เมฆาพาหญิงสาวเดินข้ามเนินดินสองลูกก็มาถึงที่หมาย วารินทร์ตาโตอ้าปากค้างเพราะเจอเข้ากับม่านน้ำตกผืนใหญ่ตรงหน้า ให้ตายเถอะ ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองหูฝาดเสียอีกที่ได้ยินเสียงน้ำตกดังอยู่ไม่ไกล ไม่น่าเชื่อว่าด้านล่างหุบเขาที่มองไปทางไหนก็เจอแต่ฝุ่นแดงๆ พอขึ้นมาข้างบนกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว
ต้นไม้ใหญ่รายล้อมผืนน้ำตกสูงชัน มีมวลดอกไม้นาๆ พรรณขึ้นรายล้อมลดหลั่นเป็นขั้นเป็นชั้น ซ้อนเรียงกันลงมาราวบันไดสวรรค์ ขนาดมองไม่ชัดเพราะยังเช้ามืดอยู่ อาศัยเพียงไฟดวงใหญ่จากเพิงใกล้ๆ ยังสามารถมองเห็นความสวยงาม แล้วถ้าตอนรุ่งเช้าที่แสงพระอาทิตย์สาดส่องเล่า ม่านน้ำตกจะงดงามเพียงไร
ก้อนหินก้อนเล็กก้อนน้อยทอดตัวลดหลั่นล้อมรอบ ดั่งปราการที่ใช้ต่อต้านการรุกรานจากโลกภายนอก เวิ้งน้ำขนาดใหญ่ใสแจ๋วน่าแหวกว่ายเป็นที่สุด แม้ว่าตอนนี้น้ำจะเย็นจัดก็เถอะ น้ำตกนี่คงเป็นต้นน้ำที่ไหลเป็นลำธารลงสู่เบื้องล่าง หล่อเลี้ยงลมหายใจของคนในเหมืองกระมัง
“นี่! มัวยืนเฉยอยู่ทำไม โน่นเลย ลงไปตักน้ำมารดผักในแปลง”
เขาสั่งเสียงเข้ม ชี้มือไปยังเนินกว้างด้านหนึ่ง
วารินทร์อ้าปากหวอต่อด้วยอาการใบ้รับประทาน มองไปยังแปลงผักเป็นสิบๆ แปลงที่ทอดตัวบนเนินแห่งนี้ โธ่เอ๋ย...เธอมัวแต่ตะลึงน้ำตกจนมองไม่เห็นพวกมัน เนินนี้เกือบทั้งหมดถูกปรับให้เป็นที่ราบ ถึงแม้ไม่ราบเท่าสนามฟุตบอล แต่มันก็ทำให้เกิดแปลงผักนานาชนิด
เท้าเรียวสวยไต่ลงตามบันไดไม้ของท่าน้ำที่ทอดตัวลงยังธารน้ำใส หญิงสาวไม่แยแสคานหาบเพราะไม่มีความสามารถพอ มือน้อยๆ ทั้งสองข้างจึงต้องรับภาระหนักหิ้วถังใส่น้ำอันหนักอึ้ง
ใบหน้าเรียวสวยค้อนขวับนายเหมืองใหญ่ เขากำลังเอนหลังราบไปกับโขดหินก้อนยักษ์ นอนกินลมห่มน้ำค้างอย่างมีความสุข น่าขอบคุณป้าน้อมที่ช่วยไขข้อข้องใจว่าอาณาจักรแห่งนี้คือเหมืองอัญมณี ไม่ใช่ชุมนุมโจรอย่างที่เธอคาดเดา อย่างน้อยก็พอสบายใจได้ว่าพี่ชายของเธอไม่ได้ไปมีเรื่องกับโจรเถื่อนทั้งหลาย
แสงสีทองเรืองรองจับที่เส้นขอบฟ้าเพียงเลือนราง วารินทร์ไม่แน่ใจว่าหิ้วถังน้ำมารดผักกี่รอบแล้ว แต่มันต้องกินเวลาเกินชั่วโมงแน่ๆ เพราะเธอเริ่มเหนื่อยจนต้องหยุดหอบหายใจที่บันไดขั้นที่สองจากทั้งหมดห้าขั้น ถังน้ำสองใบถูกวางลงอย่างกระแทกกระทั้นบนขั้นบันได ก่อนที่สะโพกงอนๆ จะนั่งลงตามไปเพื่อพักเหนื่อย แต่ทว่า...
“ถ้าอู้งานจะให้งดข้าวเช้า”
วารินทร์กลอกตาขึ้นฟ้าอย่างเหนื่อยหน่าย เขามีกี่ตากันนะถึงได้รู้ว่าเธออู้งาน เฮ้อ...ไม่พักก็ได้วะ
คนสวยมองฝ่ามือที่เริ่มแดงและพอง เล็บสวยๆ หลายนิ้วหักแตกจนไม่เหลือเค้าเดิม แถมใจกลางร่างก็ปวดตุบๆ เมื่อวานนี้เขาไม่ได้มีความปรานีให้เธอเลย สมควรแล้วที่มันจะแสดงอาการเพื่อทรมานเจ้าของ
หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะก้าวลงไปจ้วงเอาน้ำใสๆ ขึ้นมา เธอทำหน้าที่ต่อไม่มีปริปาก กระทั่งเวลาล่วงผ่านไป แสงสว่างของยามเช้าและเสียงฟ้าร้องครืนๆ ก็ทำให้เธอประจักษ์ถึงความจริงบางประการ
วารินทร์อยากฆ่าเขาให้ตายนัก เท้าเรียวๆ จ้ำอ้าวไปหานายเหมืองโฉด ก่อนจะโยนถังสองใบไปกองแทบเท้าเขาเสียงดังโครม
เมฆาตกใจรีบเด้งตัวขึ้นมา เขากำลังนอนฟังเสียงน้ำตกเพลินๆ แม่คุณช่างขัดจังหวะได้ถูกเวลาจริงๆ
“อะไรของเธอ! ปวดท้องเมนส์หรือไง ถ้าไม่ใช่ก็โน่นเลย ไปทำงานได้แล้ว อย่าอู้!” เขาสั่งส่งๆ ไม่อยากเห็นใบหน้างอเป็นจวักของเจ้าหล่อน นัยน์ตาขุ่นขวางหรือก็จ้องเขาเหมือนอยากจะบีบคอเสียอย่างนั้น
“นายแกล้งฉันเห็นๆ ฝนมันตั้งเค้ามาโน่นแล้ว ยังจะให้ฉันตักน้ำมารดผักอีก นายนี่มัน...”
วารินทร์ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าทอให้ชายหนุ่มรู้สำนึก ได้แต่ค้อนลมค้อนฟ้าที่น่าจะบอกให้รู้เร็วกว่านี้
“เอ้า? จริงเหรอ เธอนี่เก่งนะวารินทร์ สงสัยชาติที่แล้วเป็นมดคันไฟ รู้ล่วงหน้าได้ด้วยว่าฝนจะตก” คนตัวโตตอบหน้าตายไม่ใส่ใจต่อคำกล่าวหาของอีกฝ่าย
วารินทร์ตั้งท่าจะกรีดร้องเพราะเขาหาว่าชาติที่แล้วเธอเป็นมดคันไฟ
“อย่านะ! ถ้าเธอกล้ากรี๊ดฉันจะจับปล้ำตรงนี้เลย” เขาขู่หน้าตาจริงจัง
วารินทร์หุบปากฉับ ทว่าให้พรเขาในใจ ขนาดกรี๊ดยังห้าม ต่อไปมิห้ามหายใจเลยรึ
“โอ...รดน้ำผักไปตั้งสิบแปลงแล้วเหรอ โธ่ๆ น่าสงสารจัง”
วารินทร์คลี่ยิ้ม อย่างน้อยเขาก็ไม่ใจจืดใจดำ ยังพอมองเห็นความพยายามและตั้งอกตั้งใจของเธอล่ะ
“เจ้าผักที่น่าสงสารของฉัน รากจะเน่าไหมนี่ เดี๋ยวฝนก็จะตกใส่อีก”
ดวงตาของนายเหมืองหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยความสงสาร ทอดมองแปลงผักอย่างเวทนา ส่วนวารินทร์ได้แต่กัดฟันกรอดๆ
“โรคจิต!” วารินทร์ตะโกนใส่หน้าเขา นึกว่าจะห่วงคนกลับห่วงผัก แต่ช่างเถอะ! เธอไม่ได้น้อยใจสักนิด ไม่น้อยใจเลย ให้ตายสิ!
“ขอบคุณที่ชม” เขายิ้มรับ สนุกนักที่ได้ปะทะฝีปากกับคนเจ้าอารมณ์แต่เช้า
“มานี่มา ไหนๆ งานแรกก็ยกผลประโยชน์ให้จำเลยเพราะว่าฝนจะตก เพราะฉะนั้นมาช่วยฉันโกนหนวดดีกว่า รำคาญจะแย่”
ความจริงเขาไม่เคยเดือดร้อนเลยกับเจ้าเคราเพื่อนยาก ถ้าไม่เพราะมันแข็งเกินไปจนครูดผิวเนื้อบางๆ ของแม่เทพีบ้านไพรคนนี้เข้า
เอ...แล้วทำไมเขาต้องกลัวหล่อนเจ็บด้วยนะ
ฉุกคิดแล้วรีบสลัดทิ้งไม่ใส่ใจ นั่นเพราะเขาหาคำตอบดีๆ ให้ตัวเองไม่ได้
เขาเดินนำหล่อนลงไปยังบันไดท่าน้ำ ก่อนจะกระโดดลงไป น้ำเย็นๆ ไม่ลึกมากนัก มันท่วมต้นขาเขาพอดี
“ลงมานี่” เขาสั่ง วารินทร์ส่ายหน้าดิก
“น้ำมันเย็น ฉันไม่อยากลง”
“นี่เป็นคำสั่ง!”
เมฆาสั่งเสียงเข้ม วารินทร์หน้าเง้า หย่อนปลายเท้าลงน้ำอย่างขลาดๆ เมฆาเลยดึงให้หล่อนลงไปไวๆ
“ว้าย! น้ำเย็นโคตรๆ ฉันหนาวนะ!” เธออยากจะร้องไห้ เขาแกล้งกันใช่ไหมถึงให้ลงมาแช่น้ำแต่เช้า น้ำสูงเกือบถึงเอวเธอนะ แล้วกางเกงชั้นในก็ไม่ได้ใส่ ผ้าถุงที่สวมมันก็ไม่ได้ช่วยปกป้องท่อนล่างของเธอเลย
เมฆาชอบใจกับเสียงวี้ดว้าย เขาวักน้ำขึ้นมาพรมคางเหลี่ยมได้รูปที่รกด้วยหนวดเครา ก่อนจะดึงมีดพกคมกริบด้ามหนึ่งออกมาขอบเอวของกางเกง
วารินทร์ตาลุกวาวอย่างมีความหมาย
“อ๊ะๆ อย่าคิดตุกติก ไม่งั้นเธอโดนแน่ๆ”
“จะบ้าเหรอ!? ฉันจะตุกติกอะไรล่ะ”
“ก็สายตาเธอมันฟ้อง” เขาว่า
“บ้าน่า! ฉันก็แค่กลัวน่ะ เกิดมายังไม่เคยโกนหนวดให้ใครมาก่อน ถ้าได้แผลก็อย่ามาว่าแล้วกัน” ปากบอกไม่เคยทำ แต่รีบคว้ามีดมาไว้ในมือ โอกาสทองเป็นของเธอแล้ว
วารินทร์ยิ้มกริ่มอยู่ในใจ จับด้ามมีดไว้มั่น แล้วลงมือโกนหนวดให้เขา ด้วยมือที่สั่นในบางจังหวะ
เมฆายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะมองลงไปเห็นเนินอกอิ่มโผล่แพลมให้พอได้กระชุ่มกระชวย นึกขัดใจเจ้าเสื้อตัวนอกของหล่อนนัก จะมาอยู่เกะกะลูกตาทำไมก็ไม่รู้
วารินทร์หายใจไม่ทั่วท้อง นัยน์ตาคู่คมของเขาทอประกายแปลกๆ ทำให้ใจสาวเต้นไม่เป็นส่ำ ร่ำๆ จะทำมีดบาดเนื้อก็หลายครั้งหลายหน แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้สึกเพราะยังสามารถจ้องหน้าอกเธอได้อย่างคงเส้นคงวา แบบตาไม่กะพริบ มันน่าตบกะโหลกนัก!
มือน้อยค่อยๆ โกนหนวดให้เขาสลับกับการวักน้ำมาล้างหน้าให้ หากว่าพี่ชายเธอเป็นเทพบุตร บุรุษที่อยู่ตรงหน้านี้คงจะเป็นซาตาน ใช่...ซาตานที่เจ้าเล่ห์เสียด้วย เพราะเขาสามารถซ่อนใบหน้าหล่อเหลาไว้ใต้เคราดกหนาของมหาโจรได้อย่างแนบเนียน เขาหล่อคมและ...น่าหลงใหลจนแทบลืมหายใจ
เมฆาไม่อาจหักห้ามใจได้อีกต่อไปเมื่อริมฝีปากอวบอิ่มเผลอเผยอค้างอย่างชวนเชิญ มือสองข้างกดท้ายทอยของหล่อนเข้ามาใกล้ หมายจะจุมพิตให้หายอยาก แต่ทว่าบางอย่างที่เขาคุ้นเคยกับมันดี บางอย่างที่กะทัดรัด เย็นเฉียบและคมกริบ กลับมาจ่ออยู่ที่กลางลำคอ
“เธอไม่กล้าหรอกวารินทร์ ฉันรู้ คุณหนูวารินทร์ผู้เย่อหยิ่ง มดสักตัวจะเคยฆ่าหรือเปล่า เธอกล้างั้นเหรอ ฆ่าฉันได้ลงคอเหรอวารินทร์” เมฆาใช้จิตวิทยาเล็กน้อย เกลี้ยกล่อมเจ้าของมือบางที่กำลังจ่อมีดที่ลำคอเขาในขณะนี้
“ไม่ต้องมาท้า อย่ากล่อมเสียให้ยาก นะ...นายคือศัตรู ทะ...ทำไมฉันจะฆ่าไม่ได้” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่ได้มีความมั่นใจเลยสักนิด ติดจะสั่นๆ ด้วยซ้ำ
“นี่! นายจะเอาอะไร ทำไมไม่ยอมพูดล่ะ เอ๊ะ...หรือว่านายเหนียวตัว อยากอาบน้ำ ไม่ๆๆ นายห้ามอาบน้ำเด็ดขาด! อากาศเย็นเกินไปเดี๋ยวไข้ขึ้น หรือว่านายหิวข้าว? เดี๋ยวฉัน...เดี๋ยวฉัน ฉัน...กลับห้องดีกว่า...”วารินทร์สะดุดกึกเมื่อเห็นสายตาเต็มไปด้วยคำถามของเมฆา เธอรีบหยุดความห่วงใยที่ส่งผ่านคำพูดรัวเป็นชุด รีบดึงมือน้อยออกจากการเกาะกุม เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อต้องเตรียมตอบคำถามว่าเพราะเหตุใด เธอถึงยังอยู่ตรงนี้ทั้งที่เมื่อคืนเขาไล่กลับห้องไปแล้ว“ฉะ...ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบเข้ามานะ พอดีฉันได้ยินเสียงนายคราง คงเพราะพิษไข้ ฉันก็เลย...” แก้ตัวไม่ทันจบก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง วารินทร์นิ่งอึ้งไม่ขัดขืน ยินยอมให้ไหล่น้อยๆ ของเธอเป็นที่พักพิงแก่นายเหมืองผู้เอาแต่ใจ เขากอดเธอแน่น เกยศีรษะได้รูปบนบ่าของเธอ“นายเหมือง...เป็นอะไร” เธอถามแต่ไร้ซึ่งคำตอบ เลยนั่งอยู่อย่างนั้นนิ่งนาน กระทั่งแรงสะท้านจากคนตัวใหญ่ทำให้เธอใคร่รู้ เธอดันเขาออกห่าง และได้รู้ว่าบ่าน้อยๆ กำลังเปียกชุ่ม“นะ...นายร้องไห้ทำไม ไม่อยากจะเชื่อ! สงสัยนายคงยัง
[10]แค้นที่แสนหวานสองอาทิตย์กว่าๆ กับชีวิตในเหมืองเถื่อน ดินแดนที่มีเพียงป่าเขาลำเนาไพรและสายน้ำ ขณะที่พื้นราบด้านล่างฟุ้งตลบด้วยฝุ่นแดงๆ แต่พอขึ้นเนินเตี้ยๆ ไปไม่เท่าไร ก็จะปรากฏสรวงสวรรค์ที่แตกต่างจากด้านล่างอย่างสิ้นเชิงทุกวันวารินทร์ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานเหมือนคนงานหญิงคนอื่นๆ บ้างก็รดน้ำพรวนดินที่แปลงผัก บ้างก็ช่วยดูแลเห็ดที่โรงเรือนเพาะเลี้ยง หนักสุดเห็นจะเป็นที่เล้าไก่ แต่ก็ยังดี เพราะหากเขาให้เธอไปประจำที่เล้าหมู คงได้เป็นลมวันละสามเวลาในตอนเที่ยงของทุกๆ วัน เธอต้องมาช่วยป้าน้อมที่โรงครัวซึ่งจะทำอาหารไว้เพียงพอสำหรับทุกคนวันละสองมื้อ เช้ากับเที่ยง ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีเหมือนที่เธอคาดหวัง หากว่าจะตัดเจ้าของเหมืองผู้เอาแต่ใจออกไปบางครั้งวารินทร์ก็นึกชิงชังร่างกายของตนที่ตอบสนองคนบ้าอำนาจในยามค่ำคืน บางทีเขาอ่อนโยน แต่บางทีก็เย็นชา เหมือนในทุกๆ เช้า เธอต้องตื่นมาพบกับความว่างเปล่าอยู่เสมอ ที่นอนข้างๆ เย็นเฉียบ มีเพียงรอยยับย่นบนฟูกหนาที่ยืนยันว่ายามค่ำคืนเขากกกอดเธอเอาไว้
“คุณหนู!” โทนี่เรียกนายสาว สีหน้าของบอดี้การ์ดหนุ่มเต็มไปด้วยความตระหนกวาคิมใจหายวูบ ขนอ่อนในกายลุกเกรียวด้วยความหวาดหวั่น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีถีบโทนี่ออกห่าง ตะเกียกตะกายคลานเข้าหาร่างบางที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น เลือดสดๆ ไหลซึมออกมาระหว่างเรียวขาของหล่อน หรือว่าหล่อนจะ...“ไม่นะ! เกล็ดมุก ลืมตามองฉันสิ มองฉัน! อย่าหลับนะ ได้โปรด.. ไม่!”เกล็ดมุกเจ็บร้าวราวถูกเฉือนที่ขั้วหัวใจ น้ำตาไหลหลั่งพรั่งพรูอาบใบหน้า สติใกล้เลือนหายเมื่อความเจ็บปวดวิ่งเข้าแทนที่วาคิมเข้าช้อนร่างหญิงสาวขึ้นแนบอก ก่นด่าตัวเองเป็นร้อยครั้งว่าไม่ควรมาที่นี่ ถ้าเขาไม่มาหล่อนคงไม่ต้องเจ็บตัว แล้วไหนจะลูกของหล่อนอีกเล่า โธ่เอ๋ย...ทำไมเขาทรมานอย่างนี้ อย่าให้เด็กในท้องหล่อนเป็นอะไรเลย เขาขอร้อง!“มุก! ลืมตาสิคนดี มุกอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ!”เหมือนหนึ่งดวงใจที่ใกล้จะหลุดลอย วินาทีนี้วาคิมจมดิ่งอยู่ในห้วงเหวของความทุกข์ทรมานไปแล้ว“คุณหนู!?” โทนี่รีบวิ่งออกไปเรียกหมอ กวินที่เพิ่งฟื้นขึ้นมารีบพยุงกายไปกดปุ่มเรียกพยาบาลที่หัวเต
“งั้นก็เอาสิ ฆ่าเลย! เอาเลย ฆ่าเลย! ฆ่าสามีของเธอด้วยมือของเธอเลย!”เขารุกหนัก วารินทร์สะดุ้งโหยง เผลอกดมีดลงที่เนื้ออ่อนกลางลำคอจนเกิดแผลเล็กน้อย เลือดสดๆ ไหลออกมาอย่างอ้อยอิ่ง น่าแปลกที่มันช่างบีบหัวใจจนเธอรู้สึกว่าไม่มีอากาศพอเข้าไปหล่อเลี้ยงภายในร่าง“รออะไร! ฆ่าเลยสิวารินทร์ โอกาสของเธอแล้วนี่ ฉันพร้อมแล้ว!”วารินทร์หน้าซีดเผือด มองเลือดที่ไหลหายเข้าไปภายในคอเสื้อเขา เธอตัดสินใจถอยหลัง แหวกม่านน้ำที่สูงถึงเอวเพื่อหลบเลี่ยงสิ่งที่สวนทางกับหัวใจ เธอฆ่าเขาไม่ได้ เธอไม่ใช่คนโหดร้ายขนาดนั้นเสียงฟ้าคำรามใกล้ๆ ทำให้วารินทร์ตกใจขว้างมีดทิ้ง ก่อนที่มันจะเป็นชนวนล่อฟ้า“วารินทร์!?”“มะ...ไม่ ฉะ...ฉันทำไม่ได้! ฉันกลัว นายก็เลิกบ้าซะที! ฉันกลัวเลือด เลือดนายไหลใหญ่แล้ว!” เธอร้องบอก หน้าสวยสลดวูบเมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้ขณะที่ตัวเองก้าวขาไม่ออก ดวงตาสีนิลปิดฉับทันทีที่เขาเข้าถึงตัว คราวนี้เธอตายแน่ๆ ได้เหลือแต่ชื่อก็คราวนี้แหละวารินทร์เปรี้ยง! เปรี้ยง!“กรี๊ดดด!!!”แสงสี
เมฆาพาหญิงสาวเดินข้ามเนินดินสองลูกก็มาถึงที่หมาย วารินทร์ตาโตอ้าปากค้างเพราะเจอเข้ากับม่านน้ำตกผืนใหญ่ตรงหน้า ให้ตายเถอะ ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองหูฝาดเสียอีกที่ได้ยินเสียงน้ำตกดังอยู่ไม่ไกล ไม่น่าเชื่อว่าด้านล่างหุบเขาที่มองไปทางไหนก็เจอแต่ฝุ่นแดงๆ พอขึ้นมาข้างบนกลับต่างกันราวฟ้ากับเหวต้นไม้ใหญ่รายล้อมผืนน้ำตกสูงชัน มีมวลดอกไม้นาๆ พรรณขึ้นรายล้อมลดหลั่นเป็นขั้นเป็นชั้น ซ้อนเรียงกันลงมาราวบันไดสวรรค์ ขนาดมองไม่ชัดเพราะยังเช้ามืดอยู่ อาศัยเพียงไฟดวงใหญ่จากเพิงใกล้ๆ ยังสามารถมองเห็นความสวยงาม แล้วถ้าตอนรุ่งเช้าที่แสงพระอาทิตย์สาดส่องเล่า ม่านน้ำตกจะงดงามเพียงไรก้อนหินก้อนเล็กก้อนน้อยทอดตัวลดหลั่นล้อมรอบ ดั่งปราการที่ใช้ต่อต้านการรุกรานจากโลกภายนอก เวิ้งน้ำขนาดใหญ่ใสแจ๋วน่าแหวกว่ายเป็นที่สุด แม้ว่าตอนนี้น้ำจะเย็นจัดก็เถอะ น้ำตกนี่คงเป็นต้นน้ำที่ไหลเป็นลำธารลงสู่เบื้องล่าง หล่อเลี้ยงลมหายใจของคนในเหมืองกระมัง“นี่! มัวยืนเฉยอยู่ทำไม โน่นเลย ลงไปตักน้ำมารดผักในแปลง”เขาสั่งเสียงเข้ม ชี้มือไปยังเนินกว้างด้านหนึ่งวารินทร์อ้าปากหวอต่อด้วยอาการใบ
[9]พริกจิ้มพริก_________วารินทร์ยกมือไหว้ด้วยมารยาทอันพึงมี อับอายยิ่งนักเมื่อสายตาของหญิงชรากวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่องรอยที่เขาตีตราไว้บนผิวเนื้อ คงจะโผล่พ้นชุดของเธอออกมาให้คนมองแลเห็น“ไหว้พระเถอะแม่หนู ป้าชื่อน้อมเป็นแม่นมของคุณชายใหญ่ เอ่อ...นายเหมืองเมฆาน่ะ ไม่ต้องกลัวป้าหรอกนะ มาเถอะจ้ะ ขึ้นเรือนดีกว่าหนูจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ดึกดื่นมืดค่ำจะหนาวเย็นเปล่าๆ” ว่าแล้วก็จูงมือหญิงสาวคราวหลานขึ้นเรือน นางตรงไปยังห้องติดครัวที่นายหนุ่มสั่งเอาไว้ในห้องมีเพียงเตียงเล็ก โต๊ะเตี้ยหนึ่งตัวแล้วก็ตู้เสื้อผ้าเก่าๆ หนึ่งหลัง วารินทร์สำรวจรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็วตามนิสัย แล้วก็ยิ้มออกเมื่อเห็นห้องน้ำ แค่นี้ก็อุ่นใจ เธอไม่ปรารถนาจะเป็นนางเอกนิยายดราม่าที่ต้องลำบากตักน้ำมาใส่โอ่ง แต่ถ้าเขาจะให้เธอทำละก็ สบายมาก ทั้งตักน้ำ ผ่าฟืน ทำสวน วารินทร์คนนี้ไม่กลัว เธอพร้อมสู้ตาย ขออย่างเดียวเท่านั้น อย่าให้เธอเป็นแม่ครัวก็พอ“หนูชื่อวารินทร์ใช่ไหม” นางน้อมถาม“ค่ะ