็วขึ้น ถี่ขึ้น มันกลับทำให้เธอสุขอย่างประหลาด มันเจ็บปวดระคนซ่านเสียว ยิ่งเมื่อเขารั้งเอวเธอเข้าไปใกล้แล้วเร่งแรงกระแทกกระทั้น มันก็ทำให้เธอครางระงม แรงกระแทกนั้นยังส่งให้มวลน้ำอุ่นรอบตัวกระเพื่อมถี่ๆ แล้วในที่สุดมันก็กระฉอกออกไปนอกอ่าง“กวิน อา...” แพรวรุ้งครางกระเส่า เริ่มแลเห็นปลายรุ้งงามอีกครั้ง เธอแอ่นอกแอ่นสะโพกเข้าหาแก่นกายและฝ
[5]ผมแต่งงานกับคุณไม่ได้________________เวลา 20:00 นาฬิการ่างสูงใหญ่ของกวิน ก้าวเข้ามาภายในห้องพักของแพรวรุ้งอย่างเงียบเชียบ ในห้องกว้างมีแสงไฟจากหัวเตียงส่องเพียงรำไร มันช่วยพรางกายจนเขาเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงมุมห้องได้อย่างง่ายดาย ในอ้อมแขนของแพรวรุ้งมีร่างตุ้ยนุ้ยของมีนา ทั้งสองกำลังหลับอยู่บนเตียงใหญ่ เจ้าลูกชายตัวดีหลับอย่างเป็นสุขในอ้อมแขนของคนที่เขาเพิ่งตบหน้าไปหยกๆ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนผู้หญิงคนนี้มีกี่หน้ากันนะ มีกี่ตัวตนกันแน่ บางครั้งหล่อนก็วี้ดว้ายเสียงดังน่ารำคาญ ไม่มีเหตุผล และเอาแต่ใจเป็นที่สุด แต่สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้มันกลับต่างออกไป หล่อนช่างดู...อบอุ่นและอ่อนโยน“อือ...เหนียวตัวจังเลย ไม่ไหวแล้ว หลับไปก่อนนะเจ้าหนู น้าแพรวขอไปวิ่งผ่านน้ำแป๊บเดียว” แพรวรุ้งปรือตามาพึมพำ รู้สึกเหนียวตัวแม้ว่าในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ลมทะเลทำให้เนื้อตัวเหนียวหนึบจนต้องลุกมาอาบน้ำ“ซกมก” กวินพึมพำกับตัวเอง&
“มานี่มาคนเก่ง”แพรวรุ้งอ้าแขนรอ เจ้ามีนตัวแสบขยับเข้าไปหาแล้วคล้องแขนเล็กๆ กับคอเรียวของนางแบบสาวที่บิดาให้เขาเรียกว่า น้าแพรว“ง่วงแล้วทำไมไม่นอนฮึ ปะป๊ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่พาหนูมีนจอมแสบของน้านอนดีๆ” ถามพลางกอดพ่อหนูผู้น่ารักแล้วอุ้มขึ้นไปนั่งด้วยกันที่ปลายเตียง“ปะป๊าบอกว่าถ้าน้าแพวไม่ยกโทษให้ คืนนี้ปะป๊าจาไม่ให้มินนอนด้วย มินขอนอนห้องน้าแพวนะ” พ่อหนูออดอ้อน แก้มยุ้ยๆ น่ารักน่าหยิกเป็นที่สุด“ได้เลย แต่มีนต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่เอาเจ้าเขียดสีเขียวๆ มาใส่น้าแพรว”“โอเคคับผม อกหน้าแพวอุ่นจัง”หนูน้อยรับคำแล้วค่อยๆ ผล็อยหลับในท่าที่ยังนั่งอยู่บนตักของแพรวรุ้ง น้าแพรวก็กอดมีนาไว้ กันมิให้เจ้าหนูร่วงหล่น“ทำเป็นนางงามรักเด็กไปได้” เจ๊แจงแขวะ“ชู่ว์...เจ๊อย่ามาชักใบให้เรือเสียนะ ฉันก็อยากเป็นคนดีบ้างจะทำไมฮึ”“ก็ไม่ทำไมหรอกย่ะ แค่ไม่ชินเท่านั้นเอง”เจ๊แจงจีบปากจีบคอตอกกลับ แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว
คนสวยตาเขียวขุ่น ใบหน้าเนียนใสที่ปราศจากเครื่องสำอาง ทำให้กวินอดใจไม่ไหวก้มลงแตะปลายจมูกกับพวงแก้มสาวไปหนึ่งที“นี่! กล้าดียังไงมาหอมแก้มฉัน! ตาบ้าเอ๊ย! นี่แน่ะๆๆ”แพรวรุ้งดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่งทั้งทุบตีแผ่นอกหนาอยู่ปึกๆ จนเหนื่อยหอบถึงได้เพลามือ ขณะที่กวินไม่ทุกข์ร้อน ยังคงอุ้มหล่อนเดินลุยน้ำต่อไปถึงแม้ว่าพ้นผิวน้ำขึ้นมาแล้วเขาก็ยังไม่ยอมวาง“วางฉันลงได้แล้ว” เป็นแพรวรุ้งเสียเองที่เริ่มกระดากเพราะสายตาหลายสิบคู่ของเหล่าคนงานที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ พวกเขาต่างจ้องมองมาด้วยสายตาใคร่รู้“ไม่วาง อยากอุ้ม นึกเสียว่ากำลังแข่งขันยกน้ำหนักก็ไม่เลว”เขาแกล้งแซวทั้งที่เจ้าหล่อนตัวเบาราวปุยนุ่น“ปากหมา!” แพรวรุ้งโพล่งออกไปแล้วก็ต้องรีบวาดเรียวแขนรอบคอเขาเมื่ออยู่ๆ พ่อจอมหื่นก็ปล่อยร่างเธอลงแบบปัจจุบันทันด่วน เธอรีบถอยห่างเมื่อเท้าแตะพื้นทราย“ตัวเองนั่นแหละปากหมา! เป็นถึงลูกคุณหญิงคุณนายพูดจาไม่น่าฟังเอาเสียเลย มิน่าถึงไม่มีใครเอา ดีนะที่คุณวาเขาเลือกคุณมุก ไม่อย่างนั้นคงเจริญตายละที่ได