ตูม ๆ ๆ!กระดูกสีขาวขนาดมหึมาโผล่ขึ้นมาจากใต้เท้าของเย่ซิวเพียงพริบตาเดียว มันก็รวมตัวกันกลายเป็นร่างกระดูกมนุษย์สูงกว่าร้อยเมตรโอบล้อมร่างของเขาไว้ทั่วทั้งร่างกระดูกแผ่กระจายแสงสีฟ้าให้ความรู้สึกแข็งแกร่งไร้เทียมทานเย่ซิวได้รับวิชาป้องกันอันทรงพลังเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างจากที่เขารู้สึกได้ พลังป้องกันของร่างกระดูกนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าร่างกายของเขาเองเลยเท่ากับว่าพลังป้องกันของเขาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเพียงแค่ขยับความคิด ร่างกระดูกก็สลายไปไม่นานนัก จอมมารโลหิตและพรรคพวกก็ไล่ตามมาทัน พวกมันจัดการเจ้าสิ่งที่ปรากฏตัวออกมาก่อนหน้านี้ได้แล้วพลังของพวกมันทั้งสามเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลโดยเฉพาะจอมมารโลหิต ตอนนี้มันแตะระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นกลางแล้วเจ้าหมอนี่จะปล่อยให้แข็งแกร่งเกินไปไม่ได้หลังจากนี้เย่ซิวคงต้องจำกัดพลังของมันสักหน่อยเขาเก็บร่างแยกทั้งสามคืนกลับไป ก่อนจะพาน่าอีบินข้ามแม่น้ำเมื่อไม่มีโครงกระดูกพวกนั้นแล้ว พื้นที่โดยรอบก็ไม่มีอันตรายอะไรอีกอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ ภาพตรงหน้ากลับแตกต่างโดยสิ้นเชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่คงสภาพสมบูรณ์เหมือนเป็นพระราชวังแต่เพราะกาลเวลา
ในชั่วพริบตา เย่ซิวก็ทำให้เธอสลบลง จากนั้นก็ใช้นิ้วแตะหว่างคิ้วของน่าอีเขาปล่อยพลังจิตเข้าไปในจิตสำนึกของเธอเมื่อเห็นสภาพภายในจิตสำนึกของน่าอี เย่ซิวก็รู้สึกหนักใจทันทีวิญญาณของน่าอีและไป๋หลานพันกันยุ่งเหยิงบางส่วนถึงกับเริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้วถ้าหากเขาพยายามฉีกพวกมันออกจากกัน น่าอีอาจไม่รอด“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีฝีมือขนาดนี้” ไป๋หลานหัวเราะเยาะ “แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ไม่มีทางไล่ข้าออกไปได้ มีแต่ต้องฆ่าพวกเราทั้งสองไปพร้อมกันเท่านั้น”“ฝันไปเถอะ แกไม่มีวันได้ครอบครองร่างฉันหรอก!”เสียงของน่าอีดังขึ้นทันใดนั้น วิญญาณของเธอก็ปลดปล่อยแสงเจิดจ้าออกมากดดันวิญญาณของไป๋หลานให้ถอยร่นไปสีหน้าไป๋หลานเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่นานก็สงบลง “เอาเถอะ ข้าจะค่อย ๆ ดูสิว่าเจ้าจะทนได้อีกนานแค่ไหน”พูดจบ ไป๋หลานก็หลับตาลงช้า ๆ ปล่อยให้น่าอีกลับมาควบคุมร่างกายของตัวเองเย่ซิวครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะถ่ายทอดหนึ่งในวิชาเก้าวัจนะอาคมให้กับเธอเขาใช้วิธีส่งผ่านโดยตรงจากวิญญาณถึงวิญญาณเพื่อไม่ให้ไป๋หลานสามารถขโมยไปได้จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ถอนพลังจิตออกจากจิตสำนึกของน่าอีน่าอีลืมตาขึ้นด้วยสีหน้า
เย่ซิวบีบแก้มขาวเนียนของน่าอีเบา ๆ “ความลับอะไรเหรอ?”น่าอียิ้มเจ้าเล่ห์ “ความลับนี้สำคัญมาก ฉันจะบอกให้ง่าย ๆ ไม่ได้ อย่างน้อยนายต้องเรียกฉันว่าที่รักสามครั้งก่อน”เย่ซิวหัวเราะ “ได้สิ ที่รัก ที่รัก ที่รัก ที่รักของฉัน แถมให้อีกหนึ่งเลย ตอนนี้บอกได้หรือยัง”น่าอียิ้มกว้าง “ก็ได้ ๆ เห็นแก่นายที่ตั้งใจขนาดนี้ ฉันจะบอกให้ก็ได้ผู้หญิงคนนั้นเคยฝังบางอย่างไว้ที่ไหนสักแห่งในประเทศวูมันคือพลังบำเพ็ญทั้งหมดของเธอก่อนตาย เพราะตอนนี้ฉันกับเธอเริ่มรวมวิญญาณกันแล้ว ถ้าหาเจอ ฉันก็สามารถดูดซับมันได้ทั้งหมด”เย่ซิวดีใจมาก นี่มันข่าวดีสุด ๆ ไปเลย “งั้นพวกเราก็ไปหาเลยสิ”น่าอีส่ายหน้า “ไม่เอาหรอก ยังบำเพ็ญไม่เสร็จเลย ไว้บำเพ็ญเสร็จก่อนค่อยว่ากัน ใครเขาบำเพ็ญค้าง ๆ คา ๆ กันเล่า”ผู้หญิงคนนี้จริง ๆ เลย…เย่ซิวส่ายหน้า แต่ในเมื่อเธออยากบำเพ็ญต่อ เขาก็ไม่ขัดสองชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็บำเพ็ญเสร็จพลังของน่าอีพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหันจนเธอทะลวงขึ้นอีกระดับได้สำเร็จเธอดีใจจนแทบกระโดดบำเพ็ญเองมาหลายเดือนยังไม่เห็นผลชัดเจนเท่าบำเพ็ญกับเย่ซิวแค่ครั้งเดียวถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ตัวเองมีภาระเยอะ เธอคง
น่าอีดูมีความสุขมากขึ้น ดวงตาคู่นั้นมีประกายแปลกประหลาดซ่อนอยู่ภายในเมื่อเห็นสายตาแบบนั้น เย่ซิวก็พอจะเดาความคิดของเธอออกเขาเอื้อมมือไปตบไหล่เธอเบา ๆ “เธออยู่ที่นี่มาหลายวันแล้วนะ ข้างนอกยังมีเรื่องอีกมากมายรอให้เธอจัดการอยู่”น่าอีทำปากยื่นเล็กน้อย ไม่อยากแยกจากเย่ซิวสักเท่าไหร่แต่ก็รู้ว่าสิ่งที่เย่ซิวพูดนั้นถูกต้องตอนนี้เธอคือผู้นำของประเทศวูมีเรื่องสำคัญหลายเรื่องที่จะต้องลงมือจัดการด้วยตัวเองถ้าไม่ปรากฏตัวนานเกินไปย่อมเป็นปัญหาได้เธอปล่อยแขนออกจากคอของเย่ซิว “งั้นนายรอฉันอยู่ที่นี่นะ เย็นนี้ฉันจะกลับมาต้มบะหมี่ให้กิน”เย่ซิวเริ่มบำเพ็ญตนอีกครั้งพอถึงตอนค่ำ น่าอีก็กลับมาจากข้างนอก เมื่อจัดการธุระเสร็จก็ต้มบะหมี่ให้เย่ซิวตามที่บอกไว้จริง ๆหลังจากทั้งสองคนนั่งกินบะหมี่ด้วยกันอย่างอบอุ่น น่าอีก็ลุกไปล้างจาน หั่นผลไม้ และนำมาวางไว้ตรงหน้าเย่ซิว“อ้าปากสิ ฉันจะป้อนให้นายเอง”น่าอีถือจานผลไม้ไว้ในมือแล้วยื่นผลไม้ชิ้นหนึ่งไปตรงหน้าเย่ซิวเขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะอ้าปากตามที่เธอบอกแต่ในขณะนั้นเอง ดวงตาของน่าอีกลับปรากฏแววเย็นยะเยือกขึ้นทันใดเล็บมือของเธอยาวขึ้นอย่างรวดเ
“หืม? เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!”ไป๋หลานรู้สึกประหลาดใจและไม่อยากเชื่อตัวเธอเพิ่งจะถูกส่งกลับเข้าไปได้ไม่นาน แต่จู่ ๆ ก็ได้กลับมาครอบครองร่างอีกครั้ง?ทันทีที่ลืมตาขึ้น เธอก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่แสนกวนประสาทของเย่ซิวอยู่ตรงหน้าเย่ซิวไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนจะใช้วิชาโลกีย์หลอมเซียนเข้าใส่นางทันทีทันใดนั้นไป๋หลานก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างรุนแรงจนแทบจะอาเจียนออกมาตรงนั้น“เจ้าทำได้แค่ใช้วิธีต่ำทรามเช่นนี้หรือ? ถ้ากล้าจริงก็สู้กับข้าสักตั้งเอาให้ตายกันไปข้างเลยสิ”เย่ซิวหัวเราะเบา ๆ “ใช่ ฉันก็มีแค่ลูกไม้แบบนี้แหละ เธอจะทำอะไรฉันได้ล่ะ รู้สึกโมโหมากใช่ไหม?”น้ำเสียงและท่าทางยียวนกวนประสาทของเขายิ่งทำให้ไป๋หลานโกรธจนแทบบ้าที่แย่กว่านั้นคือตอนนี้พลังของเธอถูกเย่ซิวผนึกไว้อย่างสมบูรณ์อีกด้วยต่อให้อยากลงไม้ลงมือกับเขาขนาดไหนก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้เลยแม้แต่นิดเดียวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนชั่วเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่สามารถใช้วิธีธรรมดาเข้ารับมือได้เลยแม้แต่น้อยเวลาผ่านไปห้าวันเต็มโดยไม่ทันรู้ตัว ตลอดระยะเวลาห้าวันนี้ ไป๋หลานราวกับตกอยู่ในขุมนรกเพราะเธอต้องเผชิญหน้ากับการทรมานอันไร้มนุษยธรรมส
“หยุดก่อน อย่าทำต่อเลย ข้ายอมรับปากแล้วว่าจะถอนตัวออกจากจิตสำนึกของนาง”“ตอนนี้เสียใจก็สายไปแล้ว”เย่ซิวเพิ่มกำลังรุกหนักขึ้นทันที“อย่านะ หยุดเร็วเข้า ข้าให้ผลประโยชน์กับพวกเจ้าได้ ข้าจะบอกความลับให้ อ๊ากกก!!”เสียงร้องโหยหวนดังลั่นขึ้นก่อนที่ไป๋หลานจะหายสาบสูญไปในทันทีหน้าผากของน่าอีเปล่งแสงสีม่วงออกมาคลื่นพลังวิญญาณเข้มข้นจนเกือบจับต้องได้ตอนนี้แค่พลังวิญญาณอย่างเดียว เธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้บำเพ็ญระดับถอดจิตทั่วไปเลยเธออ่อนกว่าเย่ซิวเพียงระดับเล็กน้อยเท่านั้นด้วยเหตุนี้ ในอนาคตเมื่อน่าอีทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิต ความยากก็จะลดลงไปอย่างมาก“เยี่ยมเลย ในที่สุดวิกฤตนี้ก็ผ่านพ้นไปแล้ว” น่าอียกมือขึ้นสูงพลางส่งเสียงร้องอย่างยินดี “ขอบคุณนะที่รัก”“ในเมื่อวิกฤตของเธอผ่านไปแล้ว งั้นฉันก็คงต้องไปได้แล้วล่ะ บางทีอาจต้องใช้เวลาสิบกว่าปีหรืออาจนานกว่านั้น พวกเราถึงจะได้เจอกันอีกครั้ง”รอยยิ้มบนใบหน้าของน่าอีหายไปทันที ดวงตาแดงก่ำมองเขาอย่างเจ็บปวด “ให้ฉันไปกับนายด้วยไม่ได้เหรอ”“ไม่ได้” เย่ซิวส่ายหน้าพลางลูบผมนุ่มลื่นของเธอเบา ๆ“อย่างแรกคือข้างนอกอันตรายมาก อีกอย่าง ธุรกิจที่
“สัมผัสไวใช้ได้นี่นาหนุ่มน้อย ถึงได้รู้ตัวเร็วขนาดนี้”น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานดังขึ้นมาหญิงสาวคนหนึ่งในชุดกระโปรงยาวสีขาวเดินออกมาจากด้านหลังต้นไม้ภายใต้สายตาของเย่ซิวชุดที่เธอสวมใส่นั้นเหมือนกับชุดของเทพเซียนในละครย้อนยุคที่เคยเห็นในโทรทัศน์ รอบกายมีผ้าแพรหลากสีปลิวไสวเป็นสายชุดแบบนี้ในสมัยโบราณเรียกกันว่าอาภรณ์ขนนกสีรุ้ง!ส่วนหน้าตาของหญิงสาวผู้นี้ยิ่งงดงามหาได้ยากในโลกมนุษย์!บุคลิกของเธอเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์หลากหลายอารมณ์บางครั้งดูยั่วยวน บางครั้งดูบริสุทธิ์ บางครั้งดูเย้ายวนชวนหลงใหล บางครั้งกลับดูสูงส่งสง่างามเมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้ ในหัวของเย่ซิวก็พลันนึกถึงคำหนึ่งขึ้นมาทันทีปีศาจร้อยหน้าดวงตาของเย่ซิวพลันคมกริบ จ้องมองอีกฝ่ายเขม็งพร้อมถามเสียงเข้ม “เธอเป็นใคร? ทำไมจู่ ๆ ถึงได้โผล่มาที่นี่?!”ขณะเดียวกันเขาก็เพิ่มความระวังเป็นเท่าตัวเพราะแม้แต่ตัวเขาเองในตอนนี้ก็ยังมองไม่ออกว่าผู้หญิงคนนี้มีพลังระดับไหน นั่นเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายไปมากหากเมื่อครู่นี้เธอไม่เผลอปล่อยจิตสังหารออกมาเพียงเล็กน้อย เย่ซิวก็อาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำหญิงสาวมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ศิ
ไพ่ตายสารพัดรูปแบบที่เย่ซิวเคยภูมิใจมาตลอด พออยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียวเขากลายเป็นเหมือนเด็กน้อยอ่อนแอที่ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะจับไก่สักตัว“เธอเป็นใคร? ต้องการอะไรกันแน่!”สีหน้าของเย่ซิวตอนนี้เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดที่มาของผู้หญิงคนนี้แปลกประหลาดเกินไปสิ่งเดียวที่ทำให้เขาโล่งใจได้บ้างคือเขาไม่รู้สึกถึงจิตสังหารจากเธอ“ไอ้เด็กบ้า บอกแล้วไงว่าฉันคืออาจารย์ของนาย ยังจะไม่เชื่ออีก” หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “จริง ๆ อาจารย์ของนายก็เป็นผู้หญิงมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก่อนแค่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย ส่วนเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นน่ะเหรอ?แน่นอนว่าก็เพราะอาจารย์ของนายงดงามจนฟ้าดินสะเทือน มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา หากใช้รูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา รับรองว่าโลกทั้งใบต้องวุ่นวายจนควบคุมไม่ได้แน่ ๆ”เย่ซิวยังคงเงียบและไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าพูดแม้แต่น้อยแต่มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาเห็นด้วยอยู่บ้างหากใบหน้างดงามเช่นนี้ปรากฏตัวให้คนทั่วไปเห็นก็คงจะก่อให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่จริง ๆจะมีเหล่ายอดฝีมือ มหาเศรษฐี หรือแม้กระทั่งผู้มีอำนาจอีกมากมายที่พร้อมจะลงมือแย
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน