ปัง ปัง ปัง!“ให้ตาย ให้ตายสิวะ ไอ้นั่นมันเป็นใคร!”ภายในห้อง เย่ขวงขว้างสิ่งของอย่างบ้าคลั่งด้วยเสียงกระแทก โบราณวัตถุอันล้ำค่า ภาพอักษรวิจิตรและภาพวาดทุกประเภทพังเละเทะไปหมดลูกน้องแต่ละคนของเขาก้มหน้าลง ร่างกายของพวกเขาสั่นเล็กน้อย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเย่ขวงระบายความโกรธได้ชั่วขณะ ทำให้อารมณ์โกรธสงบลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับสัตว์ร้าย จ้องไปที่พ่อบ้านแล้วถามว่า “รู้ไหมว่าเป็นฝีมือใคร? แล้วมันใช้วิธีอะไรมาเล่นงานฉัน?!”เมื่อคืนนี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาหมดสติไปได้อย่างไรตื่นมาก็พบว่าตัวเองไม่ได้สวมเสื้อผ้าติดตัวเลย อีกทั้งยังอยู่กับคนขับรถ...เขาโกรธมากและฆ่าคนขับคนนั้นทันทีแต่สิ่งที่ทำให้เขาโกรธมากยิ่งกว่านั้นก็คือ งานอักษรวิจิตรและภาพวาดที่เขาทุ่มเงินซื้อไปมากมายนั้นหายไปอย่างไรร่องรอยแม้แต่ภาพจากกล้องวงจรปิดก็ไม่พบอะไรที่เป็นประโยชน์ในการติดตามเลยนอกจากความโกรธแล้ว เขายังรู้สึกกลัวขึ้นมาอีกด้วยอีกฝ่ายสามารถทำให้เขาสลบไปได้โดยที่เขาไม่รู้ตัวหากอีกฝ่ายต้องการฆ่าเขา อย่างนั้นมันไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยหรือ?ความโกรธที่เขาแสดงออกมานั้นเต็มไปด้วยความก
เย่ซิวถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"หลังจากเมื่อคืนนี้พวกเขาทั้งสองก็ได้กลายเป็น “สหาย” ที่มีความผูกพันอย่างลึกซึ้งดูจากสีหน้าเธอแล้วเธอคงจะลำบากมากแน่ ๆหากเย่ซิวสามารถช่วยได้ เขาก็จะไม่ปฏิเสธเลยไป๋อวี้เจี๋ยฝืนยิ้มเล็กน้อย "ตอนนี้ยังไม่จำเป็น คุณพักผ่อนที่บ้านไปเถอะ"เธอไม่อยากให้เย่ซิวมองว่าตัวเองเป็นแค่ผู้หญิงสวยแต่ไร้ความสามารถไป๋อวี้เจี๋ยพร้อมด้วยบอดี้การ์ดหญิงสองสามคนมาถึงโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งที่เธอเป็นเจ้าของอย่างเร่งรีบเมื่อเธอมาถึงโรงแรมก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งล้อมแนวรักษาความปลอดภัยไว้มีสื่อหลายสำนักถ่ายรูปและถ่ายทอดสดอย่างเมามัน“คุณผู้ชมคะ ตามรายงานข่าวจากช่องของเรา วันนี้เกิดเหตุฆาตกรรมที่โรงแรมซันไชน์ ซึ่งเป็นโรงแรมอันดับหนึ่งในเมืองหลวง เป็นที่ต้องสงสัยว่า พนักงานหญิงของโรงแรมแอบค้าประเวณีและพาผู้ซื้อบริการมาที่โรงแรม และเหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากไม่สามารถตกลงราคากันได้”“ผู้จัดการหญิงของโรงแรมซันไชน์ถูกต้องสงสัยว่า ฆ่าลูกค้าเพราะไม่สามารถตกลงเรื่องราคากันได้”“เป็นเรื่องน่าตกใจที่โรงแรมขนาดใหญ่ในเมืองหลวงต้องประสบกับเหตุการณ์เลวร้า
“พวกคุณ!!” ไป๋อวี้เจี๋ยชี้ไปที่พวกเขาด้วยนิ้วที่สั่นเทา “นี่พวกคุณไม่ละอายใจกันบ้างเลยเหรอ?!”พวกเขาเพียงกะพริบตาและไม่กล้าสบตากับเธอแกร๊ก!กุญแจมือคู่หนึ่งล็อกลงบนข้อมือของไป๋อวี้เจี๋ย เสียงเย็นชาดังก้องอยู่ในหูของเธอ“หยุดพูดไร้สาระแล้วไปกับพวกเราได้แล้ว!”ไป๋อวี้เจี๋ยกลับมามีสติ และแทนที่จะตีโพยตีพายเธอกลับขยิบตาให้บอดี้การ์ดของเธอบอดี้การ์ดวิ่งไปที่มุมมุมหนึ่งและโทรเรียกทุกฝ่ายทันทีผู้คนโดยรอบต่างก็เห็นไป๋อวี้เจี๋ยถูกใส่กุญแจมือและถูกคุมตัวออกไป สิ่งนี้ทำให้เกิดความโกลาหลทันทีเย่ขวงนั่งบนโซฟา เพลิดเพลินกับบริการของสาวใช้หลายคนขณะที่ดูเหตุการณ์ข่าวที่ไป๋อวี้เจี๋ยถูกคุมตัวไปริมฝีปากของเขาเผยความร้ายกาจ "ยายตัวดี ของจริงเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น ตอนนี้เธอคงเริ่มเสียใจแล้วสินะ! ออกไปซะ!"เขาเตะสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าออกไป และลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้อง“เตรียมรถ ไปสถานีตำรวจ!”ในอีกด้านหนึ่งเสวี่ยเหมยวางสายโทรศัพท์ด้วยสีหน้าย่ำแย่“ตระกูลเย่บ้าไปแล้วหรือไง นี่พวกเขาจะใช้วิธีแบบนี้จัดการฉันจริง ๆ เหรอ!”ข่าวที่เธอเพิ่งได้รับทำให้เธอไม่สบายใจเพื่อที่จะเอาชนะไป๋อวี้เจ
ปรมาจารย์คนนั้นสั่งให้คนตรวจค้นทั้งห้อง แล้วมองไปที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์อย่างสงสัย "ที่นี่มีพวกคุณแค่ไม่กี่คนเองเหรอ?"ลู่เสวี่ยเอ๋อร์พยักหน้า "ใช่ พวกคุณเป็นใคร"เธอย่อมจำบุคคลนี้ได้อยู่แล้ว แต่ไม่กล้าแสดงอาการที่ผิดปกติ ทำได้แค่แสร้งทำเป็นไม่รู้จัก“งั้นเหรอ?”เขามองซ้ายมองขวา แล้วหันกลับลู่เสวี่ยเอ๋อร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ทันใดนั้น เขาก็หันกลับมาอีกครั้ง มือที่รวดเร็วปานสายฟ้าปราดเข้ามาจับใบหน้าของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ความเร็วของเขาเร็วมาก จนแฝดสี่ตอบสนองไม่ทัน หน้ากากหนังมนุษย์ของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ถูกเขาฉีกกระชากออกทันใดนั้น ใบหน้าที่งดงามราวกับเทพธิดาก็ปรากฏขึ้นสีหน้าของลู่เสวี่ยเอ๋อร์เปลี่ยนไปพลันปรมาจารย์ยิ้มเยาะ "ทักษะเปลี่ยนโฉมของเธอน่าทึ่งจริง ๆ แต่คุณลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นปรมาจารย์ จำลมปราณของคุณได้ตั้งแต่แรกแล้ว!"ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก้าวถอยหลัง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากำลังจะโทรหาเย่ซิวปรมาจารย์แค่นเสียงอย่างเย็นชา ลงมืออย่างเด็ดขาดครั้งนี้เขาได้นำยอดฝีมือมามากมายแม้ว่าแฝดสี่จะมีความแข็งแกร่งไม่อ่อนแอ แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย ไม่นานก็ถูกโจมตีจนคว่ำลงกับพื้นลู่เส
“เรียก” เย่ซิวตอบตามความจริงเสวี่ยเหมย "แล้วคุณกับเธอก็..."“ถูกต้อง”ความรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากเกิดขึ้นภายในใจของเธอ อดไม่ได้ที่จะถามว่า "ทำไม ตอนนั้นฉันเรียกคุณว่านายท่านกับแด๊ดดี๊ ทำไมแม้แต่การมาเจอหน้าฉันคุณก็ยังไม่ยอมทำด้วยซ้ำ!"ตอนนั้นแม้ว่าจะเป็นเพียงการหลอกล่อเย่ซิว แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาจริง ๆแต่ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าผู้หญิงคนอื่นประสบความสำเร็จด้วยวิธีของเธอ เธอในฐานะผู้แพ้ย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดาอย่าดูถูกความอิจฉาของผู้หญิงเด็ดขาด มันเป็นอะไรที่รุนแรงมาก“เพราะตอนนั้นคุณคิดจะทำร้ายผม แต่เธอไม่ใช่”เสวี่ยเหมยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ความโกรธในใจส่วนใหญ่ก็หายไปที่แท้เป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง!“เอาล่ะ ไม่พูดถึงเรื่องไร้สาระที่ไม่เกี่ยวข้องแล้ว” เย่ซิวพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "บอกมา คนต้นคิดคือใคร!"เสวี่ยเหมยสั่นศีรษะ “คุณอย่าคิดเลย คนใหญ่คนโตคนนั้นกำลังจะเกษียณแล้ว ที่รับปากกับตระกูลเย่ก็เพื่อปูทางให้ลูกชายของเขา”“อีกฝ่ายมีอิทธิพลมาก ทั้งยังทำคุณประโยชน์อันใหญ่หลวงต่อประเทศหลงเถิง”“คราวนี้ทางเบื้องบนแกล้งปิดตาข้างหนึ่ง หากต้องการช่วยไป๋อวี้เจี๋ยจริง ๆ วิ
ระหว่างทางไปตระกูลเย่ เย่ซิวได้ส่งรูปถ่ายไปให้เสวี่ยเหมยส่วนทางนั้น เสวี่ยเหมยกำลังปวดหัวอยู่ว่าจะรับมืออย่างไรดีเย่ขวงพร้อมที่จะทำลายทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแต่เสวี่ยเหมยไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้นเธอมาพร้อมกับภารกิจอันยิ่งใหญ่ขณะที่เธอกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างหนัก เสียงข้อความก็ดังขึ้นเธอค่อนข้างหงุดหงิดช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย สิ่งที่เธอไม่ต้องการเห็นมากที่สุดคือข้อความอะไรพวกนี้แต่ทว่า เธอก็จำเป็นต้องเปิดโทรศัพท์อยู่“เอิ่ม?!”เวลาต่อมา เสวี่ยเหมยก็เบิกตาคู่งาม ดูภาพที่เย่ซิวส่งมาทันใดนั้นเธอก็เผยรอยยิ้มที่ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดหลงใหล“หมอนี่ทำได้ยังไงเนี่ย เหลือเชื่อจริง ๆ ถ้ารูปนี้ถูกปล่อยออกไป เย่ขวงต้องคลั่งแน่ ๆ”แน่นอนว่าเมื่อคิดดูแล้ว เธอจะไม่เป็นคนปล่อยออกไปอยู่แล้วเมื่อมีรูปถ่ายเหล่านี้ ก็สามารถเจรจากับเย่ขวงได้ขณะที่เธอเพิ่งเกิดความคิดนี้ เย่ซิวก็ส่งข้อความอีก‘ผมต้องได้เห็นรูปถ่ายพวกนี้ทางอินเทอร์เน็ตภายในสามนาที ไม่งั้นผมจะส่งภาพนี้ให้คนอื่น’“น่ารังเกียจ!” เสวี่ยเหมยกัดฟัน “ใกล้ตายแล้วแท้ ๆ ยังวางอำนาจอีก”หลังจากหายใจเข้าลึก ๆ หลา
“ทำไม เจ็บใจแทนคนรักงั้นเหรอ? ฉันจะทำให้เธอเจ็บใจ!”เขาจับมือของลู่เสวี่ยเอ๋อร์จุ่มลงในชามซุปร้อน ๆ โดยตรงอุณหภูมิสูงทำให้ผิวขาวของลู่เสวี่ยเอ๋อร์เปลี่ยนไปจนดูน่ากลัวทันทีความเจ็บปวดนั้นเสมือนมีอะไรบางอย่างกำลังเจาะทะลุเข้าไปในใจแต่เธอก็กัดฟันทน ไม่ปริปากร้องออกมาแม้เพียงคำเดียวเพียงจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้น“ว้าว เข้มแข็งดีนี่!” เย่ขวงเริ่มสนุกเพียะ!ตบหน้าลู่เสวี่ยเอ๋อร์ "ขอร้องสิ!"ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กัดริมฝีปาก ไม่หือไม่อือแม้แต่น้อยหลิวอวิ้นทั้งกังวลทั้งโกรธ "ได้คนเดรัจฉาน ปล่อยลูกสาวฉันนะ!"เพียะ เพียะ เพียะ!เย่ขวงตบหน้าเธอทั้งซ้ายและขวา ตบมากกว่าสิบครั้งติดกันเลือดไหลออกมาจากมุมปากของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ แต่สายตายังคงดื้อดึงสิ่งนี้ทำให้เย่ขวงอับอายจนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อเขาเดินไปหาหลิวอวิ้น แล้วคว้าคอของเธอ "บอกสิว่าเธอยอมแล้ว ไม่งั้นฉันจะข่มขืนเธอก่อน แล้วจากนั้นก็จะฆ่าเธอซะ!"ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กังวล "ไอ้คนโรคจิต มีอะไรก็มาลงที่ฉัน อย่าทำร้ายแม่ฉันนะ!"เย่ขวงหัวเราะเสียงดัง สมาชิกในตระกูลเย่ทุกคนก็หัวเราะขึ้นมา“นายน้อย แย่แล้ว!”ในขณะนี้ คนรับใช้
เมืองหลวง ในห้องขังแห่งหนึ่งเพียะ! เพียะ! เพียะ!ผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดผู้คุม ใบหน้าโหดเหี้ยมและถือแส้ในมือ กำลังใช้แส้เฆี่ยนไป๋อวี้เจี๋ยไม่หยุดไป๋อวี้เจี๋ยถูกมัดอยู่ที่นั่น ไม่สามารถขยับตัวได้ตามเนื้อตัวมีรอยแผลเป็นมากมาย ผิวหนังปริแตก สามารถมองเห็นกระดูกได้ สภาพดูแล้วช่างน่ากลัว“ยังไม่สารภาพอีกเหรอ?”เสียงของผู้คุมหญิงดังก้อง น้ำเสียงนั้นเย็นชาและน่าตกใจในเวลานี้ไป๋อวี้เจี๋ยอ่อนแอมาก แต่ดวงตาดอกท้อคู่นั้นยังคงจับนิ่งที่ใบหน้าของเธอ "เธอกล้าดียังไงถึงใช้อำนาจเกินขอบเขต!"ผู้คุมหญิงหัวเราะเยาะ "จัดการกับคนอย่างเธอ ก็ต้องใช้วิธีดั้งเดิมที่สุด ถ้ายังไม่ยอมรับผิดอีก ยังมีการลงโทษที่โหดร้ายยิ่งกว่านี้รอเธออยู่!"เธอรูปร่างล่ำสัน ซึ่งดูเหมือนผู้ชายยิ่งกว่าผู้ชายด้วยซ้ำดังนั้นเมื่อเห็นผู้หญิงหน้าตาสวยและหุ่นร้อนแรงอย่างไป๋อวี้เจี๋ย จึงเป็นเรื่องปกติที่จะอิจฉาริษยา“ฝันไปเถอะ!” ดวงตาของไป่อวี้เจี๋ยเต็มไปด้วยความดื้อรั้น "เรื่องที่ไม่ได้ทำ ถึงตีให้ตายฉันก็ไม่ยอมรับผิดเด็ดขาด"“งั้นเหรอ?”ผู้คุมหญิงวางแส้ลง แล้วหยิบแท่งไม้หนา ๆ ออกมาจากโต๊ะด้านข้างมีชามใส่น้ำผสมพริกอยู่ด้วย
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน