พลังของเขาได้พัฒนาไประดับหนึ่งแล้วต่อไป หากเย่ซิวต้องการก้าวข้ามจากขั้นสูงไปสู่ขั้นสมบูรณ์ เขาจะต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลยิ่งขึ้นต่อให้ฝึกฝนกับผู้หญิงทั้งสามคนนี้ต่อไปอีกสิบปีก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุถึงระดับนั้นเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาความเหนื่อยล้าไม่ได้หมายถึงร่างกายมันคือการที่ฝึกฝนกันบ่อยเกินไปจนทำให้อัตราการได้รับพลังลดลงก็เหมือนกับการเล่นเกมหากฆ่าสัตว์ประหลาดชนิดเดิมมากเกินไป ค่าประสบการณ์ที่ได้รับก็จะค่อย ๆ ลดลงในช่วงเวลานี้ สิ่งที่ควรทำก็คือไปล่าสัตว์ประหลาดตัวอื่นก่อนพอเวลาผ่านไปแล้วกลับมาใหม่ ค่าประสบการณ์ก็จะกลับมาเหมือนเดิมเย่ซิวลูบคางมองผู้หญิงสามคนตรงหน้าพลางคิดว่าจะจัดการกับพวกเธอยังไงดีถ้าฆ่าทิ้งไปก็ดูจะเสียของไปหน่อยแต่หากปล่อยไว้ก็อาจกลายเป็นภัยคุกคามในภายหลังหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยกับพวกเธอว่า “ฉันจะปล่อยพวกเธอไป แต่พวกเธออย่ามายุ่งกับฉันอีก และห้ามทำร้ายคนของฉันเด็ดขาด”สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาคือสายตาเย็นชาทั้งสามคู่เย่ซิวไม่ใส่ใจและยังคงพูดต่อไป “ถ้าพวกเธอไม่เชื่อฟัง ฉันจะปล่อยคลิปนี้ออกไปพวกเ
มหาอำนาจที่เคยยิ่งใหญ่ ตอนนี้เริ่มมีแนวโน้มจะร่วงลงจากบัลลังก์ประเทศจ้านอิงตี้ในอดีตตอนนี้กลายเป็นอาณาจักรโลหิตไปแล้วแต่ถึงอย่างนั้น อาณาจักรโลหิตก็ยังไม่สมบูรณ์เถียนเถียนยึดครองไปหกเมืองทำให้เกิดกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งขึ้นมาเปรียบเสมือนใบมีดแหลมคมที่ปักลงกลางใจของอาณาจักรโลหิตแม้ว่าหงอีจะมีความสามารถในการกำจัดภัยคุกคามนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะมีเย่ซิวอยู่ที่นี่ด้วยเหตุนี้ ทำให้ประเทศหลงเถิงกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกตอนนี้ส่วนสำนักโอสถเองก็ถือว่าเป็นมหาอำนาจด้วยเช่นกันเพราะเย่ซิวก็อยู่ที่นี่แต่สุดท้ายแล้วเย่ซิวก็ต้องจากไปดังนั้นหากคิดตามความเป็นจริง สำนักโอสถก็เป็นได้เพียงกึ่งมหาอำนาจเท่านั้นแต่ถ้าหากเย่ซิวสามารถฝึกฝนเหล่าสาว ๆ ข้างกายให้บรรลุถึงระดับวิญญาณก่อกำเนิดได้ล่ะก็ถึงตอนนั้น สำนักโอสถก็จะสามารถก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจได้อย่างแท้จริงหลังจากเย่ซิวกลับมาถึงสำนักโอสถได้ไม่นาน หวังซวงก็มาหาเขาเพื่อรายงานภารกิจยึดครองสองประเทศเล็กที่เคยพูดถึงก่อนหน้านี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีการเข่นฆ่าเกิดขึ้นเมื่อประชาชนเห็น
“จุ๊บ!”หวังซวงฝากรอยจูบไว้บนแก้มของเย่ซิว ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็วพอถึงข้างนอก เธอก็เอามือกุมหน้าอกแน่นรู้สึกเหมือนหัวใจจะกระเด็นออกมาทางลำคอใบหน้าของเธอร้อนผ่าวจนแทบมีไอออกมา“แย่แล้ว เมื่อกี้เราหุนหันพลันแล่นเกินไป ไม่รู้ว่าอาจารย์จะโกรธไหม ถ้าเขาไล่เราออกจากสำนักจะทำยังไงดี…เฮ้อ แต่ถ้าถูกไล่ออกจริง ๆ ก็อาจจะดีเหมือนกัน…”เย่ซิวแตะแก้มตัวเองเบา ๆ แล้วส่ายหัวเล็กน้อย เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลยในช่วงเวลาต่อจากนั้น เย่ซิวก็ใช้เวลาไปกับการบำเพ็ญร่วมกับเหล่าคนสนิทของเขาพร้อมกับออกคำสั่งใหม่ให้ปลูกเครื่องยาสมุนไพรภายในอาณาเขตของพวกเขาให้มากที่สุดนี่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการฝึกฝนเก้าวัจนะลึกลับขั้นสองเมื่อบำเพ็ญขั้นที่สองเสร็จ เย่ซิวก็ยังต้องเดินทางไปยังประเทศวูอีกน่าอีเคยบอกกับเขาว่าขั้นแรก ๆ ของเก้าวัจนะลึกลับถูกพบอยู่แค่บริเวณรอบนอกของแผ่นดินบรรพชนเท่านั้นส่วนที่ลึกกว่านั้น เธอไม่สามารถเข้าไปได้ครั้งที่แล้ว เย่ซิวเองก็ไม่ได้เข้าไปสำรวจ เพราะแผ่นดินบรรพชนมีความพิเศษอย่างหนึ่งคือทางเข้าของมันจะปรากฏขึ้นทุก ๆ สามปีเท่านั้นและครั้งต่อไปที่จะเปิดก็อีกหกเ
เฉินซิ่วน่ายื่นแขนขาวเนียนออกมาจากผ้าห่มก่อนจะยืดตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อยบนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริงพอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกครั้งการบำเพ็ญตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาได้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการบำเพ็ญปกติเป็นสิบ ๆ ปีนอกจากพลังที่พุ่งทะยานแล้ว เธอยังได้รับความรักจากเย่ซิวอีกด้วยตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกห่อหุ้มด้วยน้ำผึ้ง ทั้งร่างกายและจิตใจเต็มไปด้วยความหวานชื่นเธอพลิกตัวตะแคงมองไปยังเย่ซิวเส้นผมสองสามเส้นตกลงมาปรกบนใบหน้าของเขา “ตื่นหรือยัง?”เย่ซิวลืมตาขึ้นมองใบหน้าของเธอใบหน้าที่มีเสน่ห์ดึงดูดแต่แฝงไปด้วยความบริสุทธิ์เขายังจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอเฉินซิ่วน่า ผิวของเธอยังออกคล้ำเล็กน้อยแต่หลังจากที่ถูกเย่ซิวปรับเปลี่ยนร่างกาย เธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตอนนี้ผิวของเธอกลายเป็นขาวเนียนนุ่มเด้งและน่าสัมผัสจนวางมือไม่ลง“ทำไมล่ะ ยังอยากฝึกต่ออีกเหรอ?”“แน่นอน ฉันอยากให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อีกหน่อย”“ตอนนี้เช้าแล้วนะ ถ้าลูกน้องคุณรู้ว่าคุณไม่อยู่ในห้องคงจะร้อนใจกันแย่”เฉินซิ่วน่าดึงผ้าห่มออกทันที “งั้นก็ปล่อยให้พ
“พี่เย่ นอนหรือยังคะ?”เสียงของหยางถิงถิงดังมาจากนอกประตูในห้อง เซี่ยชิงชิงกับหลิวอวิ้นพลันแสดงสีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อยพวกเธอเป็นคนที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวได้อีกอย่าง คืนนี้พวกเธอก็ถูกเย่ซิวแอบพามาด้วยแต่ไม่คิดเลยว่าหยางถิงถิงจะโผล่มาในเวลานี้ เย่ซิวชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อส่งสัญญาณให้พวกเธอเข้าไปซ่อน จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตูหยางถิงถิงยืนอยู่หน้าประตูด้วยรอยยิ้มสดใสวันนี้เธอสวมเดรสลายดอกไม้ เอวบางถูกคาดด้วยริบบิ้นสีสันสดใสรองเท้าผ้าใบสีขาวที่ใส่อยู่ทำให้เธอดูมีเสน่ห์แบบสาววัยรุ่นทั้งตัวเธอเต็มไปด้วยบรรยากาศสดใสบริสุทธิ์ในมือเธอถือกล่องอาหารสุญญากาศไว้ เมื่อเห็นเย่ซิว เธอก็ยิ้มหวานแล้วเอ่ยขึ้นว่า “สวัสดีตอนค่ำค่ะพี่เย่ ฉันทำต๊อกบกกีมานิดหน่อย อยากให้พี่ลองชิมดู”“เธอทำต๊อกบกกีเป็นด้วยเหรอ” เย่ซิวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหยางถิงถิงยิ้มอย่างเขิน ๆ “ก็ลองทำดูค่ะ ถ้าไม่อร่อยก็อย่าหัวเราะฉันนะ”“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ เข้ามาสิ”เย่ซิวให้เธอเข้ามาในห้องเธอเปิดกล่องอาหารและหยิบจานต๊อกบกกีออกมาดูจากภายนอกแล้ว หน้าตาดูดีใช้ได้เลยหยางถิงถิงหยิบตะเกียบแบบใช้แล้วทิ้งออกมา
“แน่นอนว่าเต็มใจสิ”ทั้งสามคนสบตากันแล้วยิ้มออกมาสี่สิบนาทีต่อมา หยางถิงถิงก็อาบน้ำเสร็จผมของเธอยังคงเปียกชื้น ใบหน้าแดงระเรื่อจากการอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆเธอห่อร่างกายด้วยผ้าขนหนู ก้มหน้าลงและไม่กล้าสบตาเย่ซิวเมื่อเดินมานั่งข้าง ๆ เย่ซิว สองมือเล็ก ๆ ก็กำแน่นดูท่าทางประหม่าไม่น้อยเย่ซิวแกล้งแหย่เธอ “ทำไมยังใส่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่อีก? อาบน้ำเสร็จแล้วทำไมไม่กลับไปล่ะ”หยางถิงถิงหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม “ฉันหิวน้ำนิดหน่อย”“แก้วนี้ฉันเพิ่งดื่มไปเมื่อกี้”หยางถิงถิงจึงยกขึ้นมาดื่มอีกครั้งเย่ซิว “...”หลังจากนั้นไม่นาน หยางถิงถิงก็เริ่มสงบลงเธอหันหน้ามองเขา ดวงตากลมโตจ้องเย่ซิวเป็น “ฉันถึงระดับจินตานขั้นสมบูรณ์แล้ว”ช่วงนี้เธอพยายามบำเพ็ญอย่างหนัก ทำให้ศักยภาพภายในถูกปลดปล่อยออกมาเต็มที่ จึงสามารถก้าวเข้าสู่ระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ได้ในเวลาอันสั้นเพราะเหตุนี้ คืนนี้เธอจึงมาหาเย่ซิวถึงที่“ไม่เลวเลย” เย่ซิวยังคงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ฝึกต่อไปนะ พยายามเข้าสู่ระดับวิญญาณก่อกำเนิดให้เร็วที่สุด”หยางถิงถิงทำแก้มพองลมด้วยความหงุดหงิดไม่น้อยเธอดูออกแล้วว่าเย่ซิวรู้จุ
แหวนผนึกของของเขากำลังเรืองแสงเย่ซิวคิดก่อนจะหยิบของสิ่งหนึ่งออกมามันเป็นรังไหมสีขาวเสี่ยวไป๋นั่นเองนานมาแล้วที่เย่ซิวพาเสี่ยวไป๋ติดตัวมาด้วยเพราะการกลายร่างของมันต้องใช้เวลานานมากเย่ซิวกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นจึงพกติดตัวไว้ตลอดเพื่อความปลอดภัยถ้ามีปัญหาอะไร เขาจะได้ช่วยจัดการได้ทันทีตอนนี้บนรังไหมเริ่มปรากฏรอยแตกร้าวเป็นเส้น ๆจนสุดท้าย หัวเล็ก ๆ ที่ดูมีเค้าโครงของสัตว์ในตำนานก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากรอยแตกภายใต้สายตาของเย่ซิวเจ้าตัวเล็กมีขนาดประมาณนิ้วโป้ง ทั้งตัวมีสีขาวสะอาด หน้าผากมีตุ่มกลมสองตุ่ม ดวงตาใสกระจ่างมันขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะมุดออกมาจากรังไหมแล้วกลืนเปลือกที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ลงท้องไปในคำเดียวงร่างกายของมันยาวขึ้นอีกหนึ่งเซนติเมตรตอนนี้มันยาวประมาณยี่สิบเซนติเมตรกว่า ๆ“แอ้ ๆ ๆ!”เจ้าตัวน้อยร้องอ้อแอ้มันบินขึ้นไปเกาะไหล่เย่ซิวก่อนจะใช้หัวเล็ก ๆ ถูไถที่คอของเขาอย่างสนิทสนมเย่ซิวอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียดรูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนไปมากทีเดียวลักษณะเช่นนี้ ดูก็รู้ว่ามันกำลังจะกลายร่างเป็นมังกรจากสีของร่างกาย ดูเหมือนจะเป็น
เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละนิดสองวันต่อมาตูม!เมื่อเย่ซิวดูดซับศิลาวิญญาณก้อนสุดท้ายหมดลง เขาก็สามารถฝึกเกาวัจนะลึกลับขั้นสองได้สำเร็จพลังงานอันมหาศาลแผ่ซ่านออกจากร่างกายคล้ายกับสัตว์ร้ายในยุคบรรพกาลเลือดในกายหนืดราวกับปรอทความหนาแน่นของกระดูกมากกว่าคนทั่วไปเป็นร้อยเท่าและแข็งแกร่งกว่าซูเปอร์อัลลอยทุกเส้นกล้ามเนื้อเต็มไปด้วยพละกำลังมหาศาลเกินจินตนาการเพียงแค่กำหมัดเบา ๆ ก็เกิดเสียงกระหึ่มขึ้นมา“ตึง!”เย่ซิวลุกขึ้นยืนแต่เพราะยังควบคุมพลังได้ไม่ดี พื้นห้องลับถึงกับยุบลงไปทันทีพลังที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายทำให้เย่ซิวมั่นใจว่าตอนนี้เขาสามารถต่อยภูเขาให้แหลกเป็นผุยผงได้ในหมัดเดียวและเมื่อบรรลุถึงขั้นที่สองแล้ว ความสามารถในการลดทอนพลังโจมตีของเขาก็เพิ่มขึ้นไปอีกสูงถึงสี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ซึ่งถือว่าน่ากลัวสุด ๆดวงตาของเย่ซิวเปล่งแสงร้อนแรงดุจดวงอาทิตย์ริมฝีปากเขายกยิ้มตอนนี้ร่างกายของเขาอยู่ในสภาวะที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาตามปกติแล้ว ผู้บำเพ็ญตนระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์จะมีอายุขัยประมาณแปดร้อยถึงหนึ่งพันห้าร้อยปีแต่ตอนนี้เย่ซิวสามารถสัมผัสได้ว่าอายุขัยของเ
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน