หนานกงอู๋ซวงหันไปมองเย่ซิว ก่อนจะผายมือเชิญ “ศิษย์น้องเย่ เชิญก่อนเลย”เย่ซิวรู้ดีว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ หมอนี่ตั้งใจจะรุมเล่นงานเขาน่ะสิเขาส่ายหน้า “พวกนายเข้าไปก่อนเถอะ ฉันขอเข้าไปเป็นคนสุดท้ายแล้วกัน”หนานกงอู๋ซวงยังไม่ยอมแพ้ อยากจะจัดการเย่ซิวให้เร็วที่สุดจึงเอ่ยต่อ “แบบนั้นไม่เหมาะนะ ด้วยสถานะของศิษย์น้องเย่ ถ้าเข้าเป็นคนสุดท้ายจะดูเสียมารยาทเกินไป”ตอนนั้นเอง ภรรยาเจ้าสำนักก็เดินเข้ามาแล้วเอ่ยเรียบ ๆ “พวกนายเข้าไปก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขาสักหน่อย”หนานกงอู๋ซวงหรี่ตาลง มองสลับไปมาระหว่างสองคนนี้อย่างเสียไม่ได้พวกเขาไปสนิทกันตอนไหน?แม้จะสงสัย แต่ตอนนี้เขายังไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเรื่องของภรรยาเจ้าสำนัก ทำได้แค่เดินนำเข้าไปก่อน“รอด้วยสิคะ พี่อู๋ซวง” เฉินเยียนจือรีบเดินตามไปติด ๆลูกศิษย์คนอื่น ๆ ก็ทยอยกันเข้าไปตามลำดับจนเหลือแค่เย่ซิวคนเดียว จากนั้นภรรยาเจ้าสำนักก็ขยับริมฝีปากถามเบา ๆ “เรื่องที่ฉันคุยกับนายเมื่อคืน ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว”เย่ซิวแอบขำอยู่ในใจ เมื่อคืนเธอเป็นคนที่ต้องการโอสถแบบนั้นแท้ ๆ แต่กลับอ้างว่าเป็นเพื่อนของเธอที่ต้องการความจริงเย่ซิวรู้ว่ามีตำรับล
จัตุรัสขนาดมหึมาแน่นขนัดไปด้วยผู้คนเย่ซิวกวาดตามองคร่าว ๆ แล้ว น่าจะมีมากกว่าห้าร้อยคนในบรรดาคนเหล่านั้น คนที่สะดุดตามากที่สุดคือหนานกงอู๋ซวงกับเฉินเยียนจือทั้งสองคนยืนอยู่แถวแรกเมื่อคืนพอได้ระบายอารมณ์ไปแล้ว หนานกงอู๋ซวงก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมเขากำลังกระซิบคุยกับเฉินเยียนจือ ดูสนิทสนมกลมเกลียวกันไม่น้อยอยู่ดี ๆ หนานกงอู๋ซวงก็หันหลังกลับมาสายตาเขาไปสะดุดเข้ากับเย่ซิวทันที ก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแล้วเรียกเสียงดัง “ศิษย์น้องเย่มาพอดีเลย มานี่สิ”บรรดาศิษย์คนอื่นที่อยู่บนลานต่างก็พากันมองเขาด้วยความชื่นชมช่างมีวุฒิภาวะเหลือเกินไม่เสียแรงที่เป็นผู้นำของคนรุ่นใหม่จริง ๆเฉินเยียนจือก้มหน้าลงทันที ไม่กล้ามองเย่ซิวแม้แต่น้อยเธอเริ่มกลัวเขาขึ้นมาจริง ๆ แล้วกลัวว่าเขาจะทำเรื่องแปลก ๆ กลางฝูงชนขึ้นมาอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงไม่รอดแน่ในเมื่อเขาตั้งใจจะเล่นละคร เย่ซิวก็ยินดีจะเล่นด้วยเขายิ้มทักทายกลับ ก่อนจะหันไปมองเฉินเยียนจือที่ยืนอยู่อีกด้าน สีหน้าท่าทางดูว่าง่ายผิดหูผิดตาถือเป็นครั้งแรกเลยที่เธอมีท่าทีแบบนี้“ศิษย์น้องเฉิน วันนี้ดูสวยเป็นพิเศษเลยนะ เห็นแล้วอด
หนานกงอู๋ซวงสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขาคว้าผมสาวใช้คนหนึ่งเอาไว้แน่น แล้วตะคอกออกมาเสียงกร้าว “คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”……วันแรกของการเปิดร้าน กำไรถือว่าถล่มทลายถึงสิบล้านศิลาวิญญาณ แต่พอผ่านไปไม่กี่วัน กำไรก็เริ่มลดลงเรื่อย ๆพอถึงวันที่สาม กำไรต่อวันเหลือแค่ห้าล้านเท่านั้นซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะตลาดในสำนักอวิ้นหลิงเองก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักหลายคนซื้อโอสถแค่รอบเดียวก็ใช้ได้นานหลายเดือนหรือบางทีครึ่งปีก็ยังไม่หมดเย่ซิวคาดการณ์ว่าท้ายที่สุดแล้ว กำไรจะคงที่ราว ๆ หนึ่งล้านต่อวันเป็นแน่แม้จะมีลูกศิษย์บางคนแอบเอาโอสถไปขายต่อข้างนอก แต่ก็ไม่ใช่จำนวนที่มากนักแถมการจะขายของออกไปได้ก็ยังต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรแต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วหลังจากสถานการณ์นิ่งแล้ว เขาก็เตรียมแผนขยายตลาดให้กว้างขึ้นอีกแต่ก่อนจะทำอย่างนั้นก็ต้องมีพลังสนับสนุนที่แข็งแกร่งกว่านี้ก่อนเพราะการขายโอสถกำไรสูงแบบนี้มักจะดึงดูดศัตรูเข้ามาเสมอหากไร้ซึ่งพลังที่แข็งแกร่ง ก็ไม่มีทางดำเนินกิจการนี้ให้รอดได้เลยดังนั้น เย่ซิวจึงเล็งเป้าไปที่สิงโตหยกขาวทั้งแปดตัวเขาโน้มน้าวรั่วอวิ๋นอยู่นาน ในที่สุดเธอก
หลังจากเฉินเยียนจือดื่มเหล้าในถ้วยนั้น ดอกไม้ดอกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเธอทันทีที่เห็นดอกไม้ดอกนั้น หัวใจของหนานกงอู๋ซวงก็เย็นชืดลงในพริบตาเขาแอบใส่บางอย่างลงในเหล้า เป็นสารที่มีผลเฉพาะกับผู้หญิงถ้าเป็นสาวบริสุทธิ์จริง ๆ บนหน้าผากจะปรากฏเป็นดอกพุดซ้อนแต่ถ้าไม่ใช่ จะกลายเป็นดอกกุหลาบแทนและแน่นอนว่าบนหน้าผากของเฉินเยียนจือคือดอกกุหลาบ นั่นหมายความว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์อีกต่อไปแล้วเฉินเยียนจือไม่รู้เลยว่าความลับของเธอถูกเปิดเผยแล้ว เธอมองหน้าหนานกงอู๋ซวงอย่างแปลกใจ “พี่ซวงเป็นอะไร ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”รอยยิ้มบนหน้าหนานกงอู๋ซวงยังคงเหมือนเดิม “ก็เพราะเธอสวยไง ฉันเลยอยากมองให้นาน ๆ”“พี่อู๋ซวงพูดอะไรก็ไม่รู้ ยังมีคนอื่นนั่งอยู่ตรงนี้อยู่นะ” เฉินเยียนจือเอ่ยพลางหน้าแดงเย่ซิวนับถือสุดใจรู้ทั้งรู้ว่าโดนสวมเขาแท้ ๆ แต่ยังสามารถแสดงความนิ่งได้ขนาดนี้ ต้องยอมรับเลยว่าเขาเป็นคนที่เหมาะจะทำการใหญ่จริง ๆไม่นานนัก ลายดอกไม้บนหน้าผากของเฉินเยียนจือก็จางหายไปหนานกงอู๋ซวงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังนั่งชนเหล้ากับเย่ซิวต่ออย่างสนิทสนมถ้าคนที่ไม่รู้มาเห็น คงนึกว่าทั้ง
ถึงจะรู้ว่าเฉินเยียนจือทำเรื่องทรยศกับเขา แต่หนานกงอู๋ซวงก็ยังต้องทำเหมือนไม่รู้ และต้องอดทนไว้อย่างน้อยก็จนกว่าจะมีพลังพอที่จะเหยียบคนทั้งสำนักอวิ้นหลิงไว้ใต้ฝ่าเท้า ตอนนี้เขาจำเป็นต้องกล้ำกลืนความเจ็บใจไว้ก่อน“ไม่มีอะไรหรอก ในเมื่อเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด แค่คุยกันให้ชัดเจนก็พอแล้ว”เย่ซิวมองเฉินเยียนจือ แล้วก็หยิบเก้าอี้อีกตัวออกมา “อย่ายืนอยู่เลย มานั่งเถอะ ยืนนาน ๆ เดี๋ยวจะเมื่อยขาเอานะ เดี๋ยวฉันจะสงสารเอา”คำพูดนี้ทำเอาเฉินเยียนจือหัวใจแทบหยุดเต้นเธอรีบเหลือบมองหนานกงอู๋ซวงอย่างระแวดระวังพอเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีอะไรก็แอบถอนหายใจ ก่อนจะนั่งลงด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆหนานกงอู๋ซวงแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย “ศิษย์น้องเย่นี่จิตใจดีจริง ๆ ห่วงใยคู่หมั้นของฉันขนาดนี้ ขอบคุณมากนะ”“คู่หมั้นเหรอ ดีเลย” เย่ซิวพยักหน้า “พวกนายคบกันมานานหรือยังล่ะ”หัวใจของเฉินเยียนจือที่เพิ่งสงบเมื่อกี้ กลับมากระวนกระวายอีกครั้งในแววตาเต็มไปด้วยความตื่นกลัวอย่างปิดไม่มิดไม่รู้ว่าเย่ซิวกำลังจะเล่นอะไรอีก เธอจึงได้แต่ส่งสายตาเว้าวอนขอความเมตตาไปทางเขาเท่านั้นเธอกลัวผู้ชายคนนี้ขึ้นมาจริง ๆ แล้วแม้แ
ตอนนี้ค่ายกลบนยอดเขาแห่งนี้ถูกคลายไปบางส่วนแล้ว เพื่อให้ทุกคนสามารถขึ้นมาซื้อโอสถได้ง่ายขึ้นนั่นจึงเป็นเหตุผลที่หนานกงอู๋ซวงสามารถบุกขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำพูดของเย่ซิว เฉินเยียนจือก็รีบปฏิเสธโดยสัญชาตญาณทันที “ไม่เอา ถ้ามีใครมาเห็นเข้า ต่อให้ฉันกระโดดลงแม่น้ำก็ล้างไม่ออกอยู่ดี”“แถวนี้ไม่มีใครสักหน่อย แค่นวดนิดเดียวจะเป็นอะไรไป ถ้าเธอไม่นวดให้ล่ะก็ ฉันจะโกรธนะ แล้วถ้าฉันโกรธ ผลลัพธ์มันคงไม่ดีแน่”เฉินเยียนจือกัดริมฝีปากแน่นจนแทบเลือดซิบผู้ชายคนนี้เป็นศัตรูของชีวิตเธอจริง ๆเธอสูดลมหายใจลึก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยืนอยู่ด้านหลังเย่ซิวสองมือเล็กเรียวแตะลงบนบ่าของเขา ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “แค่แป๊บเดียวเท่านั้นนะ”“เรียกว่านายท่านด้วย”เส้นเลือดบนหน้าผากของเฉินเยียนจือเต้นตุบ ๆ “อย่าให้มันมากนักนะ นึกว่าฉันจะยอมให้รังแกได้ง่าย ๆ หรือไง?!”“เธอลองหันไปมองข้างหลังดูสิ อีกแค่ไม่กี่กิโลก็ถึงถ้ำของฉันแล้ว ถ้าเธอไม่อยากถูกลากเข้าไปที่นั่นล่ะก็ เชื่อฟังไว้จะดีกว่า”เฉินเยียนจือกัดฟันแทบแตก ความอัดอั้นตันใจแทบระเบิดออกมาตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าคนที่เคยถูกเธอรังแกมาก่อนรู้ส
ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่กันแน่ หรือว่าศิษย์น้องเฉินเขาจะ…”หนานกงอู๋ซวงรู้สึกเหมือนร่างจะระเบิดนี่มันคือการยั่วยุที่รุนแรงที่สุดที่เคยเจอมาทันใดนั้นเขาก็ชะงักไปนิด ก่อนจะคิดถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้สองสามวันก่อน เฉินเยียนจือเพิ่งกลับมาจากข้างนอก แล้วก็ปฏิเสธคำชวมไปชมดอกไม้ของเขาตอนนั้นท่าทางของเธอก็ดูแปลก ๆ พอมานึกดูตอนนี้ยิ่งเต็มไปด้วยพิรุธ“หรือว่า…” ความคิดอันบ้าบิ่นแล่นเข้ามาในหัวของเขา “วันนั้นเธอแอบไปนัดเจอกับเย่ซิวงั้นเหรอ?!”พอความคิดนี้ผุกขึ้นมา มันก็ไม่หายไปจากหัวอีกเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ในแววตาของหนานกงอู๋ซวงเริ่มมีประกายน่ากลัว เขาแทบอยากจะพุ่งไปฉีกเย่ซิวให้เป็นชิ้น ๆ เดี๋ยวนั้นเลย“ฮู้ ฮู้ ฮู้…”แต่โชคดีแต่โชคดีที่เขาไม่ใช่คนโง่นักเขารู้ดีว่าถ้าบุกเข้าไปตอนนี้ มีแต่จะกลายเป็นตัวตลกให้คนหัวเราะ แถมอาจถูกเย่ซิวเอาไปใช้เป็นหมากอีกเขาบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง แล้วไล่ลูกศิษย์ที่มาแจ้งข่าวออกไปหนานกงอู๋ซวงเดินวนไปมาภายในห้องด้วยสีหน้ามืดมน“พอลองนึกดูดี ๆ วันนั้นท่าทางการเดินของศิษย์น้องดูแปลก ๆ อย่างแรกที่ต้องทำคือไปเช็กให้แน่ใจว่าเธอยัง
จุดประสงค์ของเย่ซิวนั้นเรียบง่ายมากในเมื่อหนานกงอู๋ซวงคิดจะใช้วิธีต่ำช้าแบบนี้มาเล่นงานเขา งั้นเขาก็จะเล่นงานคู่หมั้นของอีกฝ่ายเสียเลย ด้วยการบังคับเธอต่อหน้าผู้คนจำนวนมากเย่ซิวมีจุดอ่อนของเฉินเยียนจืออยู่ในมือ ทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธเขาได้ถ้าเธอตอบตกลง บนหัวของหนานกงอู๋ซวงจะมีเขาขึ้นหนึ่งคู่ถึงแม้เขาจะมีอยู่แล้วก็เถอะแต่ไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทว่าหากถ้าเฉินเยียนจือยอมอยู่ต่อ คนทั้งสำนักคงมองหนานกงอู๋ซวงด้วยสายตาแปลกประหลาดไปอีกนานเท่ากับเย่ซิวตบหน้าเขาอย่างจังเฉินเยียนจือเองก็รู้ในจุดนี้ เธอทั้งตกใจทั้งโกรธไม่คิดว่าเย่ซิวจะกล้าฉีกหน้าหนานกงอู๋ซวงต่อหน้าทุกคนแบบนี้หากเธอตอบตกลง หนานกงอู๋ซวงคงเสียหน้าสุด ๆ และความสัมพันธ์ของเธอกับเขาก็คงจะร้าวลึกลงไปอีกขั้นนี่มันไม่ต่างจากการฆ่าให้ตายทั้งเป็น!แต่ถ้าไม่ตอบตกลง แล้วเย่ซิวดันเปิดโปงเรื่องทั้งหมดต่อหน้าคนอื่นขึ้นมา เรื่องก็จะยิ่งบานปลายเธอตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกโดยสิ้นเชิงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอรู้สึกเสียใจไม่น่าไปหาเรื่องปีศาจอย่างเย่ซิวนี่เลยจริง ๆน่าเสียดายที่ถึงจะเสียใจแค่ไห
“ฉันมาซื้อโอสถตามคำสั่งของเขา การที่ยอมซื้อโอสถของพวกเธอก็ถือว่าให้เกียรติแล้ว อย่าหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า”จางเสี่ยวอวี๋เผลอหันไปมองเย่ซิวอย่างอดไม่ได้เพราะคนตรงหน้านั้นมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา เธอจึงไม่กล้ารับมือเองเย่ซิวหรี่ตาเล็กน้อย “จะเป็นใครก็ช่าง ต่อให้เป็นเจ้าสำนักเองก็ต้องทำตามกฎ”“กล้าดียังไง คิดว่ากลั่นโอสถได้ไม่กี่เตาก็จะเหิมเกริมเกินขอบเขตได้หรือไง!”รั่วอวิ๋นที่ได้ยินเสียงวุ่นวายก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “กล้าดียังไงมาหาเรื่องถึงหน้าร้านฉัน ไม่กลัวว่าฉันจะตบนายให้หายไปจากโลกในทีเดียวเลยหรือไง”ชายคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามฝืนความกลัวไว้ “ผู้อาวุโสรั่วอวิ๋น นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับเขา ท่านเป็นผู้ใหญ่ ไม่ควรเข้ามายุ่งจะดีกว่า”เย่ซิวเข้าใจทันที ก่อนจะมองชายคนนั้นอย่างพินิจ “นายจงใจมายั่วโมโหฉันใช่ไหม หวังให้ฉันลงมือก่อนสินะ”ชายคนนั้นตอบกลับด้วยท่าทางเย็นชา “ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด ฉันแค่มาซื้อโอสถเท่านั้นเอง”“ตามกฎของสำนักอวิ้นหลิง ผู้ใดลงมือทำร้ายผู้อื่นโดยพลการ จะต้องถูกลบล้างพลังบำเพ็ญทั้งหมดเพราะงั้นหนานกงอู๋ซวงจึงส่งนายมา หวังใช้ชี