“ยังยืนอึ้งอยู่อีกทำไม? รีบไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย!”……“ที่แท้ก็พยัคฆ์สายฟ้านี่เอง” เย่ซิวพึมพำ “มันอยู่ในระดับไหนแล้ว”“น่าจะอยู่ในช่วงขั้นต้นของระดับถอดจิต อย่างมากก็ไม่เกินขั้นกลาง”หลังจากระดับวิญญาณก่อกำเนิดแล้ว ขั้นต่อไปก็คือระดับถอดจิตในระดับนี้ จิตจะสามารถออกจากร่างกายและเดินทางภายนอกได้นานหลายปีโดยที่ร่างกายยังคงสภาพปกติ“เธอพูดออกมาแบบนี้ไม่กลัวว่าประเทศวูจะจับพ่อแม่เธอไปเป็นตัวประกันเหรอ”“ซวยแล้วไง” น่าอีหน้าถอดสี ก่อนจะรีบยกมือขึ้นทุบหัวตัวเองแรง ๆ “ฉันมันโง่ ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย”เมื่อกี้เธอมัวแต่มองเย่ซิวจนเผลอไผลพออารมณ์พาไปก็เผลอพูดเรื่องนี้ออกมาโดยไม่ทันคิดพอถูกเย่ซิวเตือน สติของเธอก็กลับมาเต็มที่ ร่างกายเย็นเฉียบ มือไม้สั่นเทา ความหวาดกลัวถาโถมเข้าใส่ ดวงตาเริ่มแดงก่ำ“ทำยังไงดีล่ะ? ฉันทำให้พวกเขาตายแน่ ๆ”จากนั้นน้ำตาเธอก็เริ่มไหลออกมาไม่หยุดเย่ซิวรู้ดีว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตบบ่าเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปกับเธอเอง”“ไม่เอา” น่าอีส่ายหัวรัว ๆ “นายต้องตายแน่ พยัคฆ์สายฟ้าแข็งแกร่งเกินไป ตอนนี้นายยังสู้มันไม่ได้”“นั่นก็ไม่แน่
เย่ซิวเก็บวิชาอักขระเข้าไปในตราประทับเทียนฝูที่เป็นธาตุไฟทั้งหมดเพราะไฟสามารถกดข่มสายฟ้าได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับใช้รับมือกับพยัคฆ์สายฟ้าที่สุดเมื่อบินไปได้ครึ่งทาง เขาก็เก็บวิชาอักขระได้ครบหนึ่งพันบทพอดีจากนั้นเย่ซิวก็หยิบเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ออกมาหลายชิ้นจากนั้นก็ให้ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งไปห้าหกชิ้นและแบ่งให้ร่างแยกทั้งสองอีกสิบกว่าชิ้นส่วนน่าอีก็ให้เครื่องรางป้องกันตัวไปอีกหลายชิ้นนี่อาจจะเป็นการเตรียมตัวที่รอบคอบที่สุดของเย่ซิวเท่าที่เคยมีมาน่าอีโอบเย่ซิวจากด้านหลัง “นายต้องปลอดภัยนะ ถ้าเกิดอันตรายที่นายต้านทานไม่ไหวก็หนีไปก่อนเลย”แค่เย่ซิวยอมมาประเทศวูกับเธอ เธอก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่มีวันแพ้หรอก”เสียงของเย่ซิวเต็มไปด้วยความมั่นใจระดับถอดจิตแล้วไง?!คำพูดของเย่ซิวทำให้น่าอีรู้สึกฮึกเหิมไปด้วยเธอเผยรอยยิ้มออกมาม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเบ้ปากเล็กน้อยสองคนนี้ช่างใจร้ายจริง ๆ ที่มาหวานใส่กันต่อหน้ามันแบบนี้มันมาอยู่ในสังคมมนุษย์ได้สักพักแล้วเลยเข้าใจคำศัพท์บางอย่างพฤติกรรมของสองคนนี้เรียกได้ว่าโปรยอาหารหมาชัด ๆ“ฮึ่ม ไว้ฉันจะหาม้าเพศเมียสักร้อย
สายฟ้าขนาดมหึมาที่หนากว่าหินโม่หลายเท่าร่วงลงมาจากท้องฟ้าพลังอันหนักอึ้งราวกับสามารถบดขยี้ทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้แผ่ซ่านออกมาจากนั้นเย่ซิวก็เห็นเงาร่างขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นมันใหญ่เทียบเท่าช้างตัวโต ทั้งร่างเป็นสีม่วง แม้กระทั่งดวงตาก็ยังเป็นสีม่วงเข้มทั่วร่างของมันถูกพันไว้ด้วยสายฟ้าสีม่วงที่นับไม่ถ้วนราวกับเป็นตัวแทนของเทพสายฟ้าบนโลกมนุษย์ดวงตาเย็นเยียบและไร้ความรู้สึกของมันจับจ้องไปที่เย่ซิว ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง “เย่ซิว ข้ารอเจ้ามานานแล้ว ไม่เลวเลยนะ เจ้ากล้ามากที่เป็นแค่ระดับวิญญาณก่อกำเนิดแต่ก็ยังกล้าบุกมาหาข้าถึงที่”“แกคิดผิดแล้ว ที่ฉันมาที่นี่ไม่ใช่มาเพื่อเจอแก แต่มาเพื่อเชือดแกต่างหาก”“ฮ่า ๆ ๆ!” พยัคฆ์สายฟ้าหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องขำขันที่สุดในชีวิต “ข้าอยู่ในระดับถอดจิตขั้นกลาง เจ้าจะเอาอะไรมาเทียบกับข้าได้?ทำไมไม่ยอมให้ข้ากลืนกินเจ้าเสียดี ๆ ล่ะ หากข้าหลุดพ้นจากที่นี่ได้ ข้าจะขอบคุณเจ้าด้วยซ้ำ”เย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาพูดไร้สาระกับมัน เพียงแค่คิด กระบี่ห้าขุนเขาก็ปรากฏขึ้นในมือ จากนั้นพลังต่อสู้ของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นทันทีเสี่ยวปิงและม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็เข้าสู่โ
“จงตรึง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ!”เย่ซิวเปล่งเสียงคำว่าตรึงออกมาหกครั้งติดกันพรสวรรค์วาจาศักดิ์สิทธิ์ถูกใช้ออกมาอย่างถึงขีดสุดแม้แต่ร่างกายของพยัคฆ์สายฟ้าที่อยู่ในระดับถอดจิตขั้นกลางก็ยังถูกหยุดชะงักโดยอัตโนมัติจากนั้นเย่ซิวก็ชักตราประทับเทียนฝูออกมา ในชั่วพริบตานั้นเขาก็กระตุ้นวิชาอักขระธาตุไฟทั้งหนึ่งพันบทที่เก็บไว้ภายในทันทีทันใดนั้น เปลวเพลิงมหาศาลก็ก่อตัวเป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่พุ่งลงมาถล่มร่างของพยัคฆ์สายฟ้าอย่างรุนแรงแต่มันยังไม่จบแค่นั้นเย่ซิวอ้าปากพ่นกระบี่หงส์โบยบินกับกระบี่ดาวตกออกมา สองกระบี่พุ่งเป็นลำแสงตรงเข้าหาพยัคฆ์สายฟ้าและแทงทะลุเข้าไปทางรูจมูกของมันจนเลือดสีม่วงสาดกระเซ็นออกมาและสุดท้าย เย่ซิวก็ใช้วิชาแปรมังกรร่างของเขาถูกปกคลุมด้วยเกล็ดมังกร กรงเล็บมังกร เขามังกร และหางมังกรพลังของเขาพุ่งทะยานขึ้นไปถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัวเลือดในกายเดือดพล่านดุจคลื่นพายุซัดสาด ส่งเสียงก้องสะท้านไปทั้งร่างพร้อมกับที่สองมือเขากระชับกระบี่ห้าขุนเขาเอาไว้ ก่อนจะอัดพลังทั้งหมดลงไปและฟันลงอย่างสุดแรงศีรษะของพยัคฆ์สายฟ้าเกือบถูกผ่าครึ่ง เลือดสีม่วงทะลักออกมาเป็นสายไม่หยุดหย่อนถึงแม
ในส่วนของจอมมารโลหิต ตอนนี้เขายังไม่คิดจะปล่อยให้มันแข็งแกร่งขึ้นไปอีกจึงจำเป็นต้องสร้างวิญญาณนักรบที่ทรงพลังขึ้นมาอีกหลายตนเพื่อให้สามารถถ่วงดุลซึ่งกันและกันได้วิญญาณของพยัคฆ์สายฟ้านั้นแข็งแกร่งมากแต่โชคร้ายที่ตอนนี้มันถูกผนึกด้วตราประทับเทียนฝู ทำให้ไม่สามารถออกอาละวาดได้สุดท้ายจึงทำได้เพียงปล่อยให้สิ่งมีชีวิตสองตัวที่มันมองว่าเป็นแค่มดปลวกกัดกินวิญญาณของมันไปเรื่อย ๆมันรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองอ่อนแอลงทุกที เงาแห่งความตายกำลังจะกลืนกินมันจนหมดสิ้นตอนนี้มันรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากหากรู้ว่าเย่ซิวแข็งแกร่งขนาดนี้แต่แรก มันก็คงไม่คิดไปหาเรื่องเขาแต่มาคิดได้ตอนนี้ก็สายไปแล้วเสียงคำรามโหยหวนสุดท้ายดังขึ้น ก่อนที่วิญญาณของพยัคฆ์สายฟ้าจะถูกกลืนหายไปจนหมดสิ้นโลหิตและพลังบำเพ็ญของมัน ถูกเย่ซิวดูดกลืนไปจนเกลี้ยงในชั่วพริบตา เย่ซิวก็ก้าวเข้าสู่ระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นกลางทันทีแต่พลังของเขากลับยังไม่มั่นคงนักเพราะความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปหลังจากเข้าสู่ระดับวิญญาณก่อกำเนิดได้ไม่ถึงสองเดือนก็ทะลวงขึ้นอีกระดับแล้วจากนี้เขาต้องใช้เวลาไม่น้อยในการขัดเกลาพ
เย่ซิวใช้มือบีบโครงกระดูกขนาดมหึมาเบา ๆมันแข็งแกร่งมาก แถมภายในกระดูกยังอัดแน่นไปด้วยพลังสายฟ้าของพวกนี้สามารถนำไปใช้สร้างสมบัติเวทมนตร์ได้และพอดีกับที่เขามีความคิดบางอย่างหลังจากการต่อสู้ในวันนี้เขาอยากจะสร้างกระบี่บินขึ้นมาหนึ่งชุดที่สามารถใช้ทีละเล่มหรือใช้พร้อมกันทั้งหมดก็ได้แต่ที่สำคัญที่สุดคือสามารถจัดเรียงเป็นกระบวนท่ากระบี่ซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังโจมตีขึ้นเป็นทวีคูณไม่ว่าจะใช้ฆ่าศัตรูหรือขังศัตรูเอาไว้ก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้นตอนนี้เสี่ยวปิงกำลังอยู่ในช่วงวิวัฒนาการ คงยังไม่ฟื้นขึ้นมาในเร็ว ๆ นี้เย่ซิวจึงกระตุ้นเปลวไฟประจำตัวของเขาเพื่อเริ่มหลอมโครงกระดูกขนาดมหึมานี้จากนั้นน่าอีก็เดินเข้ามาพร้อมกับพ่อแม่ของเธอพวกเขายืนเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ เย่ซิว ขณะที่น่าอีจ้องมองเขาด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มส่วนพ่อแม่ของเธอก็ดูพึงพอใจในตัวเย่ซิวเป็นอย่างมากเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือลูกสาวของพวกเขาชอบเขาโครงกระดูกขนาดมหึมาค่อย ๆ หลอมละลายภายใต้การควบคุมของเย่ซิวจนกลายเป็นของเหลวสีม่วงก้อนใหญ่จากนั้นเขาก็ใช้พลังจิตของตัวเองควบคุมให้มันก่อตัวขึ้นเป็นกระบี่ยาวขนาดสามฟุตหลายเล่มทั
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งมองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บใจไม่คิดเลยว่าตัวเองซึ่งเคยเป็นหนึ่งในสิบม้าศึกที่แข็งแกร่งที่สุด ตอนนี้กลับสู้เจ้าหมาน้อยตัวหนึ่งไม่ได้แล้วเสี่ยวปิงแค่มองมันด้วยหางตา ก่อนจะยกอุ้งเท้าหน้าขึ้นสะบัดเบา ๆพลังเยือกแข็งมหาศาลแผ่กระจายออกไปทันที เพียงพริบตาเดียว ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็ถูกแช่แข็งไปทั้งตัวแต่ในวินาทีต่อมา มันก็สลัดน้ำแข็งออกจนแตกกระจายก่อนจะคำรามเสียงต่ำใส่เสี่ยวปิง “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน คิดจะท้าทายฉันหรือไง!”เสี่ยวปิงแหงนหน้าขึ้นมองมันด้วยท่าทีไม่แยแสแม้แต่น้อยม้าศึกเพลิงน้ำแข็งโกรธจนควันแทบออกหูแต่ก็ไม่กล้าลงมือแบบไม่คิดหน้าคิดหลังตอนนี้พลังของเสี่ยวปิงแข็งแกร่งกว่ามันแล้ว แถมเย่ซิวก็อยู่ข้าง ๆ อีก ถ้ามันบังอาจทำอะไรไปคงโดนเล่นงานจนไม่เหลือดีแน่ ม้าศึกที่เคยรุ่งโรจน์แต่ตอนนี้ต้องมากลายเป็นหมาตกอับตอนนี้ผู้นำระดับสูงของประเทศวูถูกเย่ซิวกวาดล้างแทบจะหมดแล้ว ตอนนี้ทั้งประเทศอยู่ในภาวะไร้ผู้นำด้วยการสนับสนุนจากเย่ซิวและพลังของน่าอีที่แข็งแกร่งขึ้นภายในเวลาเพียงครึ่งเดือน น่าอีก็สามารถขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ของประเทศวูได้สำเร็จประเทศวูเป็นดินแดนที่ย
เย่ซิวใช้นิ้วบีบปลายคางเรียบเนียนของน่าอีเบา ๆ “อืม ไม่เลวเลยนะ ราชินีของฉัน จัดการประเทศวูให้เป็นระเบียบได้เร็วขนาดนี้”ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากการล่มสลายของผู้นำคนเก่าถูกน่าอีแก้ไขไปได้ในเวลาอันสั้นเธอไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์โดดเด่นเท่านั้น แต่ความสามารถในการบริหารจัดการก็สูงมากน่าอีจ้องมองเย่ซิวด้วยดวงตาชุ่มฉ่ำ “แล้วนายจะให้รางวัลฉันยังไง?”“แล้วเธออยากได้รางวัลอะไร?”น่าอีกัดริมฝีปากเล็กน้อย “ฉันอยากบำเพ็ญกับนาย”“ได้ งั้นคุกเข่าลงก่อน”“รับทราบ”แล้วผู้นำสูงสุดของประเทศวูก็ค่อย ๆ คุกเข่าลงตรงหน้าเย่ซิวถ้าประชาชนของประเทศวูมาเห็นภาพนี้คงต้องช็อกจนโลกทั้งใบพังทลายแน่ ๆวันรุ่งขึ้นก็มีแสงหนึ่งพุ่งทะลุฟากฟ้าออกไปอย่างรวดเร็วเย่ซิวขี่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งพาเสี่ยวปิงออกเดินทางจากที่นี่ตอนนี้สำนักโอสถมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งถึงสองประเทศหนึ่งคือประเทศหลงเถิง และอีกหนึ่งคือประเทศวูนอกจากนี้ ตัวสำนักโอสถเองก็แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆอิทธิพลของประเทศจ้านอิงตี้ที่มีต่อพวกเขากำลังลดลงเรื่อย ๆอีกไม่นาน เย่ซิวจะสามารถละเลยอำนาจของประเทศจ้านอิงตี้และประเทศจ้านฉงตี้ได้อย่างสิ้นเชิง
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน